บทที่ 4
“อีกไม่นานพวกมันก็จะได้ออกไปจากชีวิตลูกชายฉันสักที” คุณหญิงนิภาหยิบดูรูปถ่าย ที่นักสืบนำมาส่งให้อย่างยิ้มเยาะ มันคือรูปของพริมากับพี่ชาย เมื่อเย็นวันก่อน ที่พาทิศไปขอเงินพริมาถึงที่ทำงาน “ผมคิดว่าคุณชาวิน ก็คงจะสงสัยเรื่องนี้อยู่ เพราะวันนั้นผมก็เห็นคุณชาวินแอบดูสองคนนี้อยู่ไกล ๆ โดยที่ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ตัวครับ” นักสืบอธิบายตามที่ตนเห็น “งั้นรึ..ดีจริง ตาวินคงไม่รู้สินะว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร” คุณหญิงนิภาคิดแผนการร้ายขึ้นมาได้ “ตอนนี้สองพ่อลูกนั้นก็เข้าบ่อนข้ามวันข้ามคืนตลอด พอเงินหมดก็หาหยิบยืมจนเป็นหนี้ไปทั่ว” “หึ..งั้นใกล้แล้วสินะ เดี๋ยวพวกมันต้องตาลีตาเหลือกมาขอเงินที่ฉันแน่ ๆ” “ตาวินเห็นไหม แม่บอกลูกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มันหมกเม็ด มันไม่ได้ดีอย่างที่ลูกคิดหรอก” คุณหญิงนิภา ส่งรูปถ่ายให้ลูกชายดู ชาวินรับรูปนี้มาดู เขาจำได้ดีว่าเหตุการณ์นี้เขาก็เห็นอยู่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายในรูปเป็นใครกันแน่ เขาไม่กล้าที่จะคิดและไม่อยากถามพริมา ชาวินกลัวคำตอบที่จะได้รับ “มันมีชู้ไง มันสวมเขาให้ลูกอยู่” คุณหญิงนิภาพูดใส่สีตีไข่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายในรูปคือพี่ชายของเธอ “........” ชาวินเงียบไม่ตอบอะไร เพราะก็เขารู้สึกสบสน “วิน…เชื่อแม่เถอะ ผู้หญิงคนนี้มันตั้งใจจะหลอกลวงลูก” “ผมคิดว่า อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด น้ำไม่ใช่คนแบบนี้” “รูปชัดเจนขนาดนี้ ยังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด แกจะเชื่อมัน มากกว่าแม่แท้ ๆ ของแกอีกเหรอ” คุณหญิงนิภาขึ้นเสียงใส่ลูกชายอย่างสุดกลั้น ที่หลงผู้หญิงคนนั้นหัวปรักหัวปรัม “ยังไงผมก็เชื่อใจน้ำ ผมจะแต่งงานกับน้ำ” ชายหนุ่มโยนรูปลงบนโต๊ะอย่างไม่ไยดี “ตาวิน!!” คุณหญิงนิภาขึ้นเสียงดังลั่นด้วยความโมโห กับความดื้อรั้นของลูกชาย เธอเซหงายหลังลงบนโซฟา ยกมือขึ้นมาโบกพัดใกล้ ๆ ข้างใบหน้าไปมา อาการคล้ายคนจะเป็นลม “คุณแม่” น้ำเสียงห่วงใยเรียกแม่ของตนพร้อมกับรีบเข้าไปประคอง ก่อนจะหันไปสั่งเด็กรับใช้ให้เอายาดมมา “แกไม่ต้องมาทำเป็น เป็นห่วงแม่หรอกตาวิน ถ้าแกห่วงจริงแกจะฟังคำพูดแม่บ้าง” น้ำเสียงแผ่วเบาของหญิงสูงวัยที่ฟังดูอ่อนล้าเอ่ยออกมา “ผม….ผมขอโทษครับแม่ แต่ผมจะไม่เปลี่ยนใจ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างลำบากใจ คุณหญิงนิภาจึงได้ สะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมแขนลูกชาย และให้เด็กรับใช้พากลับขึ้นห้อง ชาวินนั่งถอนลมหายใจอย่างลำบากใจ แต่ยังไงเขาก็จะไม่ทิ้งพริมาตามคำสั่งแม่แน่นอน ผู้ชายในรูปนั้นอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ หลายวันผ่านไปจู่ ๆ โชคก็เข้าข้างคุณหญิง นักสืบที่คุณหญิงนิภาให้ตามดูสองคนพ่อลูกนั้น แจ้งว่าสองพ่อลูกเสียพนันจนติดหนี้กับเจ้าของบ่อนจนโดนซ้อมทั้งคู่ และตอนนี้พ่อของพริมาก็โดนเจ้าของบ่อนกักตัวไว้ ถ้าไม่หาเงินมาคืนจะซ้อมพ่อของเธออย่างหนัก ก่อนจะผ่าเอาไตของพ่อเธอไปขายในตลาดมืดเพื่อชดใช้หนี้ ทำให้พาทิศจนหนทาง เพราะจำนวนเงินเยอะขนาดนี้พริมาคงไม่มีแน่ จึงได้นึกถึงคุณหญิงนิภาขึ้นมา และหาทางติดต่อจนได้พบ “ข้อเสนอของฉันคือทำยังไงก็ได้ให้น้องสาวแก ออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน” “ผมขอห้าแสน แลกกับเงื่อนไขที่เสนอ” พาทิศกล่าวอย่างร้อนรน “ฉันเพิ่มให้อีกห้าแสน เอาไว้ให้พวกเเกไปตั้งตัวใหม่ แต่พวกแกทั้งหมดต้องหายออกไปจากชีวิตลูกชายฉันอย่างไร้ล่องลอย” “ห้าแสนบวกอีกห้าแสน หนึ่งล้าน !! ดะ…ได้ ๆ ผมทำได้พวกเราจะหายไปจากชีวิตพวกคุณทันที” พาทิศได้ยินจำนวนเงินก็รู้สึกดีใจ แค่ไถ่ตัวพ่อแค่สามแสน กะจะของเพิ่มเล่น ๆ สองแสนแต่คุณหญิงนี้กับให้มาตั้งหนึ่งล้านบาท ไม่รับไว้ก็โง่แล้ว เรื่องน้ำแค่พาตัวมันมา และพาพ่อกลับไปอยู่บ้านเก่าที่กาญจนบุรีเงินที่เหลืออยู่ก็มากพอที่จะเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ คิดได้ดังนั้นต้าก็ตกลงทันที คุณหญิงนิภาจึงส่งซิกให้คนที่มาด้วย หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาว่าง พาทิศรีบจับเงินมานับดูได้ห้าปึก มันปึกละแสน “นี้แค่ห้าแสน” เขาถามด้วยสีหน้าสงสัย “ใช่ห้าแสน แกไปจัดการเรื่องน้องสาวแกก่อนแล้วฉันจะจ่ายให้อีกห้าแสน” “ได้ รอดูเลยละกัน” หลังจากออกไปต้ารีบบึงตรงไปที่คอนโด ที่อยู่ของทั้งสองตามที่คุณหญิงบอก แต่เขากับเข้าไปไม่ได้เพราะระบบรักษาความปลอยภัยของที่นี่ จึงทำได้แค่รออยู่ด้านล่าง แล้วโทรตามพริมา หญิงสาวที่กำลังอยู่กับชาวิน เห็นพี่ชายโทรเข้ามาจึงเลี่ยงออกมาคุยโทรทัพท์ที่นอกระเบียงคอนโด “ว่าไงพี่ต้า” “น้ำลงมาหาพี่หน่อย พ่อเกิดเรื่องแล้ว” “พี่ต้าพ่อเป็นอะไร” น้ำเสียงที่ดูร้อนใจของพี่ชาย ทำเอาเธอตกใจไปด้วย “พ่อโดนนักเลงที่บ่อนซ่อมและจับตัวไว้ ถ้าไม่มีเงินไปไถ่ตัวพ่อมันจะซ่อมพ่ออีกและจะเอาไตพ่อไปขาย” พาทิศเล่าความจริงเรื่องพ่อมาพริมาฟัง แต่เล่าไม่หมดไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ได้เงินมาจากคุณหญิง เพราะจะหลอกให้เธอรีบลงมา “อะไรนะ พ่อ !! พ่อไปติดหนี้พวกนั้นเท่าไหร่ มันถึงได้ทำขนาดนี้” “สามแสน” “ตั้งสามแสน และจะไปเอาเงินที่ไหนมาคืนเขา ทำยังไงดีพี่ต้า” พริมาเริ่มกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงพ่อ ท่าทีของเธอทำให้ชาวินที่มองอยู่เกินสงสัย “พี่ว่าจะยืมเจ้านายพี่ก่อน แต่พี่พึงจะทำงานได้ไม่นาน เจ้านายพี่เลยอยากได้คนมาค้ำประกัน พี่ก็เลยมาหาน้ำนี้แหละ” พาทิศ โกหกคำโตเพื่อจะหลอกให้น้องสาวหลงเชื่อ “ให้น้ำค้ำประกันให้ใช้ไหม ได้พี่รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวน้ำลงไป” พริมากดว่างสาย หายใจเข้าลึก ๆ รีบปรับอารมณ์น้ำเสียงให้เป็นปกติ ไม่อยากให้ชาวินมารับรู้เรื่องทางบ้านของเธอ “วินเดี๋ยวน้ำมานะ อยากกินไก่ทอดว่าจะลงไปซื้อซอยข้าง ๆ” พริมมาหาข้ออาจเพื่อปลีกตัวออกมา “สั่งมาก็ได้ น้ำจะได้ไม่ต้องเดินไป” “ไม่เป็นไรค่ะ เดินนิดเดียวเอง” “ให้วินไปเป็นเพื่อนไหมครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง เดี๋ยวน้ำซื้อมาเผื่อนะคะ” “ครับ” พริมารีบเดินออกมาจากห้องตรงไปหาพี่ชายทันที “พี่ต้า” หญิงสาวเอ่ยเรียกพี่ชายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “น้ำ..รีบไปเร็ว” พาทิศรีบจับข้อมือน้องสาวไว้แน่น ก่อนจะจูงเธอมาที่ลานจอดรถ ทุกการกระทำของเขาและเธอ อยู่ในสายตาของชาวินทั้งหมด เขาเจ็บปวดหัวใจจนแทบสลาย นี้เธอหลอกลวงฉันจริง ๆ ใช่ไหม ชาวินไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาได้เห็นมันกับตาตัวเองแบบนี้ ดูซิเธอจะแก้ตัวยังไง ขณะที่น้ำและพาทิศกำลังจะขึ้นรถ ชาวินยื่นมือมาขวางประตูรถเอาไว้ “วิน!!” “น้ำจะไปไหน” ชาวินจับข้อมือบางของเธอดึงออกมาจากรถ “วิน… วินปล่อยน้ำก่อนนะ น้ำมีเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการ” เธอกล่าวร้อนร้อนรน “เรื่องอะไรน้ำ น้ำบอกวินก็ได้ แล้วผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร” “เขาเป็น..ว้าย!!!” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยบอก พาทิศเดินมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ กระชากชาวิน ออกจากพริกมา แล้วสาวหมัดใส่รัว ๆ จนชาวินที่ยังไม่ได้ตั้งตัว ล้มลงไปกองกับพื้น “พี่ต้า !! หยุดนะ หยุด !!” เหมือนเสียงห้ามของเธอจะไม่เป็นผล จนกระทั่ง “นี่พวกแกทำอะไรลูกชายฉัน หยุดเดี๋ยวนี้เลย” คุณหญิงนิภาที่โผล่มาได้จังหวะพอดิบพอดี ทำให้ต้าหยุดชะงักมือ พริมารีบเข้าไปประคองชาวิน จับใบหน้าของเขาที่ช่ำ นิ้วหัวมือแม่มือลูบเช็ดเลือดที่มุมปากชายหนุ่ม น้ำตาใส ๆ เริ่มไหลอาบสองแก้มของเธอ คุณหญิงนิภายืนมอง ก่อนจะขยิบตาส่งซิกให้พาทิศ ต เขาพยักหน้ารับรู้ และรีบเข้าไปกระชากแขนพริมาออกมาจากชาวิน “น้ำ!! มานี้ เลิกกับไอ้ผู้ชายคนนี้เถอะ กลับมาอยู่กับพี่ พี่จะดูแลน้ำเอง” ต้าใช่คำพูดจงใจให้ชาวินเข้าใจผิด “พี่ต้า พี่พูดอะไร” พริมาพูดไปสะอื้นไป “นี้พวกแก… พวกแกสวมเขาให้ลูกชายฉันใช่ไหม” คุณหญิงนิภารีบเสริมใส่ไฟ ชาวินมองไปที่พริมากับชายคนนั้น อย่างตัดพ้อ เขาเจ็บใจจนพูดไม่ออก ไม่คิดว่าพริมาจะหักหลังเขา “ไม่…ไม่ใช่นะคะ เขาเป็น..” “น้ำรีบไปเถอะ อยากไปเสียเวลากับคนพวกนี้เลย” ต้ารีบพูดตัดบทจับข้อมือพริมมาบีบไว้แน่น “ดี พวกแกรีบออกไปจากชีวิตลูกชายฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ” คุณหญิงนิภาเข้าไปประคองลูกชายให้ลุกขึ้น “แม่เตือนแล้วใช่ไหม ว่าผู้หญิงคนนี้มันไม่ได้ดีอย่างที่แกคิด เห็นไหมว่ามันคบชู้สวมเขาให้แก” คำพูดเป่าหูลูกชาย แต่สายตายังคงมองเหยียดไปที่พริมากับพี่ชาย “ทำไมน้ำทำกับวินแบบนี้” น้ำเสียงผิดหวังเริ่มแฝงไปด้วยความแค้น “ไม่…ไม่ใช่อย่างที่วินคิดนะ” พริมาพยายาม แก้ข้อมือออกจากต้า “จะไม่ใช้อะไร ชู้แกก็ยืนอยู่ตรงนั้น ยังจะแก้ตัวไปได้” “วินฟังน้ำก่อนนะ พี่ต้าเขา…” “พอได้แล้วน้ำ รีบไปเถอะไม่งั้นพ่อเราได้โดนซ่อมตายแน่” ต้าดึงพริมากลับเข้าหาตัวและกระซิบบอกเบาให้ได้ยินแค่สองคน พริมารับฟังไปร้องไห้ไป “วินเรื่องนี้น้ำอธิบายได้ แต่ตอนนี้น้ำจำเป็นต้องไปจริง ๆ” พริมาพยายามจะเดินเข้าไปหาชาวิน แต่พี่ชายก็ดึงตัวไว้ ส่วนคุณหญิงนิภา ก็ขวางไว้เช่นกัน “รีบไปเถอะน้ำ” ต้าฉุดรั้งพริมาให้เข้ามาในรถจนสำเร็จแล้วรีบขับรถออกไป ด้านชาวิน เขารู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตามรถที่พริมานั่งออกไปจนลับตา…ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานของชาวินและพัชชา จัดขึ้นที่รีสอร์ตแสนรักของเขา ชาวินสั่งให้ตกแต่งสถานที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาชนิด แขกที่มาร่วมงานต่างชื่นชมกันไม่ขาดปาก ว่าที่นี่บรรยากาศดีและสวยมากจริง ๆ รูปพรีเวดดิ้งถูกตั้งประดับทั่วทุกมุม ผู้คนที่มาร่วมงานแค่ดูรูปก็แสนจะอิจฉาเพราะดูก็รู้ว่าเจ้าบ่าวคงจะคลั่งรักเจ้าสาวมากแน่ ๆ“พี่น้ำสวยมากเลยค่ะ” อรอินเข้ามาในห้องแต่งตัว มองเธออย่างชื่นชม“ขอบใจจ้ะหนูอิน” พัชชายิ้มแย้ม“ทำไมพี่น้ำชอบเรียกอินว่าหนูอินเหมือนคุณพาทิศ…” หญิงสาวน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงพาทิศ หลังจากที่กลับมาจากเกาะดอกไม้เธอมักจะนึกถึงเขาตลอด“ขอโทษที่จ๊ะ มันติดปาก”สองสาวพูดคุยกัน แต่พัชราภาสังเกตได้ว่าอรอินคอยชะเง้อมองประตูตลอด แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะรู้อยู่แก่ใจแล้วแค่รอให้อรอินเอ่ยมาเอง“ทำไมดนตรียังมาไม่ถึงอีกคะเนี้ย” พูดไปก็ชะเง้อไป“รอดนตรีหรือพ่อของดนตรีอยู่คะ” พัชชาภาแซวอย่างรู้ทัน“ไม่..ไม่ใช่สักหน่อยพี่น้ำ อินถามถึงดนตรีค่ะ” อรอินเขินจนมือไม้อยู่ไม่สุข หยิบกระโปรงมาบิดไปมาแก้เขิน“ใกล้ถึงเวลาแล้วค่ะ อรอินรีบเปลี่ยนเรื่องคุย”อรอินช่วยพัชชาภาให้ยืนขึ้น
พาทิศพาอรอินเดินออกมา บริเวณริมชายหาด ทั้งสองเดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ ด้านนอกเกาะพอมองออกไปสุดขอบฟ้าเวลานี้มันช่างดูมืดมนไปหมด อรอินทรุดกายลงนั่งกับพื้นทรายมองเหม่อออกไปไกล“เป็นอะไร” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“อินเหนื่อย” เธอตอบเขาออกไป แต่พาทิศรู้ดีว่าเธอกำลังเศร้าอยู่ ถึงจะยินดีกับคู่ของชาวิน ลึก ๆ เธอก็คงเสียใจไม่น้อยที่ชาวินนั้นหมั้นกับเธอแต่ไม่เคยรักเธอเลย แต่ยังถือว่าเธอเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง ที่ยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่น ยอมถอยตัวออกมา“มานี้” พาทิศก้มลงไปดึงแขนเธอ“โอ๊ย..ไม่เดินแล้วอินจะนั่งตรงนี้”เมื่อเห็นเธอดื้อดึงไม่ยอมลุก พาทิศจึงโน้มตัวไปช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มไว้ แล้วเดินลงน้ำทะเล“ว๊าย คุณ ๆ ๆ จะทำอะไรปล่อยฉันนะ หยุด ๆ ๆ อินไม่อยากโดนน้ำ”ตุ๊ม!! เสียงร่างเล็กตกน้ำ เพราะพาทิศโยนเธอลงไป อรอินรีบลุกขึ้นยืน สภาพเปี้ยกไปทั้งตัวผมเผ้ายุ่งเหยิง“นี้..เล่นอะไรเนี้ย” อรอินตั้งหลักได้ก็พลักพาทิศอย่างแรง แต่กลับเป็นเธอที่หงายหลังลงน้ำทะเลไปอีก“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ” พาทิศหัวเราะลั่นอรอินยืนตั้งหลักในน้ำได้อีกครั้ง จ้องมองชายหนุ่มหาวิธีเอาคืนหญิงสาวแกล้งเดินหนีสวนเขา ได้จังหวะก็กระโดดขี่หลังพา
เธอแหวกม่านผ้า แทรกตัวจนมายืนอยู่ไม่ไกลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาจ้องมองมัดกล้ามนั่นอย่างลืมตัว“จะมองอีกนานไหมครับ”พรึ่บ! เสียงสะบัดผ้า พร้อมกับละอองน้ำที่กระเด็นไปโดนตัวหญิงสาว ทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาโตหวัดมองใบหน้าชายเจ้าของหุ่นล่ำนั้น“คุณพาทิศ…” เมื่อรู้ว่าเผลอมองชายหนุ่ม หญิงสาวก็เขินอาย เธอรีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นทันที“ผมถามว่าจะมองอีกนานไหม จะได้ไปยืนใกล้ ๆ ให้มอง” พาทิศก้าวขาเข้ามาประชิดตัวหญิงสาว เธอตกใจสะดุ้งจึงรีบหันกลับมา มือเล็กยกขึ้นดันหน้าท้องที่เป็นรอนกล้ามนั้นไว้“ปะ..เปล่าอินไม่ได้มอง” เธอตอบน้ำเสียงสั่น มือยังคงดันหน้าท้องของพาทิศไว้ หัวใจดวงเล็ก ๆ เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาพาทิศยิ้มขำเบา ๆ กับท่าทางเขินอายของเธอ“ขำอะไร ถอยออกไปก่อนสิคะ”“ก็นึกว่าอยากมองใกล้ ๆ” ชายหนุ่มเย้าแหย่“ไม่ใช้สักหน่อยอินแค่จะมาถาม..”“เรื่องอะไรครับ”“พี่น้ำค่ะ พี่น้ำอยู่ที่นี่ใช่ไหม”พาทิศกล่าวถอยหลังหนึ่งก้าว“ถามหาน้องสาวผมทำไม คุณหนูอินกับนายชาวินเป็นคู่หมั้นก็กำลังจะแต่งงานกันแล้วไม่ใช่หรือครับ”“ไม่ใช่ค่ะ อิน…อินกับพี่วินเราถอนหมั้นกันแล้ว พี่วินเสียใจมากและรู้สึกผิด
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พัชชาพาและดนตรีมาอยู่ที่กระบี่กับพาทิศ และเธอก็พึงจะรู้ว่าพี่ชายของเธอนั้นเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ มีทั้งรีสอร์ตและฟาร์มหอยมุก เป็นเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินได้มหาศาลพาทิศจึงได้เล่าให้เธอฟังว่า เจ้าของเกาะคนก่อนเป็นผู้มีพระคุณของเขา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากแยกทางกับแม่ของดนตรี พาทิศเอาดนตรีมาฝากไว้ที่หญิงพาทิศระหกระเหิน หนีกลุ่มคนที่มีปัญหากันในครั้งนั้น จนมาถึงกระบี่และได้เจอกับเจ้าของเกาะที่ชรามากแล้ว เขาได้ช่วยเหลือพาทิศไว้และดูแลเหมือนเป็นลูกชายพาทิศยังเล่าว่าชายชราคนนี้เสียลูกชายเพียงคนเดียวด้วยโรคประจำตัว เขาเลยใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด และเมื่อพาทิศได้มาอยู่กับชายเจ้าของเกาะ ชายชราคนนั้นได้สั่งสอนทุกเรื่องให้พาทิศพาทิศจึงได้เริ่มช่วยเขาดูแลกิจการของเกาะ และได้ริเริ่มพัฒนาส่วนต่าง ๆ ของเกาะนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ต่อมาชายชราคนนี้ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคประจำตัวของเขา ก่อนจากไปชายชรา ยังได้ยกเกาะและกิจการทั้งหมดให้พาทิศ…“คนเราไม่สายที่จะเปลี่ยนแปลง น้ำดีใจนะที่พี่เปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น”“พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี้จะได้รับอะไรดี ๆ แบบนี้ แล
“น้องดนตรีก็กลับไปแล้วค่ะ คุณพ่อน้องขอพาน้องกลับเลย คุณหมอดูอาการแล้วจึงให้กลับได้ค่ะ พึ่งจะออกไปเมื่อครู่นี้เองนะคะ”ชาวินได้ฟังดังนั้นจึงได้รีบวิ่งออกมาหน้าโรงพยาบาล สวนกับแม่ของเขาและอรอินพาดีชาวินวิ่งแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจนถึงลานจอดรถ ชายหนุ่มหยุดวิ่งพักหายใจหอบเขาหมุนไปรอบ ๆ เพื่อมองหา ในที่สุดเห็นร่างบางที่คุ้นเคยเธอกำลังขึ้นรถโดยมีพาทิศปิดประตูให้ พอเห็นดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามไปทันที อีกไม่ถึงสิบเมตรก็จะถึงแล้ว แต่พาทิศก็ขับรถออกไปก่อนเสียก่อนชาวินทรุดเข่าลงนั่งหายใจหอบอีกแค่เอื้อมมือเท่านั้น…. เท่านั้นเอง …คิดได้ดังนั้นพาทิศจึงรีบกลับมาที่รถ เจอแม่ของเขากับอรอินอยู่พอดี จึงได้พากันกลับไปที่รีสอร์ท เพื่อหวังว่าจะเจอพัชชาภาอยู่ที่นั่นก่อนหน้านั้น หลังจากชาวินไปคุยกับคุณหญิงนิภา พาทิศจึงขอเข้าไปดูลูกชายตนพยาบาลได้นำทางเขาเข้าไป จึงพบกับพัชชาภาเธออยู่ที่นี่ก่อนแล้วเมื่อเห็นสภาพน้องสาว หน้าตาดูอิดโรยที่ยังมี หน้าผากมีผ้าแปะแผล คราบเลือดแห้งกรังยังติดอยู่ที่เสื้ออยู่เลย พาทิศใจไหววูบไหนจะลูกไหนจะน้องสาว ชายหนุ่มเดินไปลูบหัวลูกชาย เด็กน้อยก็ส่งยิ้มให้อย่างร่าเริงตามประสา“ดนตรี
“คุณน้ำค่ะ เธอไม่มาด้วยเหรอคะ”“น้ำเธอมาด้วยครับ แต่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเหมือนกัน” ปกรณ์หันมาตอบแทนชาวิน“ใช่ค่ะ เคสที่เข็นเข้าไปเมื่อครู่ คุณน้ำเธอเป็นลมแล้วหัวไปกระแทกกับก่อนหิน” พยาบาลที่ขอข้อมูลกับปกรณ์ หันไปบอกพี่พยาบาลอีกคน“ฝากดูน้ำหน่อยนะครับ พักนี้เธอเป็นลมบ่อย ๆ” ชาวินเอ่ยบอกพยาบาลไป“ได้ค่ะ รบกวนทุกคนรออยู่ด้านนอกนะคะตอนนี้ถึงมือหมอแล้วคนไข้ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ”ทั้งสามคนจึงมานั่งรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วประตูห้องฉุกเฉินก็ยังไม่ถูกเปิดออกมาเสียที่ชาวินใจจดจ่ออยู่ที่ประตูไม่วางตา อรอินก็เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วง ต่อมาปกรณ์จำต้องกลับไปก่อนเพราะมีงานที่ต้องทำต่อผ่านมาพักใหญ่ ๆ เสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิด และมีพยาบาลเดินออกมา ชาวินกับอรอิน จึงรีบเดินไปหาทันที ทั้งสองตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ“เคสแพ้อาหารของน้องดนตรี ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะคะ เดี๋ยวให้ยาหมดขวดแล้ว พักฟื้นดูอาการสักหน่อยถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กลับบ้านได้ค่ะ”“ครับ” “ค่ะ” ชาวินกับอรอินถึงกับโล่งอก“คุณหมอเคยกำชับกับคุณอาของน้องไปแล้วนะคะ ว่ามีอาหารอะไรบ้างที่น้องห้ามทาน” พยาบาลเอ่ยทวงติ่ง“ผมขอโทษคร