บรรดานักข่าวต่างรัวชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับสายตาของแต่ละคนที่กระหายข่าวเพราะคิดไม่ถึงว่าคำตอบของดาราสาวจะฟาดกลับไปที่อดีตแฟนหนุ่มของเธอโดยตรงราวกับว่าไม่ใช่เธอถูกหักหลังแต่กลายเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเป็นเรื่องจริงตั้งแต่แรก
“คุณอัยย์ช่วยขยายความเรื่องนี้หน่อยได้ไหมคะ”
“ก็ง่าย ๆ ค่ะ อัยย์กับคุณชานนท์ดูเหมือนว่าจะคบกันเพราะเราทำงานร่วมกันและโด่งดังมาจากละครเรื่องเดียวกัน อีกอย่างเรื่องงานพรีเซนเตอร์หลาย ๆ งานก็ออกร่วมกันบ่อย ที่จริงพวกเราไม่เคยมีฝ่ายไหนออกมาบอกมาก่อนเลยนะคะว่ากำลังคบกันอยู่ พี่ ๆ ว่าจริงไหมคะ”
ครั้งนี้กลายเป็นนักข่าวเองที่กำลังถูกตบหน้าเพราะเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเพราะนักข่าวที่มักจะเขียนข่าวไปกันเองเพื่อจะให้ข่าวของตัวเองขายได้ ซึ่งครั้งนี้ทำให้หมออย่างกวีภพนับถือเธอที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่บีบคั้นและกดดันแบบนี้ได้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ความนิ่งและความเด็ดขาดของเธอทำให้เขารู้สึกสนใจเธอมากขึ้น
“แล้วถามได้ไหมคะว่าเจ้าของหัวใจที่คุณอัยย์พูดถึงคือใคร”
“เรื่องนี้… คงต้องถามว่าคนคนนั้นอยากจะให้อัยย์เปิดตัวเขาหรือเปล่าเพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวและเป็นคนลึกลับ ไม่แน่นะคะอาจจะเป็นคนใกล้ตัวพี่ ๆ ก็ได้ใครจะรู้ เอาล่ะค่ะเรื่องที่ต้องตอบก็ตอบกันไปหมดแล้ว ดังนั้นวันนี้อัยย์คงต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะเพราะคุณหมอของอัยย์ค่อนข้างจะเข้มงวดเรื่องสุขภาพและอาการบาดเจ็บมาก ๆ เลยล่ะค่ะ”
บรรดานักข่าวหันไปมองคุณหมอหนุ่มสุดหล่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ แต่ละคนเริ่มคิดแล้วว่าคนที่อัยเรศพูดถึงอาจจะไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือคุณหมอสุดหล่อข้าง ๆ เธอนั่นเอง
“หรือว่า….”
“ขอบคุณพี่ ๆ นักข่าวทุกท่านเลยนะคะขอจบการแถลงข่าวเอาไว้แค่นี้เชิญดื่มน้ำและทานเบรกกันก่อนกลับได้เลยนะคะ”
ระรินทำหน้าที่ส่งกองทัพนักข่าวออกจากห้องแถลงข่าวพร้อมกับทีมงานในบริษัท ส่วนอัยย์เมื่อกลับเข้ามาในห้องพักและอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวไปสแกนสมองอีกครั้งถึงกับนั่งเหม่อลอยซึ่งกวีภพคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสลับอารมณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้
“คุณไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหววันนี้ผมจะเลื่อนไปก่อน”
“ได้เหรอคะ อัยย์รู้สึกเหนื่อยมากจนแทบไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ ถ้าเลื่อนได้ก็ขอบคุณมากนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ให้ วันนี้คุณพักผ่อนไปก่อน”
“คุณหมอเป็นห่วงอัยย์เหรอคะ”
“ผมแค่รู้สึกทึ่งมากกว่าที่คุณสามารถรับมือพวกคนกระหายข่าวได้ดีขนาดนั้นด้วยท่าทางนิ่ง ๆ และเด็ดขาด แต่คิดว่ามันคงจะใช้พลังงานมากเลยสินะครับถึงได้ถึงกับหมดแรงขนาดนี้”
“คุณหมอจะให้อัยย์ไปให้เลือดคนไข้เมื่อไหร่ก็แจ้งมาที่พี่รินได้เลยนะคะ วันนี้คุณช่วยอัยย์ไว้คิดว่าหลังจากนี้คุณหมอคงจะอยู่ไม่สุขเป็นแน่ อีกอย่างเรื่องที่เราคบกันคงจะถูกประโคมข่าวออกไปหลังจากวันนี้”
“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แค่ไล่ไปก็จบถ้าไม่ฟังก็แจ้งตำรวจจับใช้กฎหมายจัดการ ผมไม่เสียเวลาพูดมากกับคนพวกนี้หรอก”
“คนที่เด็ดขาดไม่ใช่ฉันแน่ค่ะ แต่เป็นคุณหมอต่างหาก”
“คุณทานข้าวก่อนเดี๋ยวพยาบาลคงจะเอายาหลังอาหารมาให้ คืนนี้ก็พักผ่อนมาก ๆ”
“ถ้าอยากให้อัยย์หายไว ๆ คุณหมอก็มาอยู่เป็นเพื่อนอัยย์สิคะ”
“ผมรับปากแค่เป็นแฟนปลอม ๆ ให้คุณผ่านจากช่วงเวลานี้ไปได้เท่านั้นแต่ไม่ได้รับปากว่าจะเป็นมากกว่านั้น ขอตัวก่อน”
“ถ้าไม่ออกงานกับอัยย์และไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง ใครจะเชื่อล่ะคะว่าคุณหมอกับอัยย์เป็นแฟนกัน”
“ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้”
“ก็คุณหมอไม่ได้ถามนี่คะ แล้วอีกอย่างคุณหมอก็น่าจะเข้าใจความหมายของคำว่า “แฟน” ไม่ใช่เหรอคะว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง"
“นี่คุณหลอกผมเหรอ”
“เปล่านะคะอัยย์ไม่ได้หลอกอะไรคุณหมอเลย บอกทุกอย่างที่ต้องทำแต่คุณไม่ฟังและคุณเองที่บอกว่าผมรู้แล้ว แค่นี้ใช่ไหม จำได้ไหมคะ”
“ผม!!”
“ที่รักคะ อัยย์อยากดื่มน้ำ”
กวีภพถึงกับกะพริบตาถี่ ๆ กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของดาราสาวตรงหน้าเขาที่ส่งยิ้มแบบกวน ๆ มาให้ คิดไม่ถึงเลยว่าการรับปากช่วยเธอไปนั้นจะกลายเป็นการผูกมัดตัวเองแบบนี้ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่ายังโสดและไม่มีแฟนก็ตาม
“ถ้ารู้แบบนี้บอกไปว่ามีแฟนก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“อะไรนะคะ ไหนน้ำของอัยย์ล่ะคะวันนี้อัยย์ใช้เสียงมากไปหน่อยก็เลยคอแห้ง”
กวีภพเทน้ำและแกะหลอดพร้อมกับส่งให้เธอด้วยสีหน้าที่เย็นชา ที่จริงใบหน้าของเขาก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่เคยยิ้มและพูดดี ๆ กับใครแม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนไข้ แต่เพราะความพูดตรงของเขาทำให้หลาย ๆ คนชอบเขาที่เป็นแบบนี้ เพราะเสน่ห์ของหมอกวีภพคือความนิ่ง สุขุมและเย็นชานี่แหละ
วันถัดมา
ข่าวที่อัยเรศมีเจ้าของหัวใจแล้วเป็นข่าวดังกลบกระแสของชานนท์และนีน่าจนไม่มีใครสนใจเรื่องของทั้งสองคน แม้แต่ลูกค้าที่กำลังจะจ้างทั้งคู่เป็นพรีเซนเตอร์ก็แจ้งระงับมาทางบริษัทเพราะข่าวฉาวของทั้งคู่ที่เกิดขึ้นอีกทั้งยังให้ความสนใจไปที่อัยเรศและอยากจะให้เหลือเพียงอัยย์เป็นพรีเซนเตอร์แค่คนเดียว
อีกทั้งทางโรงพยาบาลในตอนนี้ข่าวเรื่องที่คุณหมอสุดหล่อของแผนกอายุรกรรมกับดาราสาวซึ่งเป็นหมอกับคนไข้ก็เริ่มโด่งดังจนเป็นที่พูดถึงทั้งโรงพยาบาล
“พรุ่งนี้ผมจะเซ็นให้คุณออกจากโรงพยาบาล”
“ทำไมล่ะคะอัยย์ยังไม่หายดีคุณก็พูดเองว่าต้องนอนอย่างน้อยอีกหนึ่งสัปดาห์”
“แต่ตอนนี้ทั้งโรงพยาบาลเอาแต่สนใจเรื่องข่าวของคุณ อีกอย่างทั้งเจ้าหน้าที่ หมอและพยาบาลก็เริ่มวุ่นวายกับพวกนักข่าวและแฟน ๆ ของคุณที่เข้า ๆ ออก ๆ จนพวกเขาแทบจะไม่ได้ทำงาน ทางที่ดีคุณออกไปรักษาตัวที่บ้านก่อนดีกว่าเอาไว้ค่อยนัดมาตรวจก็พอ”
“แล้วถ้าอัยย์จะต้องนัดกับคุณล่ะคะ”
“ถ้าว่างก็ไป ถ้าไม่ว่างก็ไม่ไป”
“เอ๊ะ แต่ว่าคุณรับปากอัยย์แล้วนะคะว่า…”
“เรื่องแรกผมอธิบายกับคุณไปแล้วว่าผมเป็นหมอ เวลาของผมไม่ได้แน่นอนแต่คุณก็เป็นคนบอกเองว่าไม่เป็นไร เรื่องที่สองก็คือเราตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายงานของอีกฝ่ายจนน่าอึดอัดและไม่ต้องทำตัวติดกันตลอดเวลา”
“แต่ว่า…”
“อีกอย่างคุณเป็นคนพูดเองว่าหากไม่จำเป็นผมก็ไม่ต้องออกงานคู่กับคุณทุกงาน คุณกับผมมีข้อตกลงกันเท่านี้เพื่อแลกกับเลือดของคุณที่จะช่วยผู้ป่วยของผม”
“แต่ว่าการเล่นละครมันก็ต้องเล่นให้สมบทบาทนะคะ "คุณแฟน" คุณคงไม่ลืมนะคะว่าถ้าหากคุณเล่นไม่ดีพอฉันก็มีสิทธิ์ที่จะหยุดความช่วยเหลือเช่นกัน"
“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะกล้าเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับผม เดิมทีคิดว่าคุณจะเป็นคนที่เชื่อถือได้และเป็นคนที่จิตใจดีเสียอีก”
อัยเรศหุบยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปสบตากับเขาใกล้ ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักแสดงก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดในแววตาที่เธอส่งมาให้เขาเป็นอย่างดี แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้ว่าเธอเคยผ่านอะไรมาก็ตาม
“เมื่อโลกมันไม่ได้ใจดีกับฉันแล้วทำไมฉันจะต้องใจดีกับคนทั้งโลกด้วย ในเมื่อคนเราอยู่ได้ด้วยข้อตกลงก็แค่ใช้มันเพื่ออยู่ร่วมกันมันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอคะ…. ที่รัก”
ร่างบางในชุดซีทรูสีดำถูกอุ้มมาวางที่เตียงแต่เขากลับไม่ได้กระชากอย่างที่บอก ชุดมีรอยแหวกที่หน้าอกและเขาก็ไม่ต้องเสียเวลาดึงออกเพราะสามารถดูดดื่มหน้าอกสวยของเธอได้เลย“ซี๊ด…อ๊าา ที่รัก เสียวจังเลย อื้อ ดีจัง”“อืมม ชุดนี้ดีจังเลยนะ ไหนขอดูหน่อยสิ”ข้างล่างก็ดูเหมือนว่าจะมีรอยแหวกโดยไม่ต้องเสียแรงกระชากแต่ตอนนี้มันเริ่มจะเปียกแล้ว ชุดนอนที่พึ่งสวมถูกถอดออกจนหมดเพื่อง่ายสำหรับการสำรวจแต่ชุดซีทรูนั้นยังไม่ถูกกระชากจนถึงตอนนี้“อ๊าา หมอคะ อย่าดึงแรงมันเสียว อ๊าาา อื้อ…”“เมียจ๋า แฉะขนาดนี้เลยนะชุดนี้คุณใส่แล้วสวยมาก”“อ๊าา หมอคะ!! คุณ…สอดมาเลยเหรอ อ๊าา จุก…เสียว อ๊าา หมอ!!”เขากระแทกรัว แท่งแกร่งเสียดสีกับกางเกงชั้นในที่ถูกแหวกยิ่งทำให้สัมผัสของเขาร้อนรุ่มมากกว่าเดิมก่อนจะหันมาดูดดึงที่หน้าอกเธออีกครั้ง“หมอคะอัยย์ทนไม่ไหวแล้วช่วยด้วย”“เมียจ๋า ผมมาแล้วว อาา…”บั้นท้ายที่ถูกดึงขึ้นจนลอยเพื่อกระแทกย้ำ ๆ ส่งให้ทั้งคู่ถึงสวรรค์พร้อมกัน ตอนนี้เองที่ชุดซีทรูถูกถอดออกอย่างเบามือ“ไม่กระชากแล้วเหรอคะ”“ไม่แล้ว เอาเก็บไว้ใส่ครั้งหน้า ไม่สิ ผมว่าเราไปหาซื้อแบบนี้มาอีกดีกว่า”“ไม่นะคนบ้า อื้อ…..อื้มม
งานแต่งงาน “เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้นะครับ หนึ่ง… สอง… สาม”คนที่รับได้คืออัยเรศตามที่คาดเอาไว้ กวีภพหันมายิ้มและปรบมือให้พร้อมกับส่ายหัว ไม่คิดว่าคู่หมั้นสาวจะรับช่อดอกไม่ได้อีกครั้ง“ช่อที่สองแล้วนะครับคุณหมอเห็นทีครั้งนี้คงต้องแต่งแล้วล่ะครับ”“คุณพิรัชย์ครับ อย่าลืมสิครัวว่าคุณต้องรีบทำแหวนแต่งงานให้พวกเราก่อน”“เรื่องนั้นไม่ลืมแน่ครับแต่ว่าดูเหมือนว่าครั้งนี้คุณอัยย์จะจริงจังนะครับเนี่ย รีบตามมานะครับ นี่ของผมเข้าเดือนที่สามแล้ว”“อะไรนะครับนี่... คุณริต้า…”“ครับ ผมรีบน่ะครับใครให้เธอเอาแต่เดินสายทำงานไม่สนใจผมล่ะครับก็มัดมือชกทำให้ท้องซะจะได้พักยาว ๆ จากนี้ก็ไม่มีใครแย่งแล้ว”“งั้นผมจะต้องจำไปใช้บ้างแล้ว อัยย์ไม่ยอมหยุดทำงานนี่ขนาดว่าผม….”กวีภพเงียบไป พิรัชย์รู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงหันมามองหมอที่เริ่มไม่มั่นใจในตัวเองเสียแล้ว“คุณยังฉีดยาให้เธออยู่สินะ ผมขอแนะนำแบบนี้นะครับหมอ”ทั้งคู่กระซิบกันพร้อมกับกวีภพที่หันมายิ้มน้อย ๆ ให้คนมีประสบการณ์มาก่อนอย่างพิรัชย์ที่ล่วงหน้าแต่งงานแบบสายฟ้าแลบกับนางแบบสาวจนช็อกวงการธุรกิจไปเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งในงานนั้นอัยเรศก็รับช่อดอกไม้เ
“สวัสดีค่ะ เรียกอัยย์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีด้วยนะคะคุณมุกที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี”“นี่หมอชลวัตรเจ้าของไข้และเป็นคู่หมั้นของน้องมุก”“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“คุณอัยย์จำผมไม่ได้เหรอครับ”“คะ”อัยย์กับหมอภพหันมามองหน้ากันซึ่งเธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยพบแพทย์แผนกอื่นนอกจากหมอภพมาก่อนเลยในโรงพยาบาล“เราเคยพบกันเหรอคะ”“นานมาแล้วครับ ผมกับคุณอัยย์เดินชนกันที่หน้าร้านอาหารแต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่าหมอภพจะรู้จักคุณอัยย์”“ร้านอาหาร… วันนั้น!! เป็นคุณหมอเองเหรอคะ”“ร้านอาหาร อย่าบอกว่าคือวันที่…”“ใช่ค่ะวันนั้นแหละ”หมอภพหันมาลูบศีรษะของแฟนสาวของเขาด้วยความเอ็นดู หากเธอรออีกนิดเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมดนั่นคงไม่เกิดขึ้นสินะ แค่เสี้ยววินาทีจริง ๆ “วันนั้นผมเห็นคุณอัยย์รีบ ๆ เดิมทีก็จำไม่ได้แต่มุกบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับคุณอยู่ผมเลยจำได้จากป้ายโฆษณาทั่วเมือง…มุก ร้องไห้ทำไมครับ”ทุกคนหันไปมองที่มุกดาที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะด้วยความตกใจเธอนั่งร้องไห้และมองมาที่อัยเรศและหันไปกระตุกแขนคู่หมั้นหนุ่ม“มุกจะเก็บเอาไว้บอกคุณแม่ คุณพ่อ ไม่สิ ๆ ป้าแหววและคนที่บ้าน บอกลูกบอกหลานด้วย ในตัวของมุกมีเลือดของคุณอัยย์ ดาราที่
“ที่จริงจะบอกว่าพิรัชย์เป็นฝ่ายทิ้งก็ไม่ได้หรอก เพราะตั้งแต่ตอนแรกถ้าจะให้พูดจริง ๆ ยัยเด็กนั่นเอาแต่ตามเขาอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก สุดท้ายเหมือนว่าจะมีคนปล่อยคลิปหลุดของเธอกับเสี่ยคู่แข่งของแอลจิวเวอร์รี่ออกมาคุณพิรัชย์ก็เลยใช้เรื่องนี้สั่งห้ามไม่ให้เธอเข้ามาวุ่นวายกับเขาอีก”“อะไรนะ คลิปหลุดงั้นเหรอ”“ใช่ คือถ้าเป็นแค่คลิปกับคนทั่วไปเขาก็คงไม่สนใจหรอกแต่นี่ดันไปนอนกับฝ่ายคู่แข่งทางการค้าของเขาเธอคิดว่าคนอย่างคุณพิรัชย์จะยอมร่วมงานกับคนที่ยอมนอนกับศัตรูของเขาเหรอ”“แล้วเรื่องที่ฝรั่งเศสล่ะ”“ก็ถูกจับเข้าคุกไปเจ็ดวันไม่มีใครกล้าไปประกันตัวเธอออกมาเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเกี่ยวข้องกับคนร้าย อีกอย่างพอกลับมาบริษัทก็ฉีกสัญญาทิ้งทันทีเพราะว่าเธอทำผิดกฎ ตอนแรกทำท่าว่าจะไม่ยอมแต่พอเอาเรื่องกฎหมายมาคุยก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่กล้าพูดอะไรอีก คงขยาดกับคุกน่ะ”“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้”“เอาเถอะ ตอนนี้เธอดีขึ้นแล้วฉันก็เบาใจ”“ขอบใจนะริต้า”“ยัยเพื่อนเลิฟ มากอดอีกที”ทั้งสองคุยกันอยู่พักใหญ่จนหมอกวีภพกลับเข้ามาอีกรอบ พวกเขาเชิญเธอไปทานข้าวหลังจากที่อัยเรศออกจากโรงพยาบาล ริต้ารับปากก่อนจะกลั
“คุณคิดมากไปแล้วค่ะ อัยย์กับคุณพิรัชย์เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น”“ก็ได้ ในเมื่อคุณบอกว่าแค่เพื่อนร่วมงานผมก็จะเชื่อคุณ ข้าวคงจะมาแล้วเดี๋ยวผมจะเอาเข้ามาให้” สามวันที่อัยเรศต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหมอกวีภพแทบจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมเธอเลยเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องระหว่างที่เขาต้องทำงาน แม้ว่าพยาบาลในแผนกจะคอยช่วยเขาเป็นหูเป็นตาแทนก็ยังไม่พ้นที่หมอภพจะต้องวิ่งมาห้องพักผู้ป่วยในทุก ๆ สองชั่วโมง“ฉันมาเยี่ยมอัยเรศ”“แต่ว่า...”“ฉันเป็นนักแสดงสังกัดเดียวกับเธอ”“เชิญครับ”ประตูห้องคนไข้เปิดออกพร้อมกับกระเช้าเยี่ยมไข้ที่นางแบบสาวชื่อดังเดินถือมา รปภ. หน้าห้องยอมให้เธอเข้ามาเพราะคิดว่าทั้งสองน่าจะรู้จักกันดีแต่เขาก็โทรแจ้งหมอกวีภพทันทีเช่นกัน“อะไรกันนี่สภาพแม่ดาราสาวคนดังร้อยพรีเซ็นเตอร์คนนั้นที่มีป้ายบิลบอร์ดทั่วกรุงเทพฯ งั้นเหรอ”อัยย์หันมามองหน้าและยิ้มเหยียดส่งให้คนที่พึ่งเดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมกับกระเช้าผลไม้“ทำไมล่ะจะมาเพื่อสมน้ำหน้าฉันหรือยังไงเห็นว่าฉันป่วยแบบนี้คงสะใจแล้วสินะ วันนี้มาเพื่อความสะใจหรือยังไง”“สำคัญขนาดนั้นเลยสินะ หึ ฉันก็แค่รีบมาดูใจนึกว่าใกล้จะตายแล้
อัยเรศสลดลงเพราะไม่คิดว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ที่รู้มามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด เธอตัดสินเขาไปแล้วจากเรื่องที่เธอเห็น คิดและรับรู้มา จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้ามองหน้าเขา“เงยหน้าขึ้นมา”“คุณหมออยากพูดอะไรก็พูดมาสิคะ”“ทำไมละทีแบบนี้ไม่กล้าสบตางั้นเหรอ”“ถ้าไม่พูดอัยย์จะนอนแล้ว”“อย่าหนีสิ มาหนีตอนนี้ไม่คิดว่ามันช้าไปหน่อยเหรอคุณหนีผมมาได้เกือบสามเดือนเลยนะดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราสองคน ไม่รู้สึกผิดยังไม่เท่าไหร่แต่เอาแต่หนีแบบนี้มันไม่เหมือนเด็กไปหน่อยเหรอ”“ไม่ได้หนีสักหน่อย”“งั้นจะฟังได้แล้วใช่ไหม”“ได้แล้ว”หมอหน้านิ่งดึงเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง ๆ เตียงคนไข้สุดดื้อที่พ่วงตำแหน่งแฟนก่อนจะดึงมือของเธอมาจับเอาไว้ ตอนนี้อัยเรศไม่สามารถขัดขืนเขาได้เพราะเขาจะไม่ยอมให้เธอได้แผลงฤทธิ์อะไรต่อหน้าเขาอีก“อย่าคิดจะหนีอีกเชียว ฟังให้ดี”“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”“ผมกับมุกดาเราสองคนโตมาด้วยกัน พ่อแม่สนิทกันก็เลยเคยทาบทามเรื่องหมั้นหมายแต่พวกเราต่างคนต่างเติบโตมาและผมก็ไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น มุกดาเองก็เช่นกัน”“….”อัยย์เริ่มกัดปากตัวเองเพราะเธอเริ่มอายที่เข้าใจผิดมาร่วมสามเดือนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล