ก็ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงแบบนี้ได้นานแค่ไหน อีกทั้งตงหยางก็ไม่ยอมให้หญิงสาวกลับไปที่ห้องเดิมอีก ไม่รู้ว่าเขาจะกักกันไว้ทำไม หากไม่ได้มีความรักให้เธอจริงๆหลังจากวันนั้นที่บอกหมอซางว่าจะไม่ไปทำงานที่โรงพยาบาลซิงเหยียนก็กลับมาทำงานบ้านช่วยป้าไฉ ส่วนป้าไฉเองก็รู้เรื่องของเธอมาตลอด ด้วยความที่สงสารตนก็สั่งให้เหล่าสาวใช้ไม่ต้องพูดมาก ทว่าคุณนายหลี่นี่สิ เหมือนจะคอยค่อนแคะหญิงสาวอยู่ร่ำไป ยิ่งเห็นว่าลูกสะใภ้ไม่ออกไปที่ไหน ก็เข้ามาต่อว่า“ซิงเหยียน เมื่อก่อนเห็นออกไปข้างนอกทุกวันได้ยินข่าวว่าไปทำงาน ตอนนี้เขาไล่ออกหรือไร หรือว่าคิดจะเอาเปรียบลูกชายฉันนั่งกินนอนกิน”“คุณป้าหลี่คะ แม้ว่าฉันจะไม่ไปทำงาน แต่หุ้นในบริษัทก็น่าจะพอเลี้ยงตัวเองได้นะ”“ว่าแล้วเชียว แกมันนางตัวร้ายจริงๆ เป่าหูคุณพ่อจนท่านยกมรดกให้ แถมยังเอาเปรียบลูกชายฉัน ให้ตงหยางทำงานงกๆ ตัวเองลอยหน้าลอยตาอยู่ที่บ้าน”“แต่หน้าที่งานทำงาน มันก็ย่อมเป็นของสามีอยู่แล้ว อีกอย่างฉันคิดว่าพี่หยางเองก็คงไม่พอใจเท่าไรนัก หากรู้ว่าฉันแอบไปทำงานข้างนอก”“ซิงเหยียน เดี๋ยวนี้แกกล้าเถียงฉันแล้วเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันพูดตามความจริงเท่านั้น”“ความจริงที
ซิงเหยียนยืนสงบนิ่งพร้อมช่อดอกไม้ที่ถือในมือ เธอยิ้มให้ป้ายชื่อที่ติดด้วยรูปพ่อและแม่“พ่อคะแม่คะ สิบสามปีแล้วที่เราจากกัน แต่พ่อกับแม่ก็ยังอยู่ภายในใจหนูตลอด วันนี้คุณปู่ไม่ได้มาด้วยเพราะท่านไปสบายแล้วเหมือนกัน แต่...หนูพาเจ้าตัวน้อยในท้องมาเคารพพ่อกับแม่ด้วยนะคะ เขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพราะความรัก แต่หนูสัญญาว่าหนูจะรักเขามากๆ จากนี้หนูจะดูแลตัวเอง”เธอพูดจบก็วางช่อดอกไม้ไว้ อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม ตระกูลกู้ที่ไร้คุณปู่ก็คงไม่มีใครใจดีกับเธอ ส่วนคนที่เป็นสามีดันเห็นคนอื่นสำคัญกว่าอีก“ซิงเหยียน เธอห้ามอ่อนแอเด็ดขาด ตอนนี้เธอมีลูกแล้วนะ”น้ำเสียงไม่แจ่มใสพูดอย่างสั่นเครือ ซิงเหยียนบอกกับตัวเองเพราะไม่อยากให้คนที่จะเกิดมาต้องเป็นเครื่องมือใคร หากคนเป็นพ่อต้องการลูกเพียงเพราะสมบัติละก็ เธอก็คงไม่ยอมเช่นกันหลังจากที่เคารพศพพ่อและแม่ ซิงเหยียนก็ให้คนรถขับมาที่โรงพยาบาล เธอเลือกที่จะตรวจครรภ์กับหมอซาง หมอซางเป็นหมอทั่วไป การตรวจเบื้องต้นน่าจะเห็นผลและแน่นอนว่าเธอท้องจริงๆ“แล้วจะเอาอย่างไรต่อ จะหยุดทำงานไหม พี่ว่าเธอควรพักผ่อนนะ”“พี่ซาง ฉันขอร้อง อย่าพึ่งบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ได้ไหม ไม่
เธอไม่ได้ตอบแต่เลือกที่จะพยักหน้า ตงหยางโยนผ้าผืนเล็กลงตะกร้า แล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่“ก็ต้องดูก่อนว่าฉันว่างหรือเปล่า”ตงหยางไม่ได้รับปากเสียทีเดียว แต่หากถามว่าว่างไหม ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน ทำให้ซิงเหยียนเองรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธให้เธอเสียใจร่างสูงเดินตรงมาหาคนที่นั่งอยู่บนปลายเตียง ซิงเหยียนมองตามจนเขาประชิดที่ตัวเธอ ตงหยางดันร่างบอบบางให้นอนราบลงไปจนแผ่นหลังเล็กแนบไปกับที่นอนกว้าง ชายหนุ่มโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงไปหมายจะครอบครองริมฝีปาก ทว่าผลัวะ!“เป็นอะไร?”“พี่เปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือเปล่า ทำไมมันฉุนจนจะอ้วกล่ะ”เธอตัดสินใจผลักร่างเขาออกและดีดตัวเองลุกขึ้น วิ่งไปทางห้องน้ำ เหตุการณ์นั้นทำเอาตงหยางต้องย่นคิ้วหนาเข้าหากัน เพราะกลิ่นสบู่ที่เขาใช้มันเป็นกลิ่นเดิมซิงเหยียนเดินออกมาจากห้องน้ำ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก จากนั้นก็เดินไปที่โซฟาตัวเดิมที่เธอเคยนอน แต่ช่วงหลังมานี้ ตงหยางอุ้มเธอไปนอนด้วยแทบทุกคืน“เธอไม่สบายเหรอ”“เปล่า สบายดี เพียงแต่กลิ่นสบู่พี่ ฉันรู้สึกว่ากลิ่นมันแรงไปหน่อย”ความสงสัยเริ่มก่อเกิด เพราะเขาเองไม่เคยได้เปลี่ยนอะไร จนกระทั่ง
หลังจากจบทริปพักผ่อนสองวันหนึ่งคืน ไม่ว่าจะเป็นหมอซางและน้องสาว หรือแม้กระทั่งคุณนายหลี่และคุณหนูจางก็พร้อมที่จะเดินทางกลับ ทริปนี้ของคุณนายหลี่ที่คิดอยากสานสัมพันธ์ให้ลูกชายดันล่มไม่เป็นท่าบ้านตระกูลกู้“หนีเที่ยวกันหมดทุกคน ไม่มีใครชวนผมเลย”เสียงเข้มของตงฉินเอ่ยขึ้น เมื่อตัวเขาเองเห็นทั้งพี่ชายพี่สะใภ้และมารดาเดินเข้ามาในบ้าน มีสาวใช้จำนวนหนึ่งออกมารับกระเป๋า“ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ”ซิงเหยียนก็ยังคงเหมือนเดิม เธอบอกตงฉินพร้อมรอยยิ้ม ส่วนมารดาไม่รู้ว่าไปกินรังแตนจากที่ไหน รู้สึกว่าหน้าตาจะบูดบึ้งจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบ“แล้วไหนล่ะของฝากพี่”“มีแน่นอนค่ะ เดี๋ยวขอฉันเอาของไปเก็บก่อนนะ”“ได้สิ”บทสนทนาของตงฉินและซิงเหยียนไม่ได้เรียกความสนใจให้ตงหยางเท่าไร แต่สิ่งที่เขาทำคือเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้หันมามองให้เสียสมาธิสักนิดซิงเหยียนเดินขึ้นมาที่ห้อง เธอจัดการรื้อของที่ซื้อมาฝากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นป้าไฉรวมทั้งตงฉินด้วย“ไม่ยักรู้ว่าเธอก็แอบมีน้ำใจอยู่บ้าง”“ฉันมีน้ำใจให้กับทุกคนนั่นแหละ เพียงแต่พี่ไม่สนใจเอง”เธอพูดขณะที่กำลังจัดของลงไปฝากทุกคน ทุกการกระทำอย
ไม่คิดว่าตงหยางจะรู้สึกตัว เพียงแต่เห็นอีกฝ่ายในเวลาที่เขาหลับ เธอก็มีความสุขแล้ว ทว่ายามที่ชายหนุ่มลืมตามามองกันนั่นสิ มันเดาความคิดคนตรงหน้าแทบไม่ออก“หรือว่าเธออยากให้ฉันต่อจากเมื่อคืน”“เปล่าซะหน่อย”หญิงสาวเขินอายจนใบหูรู้สึกร้อนผ่าว ต่อจากเมื่อคืนอย่างนั้นเหรอ เมื่อคืนทำเอาเธอแทบหมดแรง ไม่มีแม้เสียงจะเปล่งเรียกชื่อเขาด้วยซ้ำซิงเหยียนคว้าได้ผ้าขนหนูมาพันร่างกายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการเนื้อตัวที่มีรอยเขี้ยวของเขาฝังอยู่“พี่หยาง ทำไมพี่ต้องเล่นกับใจฉันด้วย สรุปพี่รู้สึกกับฉันยังไงกันแน่ รักหรือเกลียด”ต้องเรียกว่าถามตัวเองในกระจกเงา ครุ่นคิดเรื่องราวในหัวมากมาย เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่แต่งงานกัน การกระทำต่างๆ ของเขา เมื่อคิดแล้วก็เหมือนจะหาคำตอบได้ยาก เธอถึงขั้นสลัดไล่ความคิด เพราะคำพูดในเมื่อคืนผุดขึ้นอีกครั้ง“ทุกอย่างที่พี่ทำ พี่แค่อยากให้ฉันท้องเท่านั้น”ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง ชายหนุ่มร่างสูงยังคงนอนแผ่หลาอยู่บนที่นอนกว้าง รู้สึกว่าร่างกายจะเพลียจากกิจกรรมที่ทำในเมื่อคืนเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ว่าจะจำไม่ได้ แต่จำมันได้ดีขึ้นใจ เมื่อคิดย้อนเรื่องราวก็ทำเอาใบหน
มือหนาเทเหล้าลงคอไปก็หลายแก้วจนดวงตาคู่คมแดงก่ำจนได้ที่ ตอนนี้ฤทธิ์เหล้าที่ตงหยางดื่มเข้าไปก็น่าจะเรียกว่ามึนเมาเล็กน้อย เขาพยายามลุกออกจากที่นั่นแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านพักของตัวเอง เมื่อมาถึงก็เปิดประตูแทรกร่างเข้าไปซิงเหยียนเผลอหลับด้วยอาการเมื่อยล้า ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว คงจะเป็นปกติของการพักผ่อนชายหนุ่มทอดสายตามาที่เตียงนอน เมื่อเห็นร่างภรรยานอนอยู่ก็รุดเข้าไปแล้วนั่งลงบนขอบเตียง ก่อนจะเหวี่ยงขาขึ้นไปเพื่อแทรกร่างลงในผ้าห่มพร้อมกับสอดมือเข้าไปโอบกอดซิงเหยียนฮึ!เสียงของเธอดังขึ้นพร้อมลืมตาขึ้นมอง เมื่อจะเอี้ยวตัวหันมาก็ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งไปหมด“พี่หยาง พี่ดื่มเหล้ามาอีกแล้วเหรอ”“นิดหน่อย”นิดหน่อยของเขา แต่ดูเหมือนจะมากสำหรับเธอ“ไปอาบน้ำก่อนไหม พี่จะได้สร่าง”“ซิงเหยียน ทำไมเธอถึงคิดอยากหย่ากับฉัน”“ฉันว่าพี่เมาแล้ว ไปอาบน้ำก่อนดีไหม”แทนที่จะลุกไปอาบน้ำ แต่สิ่งที่ตงหยางทำคือโผตัวขึ้นคร่อมร่างของซิงเหยียนจนมิด ลมหายใจที่พ่นออกมามีแต่กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด“พี่หยาง ลุกไปอาบน้ำก่อนสิ”“ทำไม ถ้าไม่อาบนอนกับเธอไม่ได้หรือไง”เธอเม้มปากอิ่มแน่นขนัด คำว่านอนได้ไหม หากจะขัดก็คงไม่มีผลอยู่ดี
กลับมาที่ห้องแล้วก็พาตัวของซิงเหยียนมานั่งลงที่ปลายเตียง จากนั้นก็รื้อกระเป๋าหายามาทาให้ เขานิ่งมากไม่พูดไม่จาไม่ถามเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำว่าจริงหรือเปล่า แต่คนที่ถามดันเป็นซิงเหยียน“พี่คิดว่าฉันทำร้ายเธอหรือเปล่า”“แล้วเธอทำหรือเปล่า”ดวงตานิ่งราวกับว่าตงหยางไร้ความรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนซิงเหยียนไม่รู้จะพูดอะไร หากแต่พูดไปแล้วเขาอาจจะหาว่าเธอโกหกก็ได้“เงียบทำไมล่ะ เล่ามาสิ”“ฉันจะเล่าไม่เล่า มันก็ไม่มีความหมายหรอกเพราะคนชั้นต่ำอย่างฉันคำพูดมันไม่มีค่าอยู่แล้ว”“อย่าประชดสิ”“ไม่ได้ประชด...โอ๊ย”“เจ็บเหรอ”“ไม่เจ็บมั้งคะ รอยแดงขนาดนี้”“อย่าถือสาแม่เลย เธอก็รู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้”คนที่ผิดก็ยังถูกปกป้อง จริงอยู่ว่าหลี่น่าเป็นแม่ของเขา แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ลงโทษเธอตามอำเภอใจ ในเมื่อความจริงตัวเองก็ไม่รู้ แต่ซิงเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอนิ่งแล้วจ้องใบหน้าตงหยางผู้เป็นสามี“พี่หยาง!!”“มีอะไร”“สมมุติว่าวันหนึ่งเราต้องหย่ากัน...”นิ้วเรียวที่เกลี่ยยาบนแก้มนวลชะงักไป จากนั้นก็มองใบหน้าหวานอย่างหาคำตอบ“คิดจะหย่ากับฉันเหรอ”“...”ซิงเหยียนยังคงเงียบ แท้จริงก็ไม่อยากจะเอ่ยถามเรื่
สองสาวเดินออกมาจากบ้านพัก เดินชมบรรยากาศตามแนวทางเดิน ด้านล่างเป็นน้ำสีเขียวมรกต ไม่เพียงเท่านั้น ก็ยังเปลี่ยนกันถ่ายรูปเก็บไว้ จังหวะนั้นเสียงแจ้วๆ พูดไม่หยุดก็ดังขึ้น เธอหันไปมองก็เห็นสามีพาสาวหน้าขาวเดินชมบรรยากาศแทนที่จะเป็นซิงเหยียนที่เดินข้างเขาชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสวมใส่แว่นตาสีดำสนิท เดินล้วงกระเป๋ากางเกง ใบหน้านิ่งเฉย แต่คนที่พูดไม่หยุดก็คงเป็นคุณหนูจาง“พี่หยาง นั่นภรรยาพี่นี่คะ”เขาเห็นแต่ที่ไม่อยากพูดอะไร เพราะบุคลิกก็เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว“ท่านประธานกู้ แทนที่จะพาภรรยาเดินเล่น แต่กลับควงคุณหนูตระกูลดังเดินเล่นแทน แล้วบอกว่ามาฮันนีมูนไม่ทราบว่าฮันนีมูนกับใครกันแน่”เป็นเสียงของซูซ่านที่พูดประชด เธออดไม่ได้ที่จะว่าเขาแทนเพื่อน แต่ถูกซิงเหยียนสะกิดไว้ก่อน“เธอเดินเล่นกับเพื่อนได้ใช่ไหม แม่อยากให้ฉันดูแลลี่ถิง กลัวเธอจะเหงา”ซิงเหยียนมองแต่เธอไม่ได้พูด ความรู้สึกตอนนี้เริ่มไม่ดีเอามากๆ เขาบอกว่าจะมาฮันนีมูนกับเธอ แต่ดันเทคแคร์คนอื่น แบบนั้นมันไม่ให้ค่ากันเลยด้วยซ้ำจังหวะที่เธอเงียบ เสียงโพล่งมาจากทางด้านหลังก็ดังขึ้น“งั้นพี่พาพวกเธอเดินเที่ยวเองแล้วกัน”เสียงของห
สองพี่น้องชวนกันคุยขณะที่เท้าก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ตงหยางที่เดินตามหลังภรรยาได้ยินทุกคำแต่ก็ไม่ได้พูด ส่วนคนที่อยากพูดด้วยก็เหมือนพยายามยิ้มให้เขาแต่คนหน้านิ่งอย่างตงหยางหรือจะมอง“ตงหยาง ดูสิแม่ได้ห้องเบอร์ไหน”ชายหนุ่มหันมามองแม่พร้อมเอื้อมไปหยิบบัตรคีย์การ์ด บ้านพัก เมื่อเห็นว่าหมายเลขไหนก็กวาดสายตามองตามแถวบ้าน แล้วชี้นิ้วให้แม่ดู“ด้านนั้นครับ”“เดินไปส่งแม่หน่อยได้ไหม”“คุณหนูจางคุณรู้จักใช่ไหม”เขารู้ว่าระดับคุณหนูตระกูลจางย่อมรู้อยู่แล้ว การที่แม่นอนห้องเดียวกับเธอก็ไม่มีอะไรน่าห่วง“เราสองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่ แกจะใจดำไม่เดินไปส่งหน่อยเหรอ”เขาเองก็เป็นคนไม่พูดมากและไม่อยากมีปัญหา เมื่อแม่บอกแบบนั้นก็สาวเท้านำปล่อยให้ซิงเหยียนยืนมอง สายตาของเธอแฝงความเศร้าเต็มเปี่ยม ทำไมกัน แม่สามีถึงรังเกียจเพียงนี้ แถมยังพาหญิงอื่นมาประเคนลูกชาย แค่เอาอีกฝ่ายมาร่วม ร่างเล็กก็มองออกแล้ว“เหยียนเหยียน แม่สามีเธอร้ายมาก แล้วยายคนนั้นก็ไม่รู้จักละอาย รู้ทั้งรู้ว่าพี่หยางแต่งกับเธอแล้วยังกล้ามา หน้าตาก็ดีทำไมหาผัวเองไม่ได้หรือไง”“ช่างเขาเถอะซู ฉันคงชินแล้วละ”“ซิงเหยียน เรื่องของเธอพี่ไม่อยากก้าวก่าย