สัมพันธ์ลับ(รัก) สุดยอด ตอนที่11
“แม่ไม่เห็นด้วย”
“แต่...แพรรับปากผู้จัดการแล้วว่าจะไปทำงานนี่คะ”
“ไม่ได้ แม่ไม่อนุญาต ทำงานกลางคืนอันตรายเกินไป แม่เป็นห่วง” แม่จ๋าหรือจริยาพูดน้ำจริงจัง
“ที่นั้นเขารับรองลูกค้าชั้นสูง ต้องการคนพูดได้หลายภาษา ถ้าทำงานดีผ่านช่วงทดลองงานก็จะได้ทำแบบประจำมีเงินเดือนด้วยนะคะแม่จ๋า”
“ลูกแพรก็อดใจรออีกหน่อยสิลูก หนูสมัครไปตั้งหลายที มันต้องสักทีสิ” คุณจริยาพูดด้วยความหงุดหงิด มือที่กำลังซ่อมเสื้อให้ลูกค้าถึงกับสั่นจนลูกสาวสังเกตเห็น แพรดาวปราดเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปจับมือที่หยาบกร้านของแม่ไว้
“แม่จ๋า แพรโตแล้วเรียนจบแล้ว แพรไม่อยากเป็นภาระให้แม่ งานสมัยนี้หายากเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี ให้แพรไปทำงานเถอะนะ”
“ใช่สิ แพรโตแล้ว แม่ห้ามอะไรก็ไม่ฟังแล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้น แพรไม่อยากให้แม่จ๋าลำบาก ตั้งแต่จำความได้แม่จ๋าไม่เคยสุขสบายเลย ต้องทำงานหนักเลี้ยงแพรคนเดียว ขนาดแม่ประสบอุบัติจนเป็นแบบนี้ก็ยังไม่ได้หยุดเลย แม่จ๋าจะให้แพรใช้ชีวิตทีความสุขได้ยังไง”
“โธ่ลูก” แม่พูดพลางกลั้นสะอื้น “เพราะแม่เองที่ให้แพรได้แค่นี้ ลูกควรสุขสบายกว่านี้”
“ไม่เอาค่ะ แม่จ๋าอย่าพูดแบบนี้ แพรมีทุกวันนี้เพราะแม่จ๋า ความสุขของแพรคือเห็นแม่จ๋ามีความสุข เพราะฉะนั้นแม่จ๋าอย่าดื้อกับแพรได้ไหมคะ แพรสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเห็นท่าไม่ดีแพรจะรีบเผ่นทันทีค่ะ”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกหนึ่ง นกน้อยยังไงก็ต้องบินออกจากรังในสักวัน ช้าเร็วก็ต้องมีวันนี้ ที่ผ่านมาแพรดาวก็ไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ถ้าเทียบกับลูกบ้านอื่นที่เธอเคยเจอมา ลูกสาวของเธอนับว่าดีกว่ามากเลยทีเดียว
“สัญญานะ มีอะไรต้องรีบถอยออกมา ไม่ต้องไปเสียดายเงินทอง ชีวิตลูกสำคัญที่สุด”
“ค่ะ แม่จ๋า” หญิงสาวดีใจกระโดดไปกอดแล้วหอมแก้มแม่ หอมซ้ายหอมขวาจนคนเป็นแม่หัวเราะออกมา
“ตัวเหม็น ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวได้แล้ว”
“จ๊ะแม่จ๋า”
หญิงสาวหัวเราะร่าแล้วเดินไปที่ห้องนอนของตัวเอง ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่แพรดาวทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ เธอเคยทำงานพิเศษเล็กๆน้อยๆ เป็นพนักงานเสิร์ฟในงานเลี้ยงต่างๆ แพรดาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวนอนแผ่หราบนเตียงขนาดเล็ก สายตามองพัดลมเพดานที่หมุนช้าๆ ตามสภาพอายุของมัน แต่ใจลอยคิดถึงผู้ชายคนนั้น
คงไม่อาจพูดได้ว่าเป็นเพื่อนหรือคนสนิท เพราะเขาคือผู้จ้าง-จ้างเธอผ่านบริษัทรับทำความสะอาดไปทำความสะอาดที่ห้องของเขา ที่จริง แม่บ้านที่ไปทำความสะอาดถ้าลูกค้าไม่เจาะจงเลือกใครก็เวียนกันไปตามที่บริษัทส่งตัว ก่อนที่จะเคยเจอเจ้าของห้องเธอก็ไปทำความสะอาดห้องนี้มาหลายครั้ง แต่พอได้เจอกันเจอกันสองสามครั้ง เธอรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่แปลกประหลาดมากจริงๆ
ใช่ ทั้งแปลก และประหลาด
แปลกคือเขาก็คือคนๆเดียวกับที่มากินกับข้าวในปิ่นโตของเธอ และให้เงินเธอทำไข่พะโล้ เรียกเธอนั่งกินข้าวด้วยกัน และ...แววตาที่มองมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ แต่...ครั้งล่าสุดที่เจอกัน ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายระบุให้เธอมาทำความสะอาดห้อง เขากลับทำเหมือนเพิ่งเจอเธอครั้งแรก และยังกอดรัดเธอแทบขาดใจตาย ตอนนั้นเธอกลัวมาก นึกว่าตัวเองจะตายจริงๆ แล้วหลังจากที่เขาเข้าห้องนอนไป เธอก็รีบลงมือทำความสะอาดห้องทันที ปกติเธอไม่เร่งมือขนาดนั้น แต่ร้อนรนเพราะกลัวเจ้าของบ้าน ทำงานแบบไม่หยุดเสร็จสรรพใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ แล้วคิดว่าจะย่องออกไปก่อนเขาออกมา แต่ขณะที่เธอหยิบกระเป๋าคล้องไหล่ ประตูห้องก็เปิดออก เขามองเธอด้วยแววตางุนงงก่อนจะยิ้มออกมา
‘แพร’
‘คะ?’
คำเรียกสนิทสนมนั้นทำให้เธอชะงักและท่าทางเขาที่มองเธออีก ราวกับคนละคนทั้งที่เธอทำความสะอาดห้องให้เขาอยู่ ห้องนั้นไม่ได้เปิดออกเลยจนเธอจะกลับบ้านแล้วนี่แหละ เขาทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอมาทำความสะอาดห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาแทบจะทำให้เธอตายคามือเขาไปแล้ว
‘นี่...จะกลับเหรอ’
‘ค่ะ’
ชายหนุ่มลูบท้ายทอย เขาดูเหมือนคนนอนไม่พอจนน่าสงสาร อะไรที่เธอคาใจจึงได้แต่เก็บไว้ข้างใน และบอกตัวเองว่า เขาคือนายจ้าง เป็นลูกค้าของบริษัท เธอก็แค่พนักงานทำความสะอาด ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวหรือใส่ใจเรื่องของคนอื่น
‘มาอีกทีเมื่อไหร่’
‘เอ่อ...อยู่ที่บริษัทกำหนดตารางงานให้ค่ะ แพร เอ่อ ดิฉันไม่รู้ว่าจะได้มาทำที่นี่หรือเปล่า’
‘ถ้าผมระบุตัวคุณล่ะ ชื่อแพรดาวใช่ไหม’
‘เอ่อ...ได้ค่ะ คุณโทรคุยกับหัวหน้าได้ค่ะ’
‘ถ้างั้นเจอกันนะครับ’
เธอจำได้ว่ามองเขาอย่างงุนงงแล้วพยักหน้ารับหงึกหงัก อดมองไปทางประตูห้องของเขาไม่ได้ หรือในนั้นจะมีห้องลับซ่อนคนไว้ แต่...หน้าตาเหมือนกันทุกตารางนิ้วเลยนะ แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังชุดเดิม และเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอสำรวจเขาอยู่เลยยิ้มเก้อๆ จนใบหน้าอ่อนล้านั้นดูเหมือนเด็กหนุ่ม
‘ช่วงนี้งานยุ่งจนนอนแทบไม่พอ’
‘ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ’
‘ครับ เจอกันสัปดาห์หน้านะครับ’
เธอพยักหน้ารับอีกครั้งแล้วเดินไปที่ประตู พลันรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามหลังจึงหันไปมองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาใกล้ เธอนึกที่เขากอดรัดจากด้านหลังทำให้หน้าซีดถอยหลังไปชิดบานประตู
‘คะ..คุณ...’
‘ถ้าไม่รังเกียจเรียกพี่ดินก็ได้ครับ’ เขายิ้มน้อยๆ แล้วเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตู ‘พี่แค่จะเดินมาส่งแล้วล็อกประตูห้อง’
‘จะไม่ดูสนิทสนมไปหรือคะ’ ถามไปอย่างที่คิด แล้วทำตาปริบๆ ทั้งงุนงงและสงสัย วันนี้เธอเจอเรื่องประหลาดทั้งวันเลย
‘อยากให้สนิทครับ’
รอยยิ้มอ่อนโยนละลายความหวาดกลัวในใจ เธอไม่ได้พูดอะไรอีก ตั้งสติได้ก็หมุนตัวกลับแล้วเดินออกมา แต่ก็อดเหลียวไปมองอีกครั้งไม่ได้ เห็นเขายืนยิ้มและโบกมือให้ เธอก็ทำหน้าแตกตื่นแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปในลิฟต์ทีเปิดออกพอดี
แพรดาวถอนหายใจอย่างสับสน เวลานี้เธอควรสนใจเรื่องงานใหม่ดีกว่า บางที...คนนั้นๆ อาจไม่ได้คิดอะไรเลยก็ได้
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเอนตัวไปด้านหน้ากอดพวงมาลัยรถหลวมๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “พักที่นี่สินะ คอนโดหรูเชียว นี่ถ้าไม่รู้ว่าแบ็คของเธอเป็นใคร คงนึกว่ามีเสี่ยเลี้ยงแน่ๆ” “แบ็คคืออะไรคะ” เธอเอียงคอถามเขา “คนที่หนุนหลังเธอไง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “คนที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่ของเธอ” “อ้อ...จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูก...แต่...” เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้พูดกับคนอื่น เธอก็เลยอ้ำอึ้งไม่รู้จะอธิบายยังไง “เข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรหรอก” เขาโบกมือไปมา “ไปนอนเถอะ” “ขอบคุณค่ะ” แพรดาวยกมือไหว้แล้วลงจากรถ ถ้าคืนนี้ไม่มีเขาช่วยต้องแย่แน่ๆ “นี่!” “คะ” หญิงสาวหันกลับมามอง สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านทำให้ผมยาวปลิวไหวเล็กน้อยจนเธอต้องยกมือขึ้นจับปลายผม “เธอบอกว่ามีคนหน้าเหมือนผม” “อ้อ! ใช้ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ “แต่นิสัยไม่เหมือนกันเลย” “งั้นที่เธอละเมอก็คือเรียกชื่อคนๆนั้นสินะ” เพราะอยู่ในแสงสลัวจึงไม่เห็นว่าตอนนี้ใบหน้
ราวกับความฝัน แพรดาวลืมตามองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เธอนอนมองคนที่หลับตาพริ้มอยู่จนมั่นใจว่าไม่ได้ฝัน แต่เกิดลังเลว่าคนที่เธอมองเห็นตรงหน้านี้เป็นใคร ‘พี่ดิน’ หรือ ‘มิสเตอร์ดาร์ก’ ก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว คนที่แกล้งหลับอยู่นานก็ทนไม่ไหว ยื่นหน้าไปประกบริมฝีปากฉกจูบอย่างรวดเร็ว เสียงร้องอุทานถูกดูดกลืนไปหมดสิ้น กลายเป็นเสียงอู้อี้ครางในลำคอ ดวงตาที่เมื่อครู่ยังปิดอยู่นั้นลืมตาจ้องมองขณะที่เรียวลิ้นร้อนแทรกในโพรงปากสาว ดวงตาร้อนแรงทำให้แพรดาวดันแผ่นอกเขาออก ทว่าอีกฝ่ายกลับโอบรัดร่างนุ่มนิ่มแน่นขึ้น ราวกับรู้ว่าหญิงสาวจูบไม่เป็นและไม่เคยถูกจูบมาก่อน เธอเหมือนจะเป็นลมเพราะหายใจไม่ออก เขาจึงยอมผละจากริมฝีปากหวาน “พี่...พี่ดิน” ชายหนุ่มชะงักไปทันที เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างหอมกรุ่นที่โอบกอดตลอดคืน “เมื่อกี้...เรียกว่าอะไรนะ” “เอ่อ...” แพรดาวทำตาปริบๆ เธอก็ไม่รู้ทำไมเมื่อครู่คิดว่าเขาคือ ‘พี่ดิน’ ทั้งที่ตอนนี้เธอนอนอยู่ในห้องทำงานมิสเตอร์ดาร์ก เพราะไม่ได้ยินคำตอบที่พอใจ เขาโน้มหน้าลงกดหน้
แพรดาวขมวดคิ้ว มือเรียวกระชับสาบเสื้อจนมั่นใจแล้วค่อยๆ เดินออกมา เธอเพิ่งเห็นว่าโซฟาในห้องของเขาถูกปรับเป็นเตียงนอนได้ด้วย และมันก็มีหมอนวางอยู่ “เสื้อผ้าเปียกเอาใส่ถุงซักผ้าแล้วไปวางหน้าห้อง” เขาสั่งโดยไม่มอง แม้ปากบ่นว่าขนมไม่อร่อยแต่ก็กินจนแก้มตุ้ย “ค่ะ” แพรดาวเอาเสื้อผ้าเปียกของตัวเองใส่ถุงพลาสติกสำหรับรอซัก และมองหาเสื้อผ้าของเขา ชายหนุ่มเห็นเธอมองไปมองมาก็เอ่ยปากถาม “หาอะไร” “สะ..เสื้อ...เสื้อของมิสเตอร์ล่ะคะ” “ฉันไม่เคยซัก มีแต่ทิ้ง” เขาพูดแล้วปัดมือไปมา แล้วกวาดตามองหญิงสาว เพราะผมเธอเปียกแต่ก็ยังมองออกว่าเธอตัดผมสั้นกว่าเดิมไปเล็กน้อย แพรดาวเขินอายที่ถูกจ้องมองจึงก้าวเร็วๆ เอาถุงเสื้อไปวางที่หน้าประตูแล้วเดินกลับเข้ามา “ห้องนี้ไม่มีผ้าห่ม” เขาพูดห้วนๆ แล้วชี้ไปที่เตียง “ไปนอน” “คะ?” “จะกลับบ้านสภาพนี้เหรอ” แพรดาวส่ายหน้าไปมาแล้วไปนั่งบนเตียง เธอไม่รู้จะทำอะไรก็เอาหยิบหมอนมาวางบนตัก “ให้นอนไม่ใช่ให้นั่ง” โดนดุอีกครั้งทำเอาหญิงสาวสะด
เขาอยู่ในด้านมืดแต่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงถูกรังแก โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า เขาสั่งให้ลูกน้องจัดการคนนั้นแล้วหันมาสนใจหญิงสาวที่อยู่ในรถ "อวดเก่ง" แพรดาวได้ยินเสียงคุ้นเคยจึงปรือตาขึ้นมอง เธอครางเสียงแผ่วขอความช่วยเหลือ "ร้อน ทรมาน"มิสเตอร์เลิกคิ้วแล้วยื่นมือไปแตะเนื้อตัวผ่าวร้อนของเธอ "ไอ้ระยำ!" ไม่รู้ว่าเขาด่าใคร แต่เวลานี้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง และยังรู้สึกแปลกประหลาดไปหมด สัมผัสได้เพียงความแข็งแกร่งที่โอบอุ้มเธอ มือเรียวเล็กยื่นไปคล้องคอเขาไว้ แล้วขยับหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างหาความปลอดภัย "จัดการมัน""ครับเจ้านาย"ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ไปยุ่งกับผู้หญิงของมิสเตอร์ดาร์ก "อดทนหน่อย" น้ำเสียงแข็งกระด้างแต่แฝงความห่วงใยทำให้แพรดาวรู้สึกปลอดภัยในอ้อมแขนนี้มิสเตอร์ดาร์กอุ้มร่างอ่อนปวกเปียกมาทางส่วนตัวกลับมาที่ห้องทำงาน เขาวางเธอบนเก้าอี้แต่หญิงสาวยังไม่ยอมปล่อยมือที่คล้องคอเขาอยู่"รู้ตัวไหมว่าเธอโดนวางยา""ไม่..ไม่รู้ค่ะ""เหอะ! ทำงานร้านเหล้าแต่ไม่รู้จักระวังตัว" เขาบ่นแล้วแกะมือออก "ทรมานจัง" เสียงครางหวานปลุกเร้าชายหนุ่มให้แทบคลุ้มคลั่ง แต่เขาต้องกัดฟันข่มใจเดินไปหยิบน้ำเย็นมาให้เธอดื่ม
คงเพราะต่างรู้ว่ามิสเตอร์ดาร์กโหดขนาดไหน ต่อให้ห้องทำงานไม่ได้ล็อกก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเฉียดใกล้แพรดาวเดินมาตามทางที่คุ้นเคย เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วเอาขนมไปวางบนโต๊ะทำงาน หญิงสาวลลังเลอยู่คู่หนึ่งหันซ้ายหันขวาหยิบกระดาษโน๊ตบนโต๊ะเขียนข้อความสั้นๆวางไว้ให้เขา‘ขนมค่ะแทนคำขอบคุณอร่อยมากๆเลยกินกับกาแฟได้เลยนะคะ’แพรดาวดวงตากลมกวาดตามองในห้อง เธอคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกภาพความทรงจำต่างๆ ก็ผุดขึ้นมา หน้านิ่งๆดุๆ แต่ก็ยอมให้เธอปล่อยโฮโดยไม่ขับไล่ไปไหน หรือตอนที่เขาสั่งให้เธอนั่งรอที่นี้จนผล็อยหลับไป รอยยิ้มผุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คนๆนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวแบบที่คนอื่นหวาดกลัวนักหรอก เธอหันซ้ายหันขวาแล้วเห็นกล้องวงจรปิดที่อยู่มุมห้อง มือเรียวหยิบถุงขนมชูขึ้นแล้วพูดว่า“หวังว่าจะชอบขนมนะคะ” มือเรียววางกระดาษบนโต๊ะแล้วเอาถุงขนมทับอีกที มองดูจนมั่นใจว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่เขามองเห็นแล้วเดินออกมาใจจริงแพรดาวอยากกลับที่พักมากกว่า แต่เกรซโทรเข้ามาพอดี สมองกำลังคิดหาทางหลบเลี่ยงแต่จู่ๆ ก็มีคนมาคล้องแขนเธอ“ว้าว! แพรดาวนิวลุค!เกือบจำไม่ได้เลยนะเนี้ย” เกรซทำตาโตแล้วจับไหล่เพื่อนสาวหมุนตัวไปมา
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำเงินเข้มแบบเรียบง่ายแต่ตัดเย็บประณีตเพราะเป็นแบรนด์หรู แพรดาวรู้สึกขัดเขินเล็กน้อยเพราะไม่เคยแต่งตัวแบบนี้ ปกติเสื้อผ้ามือสองคล้องกระเป๋าผ้า ตอนนี้ถูกคทาภัทรกับคุณนิตยาจับแปลงโฉมเสียใหม่ ทั้งทรงผมที่เคยปล่อยยาวแล้วมัดรวบง่ายๆ ก็ถูกตัดแต่งเป็นทรงสมัย และเพราะเธอยังไม่คุ้นจึงให้เล็มผมออกแต่มันตัดแล้วก็ดูเหมือนดาราเกาหลีเลยทีเดียว “ลูกแม่น่ารักจริงๆ น่าจะได้เจอกันเร็วกว่านี้” คุณนิตยาพูดแล้วก็น้ำตาซึม ยิ่งเห็นว่ารู้สึกผ่ายผอมขนาดไหนและต้องทำงานส่งตัวเองเรียนอีกก็ยิ่งรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น “ได้เจอกันก็ดีแล้วค่ะ” แพรดาวไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้แต่ลึกๆ เธอก็ยังหวาดกลัวว่าความโชคดีนี้จะไม่ยืนยาว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันจนกลัวที่จะตื่นหลังจากที่กินอาหารเย็นเสร็จแล้วคุณนิตยาก็ให้คนขับรถมาส่งที่คอนโด ส่วนคทาภัทรแยกไปทำงานก่อนแล้ว“เอาไว้แม่จะมารับไปกินข้าวอีกนะ”“คราวหน้าน้องแพรทำกับข้าวให้แม่นิตยากินนะคะ”“หนูชอบทำอาหารเหรอ”“ค่ะ”“ดีเลย แม่ก็ชอบ แต่ไม่ได้เข้าครัวนานแล้ว พ่อลูกงานยุ่งแม่ก็ไม่รู้จะทำกับข