ตงหยางกลับเข้ามาที่โรงพยาบาล ทว่า เป็นจังหวะที่หมอกำลังเข็นร่างของซิงเหยียน ออกจากห้องฉุกเฉิน เขารีบวิ่งไปประชิดเตียงผู้ป่วย พร้อมคำถามที่ถามหมอประจำตัว"ซิงเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ""คุณเป็นอะไรกับเขาหรือครับ""ผมเป็นสามีเธอ""อ้อ....โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน แม่และเด็กปลอดภัย ส่วนคนไข้เธอสลบไปด้วยความตกใจ ต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย"รอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ฉีกออกจนกว้าง แค่คำว่าแม่ลูกปลอดภัยทำเอาหัวใจชื่นมื่นขึ้นมาซิงเหยียนถูกส่งตัวมาที่ห้องพักฟื้นโดยมีตงหยางเป็นคนเฝ้าไม่ห่าง เขาแทบไม่หลับไม่นอน ไม่ออกไปไหนกลัวว่าซิงเหยียนตื่นขึ้นมาจะไม่เจอใคร นาทีนั้นหมอซางก็เข้ามาพอดี"เป็นไงบ้าง"เขาเอ่ยถามคนเฝ้า ตงหยางตอนนี้เหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น"ปลอดภัยแล้ว"แคร่กๆเธอไอแห้งๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา ทว่าเมื่อรู้สึกตัวเท่านั้นก็กวาดสายตามอง จากนั้นก็เห็นว่าตงหยางนั่งอยู่ข้างเตียง"พี่หยาง ลูกละ ลูกเป็นยังไง เขาอยู่ไหม"ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบกลุ่มเส้นผม เผยอริมฝีปากจูบอย่างอ่อนโยนโดยไม่แคร์หมอซางที่ยืนอยู่ ทำเอาหมอซางต้องปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน"ลูกเราปลอดภัย เขายังอยู่"น้
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ท้องของซิงเหยียนป่องขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่มีตงหยางคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แถมสถานะเขาตอนนี้เหมือนคนที่โรงพยาบาลจะพอรู้แล้วการมานั่งเฝ้า ซื้อของมาฝาก หรือแม้กระทั่ง การคอยรับกลับคอนโด แม้ว่าซิงเหยียนเธอจะไม่กลับด้วย แต่ตงหยางก็คอยขับรถตาม รถที่ซิงเหยียงนั่ง"นับวันยิ่งประสาท"เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อรถจอดสนิท เธอก็เดินลง มุ่งหน้าขึ้นลิฟต์ ไปยังห้องที่เธออยู่ ส่วนตงหยางหน้าที่หลักคงเป็นบอดี้การ์ดคอยตามเมียไปแล้ววันเวลาผ่านไป ตงฉินคอยทำหน้าที่ประธานบริษัท ส่วนคุณนายหลี่ก็เข้าวัดสวดมนต์ ปรับเปลี่ยนไปเยอะ ที่เปลี่ยนเพราะตัวเองวิตกจนหาที่พึ่ง ไม่อยากจะคิดมากเรื่องลูกชายทั้งสอง ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องชิงอำนาจกันแต่ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่ตงฉินทำ เขาแค่อยากดัดนิสัยพี่ชาย คนหน้าตายชักสีหน้าตลอดอย่างเขาสมควรโดนแบบนี้เสียบ้างวันหยุดของซิงเหยียน ปกติก็ไม่ค่อยออกไปไหน ด้วยความที่ตัวเองท้องแถมก็เดินเที่ยวค่อนข้างลำบาก ทว่า วันนี้กลับนึกอยากเดินไปหาซื้อของ เพราะรู้สึกว่าของใช้ภายในห้องมันเริ่มหมด อีกทั้งตงฉินก็ไม่ได้ซื
ตงหยางซดเหล้าจนตาแดงก่ำ เดินเซมาที่ห้องของน้องชาย เวลานี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เขามีเรื่องที่อยากจะคุยกับตงฉินให้รู้เรื่องก๊อก ก๊อกเคาะประตูในขณะที่ตัวเองแถบยืนไม่อยู่ เมื่อประตูแง้มออก ก็รับจับไปที่คอเสื้อตงฉิน ทว่าเรียวแรงคนเมา มันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนก่อน ทำให้ตงฉินสะบัดร่างเขากองไปอยู่ที่พื้น"พี่มีอะไร""แกจะเอายังไง""เรื่อง? ""เรื่องซิงเหยียน แกเลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ"ขณะพยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมาเพื่อพูดกับน้องชาย ทำเอาตงฉินเบ้ปาก จากนั้นก็มองพี่ชายที่ตัวเองยกย่องเสมอมา"ท่านประธานตงหยางผู้ชักสีหน้านิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูสภาพพี่ตอนนี้สิ เหมือนหมาข้างถนน เมาขนาดนี้ หากคนอื่นเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน""แกไม่ต้องนอกเรื่องฉันถามว่าแกจะเอายังไง เลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ""อยากให้เลิกยุ่งเหรอ เอาอะไรมาแลกดีละ""แกหมายความว่ายังไง""ทุกอย่าง ต้องมีเงื่อนไข พี่อยากให้ผมเลิกยุ่งกับซิงเหยียน พี่จะเอาอะไรมาแลกถึงจะสมน้ำสมเนื้อ""แกอยากได้อะไร""อืม....สิ่งที่อยากได้งั้นเหรอ ตำแหน่งท่านประธานดีไหม""ตงฉิน!!""ก็แล้วแต่พี่นะ แลกไม่แลกผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้เหยียนเหยียนท้อง
"นายครับ คนของเราบอกว่าคุณซิงเหยียนไปพบหมอที่ห้องสูติครับนาย"เจียวมิ่งรายงานเสียงเข้ม ทำเอาตงหยางที่นั่งตวัดลายเซ็นต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนสนิท พร้อมทั้งทวนคำพูดของเจียวมิ่งด้วย"ว่าไงนะ ห้องสูติเหรอ เธอไปทำอะไร""ไม่ทราบเหมือนกันครับนาย"ตงหยางนึกคิด แผนกสูติส่วนมากเขาเป็นแผนกที่หญิงตั้งครรภ์ควรจะไป แต่ทำไมซิงเหยียนถึงเข้าไปพบหมอที่แผนกนั้น เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ถึงกับดีดตัวพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้"นายจะไปไหนครับ"เขาไม่ตอบ สิ่งที่เขาทำคือมุ่งหน้าออกจากบริษัท จากนั้นก็ไปที่คอนโดของหญิงสาวเวลานี้ซิงเหยียนนั่งทานผลไม้ พร้อมกับเปิดทีวีดูสิ่งบันเทิง มือน้อยๆ ของเธอลูบไปที่ท้อง พร้อมคำพูดแสนหวาน"ทานเก่งนะเรา แม่อ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่หายแพ้ก็เอาแต่กินไม่หยุด หนูคงชอบทานผลไม้ใช่ไหม"พูดกับลูกในครรภ์พร้อมรอยยิ้ม พลางหยิบแอปเปิลเข้าปาก เคี้ยวอย่างอร่อย ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก"สงสัยคุณอาฉินมาแล้ว มาเร็วกว่าที่คิด"เธอคิดว่าเป็นตงฉิน เพราะนัดกันไว้แล้ว ตงฉินติดงานหลังเลิกงานบอกว่าจะมาหาเธอเพื่อถามอาการ เพราะวันนี้เธอไปตรวจครรภ์มาร่างเล็กเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออก
แต่ใครจะไปคิดว่า ตงหยางใช้คำอาจสั่งให้น้องชายเข้าประชุมแทน ส่วนตัวเองก็มานั่งเฝ้าซิงเหยียนเธอเดินออกมาด้านนอกโดยไม่สนใจที่จะมองตงหยาง ในเมื่อตัดแล้วก็ต้องการตัดให้ขาด แต่"พี่หยาง ปล่อยฉันนะ"อยู่ๆ ร่างสูงที่เดินตามเธอมา แล้วรีบคว้าที่แขนเธอพาเธอมาที่รถแม้ว่าเจียวมิ่งจะไม่ใช่คนขับ แต่คนอย่างตงหยางไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยคุมภัยอยู่แล้ว"พี่จะพาฉันไปไหนฉันไม่ไป""ขึ้นรถ แค่จะไปส่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ทำหน้าที่พี่ชายกับเธอ วันนี้ฉันขอทำหน้าที่แทนตงฉินแล้วกัน""แล้วพี่ฉินไปไหน? ""ตงฉินมีประชุม"พี่ชายอย่างนั้นเหรอ เธออยากจะหัวเราะ แต่มันฝืดเคืองมากกว่า พี่ชายที่มีลูกเขาอยู่ในท้องแต่ก็ต้องจำยอมขึ้นไปนั่ง ก็เขาดันร่างเธอขนาดนั้น ไม่อยากขัดขืนให้เกิดอันตรายแม้แต่นิดเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ แต่ดันพาเธอมาร้านอาหาร แต่มันก็น่าแปลกทั้งน่าขำ ตอนที่เป็นสามีภรรยากัน แทบจะไม่พาเธอไปไหน ทานข้าวก็มีแต่ทานในบ้าน ออกงานแค่ครั้งเดียวคือวันรับตำแหน่ง"ร้านนี่อร่อยนะ ปกติฉันไม่เคยพาเธอมาทานแบบนี้สักครั้ง เธออยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม""ไม่ค่ะ พี่ฉินซื้ออาหารไปไว้ให้ฉันหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ยังไม่หิว ห
ในเมื่อไม่อยากกระทำอะไรที่มันร้ายแรงลงกว่าเดิม ตงหยางจำยอมที่จะออกจากห้องรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองแย่จริงๆ เพราะพินัยกรรมสมบัตินั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องใช้สัญญามาบีบบังคับเธอทางอ้อมหลังจากที่ตงหยางออกไปจากห้อง ความรู้สึกเสียใจก็ย่อมมี แต่ก็ต้องอดกลั้นมันไว้ ไม่อยากให้ความอ่อนแออยู่เหนือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ตัดเขาออกจากใจไม่ได้สักทีสองวันผ่านไปตงหยางสั่งให้ลูกน้องมาสืบ จนรู้ว่าซิงเหยียนมาทำงานที่โรงพยาบาล และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทำ พอเขารู้ก็เหมือนจะเสียใจมาก เพราะตัวเองไม่ขอรับรู้เรื่องของเธอก่อนหน้า จนวันนี้มาถึง แต่ก็คงเป็นผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ หากเธอจะโกรธจนไม่ให้อภัย ก็คงเป็นเพราะชะตาลิขิตไว้แล้วยิ่งตอนนี้คนที่ตีสนิทกับซิงเหยียนก็คือน้องชาย แน่นอนว่าหากซิงเหยียนจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ เขาเองย่อมรับไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น#โรงพยาบาลเป๋ยร่างสูงมุ่งหน้ามาที่ห้องบัตร สายตาของเขาเรียบนิ่งก่อนหยุดยืนแล้วพูดเสียงเย็น"ฉันมาหาหมอ""เป็นอะไรมาค่ะ"ซิงเหยียนรับคำแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออดีตสามี ทำเอาดวงตาคู่สวยเลิ่กลั่ก จังหวะนั้น