เธอถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลใหญ่ แต่ดันได้รับมรดกก้อนโต และในพินัยกรรมของคุณปู่ดันบอกให้เธอแต่งงานกับทายาทของตระกูล ส่วนเขายอมแต่งเพราะผลประโยชน์ แต่ไร้ความซึ่งความรัก “เธอคิดว่าฉันอยากได้เธอจนตัวสั่นอยู่ละสิ จะบอกอะไรให้ แม้แต่ตัวเธอฉันยังต้องฝืนจับ นับประสาอะไรกับเรื่องนั้น ฉันขยะแขยงเธอ”
View More# ประเทศจีน
ในความโชคร้ายก็เหมือนจะมีความโชคดีอยู่บ้าง หากจะย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ซิงเหยียน เด็กน้อยกำพร้าที่เกิดอุบัติทางรถยนต์พร้อมครอบครัว จนต้องสูญเสียพ่อแม่ในคราวเดียว ทว่าคู่กรณีในครั้งนั้น ดันเป็นตระกูลใหญ่ผู้ร่ำรวย “ฮือ แม่จ๋า พ่อจ๋า” เด็กน้อยวัยเพียงเก้าขวบ ณ ตอนนั้น นั่งกอดศพบิดาพร้อมมารดาของเธอ ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจดวงตาของเด็กน้อยแดงก่ำด้วยความเศร้าโศก “หนู อย่าร้องไปเลย ฉันสัญญาว่าจะดูแลหนูแทนพ่อแม่ที่จากไป” เสียงทุ้มใหญ่วัยราวเจ็ดสิบ ที่สวมชุดสูทพร้อมบอดี้การ์ดมากมายที่ยืนข้างกายของกู้อูเกอ นักธุรกิจผู้มั่งคั่งร่ำรวย ดวงตากลมเล็กค่อยๆ เหลือบมองใบหน้าเขา พร้อมคำพูดที่ไร้เดียงสา “คุณลุง คุณลุงเป็นใคร” แน่นอนว่าเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา ไม่เข้าใจถึงอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด รถหรูคันโปรดที่มีร่างของนักธุรกิจใหญ่นั่งมา ชนรถเครื่องของครอบครัวเด็กน้อย จนพ่อและแม่ต้องเสียชีวิต ส่วนตัวซิงเหยียนบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น “ต่อไปฉันจะเป็นผู้ปกครองของเธอ เรียกฉันว่าคุณปู่สิ” “คุณปู่” “ดีมาก เหยียนเหยียน” อย่าว่าแต่บอดี้การ์ดที่รายล้อม ขนาดตำรวจก็ยังให้ความเคารพแก่เขา อุบัติเหตุครั้งนั้น ที่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เพราะบิดาไม่ทันระวังจึงทำให้รถที่ขับมาพร้อมครอบครัวเสียหลักแล้วฟุ้งชนเข้ากับรถหรูของประธานกู้ #สิบสองปีผ่านไป ทุกอย่างเหมือนจะสวยงามกับซิงเหยียน เพราะกู้อูเกอรักเด็กน้อยเสมือนหลานแท้ๆ เพราะตัวเองไม่มีหลานสาว มีเพียงหลานชายทั้งสองคน ตงหยาง และ ตงฉิน เท่านั้น เมื่อรับ ซิงเหยียนเข้ามาในบ้าน ก็เอ็นดูเธอเมตตาเธอ มอบหลายๆ อย่างให้เธอเทียบเท่าหลานชายทั้งสอง ทว่า หลี่น่า ลูกสะใภ้ไม่ค่อยจะปลื้มเด็กน้อยเท่าไหร่นัก เธอคิดเสมอว่า ซิงเหยียนจะเข้ามาเพื่อแบ่งสมบัติของลูกชายเธอ และสิ่งที่ทำให้ คุณนายหลี่เกลียดซิงเหยียนมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน เมื่อหลายเดือนก่อน ลูกชายเพียงคนเดียวของอูเกอ เสียชีวิตจากการจมน้ำ เนื่องจากลงไปช่วย ซิงเหยียนที่ผลัดตกลงไป แน่นอนว่าเธอไหว้น้ำไม่เป็น มีเพียงคุณลุงที่เข้าไปช่วยและทำให้ท่านเองต้องจบชีวิต การเสียชีวิตของฟู่เฟย สร้างความเกลียดชังที่คุณนายหลี่มีให้ซิงเหยียนมากขึ้น เธอคิดว่าซิงเหยียนเป็นตัวกาลกิณี เป็นตัวซวย แถมยังเสี้ยมสอนให้ลูกชายคนโตที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งของประธานบริษัท อย่าง ตงหยาง เกลียดเธอเข้าไส้เช่นกัน เว้นเสียแต่ ตงฉิน ที่เป็นมิตรกับเธออยู่ #บ้านตระกูลกู้ เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นของซิงเหยียน เมื่อคนที่นอนหายใจโรยรินบนที่นอนกว้าง อูเกอแก่ชราตามวัยพร้อมด้วยโรคประจำตัวหลายอย่าง สายออกซิเจนที่สอดเข้าไปทางโพล่งจมูกเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แววตาขุ่นมัวทอดมองมาที่ใบหน้าจิ้มลิ้มของ ซิงเหยียน พร้อมน้ำเสียงที่แห้งผากเปล่งออกมาเบาๆ “เหยียนเหยียน เธอต้องดูแลตัวเอง จากนี้ไป ต้องเข้มแข็ง” “คุณปู่คะ” อูเกอรู้ดีว่า ลูกสะใภ้พร้อมทั้งหลานชายคนโตไม่เมตตาซิงเหยียน นับตั้งแต่ที่ฟู่เฟยเสียก็จงเกลียดจงชังเธอตลอด “ตงหยาง!” “ครับคุณปู่” “แกต้องดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และที่สำคัญไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามให้ซิงเหยียนไปอยู่ที่อื่น แกรับปากฉันสิ” สายตาตวัดมามองคนตัวเล็กที่นั่งคุกเข่าร้องไห้ ความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอก ทว่า ก็ต้องรับปากคนที่ตนให้ความเคารพ “ครับ!!” คำสั่งเสียของอูเกอที่มีต่อผู้คนในบ้าน ไม่นานหมอประจำตัวก็กันทุกคนออกไป ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที กู้อูเกอก็สิ้นใจอย่างสงบ สร้างความเศร้าที่เกาะกินหัวใจดวงน้อยของซิงเหยียนเป็นอย่างมาก เวลานี่เธอคิดเพียงว่าไร้ที่พึ่งที่สุดท้ายไปแล้ว หนึ่งเดือนผ่านไป จบงานศพที่แฝงไปด้วยความเศร้ามากมายของตระกูล ในเวลาที่ไล่ๆ กันนั้น สูญเสียเสาร์หลักไปถึงสองคน จากนี้คนที่ขึ้นมาเป็นใหญ่คือลูกชายคนโตของตระกูลอย่าง ตงหยาง ชายหนุ่มที่ไร้แม้รอยยิ้มแฝงบนใบหน้านับจากวันที่สูญเสียบิดาคราวนั้น ตึก ตึก เสียงฝีเท้าที่สวมใส่รองเท้าคัทชูขัดมันเงาสีดำ สวมชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวสุภาพ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสวย ทว่า สีหน้าของเขานิ่งสงบราวกับผิวน้ำนิ่ง “คุณชายใหญ่มาแล้วค่ะ” เสียงแม่บ้านที่อยู่แถวนั้น เข้ามาบอกยังห้องโถงใหญ่ ตอนนี้มีคุณนายหลี่พร้อมด้วยตงฉินนั่งรอก่อนแล้ว และในนั้นยังมีซิงเหยียนที่ยืนสงบนิ่งไม่กล้าเข้ามานั่งที่โซฟาชุดหรู “ตงหยางเข้ามานั่งนี่สิลูก” ชายหนุ่มหน้านิ่งเดินเข้ามา พร้อมหย่อนสะโพกลงนั่งต่อหน้าทนายประจำตระกูล เวลานี่ถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องเปิดพินัยกรรมที่คุณปู่เขียนไว้ แม้จะยังไม่ได้รับตำแหน่งท่านประธานอย่างเป็นทางการ แต่ตงหยางก็รู้ดีว่า ตำแหน่งนี้ก็คงไม่พ้นตนเองแน่นอน คนที่เข้ามารับฟังและเป็นพยานในครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญของบริษัทสองท่าน รวมทั้งทนายประจำตระกูลด้วย “เอาละครับเท่าที่ทุกคนรู้ คุณท่านได้ร่างพินัยกรรมไว้ ก่อนที่ท่านจะเสีย วันนี้ถึงเวลาที่ผม ทนายประจำตระกูลต้องขอเปิดชี้แจงแก่ทุกท่านในที่นี้” ความเงียบบังเกิดขึ้น คนที่ใบหน้าชื่นมื่นที่สุดน่าจะเป็นคุณนายหลี่ ส่วนตงฉินรายนั้น เป็นคนเงียบๆ สีหน้าของเขาแม้จะไม่นิ่งเท่าพี่ชาย แต่เป็นคนที่มิตรไมตรีดี ระหว่างที่ทนายกำลังจะล้วงเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน สายตาฉายชัดถึงความรังเกียจที่มองไปอีกมุมของห้อง ใบหน้าเรียวงาม ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนจมูกโด่งเป็นสันปากอิ่มเอมสีชมพูระเรื่อ ผิวขาวเนียนดุจหยดขัดเงา ทว่า ภายในดวงตาของเธอนั้นฉายแววเศร้าหมองอยู่เต็มเปี่ยม แค่แว๊บเดียวตงหยางก็เสหลบสายตามามองทนายดังเดิม “พินัยกรรมฉบับนี้ ฉัน กู้อูเกอเป็นคนจาลึกไว้ ตงหยาง หลานชายคนโตของฉัน และ ตงฉิน ธุรกิจโรงแรมยี่สิบสามแห่ง แบ่งให้ ตงหยางและตงฉิน คนละห้าสิบเปอร์เซ็นต์” การอ่านพินัยกรรมเหมือนจะราบรื่น เพราะไม่เพียงจะแบ่งหุ่นของโรงแรมให้หลานชาย คนละครึ่งแล้ว ยังแบ่งหุ้นร้านเครื่องเพชรให้ลูกสะใภ้ดูแล ไม่เพียงเท่านั้นธุรกิจที่เหลือยังมีโรงงานผลิตเครื่องดื่ม และในพินัยกรรมนั้น มันดันมีซิงเหยียนเข้ามาร่วมด้วย รวมทั้งคฤหาสน์แห่งนี้ “เอ่อ...” “คุณทนาย หยุดทำไมละคะ อ่านต่อสิ” “จากนี้ อยากให้ทุกคนตั้งใจฟัง และเป็นสักขีพยานรวมกันนะครับ” “หมายความว่าอย่างไร?” “เรื่องต่อไปนี้ เป็นโรงงานและบริษัทเครื่องดื่มที่ส่งออกทั้งหมด หุ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ มอบให้ซิงเหยียน หลี่น่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนตงหยางและตงฉิน คนละยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์” ยังไม่ทันที่ทนายจะได้อ่านจบ เสียงที่แทรกขึ้นด้วยความไม่พอใจกับวาระครั้งนี้ก็คือคุณนายหลี่ “อะไรกัน ฉันและลูกทำไมได้น้อยกว่านางเด็กรับใช้ คุณพ่อคิดอะไรกัน!!” “ใจเย็นๆ สิครับคุณหลี่ข้อความยังไม่จบเท่านั้น” สายตาดุจอาฆาตมองไปทางซิงเหยียนที่เอาแต่ก้มหน้ารับฟัง พร้อมด้วยสายตาของตงหยางที่มองอย่างเฉยชา แต่ไร้บทพูดใด “แม่ครับนั่งก่อนสิ รอให้ทนายได้อ่านจบก่อน” เสียงนุ่มละมุนดังขึ้น พร้อมดึงแขนแม่ให้นั่ง ตงฉินผู้ชายอบอุ่น ใบหน้าได้รูปคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอบอุ่น “ต่อนะครับ หุ้นของบริษัทจะมีผลก็ต่อเมื่อ ตงหยางสมรสกับซิงเหยียนเท่านั้น พร้อมด้วยตำแหน่งท่านประธานก็จะมีผลตามมาด้วย” “นี่มันบ้าชัดๆ!” “แม่ครับ” “คุณนายหลี่ฟังก่อน และที่สำคัญบ้านหลังนี้เป็นของ ซิงเหยียน แต่ถ้าตงหยางกับซิงเหยียนแต่งงานจะถูกแบ่งคนละครึ่งเมื่อทั้งคู่สมรสและมีลูกภายในหนึ่งปี หากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามที่ระบุไว้ สิ่งที่จะมอบให้ต้องถูกยกให้อีกฝ่ายทันที” “นี่มัน!!” เสียงโพล่งดังชัด คุณนายหลี่มองด้วยความขุ่นเคือง ส่วนซิงเหยียนเธอไม่คิดว่าคุณปู่จะเขียนพินัยกรรมแบบนั้น อยู่ๆ จะให้แต่งงานกับ ตงหยาง ตอนนี้ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ มีเพียงเสียงคัดค้านของมารดาเท่านั้น แต่อยู่ๆ รอยยิ้มหยักโค้งก็หักยิ้มที่มุมปาก พรึ่บ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชำเลืองหางตาไปทางซิงเหยียนด้วยความแปลกประหลาดก่อนจะเปิดปากพูดครั้งแรก “ตกลง หากคุณปู่อยากให้ฉันแต่งงานกับเธอ ฉันจะแต่ง!!” “ตงหยาง ลูกบ้าไปแล้วหรือไง” เขาไม่ได้ฟังเสียใดๆ เมื่อพูดแบบนั้นก็เดินหันหลังออกจากห้องโถงใหญ่ทันทีตงหยางกลับเข้ามาที่โรงพยาบาล ทว่า เป็นจังหวะที่หมอกำลังเข็นร่างของซิงเหยียน ออกจากห้องฉุกเฉิน เขารีบวิ่งไปประชิดเตียงผู้ป่วย พร้อมคำถามที่ถามหมอประจำตัว"ซิงเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ""คุณเป็นอะไรกับเขาหรือครับ""ผมเป็นสามีเธอ""อ้อ....โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน แม่และเด็กปลอดภัย ส่วนคนไข้เธอสลบไปด้วยความตกใจ ต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย"รอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ฉีกออกจนกว้าง แค่คำว่าแม่ลูกปลอดภัยทำเอาหัวใจชื่นมื่นขึ้นมาซิงเหยียนถูกส่งตัวมาที่ห้องพักฟื้นโดยมีตงหยางเป็นคนเฝ้าไม่ห่าง เขาแทบไม่หลับไม่นอน ไม่ออกไปไหนกลัวว่าซิงเหยียนตื่นขึ้นมาจะไม่เจอใคร นาทีนั้นหมอซางก็เข้ามาพอดี"เป็นไงบ้าง"เขาเอ่ยถามคนเฝ้า ตงหยางตอนนี้เหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น"ปลอดภัยแล้ว"แคร่กๆเธอไอแห้งๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา ทว่าเมื่อรู้สึกตัวเท่านั้นก็กวาดสายตามอง จากนั้นก็เห็นว่าตงหยางนั่งอยู่ข้างเตียง"พี่หยาง ลูกละ ลูกเป็นยังไง เขาอยู่ไหม"ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบกลุ่มเส้นผม เผยอริมฝีปากจูบอย่างอ่อนโยนโดยไม่แคร์หมอซางที่ยืนอยู่ ทำเอาหมอซางต้องปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน"ลูกเราปลอดภัย เขายังอยู่"น้
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ท้องของซิงเหยียนป่องขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่มีตงหยางคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แถมสถานะเขาตอนนี้เหมือนคนที่โรงพยาบาลจะพอรู้แล้วการมานั่งเฝ้า ซื้อของมาฝาก หรือแม้กระทั่ง การคอยรับกลับคอนโด แม้ว่าซิงเหยียนเธอจะไม่กลับด้วย แต่ตงหยางก็คอยขับรถตาม รถที่ซิงเหยียงนั่ง"นับวันยิ่งประสาท"เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อรถจอดสนิท เธอก็เดินลง มุ่งหน้าขึ้นลิฟต์ ไปยังห้องที่เธออยู่ ส่วนตงหยางหน้าที่หลักคงเป็นบอดี้การ์ดคอยตามเมียไปแล้ววันเวลาผ่านไป ตงฉินคอยทำหน้าที่ประธานบริษัท ส่วนคุณนายหลี่ก็เข้าวัดสวดมนต์ ปรับเปลี่ยนไปเยอะ ที่เปลี่ยนเพราะตัวเองวิตกจนหาที่พึ่ง ไม่อยากจะคิดมากเรื่องลูกชายทั้งสอง ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องชิงอำนาจกันแต่ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่ตงฉินทำ เขาแค่อยากดัดนิสัยพี่ชาย คนหน้าตายชักสีหน้าตลอดอย่างเขาสมควรโดนแบบนี้เสียบ้างวันหยุดของซิงเหยียน ปกติก็ไม่ค่อยออกไปไหน ด้วยความที่ตัวเองท้องแถมก็เดินเที่ยวค่อนข้างลำบาก ทว่า วันนี้กลับนึกอยากเดินไปหาซื้อของ เพราะรู้สึกว่าของใช้ภายในห้องมันเริ่มหมด อีกทั้งตงฉินก็ไม่ได้ซื
ตงหยางซดเหล้าจนตาแดงก่ำ เดินเซมาที่ห้องของน้องชาย เวลานี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เขามีเรื่องที่อยากจะคุยกับตงฉินให้รู้เรื่องก๊อก ก๊อกเคาะประตูในขณะที่ตัวเองแถบยืนไม่อยู่ เมื่อประตูแง้มออก ก็รับจับไปที่คอเสื้อตงฉิน ทว่าเรียวแรงคนเมา มันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนก่อน ทำให้ตงฉินสะบัดร่างเขากองไปอยู่ที่พื้น"พี่มีอะไร""แกจะเอายังไง""เรื่อง? ""เรื่องซิงเหยียน แกเลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ"ขณะพยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมาเพื่อพูดกับน้องชาย ทำเอาตงฉินเบ้ปาก จากนั้นก็มองพี่ชายที่ตัวเองยกย่องเสมอมา"ท่านประธานตงหยางผู้ชักสีหน้านิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูสภาพพี่ตอนนี้สิ เหมือนหมาข้างถนน เมาขนาดนี้ หากคนอื่นเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน""แกไม่ต้องนอกเรื่องฉันถามว่าแกจะเอายังไง เลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ""อยากให้เลิกยุ่งเหรอ เอาอะไรมาแลกดีละ""แกหมายความว่ายังไง""ทุกอย่าง ต้องมีเงื่อนไข พี่อยากให้ผมเลิกยุ่งกับซิงเหยียน พี่จะเอาอะไรมาแลกถึงจะสมน้ำสมเนื้อ""แกอยากได้อะไร""อืม....สิ่งที่อยากได้งั้นเหรอ ตำแหน่งท่านประธานดีไหม""ตงฉิน!!""ก็แล้วแต่พี่นะ แลกไม่แลกผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้เหยียนเหยียนท้อง
"นายครับ คนของเราบอกว่าคุณซิงเหยียนไปพบหมอที่ห้องสูติครับนาย"เจียวมิ่งรายงานเสียงเข้ม ทำเอาตงหยางที่นั่งตวัดลายเซ็นต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนสนิท พร้อมทั้งทวนคำพูดของเจียวมิ่งด้วย"ว่าไงนะ ห้องสูติเหรอ เธอไปทำอะไร""ไม่ทราบเหมือนกันครับนาย"ตงหยางนึกคิด แผนกสูติส่วนมากเขาเป็นแผนกที่หญิงตั้งครรภ์ควรจะไป แต่ทำไมซิงเหยียนถึงเข้าไปพบหมอที่แผนกนั้น เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ถึงกับดีดตัวพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้"นายจะไปไหนครับ"เขาไม่ตอบ สิ่งที่เขาทำคือมุ่งหน้าออกจากบริษัท จากนั้นก็ไปที่คอนโดของหญิงสาวเวลานี้ซิงเหยียนนั่งทานผลไม้ พร้อมกับเปิดทีวีดูสิ่งบันเทิง มือน้อยๆ ของเธอลูบไปที่ท้อง พร้อมคำพูดแสนหวาน"ทานเก่งนะเรา แม่อ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่หายแพ้ก็เอาแต่กินไม่หยุด หนูคงชอบทานผลไม้ใช่ไหม"พูดกับลูกในครรภ์พร้อมรอยยิ้ม พลางหยิบแอปเปิลเข้าปาก เคี้ยวอย่างอร่อย ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก"สงสัยคุณอาฉินมาแล้ว มาเร็วกว่าที่คิด"เธอคิดว่าเป็นตงฉิน เพราะนัดกันไว้แล้ว ตงฉินติดงานหลังเลิกงานบอกว่าจะมาหาเธอเพื่อถามอาการ เพราะวันนี้เธอไปตรวจครรภ์มาร่างเล็กเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออก
แต่ใครจะไปคิดว่า ตงหยางใช้คำอาจสั่งให้น้องชายเข้าประชุมแทน ส่วนตัวเองก็มานั่งเฝ้าซิงเหยียนเธอเดินออกมาด้านนอกโดยไม่สนใจที่จะมองตงหยาง ในเมื่อตัดแล้วก็ต้องการตัดให้ขาด แต่"พี่หยาง ปล่อยฉันนะ"อยู่ๆ ร่างสูงที่เดินตามเธอมา แล้วรีบคว้าที่แขนเธอพาเธอมาที่รถแม้ว่าเจียวมิ่งจะไม่ใช่คนขับ แต่คนอย่างตงหยางไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยคุมภัยอยู่แล้ว"พี่จะพาฉันไปไหนฉันไม่ไป""ขึ้นรถ แค่จะไปส่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ทำหน้าที่พี่ชายกับเธอ วันนี้ฉันขอทำหน้าที่แทนตงฉินแล้วกัน""แล้วพี่ฉินไปไหน? ""ตงฉินมีประชุม"พี่ชายอย่างนั้นเหรอ เธออยากจะหัวเราะ แต่มันฝืดเคืองมากกว่า พี่ชายที่มีลูกเขาอยู่ในท้องแต่ก็ต้องจำยอมขึ้นไปนั่ง ก็เขาดันร่างเธอขนาดนั้น ไม่อยากขัดขืนให้เกิดอันตรายแม้แต่นิดเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ แต่ดันพาเธอมาร้านอาหาร แต่มันก็น่าแปลกทั้งน่าขำ ตอนที่เป็นสามีภรรยากัน แทบจะไม่พาเธอไปไหน ทานข้าวก็มีแต่ทานในบ้าน ออกงานแค่ครั้งเดียวคือวันรับตำแหน่ง"ร้านนี่อร่อยนะ ปกติฉันไม่เคยพาเธอมาทานแบบนี้สักครั้ง เธออยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม""ไม่ค่ะ พี่ฉินซื้ออาหารไปไว้ให้ฉันหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ยังไม่หิว ห
ในเมื่อไม่อยากกระทำอะไรที่มันร้ายแรงลงกว่าเดิม ตงหยางจำยอมที่จะออกจากห้องรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองแย่จริงๆ เพราะพินัยกรรมสมบัตินั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องใช้สัญญามาบีบบังคับเธอทางอ้อมหลังจากที่ตงหยางออกไปจากห้อง ความรู้สึกเสียใจก็ย่อมมี แต่ก็ต้องอดกลั้นมันไว้ ไม่อยากให้ความอ่อนแออยู่เหนือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ตัดเขาออกจากใจไม่ได้สักทีสองวันผ่านไปตงหยางสั่งให้ลูกน้องมาสืบ จนรู้ว่าซิงเหยียนมาทำงานที่โรงพยาบาล และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทำ พอเขารู้ก็เหมือนจะเสียใจมาก เพราะตัวเองไม่ขอรับรู้เรื่องของเธอก่อนหน้า จนวันนี้มาถึง แต่ก็คงเป็นผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ หากเธอจะโกรธจนไม่ให้อภัย ก็คงเป็นเพราะชะตาลิขิตไว้แล้วยิ่งตอนนี้คนที่ตีสนิทกับซิงเหยียนก็คือน้องชาย แน่นอนว่าหากซิงเหยียนจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ เขาเองย่อมรับไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น#โรงพยาบาลเป๋ยร่างสูงมุ่งหน้ามาที่ห้องบัตร สายตาของเขาเรียบนิ่งก่อนหยุดยืนแล้วพูดเสียงเย็น"ฉันมาหาหมอ""เป็นอะไรมาค่ะ"ซิงเหยียนรับคำแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออดีตสามี ทำเอาดวงตาคู่สวยเลิ่กลั่ก จังหวะนั้น
Comments