“อันว่าจะไปทัวร์ยุโรปกับธันเค้าซะหน่อยน่ะค่ะไหนๆเราก็ได้เงินจากคนบ้านนั้นมาแล้วนี่คะ”
“นี่ไม่คิดจะอยู่บ้านอยู่ช่องบ้างเลยหรือไง”
“ก็บ้านมันน่าเบื่อนี่คะอันไปแล้วนะคะคุณแม่”
ตั้งแต่อันธิกาเรียนจบก็เอาแต่ผลาญเงินที่บ้านท่าเดียวงานก็ไม่เคยช่วยคนเป็นแม่แต่อรดีก็ไม่ได้ว่าอะไรลูกสาวเธอเพราะเธอเลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็กๆครั้งนี้เมื่ออันธิการู้ว่าได้เงินก้อนใหญ่มาก็หาเรื่องเที่ยวกับแฟนหนุ่มอีกเช่นเคย
ไร่แก้วกัลยา
“เอ่อ...คุณวิทคะอย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะคือออมอยากจะรู้น่ะค่ะว่าเจ้านายของคุณวิทเค้านิสัยเป็นยังไง”
“อืมม...คุณอิทก็เป็นคนค่อนข้างตรงไปตรงมานะครับแต่ก็จะแอบขี้หงุดหงิดบ้างเล็กน้อยแต่คุณออมไม่ต้องกลัวไปก่อนนะครับคุณอิทก็ไม่ใช่คนที่โหดร้ายอะไร”
“อืมม...ค่ะ”
ในระหว่างที่รถตู้คันหรูแล่นเข้ามาในไร่ผ่านป้ายไร่แก้วกัลยาเข้ามาตอนนี้ใจของอินทิราเต้นแรงผิดปกติเพรารู้สึกตื่นเต้นที่ใกล้จะถึงที่หมายแล้ว
ด้วยความที่อยากรู้นิสัยของคนที่เธอจะมาแต่งงานด้วยและดูแลเขาในช่วงที่ชายหนุ่มนั้นยังมองไม่เห็นเธอเองก็อยากจะรู้นิสัยของชายหนุ่มคร่าวๆก่อนเพื่อที่จะรับมือถูกเธอรู้มาว่าวิทวัสเป็นคนสนิทของอิทธิกรจึงสอบถามเสียตอนนี้เลย
เรือนใหญ่
“สงสัยจะมาถึงกันแล้ว”
“ค่ะ”
อรุณามองออกไปหน้าบ้านก็เห็นรถที่วิทวัสขับไปรับลูกสาวของอรดีมาถึงแล้วจึงรับเรียกไอรดาให้ออกมาต้องรับคนมาใหม่ที่หน้าบ้าน
“นี่คุณณาเป็นแม่ของคุณอิทแล้วนี่ก็น้องสาวคุณอิทคุณเอมครับ”
“สวัสดีค่ะ”
“จ้า...มาเหนื่อยๆเข้าบ้านกันก่อนดีกว่า”
หลังจากที่ทั้งสามทักทายทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วอรุณาก็เชิญอินทิราเข้ามาในบ้านเพื่อให้ได้พักเพราเดินทางมาน่าจะเหนื่อย
“หนูออมยินดีที่จะมาดูแลพี่เค้าใช่ไหมจ้ะ”
“ค่ะคุณณา”
“เรียกคุณแม่เถอะเดี๋ยวอีกหน่อยพี่เค้าหายดีหนูก็ต้องแต่งงานกับพี่เค้าแล้ว”
“ค่ะคุณแม่”
อรุณาดูท่าทางหญิงสาวกิริยามารยาทหน้าตาท่าทางก็น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อยถึงเธอจะใช้เงินซื้อตัวเธอมาแต่เธอก็หวังว่าหญิงสาวจะเต็มใจดูแลลูกชายของเธอตามที่พูดมาก็แล้วกัน
“นี่ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วเดี๋ยวหนูออมทานอาหารกันก่อนเดี๋ยวแม่จะพาไปส่งที่เรือนเล็กก็แล้วกัน”
“คะ??..เรือนเล็ก”
นี่ยังไม่ถึงที่อยู่จริงๆของเธออีกเหรอหญิงสาวคิดในใจอินทิราคิดว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่เสียอีกเลยมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“แม่ลืมบอกไปว่าตาอิทเค้าอยู่ที่เรือนเล็กท้ายไร่น่ะจะที่นั่นค่อนข้างเงียบสงบตาอิทก็เลยเลือกอยู่ที่นั่นหนูออมไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
อรุณาเองก็ลืมบอกกับหญิงสาวเองตั้งแต่แรกว่าจะต้องไปอยู่เรือนเล็กท้ายไร่กับลูกชายของเธอเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของอินทิราจึงรีบถามว่าเธอติดปัญหาอะไรหรือเปล่าถ้าจะต้องไปอยู่ที่นั่นเพราะเรือนเล็กค่อนข้างที่จะคับแคบกว่าที่เรือนใหญ่นี้อยู่มาก
“อะ..เอ่อ..ไม่มีค่ะ”
อินทิรารีบสั่นหัวพัลวันเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่ที่เธอมีสีหน้าแปลกใจเพราะเธอไม่ได้รู้มาก่อนว่าจะต้องอยู่อีกที่เท่านั้นเอง
“อายุเท่าไรแล้วเราอะ”
“26ค่ะ”
“งั้นเรียกฉันว่าพี่แล้วกันฉันแก่กว่าเธอถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาฉันได้ตลอด”
“ค่ะพี่เอม”
ในระหว่างการทานอาหารทั้งสามก็มีพูดคุยทำความคุ้นเคยกันนิดหน่อยโดยเฉพาะไอรดาที่คอยหาเรื่องคุยกับอินทิราอยู่ตลอด
“นี่ของเรามีแค่นี้เองเหรอออม”
หลังจากทานอาหารเย็นกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาที่ไอรดากับอรุณาจะไปส่งหญิงสาวที่เรือนเล็กไอรดาค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยที่หญิงสาวนั้นมีกระเป๋ามาแค่ใบเดียวผู้หญิงที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่แค่วันสองวันนั้นจะมีสัมภาระแค่นี้เองหรือ
“ค่ะพี่เอม”
อินทิราพยักหน้าตอบคนเป็นพี่สาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มของใช้ที่จำเป็นของเธอก็มีอยู่แค่ที่เห็นนี่แหละ
“อืมม..งั้นไปกันได้แล้ว”
ไอรดาเห็นว่าหญิงสาวยืนยันว่ามีของแค่นั้นก็รีบขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปที่เรือนเล็กท้ายไร่ทันที
“ที่นี่เป็นธรรมชาติมากเลยนะคะ”
อินทิราเดินลงจากรถพร้อมกระเป๋าของเธอที่แบกอยู่ที่หลังหญิงสาวมองไปรอบๆด้วยความแปลกตาแม้ว่าแสงสว่างจะสลัวๆแล้วเธอก็ยังรู้ว่าที่นี่สวยงามใช่เล่นแถมยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์รายล้อมอยู่อีกด้วย
“หนูออมชอบที่นี่หรือเปล่าจ๊ะ”
อรุณาเห็นอินทิรามีสีหน้าค่อนข้างที่พอใจเมื่อเห็นบ้านหลังนี้เธอเห็นแบบนี้ก็สบายใจได้กลัวว่าลูกคุณหนูอย่างอินทิราจะไม่ชอบเสียอีก
“ชอบค่ะบ้านหลังนี้เล็กๆน่ารักดี”
อินทิราตอบกลับอรุณาอย่างรวดเร็วแบบนี้แหละที่เธอโคตรจะชอบเลย
“เรื่องแต่งงานแม่ว่าจะให้ตาอิทรักษาตาจนหายดีก่อนแล้วค่อยจัดงานแต่งหนูออมว่าดีไหม...ตอนนี้หนูออมก็ดูแลพี่เค้าไปก่อน”
เมื่อตอนก่อนจะมาอรุณาเองก็ลืมคุยเรื่องนี้กับอินทิราไปเลยไหนๆก็มาถึงตอนนี้แล้วเธอก็คิดว่าควรจะตกลงกับหญิงสาวเรื่องงานแต่งงานเสียก่อนใจจริงถ้าหากเป็นไปได้เธอก็อยากให้ทั้งสองแต่งกันเสียเลยแต่เอาความจริงทั้งสองยังไม่ได้รู้จักกันแม้แต่นิดเดียวควรที่จะให้ทั้งสองศึกษากันก่อนจะดีกว่าอีกอย่างก็อยากจะให้พ้นการรักษาดวงตาของลูกชายเธอไปก่อนอีกด้วย
“ออมคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะคุณแม่”
อินทิราพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับอรุณามันเป็นความคิดที่ดีมากสำหรับเธอ
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะจะ”
“ค่ะ”
“เอ่อแม่ลืมบอกอีกอย่างว่าช่วงนี้พี่เค้าค่อนข้างเจ้าอารมณ์สักนิด”
“ออมรู้แล้วค่ะคุณแม่..แต่ไม่เป็นไรค่ะออมคิดว่าออมรับมือได้”
ทั้งสามเข้ามาข้างในบ้านเรียบร้อยแล้วก็คุยสัพเพเหระกันนิดหน่อยอรุณาจำต้องบอกกิตติศัพท์ของลูกชายเธอตอนนี้ให้อินทิราได้ฟังก่อนเพื่อที่หากหญิงสาวเจอกับลูกชายของเธอจะได้ไม่ตกใจ
อินทิราเองก็พอรู้นิสัยคร่าวๆของอทธิกรจากวิทวัสมาบ้างแล้วเธอเองคิดว่าคนเราคงจะไม่มีอาการอารมณ์เสียตลอดเวลาหรอกอีกอย่างตอนที่เธออยู่ที่บ้านคนที่บ้านของเธอก็มักจะทำอารมณ์เสียใส่เธอจนเธอชินกับอารมณ์คนแบบนี้เสียแล้ว
“ใกล้จะถึงแล้วเราไปกั้นประตูเงินประตูทองกันเถอะ”เมื่อขบวนใกล้ถึงพีรยาก็ดึงมือพรณภัทร์ออกไปด้านนอกทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวกั้นประตูเงินประตูทองกับคนอื่นๆที่รออยู่ที่นี่“ออม”“พี่อิท”และแล้วก็ได้เวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสวมแหวนแต่งงานและทำพิธีลดน้ำสังข์เสียทีทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เรื่อยๆต่างยิ้มให้กำลังใจกันและกันและปลื้มปริ่มอยู่ในใจอย่างมากที่พวกเขานั้นได้แต่งงานกันอย่างเป็นพิธีเสียทีช่วงเย็นของวันอินทิราอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงสุ่มที่ดูเหมือนตุ๊กตามากๆหลังจากที่ช่างแต่งตัวให้เธอเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หาเวลาเดินมาดูเพื่อนเธอเสียหน่อยว่าเป็นยังไงกันบ้างเพราะตั้งแต่เช้าก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันเลย“เหนื่อยไหมแก”พีรยาเห็นอินทิราเดินเข้ามาในห้องก็เอ่ยถามคนเป็นเจ้าสาวว่าวันนี้รู้สึกเหนื่อยบ้างหรือเปล่ากำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย“ไม่เลยพวกแกนั่นแหละที่ฉันต้องถามว่าเหนื่อยไหม”อินทิราคิดว่าคำถามนี้ควรจะเป็นเธอที่ถามมากกว่าเพราะว่าเธอนั้นแค่เข้าพิธีเฉยๆส่วนงานอย่างอื่นเพื่อนๆเธจัดแจงเองหมด“ไม่เลยพวกฉันเต็มใจทำให้แก”พรณภัทร์ยิ้มกว้างพร้อมหันไปตอบอินทิราพวกเธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิดกับอ
บริษัทXXX17.00 น.“ทำอะไรอยู่เหรอ”“ออมถักกระเป๋าจิ๋วอยู่ค่ะเสร็จแล้ว2ใบน่ารักไหมคะ”อิทธิกรหิ้วคนเป็นภรรยามาที่ทำงานด้วยแทบจะทุกวันให้เธอมานั่งๆนอนๆที่นี่จนเธอเบื่อต้องหาอะไรทำในระหว่างที่เขาทำงานอยู่“พี่ชักจะอิจฉาไหมพรมในมือออมซะแล้วสิดูออมจะสนใจมันมากกว่าพี่”ชายหนุ่มลงนั่งบนโซฟาข้างๆกับภรรยาพร้อมใช้มือโอบไหล่ของเธอเอาไว้หลวมๆมีสีหน้าที่แกล้งทำเป็นแอบงอนเล็กน้อยที่วันนี้เธอเอาแต่นั่งจดจ่ออยู่กับก้อนไหมพรม“หืม..ออมก็สนใจพี่อิทตลอดนั่นแหละค่ะทำเป็นน้อยใจไปได้”อินทิราถึงกับต้องหยุดมือแล้วหันมาโอบกอดสามีขี้งอนของเธอที่อิจฉาแม้กระทั่งไหมพรมพร้อมบอกกับเขาใจจริงว่าเธอไม่เคยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว“แหม..เอมมาผิดจังหวะหรือเปล่าคะพี่อิท”ไอรดาเผลอเข้าห้องทำงานพี่ชายเธอโดยที่ไม่ได้เคาะประตูไม่คิดว่าทั้งสองกำลังหวานกันอยู่“มีอะไรเหรอเอม”อิทธิกรหันไปถามคนเป็นน้องสาวว่าที่เข้ามามีเรื่องอะไร“พอดีเอมนัดช่างที่เราสั่งตัดชุดเอาไว้ที่บ้านค่ะตอนนี้ชุดเสร็จแล้วเหลือแค่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปลอง”ไอรดาต้องการมาบอกให้ทั้งสองรีบกลับบ้านเพราะตอนนี้เธอนัดช่างที่ตัดชุดให้ไปรอที่บ้านหลังจากที่พวกเธอเล
“อิๆๆๆ”พีรยาเองไม่ได้ไปหายาให้พี่ชายเธอที่ไหนเพียงแต่กลับเข้าไปในห้องของเธอก็เท่านั้นตอนนี้หญิงสาวดีดดิ้นดีใจอยู่บนเตียงนอนที่แผนของเธอสำเร็จอีกแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่พี่ชายเธอเองเท่านั้นที่จะช่วยให้ตัวเองได้สมหวังหรือเปล่าแกร็กกกกก“......”ภัคดนัยที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่ถึงกับเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสีหน้าที่แปลกใจเล็กน้อยที่เธอรีบร้อนเข้าห้องของเขามาด้วยในมือถือกะละมังน้ำเข้ามาอย่างรีบร้อน“พี่ภาคย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะเดี๋ยวพลอยจะเช็ดตัวให้ก่อนนะคะยัยพลอยน่าจะกำลังไปหายามาเป็นถึงหมอทำไมไม่ดูแลตัวเองปล่อยให้ป่วยหนักแบบนี้ได้ไงล่ะคะ”พรณภัทร์วางกะละมังน้ำที่โต๊ะวางของข้างเตียงของชายหนุ่มพร้อมใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆเตรียมที่จะเช็ดตัวให้คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่“........???”ภัคดนัยมองการกระทำของหญิงสาวอย่างสงสัยในคราแรกแต่เมื่อได้ยินว่าน้องสาวของเขากำลังจะไปเอายามาให้จากปากหญิงสาวเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คงจะเป็นการเล่นอะไรแผลงๆของน้องสาวของเขาอีกแล้วสินะ“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา”พรณภัทร์นั่งลงข้างๆชายหนุ่มในมืออีกผ้าถือผ้าเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลส่วนมืออีกข้างก็ยื่นไปแตะที
“แม่ว่าคงต้องปล่อยให้อัญชัญได้เรียนรู้ด้วยตัวเองสักพักไม่นานคงจะปรับตัวได้เอง”“ค่ะคุณแม่”อรุณาเองก็พอจะรู้อยู่ว่าอัญชัญเป็นอย่างไรแต่คนเรามันก็ต้องโตขึ้นไปทุกวันยังไงเธอก็คิดว่าชีวิตที่อัญชัญจะต้องเจอจะเป็นการสอนเด็กสาวเองว่าจะต้องรับมือกับมันยังไงเธอเชื่อว่าคนที่มีสำนึกดีอย่างอัญชัญจะต้องผ่านมันไปได้บ้านโรจน์วินิจวรกุล18.00 น.“ช่วงนี้อินเลิฟวันหยุดก็หายไปแต่เช้ากลับมาซะเย็นทุกเลยนะ”ภัคดนัยที่นั่งอยู่หน้าบ้านในช่วงเย็นเห็นคนเป็นน้องสาวกลับมาเห็นเดินอารมณ์ดีเข้ามาก็ต้องเอ่ยปากพูดตามประสาพี่ชายหยอกน้องสาว“น้องก็ขอมีความสุขอยู่ใกล้แฟนบ้างอะไรบ้าง...ใครจะไปเหมือนคนบางคนที่น่าอิจฉาได้อยู่ใกล้คนที่อยากอยู่ใกล้ตลอด”พีรยาไม่เองก็ไม่ลืมที่จะยอกย้อนพี่ชายเธอกลับตามนิสัยของเธอ“พีคกลับมาก็ดีแล้วฉันมีเรื่องจะคุยกับแกอยู่พอดี”พรณภัทร์รีบเดินมาจูงมือเพื่อนสาวของเธอเข้าไปคุยอย่างรีบร้อนตอนนี้หญิงสาวเดินเหินได้สะดวกขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นเพราะถอดเฝือกออกนานแล้ว“อ๋อ..อืมไปคุยกันในห้องดีกว่า” พีรยาเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็พอจะเดาออกว่ามีธุระสำคัญจึงให้เข้าไปคุยในห้องเธอจะดีกว่า“มีอะไรหรือเ
เดือนต่อมากรุงเทพมหานครอิทธิกรพาอินทิรามาพักอยู่บ้านที่กรุงเทพของเขาสักพักแล้วเพราะเขาต้องเข้ามาทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”เมื่ออินทิราเห็นคนเป็นสามีกลับบ้านมาก็รีบเอาน้ำเย็นๆมาต้อนรับเพราะเห็นสามีของเธอดูยุ่งๆทุกวัน“เห็นหน้าออมพี่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”อิทธิกรเองถึงจะเหนื่อยเพียงใดแต่เขาก็รับมือไหวและไม่เอามาพูดในบ้านให้คนเป็นภรรยาที่กำลังท้องอยู่กังวลกับเขาไปด้วยเด็ดขาด“วันนี้คุณแม่กับยัยเอมกลับมาแล้วพวกเค้าจะมาทานข้าวที่บ้านเราด้วย”อิทธิกรรู้ว่าแม่กับน้องของเขากลับมาได้เป็นวันแล้วบ่นอยากจะมาหาอินทิราใจจะขาดเพราะอยากรู้ว่าหลานในท้องมีพัฒนาการไปอย่างไรบ้างแล้ว“ตายจริงพี่อิทไม่บอกออมให้เร็วกว่านี้คะออมจะเตรียมอาหารไว้รอ”อินทิราตำหนิคนเป็นสามีเพราะหากบอกเธอให้เร็วกว่านี้เธอเองก็จะเข้าครัวทำอาหารไว้ต้อนรับแม่และน้องสามีของเธอเอง“ออมไม่ต้องทำหรอกพี่สั่งแม่บ้านไว้แล้วขืนพี่บอกออมก่อนก็คงจะต้องลงมือทำเองใช่ไหมล่ะ”“..ค่ะ..”อิทธิกรคิดถูกที่บอกแม่บ้านอย่างเดียวจะดีกว่าเพราะไม่เช่นนั้นคนเป็นภรรยาของเขาจะต้องเหนื่อยทำอาหารอีเป็นแน่ท้องยังอ่อนๆอยู่เขาไม่อยากให้หญิงสาวทำอะ
“ก็พี่ห่วงของพี่นี่นา”อิทธิกรหน้าเสียเล็กน้อยที่โดนหญิงสาวตอกลับมาแบบนั้นเขารู้ว่าเธอแค่ท้องแต่เขาเองก็แค่ห่วงคิดในใจว่าทำไมหญิงสาวไม่เข้าใจเขาบ้าง“อะไรของพี่อิทเนี่ย”อินทิราส่ายหัวหงึกหงักพร้อมหน้าตึงเล็กน้อยเดินจ้ำอ้าวหนีชายหนุ่มไปให้พ้นๆจะได้ไม่ต้องคอยมาบ่นให้เธอระวังใกล้ๆหูอีก“เดี๋ยวพลอยเดินรอพี่ด้วยสิ...เดินช้าๆเดี๋ยวหกล้ม”อิทธิกรจำต้องสาวเท้ายาวๆให้เดินตามคนเป็นภรรยาทันพร้อมปากก็ยังปรามไม่ให้หญิงสาวเดินไปไวแบบนั้นอีกหลังจากที่ทุกคนเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเช้าในสวนดอกไม้เรียบร้อยแล้วก็กลับเข้ามาทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อทานเสร็จต่างก็แยกย้ายกันพักและเดินชมวิวกันต่อเพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่แปลงดอกไม้เพียงอย่างเดียวยังมีสถานที่จัดไว้ให้ถ่ายรูปเป็นตามจุดอีกมากมายที่จัดเอาไว้“พลอย”ภัคนัยเห็นพรณภัทร์ปลีกตัวมานั่งคนเดียวที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆกับซุ้มทานข้าวข้างๆก็มีไม้ค้ำยันคู่ใจของเธอวางพาดอยู่ใกล้ๆเขาจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆเธอ“....”พรณภัทร์หน้าตึงเล็กน้อยไม่ได้อะไรชายหนุ่มหากเขาอยากจะนั่งข้างๆเธอก็ขอให้นั่งเงียบๆก็แล้วกันเพราะเธออยากจะอยู่เงียบๆ“อีกสองวันถ้