มีคนเดินเข้ามารับของในมือเธอ โดยที่เธอไม่ได้เรียกใช้ ทำเอาซิงเหยียนเองก็ไม่ชินเท่าไหร่นัก
“ไม่เป็นไร ของพวกนี้ฉันถือเองได้” “ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้คุณนายเหยียนเป็นถึงเจ้าของบ้าน แถมกำลังจะแต่งงานกับคุณชายใหญ่ ก็ต้องขึ้นมาเป็น คุณนายกู้เหยียน แบบนี้เราก็ต้องให้ความเคารพ” ที่เธอไม่พูดเพราะไม่คิดว่าคำนั้นจะต้องได้ใช้ต่างหาก ซิงเหยียนเธอยืนเงียบ ทว่า เธอคงไม่รู้ว่ามีคนที่ยืนมองเธออยู่ที่ด้านบน บริเวณชั้นสองที่เป็นชานระเบียงวนรอบตัวอาคารแห่งนี้ เมื่อมีเด็กรับใช้ในบ้านช่วยถือของ ซิงเหยียนเธอก็เดินขึ้นมาที่ชั้นบนของบ้าน เมื่อครั้งที่คุณปู่ยังอยู่เธอก็ถูกปรนนิบัติเหมือนหลานคนอื่นๆ ที่พักของเธอจึงอยู่ที่ชั้นนี้ด้วยเช่นกัน “หน้าระรื่นเชียว คงจะดีใจที่ถูกยกยอปอปั้นให้เป็นคุณนายเหยียนสินะ!!” น้ำเสียงทุ้มทรงอำนาจที่เปล่งออกมาอย่างหนักแน่น จนซิงเหยียนต้องระงับฝีเท้าที่จะเก้าไปข้างหน้า แม้ว่าจะไม่ได้มองว่าใครเป็นคนพูด แต่น้ำเสียงนี้เธอจำได้ขึ้นใจ “พี่หยาง!” “ตกใจ ดีใจ หรือเสียใจละ ที่เห็นหน้าว่าที่สามี” “เปล่าค่ะ เพียงแต่ฉันแปลกใจทำไมวันนี้พี่กลับบ้านเร็วได้” ตงหยางยังไม่ได้ตอบ แต่เขากับสาวเท้ามาที่เธอ ระยะห่างก่อนหน้าถูกขายาวสาวมาหยุดอยู่ไม่ถึงก้าวเท่านั้น “ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ” “คุยเหรอคะ” “ฉันคิดว่าเราควรมีเรื่องต้องตกลงกันก่อนที่จะแต่งงาน” “?...” ประโยคของตงหยางสร้างความสงสัยให้ซิงเหยียนเป็นอย่างมาก ข้อตกลงก่อนแต่งงานอย่างนั้นเหรอ มันคืออะไรกันแน่ หญิงสาวผิวผ่องเดินตามชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างที่สูงโปร่งนั้นสาวเท้ายาวเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว เมื่อซิงเหยียนเข้ามาแล้ว เขาก็หันไปสั่งเธอให้ล็อกประตูให้แน่น แม้ว่าเธอจะดูกล้าๆ กลัวๆ ไปหน่อย แต่ก็ทำตามอย่างไม่ค้าน คงไม่มีอะไรที่จะต้องอับอายเพราะชายตรงหน้าคือคนที่เธอจะเข้าพิธีวิวาห์ด้วย “พี่หยาง มีอะไรที่อยากคุยกับฉันเหรอคะ” ชายหนุ่มมองมาทางซิงแม่พันธุ์ยียนแต่เชื่อไหมว่า ดวงตาที่เขาทอดมองมานั้นไร้เสน่หา แถมยังส่งความเฉยชามาจนเห็นได้ชัด เขาดูเหมือนว่า ซิงเหยียนที่ยืนอยู่นั้นไร้ซึ่งความหมาย ไม่มีตัวตนเสียแบบนั้น ปึก! แผ่นกระดาษสีขาวที่รองด้วยสันปกแข็งถูกวางลงที่โต๊ะทำงานของเขา เหตุการณ์นั้นทำเอาใบหน้าจิ้มลิ้มต้องเพ่งมองอยู่สักพัก แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนที่ชายหนุ่มรูปหล่อจะกล่าวขึ้นมา “เซ็นซะ สัญญาก่อนแต่งหวังว่าเธอคงจะเข้าใจ” คำว่าสัญญาก่อนแต่ง ทำเอาซิงเหยียนต้องทอดน่องเข้ามาใกล้ แล้วเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาอ่าน เธอพิจารณาข้อความที่อยู่ในแผ่นกระดาษนั้น พลางย่นคิ้วเรียวเล็กเข้าหากันอยู่บ่อยครั้ง “นี่มัน!!” “เธอเองก็รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้เพื่ออะไร ฉันต้องดำรงตำแหน่งประธานอย่างเป็นทางการ ตำแหน่งจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อสมรสกับเธอเท่านั้น แถมหุ้นที่บริษัทเครื่องดื่มเธอก็มีเยอะกว่าคนอื่น บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเธออีก ถามหน่อย ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน” ซิงเหยียนละสายตาออกจากข้อความตรงหน้า เธอแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ก็ข้อความในนั้นมันสัญญาทาสชัดๆ “หากพี่จะให้ฉันเซ็นสัญญาแบบนี้ ทำไมเราต้องแต่งงานกันด้วยละคะ” “เธอปัญญาอ่อนหรือเปล่า ในพินัยกรรมก็ระบุชัดว่าฉันต้องดำรงตำแหน่งประธานก็ต่อเมื่อแต่งกับเธอ หากไม่แต่ง สิทธิ์ขาดต่างๆ ฉันก็ไม่มีอำนาจเว้นเสียแต่ว่า เธอไม่อยากแต่งเพราะต้องการยึดสมบัติของเรา!!” ยิ่งฟังยิ่งเจ็บช้ำในน้ำใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขามองเธอแค่ตัวเงินตัวทองหวังสมบัติเขาเท่านั้น “แต่ในสัญญานี่มันเกินไปไหม” “ตรงไหนที่ว่าเกินไป” “พี่อยากมีลูกกับฉันภายในหนึ่งปีเพื่อบ้านคนละครึ่ง แต่ถ้าฉันท้องให้พี่ไม่ได้ก็ต้องออกไปจากที่นี่ หากฉันคิดหย่าก่อนที่จะท้อง หุ้นของบริษัทก็ต้องถูกโอนคืนให้พี่ ฉันถามหน่อยตรงไหนที่ยุติธรรมสำหรับฉันกัน” แน่นอนว่าคนเฉยชาอย่างเขาไม่ได้ตอบ ตงหยางหน้านิ่งทำหน้าซึนก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง เมื่อเห็นว่าแววตาของซิงเหยียนแดงก่ำเหมือนคนกำลังร้องขอความยุติธรรม ชายหนุ่มจึงพูดขึ้น “คนอย่างเธอยังกล้าถามหาความยุติธรรมอีกเหรอ ที่ได้ทุกวันนี้ก็น่าจะมากพอ” “หนึ่งปี ฉันไม่ใช่แม่พันธุ์ที่พี่จะเอาไว้กำเนิดลูกนะ” “แต่ฉันคิดแบบนั้น” “พี่หยาง!!” “อ้อ มีอีกข้อเสนอ หากไม่อยากเซ็นสัญญาและไม่อยากแต่งงานกับฉันละก็ เซ็นโอนบ้านคืนให้ฉันซะ ส่วนหุ้นเธออยากขายเท่าไหร่ว่ามา” “พี่มันคนไร้หัวใจจริงๆ” ทางเลือกที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางเลือก บ้านหลังนี้คุณปู่ยกให้เธอเพื่ออยากให้เธออยู่ เธอรู้ ส่วนหุ้นก็คงอยากให้เธอได้มีส่วนรับในทรัพย์สิน “ได้! ตอนนี้ฉันคือเจ้าของบ้านหลังนี้ ส่วนพี่ก็แค่คนอาศัย ฉันมีสิทธิ์ให้ใครอยู่หรือใครไปก็ได้” “ซิงเหยียน!!” เสียงที่โพล่งดังชัด แถมดวงตาของเขายังประกายกล้าโหดมองผ่านนัยน์ตาของซิงเหยียน จนเธอรู้สึกถึงแรงโกรธนั้น เธอรู้ดีว่าไม่ควรเล่นกับไฟแบบนี้ แต่เขาต่างหากที่บีบเคล้นเธอให้ทำ พรึ่บ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้ายาวมาอย่างว่องไว พร้อมคว้าร่างของซิงเยียนเข้ามาโอบรัด อีกมือก็บีบแก้มเธอจนปากเธอห่อได้รูป “ปะปล่อยนะ พี่หยาง ฉันเจ็บ” “คิดว่าเธอมีสิทธิ์ขนาดนั้นเลยหรือไง ฉันคงใจดีกับเธอมากไปแล้วสินะ” “ตงหยาง ปล่อยนะฉันเจ็บ” “การที่จะมีลูกเธอรู้ไหมว่าควรทำอย่างไร?” “พี่หยาง!!” ในหัวของคนร้ายกาจเช่นเขา คงคิดว่าหากซิงเหยียนท้องลูกของเขาได้ กรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขาเช่นกัน ทำไมต้องรอถึงวันแต่งงาน ครึก! เสียงผลักร่างของซิงเหยียนชนเข้าไปที่โต๊ะทำงาน ส่วนสะโพกของเธอชนเข้าอย่างจัง เหมือนจะรู้สึกถึงความเจ็บ ทว่ายังไม่ได้ร้องเสียด้วยซ้ำ ร่างสูงก็ตรงเข้ามา กดใบหน้าหล่อเหลาลงที่ซอกคอเธอ จนทำให้ซิงเหยียนตกใจสุดขีด เธอพยายามดิ้นสู้ แต่ถูกมือหนารั้งกดไว้ให้ไขว้หลัง เขาพรมจูบไปทั่วทุกสัดส่วนของซองคอขาวๆ “พี่หยางปล่อยฉันนะ” เธอร้องขอด้วยเสียงที่สั่นเครือ จริงอยู่ว่าหัวใจดวงน้อยแอบชอบเขาแต่สิ่งที่เธอคิดเสมอก็คือต้องได้รับความรักจากตงหยางบ้าง ชายหนุ่มผละใบหน้าคมคายขึ้นมาสบตาคนตัวเล็ก เหยียดรอยยิ้มอย่างผู้ชนะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยเสียงเข้มอีกครั้ง “อยากให้ปล่อยงั้นเหรอ เซ็นสัญญานั่นซะ!!” “เราแต่งงานกัน ทำไมพี่ถึงอยากทำสัญญาละ มันหมายความว่าอย่างไร” “ก็เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่สมควรที่จะได้อะไรนะสิ” “พี่หยาง”ตงหยางกลับเข้ามาที่โรงพยาบาล ทว่า เป็นจังหวะที่หมอกำลังเข็นร่างของซิงเหยียน ออกจากห้องฉุกเฉิน เขารีบวิ่งไปประชิดเตียงผู้ป่วย พร้อมคำถามที่ถามหมอประจำตัว"ซิงเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ""คุณเป็นอะไรกับเขาหรือครับ""ผมเป็นสามีเธอ""อ้อ....โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน แม่และเด็กปลอดภัย ส่วนคนไข้เธอสลบไปด้วยความตกใจ ต้องพักฟื้นอีกสักหน่อย"รอยยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว ฉีกออกจนกว้าง แค่คำว่าแม่ลูกปลอดภัยทำเอาหัวใจชื่นมื่นขึ้นมาซิงเหยียนถูกส่งตัวมาที่ห้องพักฟื้นโดยมีตงหยางเป็นคนเฝ้าไม่ห่าง เขาแทบไม่หลับไม่นอน ไม่ออกไปไหนกลัวว่าซิงเหยียนตื่นขึ้นมาจะไม่เจอใคร นาทีนั้นหมอซางก็เข้ามาพอดี"เป็นไงบ้าง"เขาเอ่ยถามคนเฝ้า ตงหยางตอนนี้เหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น"ปลอดภัยแล้ว"แคร่กๆเธอไอแห้งๆ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา ทว่าเมื่อรู้สึกตัวเท่านั้นก็กวาดสายตามอง จากนั้นก็เห็นว่าตงหยางนั่งอยู่ข้างเตียง"พี่หยาง ลูกละ ลูกเป็นยังไง เขาอยู่ไหม"ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบกลุ่มเส้นผม เผยอริมฝีปากจูบอย่างอ่อนโยนโดยไม่แคร์หมอซางที่ยืนอยู่ ทำเอาหมอซางต้องปลีกตัวออกไปปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน"ลูกเราปลอดภัย เขายังอยู่"น้
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก ท้องของซิงเหยียนป่องขึ้นเล็กน้อย เธอยังคงทำตัวเหมือนเดิม ไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่มีตงหยางคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แถมสถานะเขาตอนนี้เหมือนคนที่โรงพยาบาลจะพอรู้แล้วการมานั่งเฝ้า ซื้อของมาฝาก หรือแม้กระทั่ง การคอยรับกลับคอนโด แม้ว่าซิงเหยียนเธอจะไม่กลับด้วย แต่ตงหยางก็คอยขับรถตาม รถที่ซิงเหยียงนั่ง"นับวันยิ่งประสาท"เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เมื่อรถจอดสนิท เธอก็เดินลง มุ่งหน้าขึ้นลิฟต์ ไปยังห้องที่เธออยู่ ส่วนตงหยางหน้าที่หลักคงเป็นบอดี้การ์ดคอยตามเมียไปแล้ววันเวลาผ่านไป ตงฉินคอยทำหน้าที่ประธานบริษัท ส่วนคุณนายหลี่ก็เข้าวัดสวดมนต์ ปรับเปลี่ยนไปเยอะ ที่เปลี่ยนเพราะตัวเองวิตกจนหาที่พึ่ง ไม่อยากจะคิดมากเรื่องลูกชายทั้งสอง ไม่อยากเห็นพี่น้องต้องชิงอำนาจกันแต่ใครจะไปคิดว่า สิ่งที่ตงฉินทำ เขาแค่อยากดัดนิสัยพี่ชาย คนหน้าตายชักสีหน้าตลอดอย่างเขาสมควรโดนแบบนี้เสียบ้างวันหยุดของซิงเหยียน ปกติก็ไม่ค่อยออกไปไหน ด้วยความที่ตัวเองท้องแถมก็เดินเที่ยวค่อนข้างลำบาก ทว่า วันนี้กลับนึกอยากเดินไปหาซื้อของ เพราะรู้สึกว่าของใช้ภายในห้องมันเริ่มหมด อีกทั้งตงฉินก็ไม่ได้ซื
ตงหยางซดเหล้าจนตาแดงก่ำ เดินเซมาที่ห้องของน้องชาย เวลานี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว เขามีเรื่องที่อยากจะคุยกับตงฉินให้รู้เรื่องก๊อก ก๊อกเคาะประตูในขณะที่ตัวเองแถบยืนไม่อยู่ เมื่อประตูแง้มออก ก็รับจับไปที่คอเสื้อตงฉิน ทว่าเรียวแรงคนเมา มันไม่ได้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนก่อน ทำให้ตงฉินสะบัดร่างเขากองไปอยู่ที่พื้น"พี่มีอะไร""แกจะเอายังไง""เรื่อง? ""เรื่องซิงเหยียน แกเลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ"ขณะพยายามพยุงร่างตัวเองขึ้นมาเพื่อพูดกับน้องชาย ทำเอาตงฉินเบ้ปาก จากนั้นก็มองพี่ชายที่ตัวเองยกย่องเสมอมา"ท่านประธานตงหยางผู้ชักสีหน้านิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดูสภาพพี่ตอนนี้สิ เหมือนหมาข้างถนน เมาขนาดนี้ หากคนอื่นเห็นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน""แกไม่ต้องนอกเรื่องฉันถามว่าแกจะเอายังไง เลิกยุ่งกับซิงเหยียนซะ""อยากให้เลิกยุ่งเหรอ เอาอะไรมาแลกดีละ""แกหมายความว่ายังไง""ทุกอย่าง ต้องมีเงื่อนไข พี่อยากให้ผมเลิกยุ่งกับซิงเหยียน พี่จะเอาอะไรมาแลกถึงจะสมน้ำสมเนื้อ""แกอยากได้อะไร""อืม....สิ่งที่อยากได้งั้นเหรอ ตำแหน่งท่านประธานดีไหม""ตงฉิน!!""ก็แล้วแต่พี่นะ แลกไม่แลกผมไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ตอนนี้เหยียนเหยียนท้อง
"นายครับ คนของเราบอกว่าคุณซิงเหยียนไปพบหมอที่ห้องสูติครับนาย"เจียวมิ่งรายงานเสียงเข้ม ทำเอาตงหยางที่นั่งตวัดลายเซ็นต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนสนิท พร้อมทั้งทวนคำพูดของเจียวมิ่งด้วย"ว่าไงนะ ห้องสูติเหรอ เธอไปทำอะไร""ไม่ทราบเหมือนกันครับนาย"ตงหยางนึกคิด แผนกสูติส่วนมากเขาเป็นแผนกที่หญิงตั้งครรภ์ควรจะไป แต่ทำไมซิงเหยียนถึงเข้าไปพบหมอที่แผนกนั้น เมื่อครุ่นคิดแล้ว ก็ถึงกับดีดตัวพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้"นายจะไปไหนครับ"เขาไม่ตอบ สิ่งที่เขาทำคือมุ่งหน้าออกจากบริษัท จากนั้นก็ไปที่คอนโดของหญิงสาวเวลานี้ซิงเหยียนนั่งทานผลไม้ พร้อมกับเปิดทีวีดูสิ่งบันเทิง มือน้อยๆ ของเธอลูบไปที่ท้อง พร้อมคำพูดแสนหวาน"ทานเก่งนะเรา แม่อ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่หายแพ้ก็เอาแต่กินไม่หยุด หนูคงชอบทานผลไม้ใช่ไหม"พูดกับลูกในครรภ์พร้อมรอยยิ้ม พลางหยิบแอปเปิลเข้าปาก เคี้ยวอย่างอร่อย ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก๊อก ก๊อก"สงสัยคุณอาฉินมาแล้ว มาเร็วกว่าที่คิด"เธอคิดว่าเป็นตงฉิน เพราะนัดกันไว้แล้ว ตงฉินติดงานหลังเลิกงานบอกว่าจะมาหาเธอเพื่อถามอาการ เพราะวันนี้เธอไปตรวจครรภ์มาร่างเล็กเดินไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออก
แต่ใครจะไปคิดว่า ตงหยางใช้คำอาจสั่งให้น้องชายเข้าประชุมแทน ส่วนตัวเองก็มานั่งเฝ้าซิงเหยียนเธอเดินออกมาด้านนอกโดยไม่สนใจที่จะมองตงหยาง ในเมื่อตัดแล้วก็ต้องการตัดให้ขาด แต่"พี่หยาง ปล่อยฉันนะ"อยู่ๆ ร่างสูงที่เดินตามเธอมา แล้วรีบคว้าที่แขนเธอพาเธอมาที่รถแม้ว่าเจียวมิ่งจะไม่ใช่คนขับ แต่คนอย่างตงหยางไปที่ไหนก็ต้องมีคนคอยคุมภัยอยู่แล้ว"พี่จะพาฉันไปไหนฉันไม่ไป""ขึ้นรถ แค่จะไปส่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ทำหน้าที่พี่ชายกับเธอ วันนี้ฉันขอทำหน้าที่แทนตงฉินแล้วกัน""แล้วพี่ฉินไปไหน? ""ตงฉินมีประชุม"พี่ชายอย่างนั้นเหรอ เธออยากจะหัวเราะ แต่มันฝืดเคืองมากกว่า พี่ชายที่มีลูกเขาอยู่ในท้องแต่ก็ต้องจำยอมขึ้นไปนั่ง ก็เขาดันร่างเธอขนาดนั้น ไม่อยากขัดขืนให้เกิดอันตรายแม้แต่นิดเขาบอกว่าจะไปส่งเธอ แต่ดันพาเธอมาร้านอาหาร แต่มันก็น่าแปลกทั้งน่าขำ ตอนที่เป็นสามีภรรยากัน แทบจะไม่พาเธอไปไหน ทานข้าวก็มีแต่ทานในบ้าน ออกงานแค่ครั้งเดียวคือวันรับตำแหน่ง"ร้านนี่อร่อยนะ ปกติฉันไม่เคยพาเธอมาทานแบบนี้สักครั้ง เธออยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม""ไม่ค่ะ พี่ฉินซื้ออาหารไปไว้ให้ฉันหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ยังไม่หิว ห
ในเมื่อไม่อยากกระทำอะไรที่มันร้ายแรงลงกว่าเดิม ตงหยางจำยอมที่จะออกจากห้องรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองแย่จริงๆ เพราะพินัยกรรมสมบัตินั้นแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องใช้สัญญามาบีบบังคับเธอทางอ้อมหลังจากที่ตงหยางออกไปจากห้อง ความรู้สึกเสียใจก็ย่อมมี แต่ก็ต้องอดกลั้นมันไว้ ไม่อยากให้ความอ่อนแออยู่เหนือทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นก็ตัดเขาออกจากใจไม่ได้สักทีสองวันผ่านไปตงหยางสั่งให้ลูกน้องมาสืบ จนรู้ว่าซิงเหยียนมาทำงานที่โรงพยาบาล และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทำ พอเขารู้ก็เหมือนจะเสียใจมาก เพราะตัวเองไม่ขอรับรู้เรื่องของเธอก่อนหน้า จนวันนี้มาถึง แต่ก็คงเป็นผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ หากเธอจะโกรธจนไม่ให้อภัย ก็คงเป็นเพราะชะตาลิขิตไว้แล้วยิ่งตอนนี้คนที่ตีสนิทกับซิงเหยียนก็คือน้องชาย แน่นอนว่าหากซิงเหยียนจะกลายมาเป็นน้องสะใภ้ เขาเองย่อมรับไม่ได้ และไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น#โรงพยาบาลเป๋ยร่างสูงมุ่งหน้ามาที่ห้องบัตร สายตาของเขาเรียบนิ่งก่อนหยุดยืนแล้วพูดเสียงเย็น"ฉันมาหาหมอ""เป็นอะไรมาค่ะ"ซิงเหยียนรับคำแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออดีตสามี ทำเอาดวงตาคู่สวยเลิ่กลั่ก จังหวะนั้น