คนที่ถูกเรียกว่า ‘ดาด้า’ ชื่อจริงคือ ‘ดาริน’ เธอเป็นสาวประเภทสองผ่านการทำศัลยกรรมมาครบทุกอย่างแล้ว กิริยาท่าทางก็เหมือนผู้หญิงทุกอย่าง มองผ่านๆ แทบหาจุดจับผิดว่าเคยเป็นผู้ชายมาก่อนไม่เจอ
“แพรยังหางานทำอยู่ใช่ไหม” เกรซพูดเข้าประเด็น
“ก็อย่างที่รู้นั่นแหละ” แพรดาวยิ้มเหงาๆคนไม่มีเส้นสายนี้หางานยากจริงๆ
“มาทำงานพิเศษที่นี่ก่อนไหม”
“ทำอะไรเหรอ” แพรดาวมองรอบตัว “ที่นี่ขาดแม่บ้านเหรอคะ”
ดารินแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เกรซหัวเราะร่า
“ยัยแพร เธอดูถูกตัวเองไปแล้วนะ ที่นี่ชื่อ ซีเคร็ท คลับ เป็นคลับรับเฉพาะรับเฉพาะลูกค้า VIP ที่มีบัตรผ่านเท่านั้นไม่ใช่ทุกคนจะเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ จะเปิดบริการเร็วๆนี้ แต่ยังขาดพนักงานที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะพูดภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นได้คล่องๆ ฉันก็เลยนึกถึงเธอขึ้นมาจะแนะนำเธอให้แม่ดาด้ารู้จัก”
“อย่างนั้นเองเหรอ” แพรยาวยิ้มเขินๆ ออกใส
ดารินสนใจเด็กสาวคนนี้มากขึ้น เธออยู่ในแวดวงนี้มานานย่อมดูคนออกแม้แต่กับเกรซที่ชอบทำตัวสนิทสนมกับเธอ แต่จริงๆ ก็ต้องรักษาระยะไม่ใกล้ชิดมากเกินไป
“ยัยแพรเก่งภาษาค่ะ พูดอังกฤษกับญี่ปุ่นได้” เกรซเชียร์เพื่อนออกนอกหน้า ความจริงที่เกรซอยากให้แพรดาวได้ทำงานที่นี่ก็เพราะเธอเองจะได้พึ่งพาเพื่อนสาวนะสิ
“เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟแต่ว่าบางคนน่ะได้ทิปเยอะนะ ฉันไม่ได้ดูถูกแพรนะ แต่งานแม่บ้านจะทำไปถึงเมื่อไหรกัน งานที่นี่ ต้องการพนักงานที่มีความสามารถในการสื่อสาร เพราะลูกค้ามีระดับ และต้องเก็บความลับของลูกค้าด้วย ให้สมกับที่ชื่อ ซีเคร็ท คลับ”
‘จนแล้วยังเลือกงานอีก’
เกรซแอบเบ้ปากมองบน ก่อนจะปรับสีหน้าและฉีกยิ้มออกมา ได้
“แม่ดาด้าว่าไงคะ เพื่อนเกรซพอไหวไหม”
“ก็อยู่ที่เจ้าตัวเขาอยากทำหรือเปล่า”
ดารินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วกวาดตามองอีกครั้ง มองครั้งแรกอาจไม่สะดุดตานักแต่ว่าเมื่อเธอกวาดตามองก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาน่ารักอยู่ไม่น้อย ดูไม่มีพิษมีภัย ถ้าคนอยู่ใกล้ๆก็คงรู้สึกสบายใจไม่ต้องคอยระวังตัวก็คนๆ นี้จะเอามีดมาแทงข้างหลังตอนไหน
แพรดาวรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่เพื่อนพูดแบบนั้นเธอก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆแล้วยกมือไหว้สวัสดีทักทายเป็นภาษาไทยก่อนทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่น
“สำเนียงใช้ได้ เรามีลูกค้าหลายระดับต้องการคนที่มีความรู้เรื่องภาษาดี แล้วนี่รุ่นเดียวกับเกรซเหรอหน้าอ่อนจังเหมือนเด็กมัธยมเลย”
เกรซไม่โอเคเท่าไหร่ที่ได้ยินดารินพูดแบบนั้น มันก็เหมือนเธอหน้าแก่กว่าวัยน่ะสิ
“หนูเป็นเพื่อนกับเกรซค่ะ เรียนคณะเดียวกันชั้นเดียวกันเกสคอยช่วยเหลือมาตลอด”
แพรดาวพูดอย่างที่คิด โดยไม่เคยรู้ว่าที่ผ่านมาเกรซมองเธอแบบไหน สำหรับเธอแล้ว เกรซเป็นเพื่อนที่ดี ช่วยเหลือเธอมาตลอด งานพิเศษเล็กๆน้อยๆหลายอย่างก็ได้มาจากเกรซแนะนำให้ ทำให้เธอพอมีเงินใช้ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นงานรับจ้างทำรายงานเข้าห้องเรียนหรือการจด lecture วิชาอื่นๆ ความใสชื่อของแพรดาวทำให้ดารินรู้สึกประทับใจ ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าแพรดาวถูกเกรซหลอกใช้ด้วยคำว่าเพื่อน
ไม่มีทางหรอกที่ยัยคนนี้จะให้คนอื่นมาเหนือกว่าตัวเอง
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องอะไรที่ดารินต้องมาใส่ใจ คนอ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของคนเข้มแข็งถ้าเด็กคนนี้ไม่รู้จักปรับตัวเองก็จะถูกคนอื่นเหยียบย่ำอยู่ตลอดไป
“แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่” ดารินเริ่มสอบถามด้วยความสนใจ เรื่องรับพนักงาน Boss ให้เธอตัดสินใจได้แต่ก็ต้องส่งรายละเอียดให้ตรวจสอบอีกที
“ก็สมัครงานไว้หลายๆ ที่ค่ะ แต่ว่ายังไม่ได้สักที่ แล้วระหว่านี้หนูก็ทำงานเป็นแม่บ้านค่ะ”
“อะไรนะ”
แพรดาวยิ้มกว้างเธอไม่รู้สึกว่าเป็นการดูถูกแต่อย่างใด
“เป็นแม่บ้านค่ะรับจ้างทำความสะอาดตามบ้านค่ะ แม่ของแพรทำงานที่บริษัทรับจ้างทำความสะอาด แต่ครึ่งปีก่อนประสบอุบัติเหตุเดินเหินไม่สะดวก แพรก็เลยเข้าไปทำงานแทนตำแหน่งของแม่ในช่วงที่ยังหางานประจำทำไม่ได้ค่ะ”
“เป็นคนขยันดีจริงๆ เอาอย่างนี้ลองทำดูก่อนก็แล้วกัน ถือว่าทดลองงาน เริ่มงานหกโมงเย็นไปถึงตีหนึ่ง เธอก็ไปบริหารจัดการเวลาเอาเอง ฉันให้คืนละหนึ่งพันห้าร้อยบาทไม่รวมทิปที่ลูกค้าให้ ถ้าผ่านช่วงทดลองงานแล้วเธอยังอยากทำงานที่นี่ต่อ จะให้เงินเดือนเดือนล่ะสองหมื่นสามพันบาท”
แพรดาวอ้าปากค้างไม่คิดว่าจะมีการจ้างงานราคาขนาดนี้
“ได้ค่ะจะให้แพรเริ่มงานเมื่อไหร่คะ”
“คลับของเราจะเปิดเร็วๆนี้ แต่เราต้องมาเตรียมงานก่อน เพราะฉะนั้นอีกสองวันเธอก็เข้ามาทำงานที่นี่ได้เลย”
“ได้ค่ะ หนูยินดีมาเริ่มงานที่นี่ค่ะฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ เอ่อจะให้หนูเลือกพี่ว่าอะไรดีคะ”
“เรียกพี่ดาด้าเหมือนเจ้าเกรซก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ดาด้า”
แพรดาวหันไปยิ้มให้กับเกรซที่ยื่นมือมาจับมือเพื่อนสาวพอดี
“เกรซก็ทำงานที่นี่ใช่ไหม” แพรดาวถามอย่างเพิ่งนึกได้ แต่เพื่อนของเธอเป็นคนสวยและเก่งมาก คงไม่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเหมือนเธอแน่ๆ
รอยยิ้มของเกรซแข็งค้างไปชั่วขณะก่อนหันไปสบตากับดารินที่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ถึงเห็น มันก็ไม่ใช่เรื่องเธอ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของธุรกิจล้วนๆ แล้วเธอก็ไม่ได้หลอกใครมาทำงานนี้ด้วย
“อื้ม” เกรซแบ่งรับแบ่งสู้ไป เธอใช้เงินเกินตัว หนี้บัตรเครติตหลายใบรวมกันก็เฉียดล้านเข้าไปแล้ว ทำงานคืนละพันห้าอย่างแพรดาวยังไม่พอจ่ายหนี้นอกระบบเลย ตอนนี้ก็มีอย่างเดียวให้เธอขายแลกเงินแล้วล่ะ
“ดีจัง” แพรดาวยิ้มดีใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนทำงานที่เดียวกัน ถ้าเธอเผลอทำอะไรซุ่มซ่ามก็ยังมีเกรซอยู่ใกล้ๆ
ดารินมองสองสาวที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ยัยเด็กแพรดาวนี้ถ้าจับแต่งเนื้อแต่งตัวหน่อยก็สวยระดับนางแบบได้เลย แต่คงเพราะอยู่กับเกรซที่ไม่ยอมให้ใครสวยกว่าก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีดีอยู่กับตัว
ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องใส่ใจ ตอนนี้ต้องมุ่งไปที่เรื่องการเปิดคลับให้ได้ตามที่เจ้านายสั่ง ในฐานะที่เธอเป็นผู้จัดการ จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด
บทนำ “แพรดาว” หญิงสาวในวัยยี่สิบสอง เธออยู่กับ “ศรีฟ้า”แม่ของเพียงสองคน แพรดาวเรียกแม่ว่า “แม่จ๋า” จนติดปาก ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเพียงแม่จ๋าคนเดียว ไม่ปรากฏญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตสองแม่ลูกหาเช้ากินค่ำล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน จนมาตอนนี้เช่าบ้านหลังน้อยอยู่ เธอเองก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก อะไรที่พอช่วยเหลือแม่จ๋าได้ ก็ทำทุกอย่าง ขอเพียงงานสุจริต เธอก็ไม่อายที่จะทำมัน หกเดือนก่อนแม่จ๋าของแพรดาวประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูนานครึ่งเดือนก่อนจะออกมาพักรักษาตัว แพรดาวเพิ่งเรียนจบคณะบริหารมาหมาดๆ ยังหางานทำไม่ได้ ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน เธอจึงทำงานในตำแหน่งของแม่ไปก่อน ระหว่างนี้เธอก็ยื่นใบสมัครงานไปทั่ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีมาเสียที ตอนนี้เลือกงานไม่ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน แพรดาวบอกกับตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจงานที่ตัวเองทำอยู่ เพียงแค่อยากทำงานให้ตรงสายงานที่เรียนมาก็เท่านั้น “หนูแพร” หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก พนักงานในชุดสีฟ้าสดใสโบกมือเรียกก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะวิ่งมาถึง
รอยน้ำเจิ่งนองบริเวณหน้าบ้านทำให้ต้องชะงักเท้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองหาสาเหตุ แพรดาวกวาดสายตาไปทั่วหน้าบ้านสองชั้นหลังเล็กที่อยู่เข้ามาในซอยประมาณห้าร้อยเมตร ร่างชายชราวัยหกสิบเจ็ดปีก้มๆเงยๆอยู่บริเวณแปลงปลูกดอกไม้เล็กๆหน้าบ้าน ปลายสายยางอยู่ในอ่างบัวน้ำล้นจนมีปลาหางนกยูงออกมานอนดิ้นเล่นน้ำอยู่บนพื้นดินเฉอะแฉะ “น้ำท่วมแล้วคุณตา” แพรดาวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปปิดก๊อกน้ำ ชายชราหันมามองทำหน้าเหรอหราแต่ยิ้มให้จนเห็นฟันหลอซี่หน้า หญิงสาวรวบกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำก่อนทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างๆ ชายชราที่กำลังสาละวนกำการย้ายต้นไม้ในกระถางลงดิน จนเผลอลืมดูน้ำที่เปิดใส่อ่างบัว มือหยาบและเหี่ยวย่นค่อยๆช้อนปลาหางนกยูงตัวน้อยนอนดิ้นรนบนพื้นดินกลับสู่พื้นน้ำดังเดิม คุณตาทำเหมือนไม่มีเธออยู่ใกล้ดูแลต้นไม้ใบหญ้าของตาต่อไป “คุณตาบรรพต คะ” บรรพตคือชื่อคุณตาเจ้าของบ้านเช่าที่แสนใจดี เรียกไม่ดังนัก แต่เหมือนคุณตาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้แต่ยิ้มเหงาๆ แล้วลุกขึ้นเดินเข้าบ้านเช่าของตัวเอง บ้านสองหลังปลูกใกล้กันในเนื้อที่บริเวณเดียวกัน หลายปีก่อนที
ชายชรานั่งอยู่ที่เก้าอี้เอนหลัง รู้สึกตัวว่ามีคนเข้าก็ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน จ้องมองคนที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้า“คุณเองรึ” เสียงแหบแห้งเอ่ยาถาม “ไม่ได้เจอนาน”“ความจำดีจริงๆ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้น ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อศอก เข้ากับรองเท้าหนังที่สวมอยู่ การเดินเข้ามาราวกับคนคุ้นเคยทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ว” บรรพตถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง“ก่อนที่คุณยายจะเสีย” เขาตอบแล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ ปรายตามองออกไปทางหน้าต่างซึ่งมองเห็นบ้านเล็กๆ ใกล้ๆ กัน “บ้านหลังนั้นมีคนเช่าแล้วเหรอ”“อืม” คุณตาตอบเบาๆ “คุณผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง”“สบายดีครับ” เขาตอบไปตามตรง “รักษาตัวเองหลายปี อาการดีขึ้น แต่ก็ยังไปหาหมอตามนัดสม่ำเสมอ”“ก็ดีแล้ว” คุณตาพยักหน้าเศร้าๆ อดีตเคยรุ่งโรจน์ ทรัพยสินเงินทองมากมาย แต่ครอบครัวกลับแตกแยก ลูกหลานไม่เหลียวแลสนใจแต่เงินในบัญชี มันคือผลกรรมจากการได้มาโดยมิชอบทั้งสิ้น“แล้วคุณ...ไปหาหมอหรือเปล่า”ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ผมจัดการตัวเองได้”“ช่างเถอะ ผมยุ่งเรื่องของคุณหนูมากเกินไป”“ผมสามสิบแล้ว เลิกเรียกคุณหนูได้แล้ว” ชายหนุ่ม
“แม่บ้านค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ แต่สายจ้องไปที่ปิ่นโต หัสดินมองตามสายตาเธอ แล้วก็เขาก็ทำหน้าประดักประเดิก“นี่ของเธอเหรอ”“ใช่ค่ะ อาหารกลางวันของดิฉัน” หญิงสาวตอบทำตาปริบๆ เขากินไปไม่กี่คำหรอก แต่ว่า นั้นข้าวกลางวันของเธอเชียวนะ“เอ่อ... ผมไม่รู้” เขาทำหน้านิ่งกลบความเก้อเขิน “เธอเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”“ก็เข้าทางประตูยังไงคะ” แม่บ้านไม่ได้ตั้งใจจะพูดจากวนประสาท แต่หงุดหงิดที่ถูกขโมยของกิน ถ้าเขาถามสักคำจะไม่ว่าอะไรเลย“ไม่มีใครบอกเหรอว่าผมอยู่ในห้อง” เขาจ้างแม่บ้านทำความสะอาดห้องสัปดาห์ละสองครั้ง แต่แม่บ้านจะมาตอนที่เขาไม่อยู่ เขาเองก็ไม่เคยเจอแม่บ้านที่จ้างผ่านบริษัททำความสะอาด ออกจะแปลกใจที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กอยู่ในห้องของเขาแบบนี้“ไม่ค่ะ” เธอตอบรวดเร็วไม่ลังเล “ฉันก็มาทำงานตามตารางที่ทางบริษัทให้มา”“ฮืม”เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ เขาเป็นคนกำหนดตารางทำความสะอาดให้แม่บ้านมาที่นี่ แต่ละสัปดาห์จะมาไม่ตรงกัน เขาสลับสับเปลี่ยนวันอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง ‘ดิน’ เองก็มีศัตรูทางการค้ามากอยู่ไม่น้อย “ทำไม?” “คะ?” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัย
“แม่จ๋า แม่ช่วยชิมไข่พะโล้ของหนูแพรหน่อยซิ” หญิงสาวร้องถามพลางยกชามพะโล้ออกมาให้แม่ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน “มีอะไรเหรอ ลูกไม่สบายเหรอ ถ้าไม่สบายไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะลูก” คนเป็นแม่เข้าใจไปว่าลูกไม่สบายเลยชิมอะไรไม่รู้รส แต่พอตักพะโล้ในชามลองชิมดู รสชาติก็ปกติดี “ก็อร่อยดีนี่ลูก” “แพรไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีลูกค้าจ้างแพรทำกับไข้พะโล้ค่ะ แพรไม่มั่นใจเลยให้แม่ช่วยชิมก่อน” “เอ๋? แล้วลูกค้ารู้ได้ไงว่าลูกทำกับข้าวล่ะ” แม่ถามอย่างประหลาดใจ “สองสามวันก่อน แพรไปทำความสะอาดที่ห้องชุดของลูกค้า แล้ววางปิ่นโตไว้ เขาตื่นมากินข้าวกล่องของแพรแล้วจ้างแพรทำไข่พะโล้ค่ะ” “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” “แต่ดูเขาเป็นคนดีนะคะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” “แล้วลูกบอกหัวหน้าหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ คิดว่าเขาคง..ไม่จริงจังอะไร” “ปกติบริษัทก็จะมีแม่บ้านที่ทำอาหารได้ ถ้าลูกค้าต้องการเชฟไปทำอาหารที่บ้านก็ต้องติดต่อกับทางบริษัท” “ถ้างั้นเอาไงดีคะแม่” แพรดาวไม่อยากให้มีปัญหา คนร
“ฉันพูดได้หรือคะ” หญิงสาวถามกลับทั้งที่ยังก้มหน้ากับสมุดโน้ตอยู่ “ว่ามา” หัสดินยืนกอดอกเปลือยเปล่าของตัวเอง มองเธอเงยหน้าขึ้น สีหน้าของหญิงสาวบ่งบอกไม่พอใจจริงๆ นั้นแหละ และเขาไม่เคยเห็นใครทำสีหน้าแบบนี้ใส่เขามาก่อน “คุณเปียก” “ก็ผมอาบน้ำ” เขายักไหล่ “คุณควรเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วคุณก็ไม่ใส่รองเท้าแตะในบ้านด้วย คุณมีตั้งหลายคู่ เดินทั้งที่เท้าเปียกคุณจะลื่นล้มได้นะคะ” เมื่อถูกตำหนิตรงๆ เขาชะงักไปเล็กน้อยแต่เก็บสีหน้าอยู่ ชายหนุ่มไหวไหล่แล้วเดินผลุบหายเข้าไปในห้องก่อนจะออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม พอเขานั่งลงที่เก้าอี้ในห้องครัวแล้วเธอก็ยกกาแฟมาให้เขาก่อน แล้วค่อยถอยไปตั้งหลักตามมารยาท กาแฟร้อนแต่เขายกดื่มแค่สองสามครั้งก็หมดแก้ว เธอจึงยกอาหารมาวางแทนที่ “คุณมาแต่เช้า กินอะไรมาหรือยัง” เขาถาม “ฉันเอาปิ่นโตมาค่ะ” “ตอบไม่ตรงคำถาม” เขาทำเป็นบ่น “นั่งกินด้วยกันซิ” “จะดีหรือคะ” “ไม่ดีหรอก ถ้าคุณจะยืนกิน” เขาพูดห้วนๆ ซึ่งแพรดาว
หลังจากประชุมผู้ถือหุ้นผ่านไป หัสวีร์รั้งตัวน้องชายให้อยู่ก่อน ชายหนุ่มอายุห่างกันสองปี รูปร่างก็ใกล้เคียงกัน เค้าโครงหน้าก็คล้ายกัน แต่หัสดินเป็นหนุ่มไทยแท้ในขณะที่พี่ชายเป็นลูกครึ่ง ในห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูง มีห้องด้านข้างสำหรับออกกำลังกายและห้องอาบน้ำ หัสวีร์เป็นพวกชอบออกแรง แม้แต่ห้องพักในคอนโดสุดหรูก็มีเครื่องออกกำลังกายที่นั้น “ซ้อมมวยเป็นเพื่อนพี่สักสองสามยกสิ” “อย่างพี่วีร์นี่นะสองสามยก” หัสดินเบ้ปากแล้วเลื่อนปมเนกไทลง แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็เดินตามพี่ชายไปที่ห้องออกกำลังกาย หลังปิดประตูห้อง สองหนุ่มก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกเหวี่ยงไปด้านข้าง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม หัสวีร์กระโดดฟุตเวิร์คไปมาแล้วออกหมัด หัสดินเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไว “เฮ้! จะไม่ใส่นวมก่อนเหรอ” “ไม่ไว้ใจคนที่นายเรียกว่าพี่ชายเหรอ” หัสวีร์ออกหมัดใส่แต่หัสดินไม่โต้ตอบเอาแต่หลบซ้ายเบี่ยงขวาไปมา “ฉันไม่ให้หน้าเป็นรอยหรอกน่า” ‘ไม่ให้หน้าเป็นรอย’ คล้ายความทรงจำในวัยเด็กถูกกระตุ้น แววตาของหัสดินเปลี่ยนเป็นไปและเปลี่ยนจากหลบหลีกเป็นพุ่งหมั
สถานที่ ภายใน ห้องนอน เวลา เที่ยงคืน คุณเคยจมน้ำไหม? น้ำที่มีแต่โคลนตม ...โคลนที่ทะลักเข้าปาก เท้าที่แตะไม่ถึงพื้น และมือที่พยายามไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวผมกำลังรู้สึกเช่นนั้นในวินาทีนี้.... ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนี้บ่อยนักหรอก มันจะโถมเข้าใส่ในสภาวะที่ตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาที่หาทางออกไม่ได้อยู่เสมอ อาการนั้นเสมือนคนโรคประสาท ย้ำคิดย้ำทำ คิดอยู่แค่ว่าจะไปให้พ้นสภาพที่เป็นอยู่ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปอย่างไร แต่สุดท้าย ผมเลือกที่จะเดิน...เดิน...เดิน...และเดิน... ผมไม่ใช่คนชอบแก้ปัญหา แต่เป็นนักตัดปัญหา ตัดมันทิ้งๆไปซะให้มันพ้นๆตัวก็พอแล้ว ชีวิตมันก็แค่นี้ สั้นยาวก็เท่านี้ อยู่ไม่นานนักหรอก ยังไงก็ตายอยู่ดี แปลกนะ... คนเราหนีความตายไม่พ้น แต่เพรียกหาความตายเสียเหลือเกิน ความตายนั้นสวยงามนักหรือ? ถึงได้ปรารถนานักยามเมื่อมีปัญหา มันคือทางออกแห่งปัญหาทั้งมวลหรือ? แต่ครั้งหนึ่ง.. ผมก็ใช้มันเพื่อเป็นทางออกของปัญหา และใช้มันเป็นการเรียกสายตาคนในครอบครัวให้เหลียวแล วัยเด็กของ
คนที่ถูกเรียกว่า ‘ดาด้า’ ชื่อจริงคือ ‘ดาริน’ เธอเป็นสาวประเภทสองผ่านการทำศัลยกรรมมาครบทุกอย่างแล้ว กิริยาท่าทางก็เหมือนผู้หญิงทุกอย่าง มองผ่านๆ แทบหาจุดจับผิดว่าเคยเป็นผู้ชายมาก่อนไม่เจอ “แพรยังหางานทำอยู่ใช่ไหม” เกรซพูดเข้าประเด็น “ก็อย่างที่รู้นั่นแหละ” แพรดาวยิ้มเหงาๆคนไม่มีเส้นสายนี้หางานยากจริงๆ“มาทำงานพิเศษที่นี่ก่อนไหม”“ทำอะไรเหรอ” แพรดาวมองรอบตัว “ที่นี่ขาดแม่บ้านเหรอคะ”ดารินแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เกรซหัวเราะร่า“ยัยแพร เธอดูถูกตัวเองไปแล้วนะ ที่นี่ชื่อ ซีเคร็ท คลับ เป็นคลับรับเฉพาะรับเฉพาะลูกค้า VIP ที่มีบัตรผ่านเท่านั้นไม่ใช่ทุกคนจะเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ จะเปิดบริการเร็วๆนี้ แต่ยังขาดพนักงานที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะพูดภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นได้คล่องๆ ฉันก็เลยนึกถึงเธอขึ้นมาจะแนะนำเธอให้แม่ดาด้ารู้จัก”“อย่างนั้นเองเหรอ” แพรยาวยิ้มเขินๆ ออกใสดารินสนใจเด็กสาวคนนี้มากขึ้น เธออยู่ในแวดวงนี้มานานย่อมดูคนออกแม้แต่กับเกรซที่ชอบทำตัวสนิทสนมกับเธอ แต่จริงๆ ก็ต้องรักษาระยะไม่ใกล้ชิดมากเกินไป“ยัยแพรเก่งภาษาค่ะ พูดอังกฤษกับญี่ปุ่นได้” เกรซเ
นิ้วเรียวกำลังเลือกหยิบดอกจำปีในกระทงใบตองขนาดกำลังดีมีก้านยาวจากขั้วออกมาเล็กน้อยพอที่จะนำมามัดกับเส้นผมสีดำขลับของปรางไหม หญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ เธอส่องกระจกเงาตรงหน้าดูผมยาวถึงกลางหลัง เธอปล่อยให้มันยาวอย่างอิสระมาสามปีแล้ว เธอมองมันอยู่เพียงครู่ก่อนจะรวบขึ้นเป็นมวยเผยให้เห็นไรผมรุ่ยร่ายบางๆ ดูเข้ากับดอกจำปีที่พันไว้กับเส้นผมดำเงางามที่แสนภูมิใจของตนเองเป็นผู้หญิงนี่นะ ยังไงก็รักสวยรักงามอยู่ดี แพรดาวระบายลมหายใจเบาๆถึงอย่างไรเธอก็น่ารักที่สุดได้เท่านี้ เธอรู้ว่าตัวเองหน้าตาธรรมดาแทบไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย การเรียนก็ปานกลาง ตอนเด็กๆ ย้ายบ้านบ่อยจนเธอแทบจำไม่ได้ว่าบ้านเดิมจริงๆอยู่ที่ไหน เธอรู้แค่ว่าแม่จ๋าจะกุมมือเล็กๆของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ ตั้งแต่จำความได้ก็มีแค่แม่จ๋าที่อยู่กับเธอ จะวันพ่อหรือวันพิเศษอะไรที่โรงเรียนจัดกิจกรรมก็จะมีแค่แม่จ๋าที่มาอยู่ตรงหน้า เธอเคยถามแต่เห็นการฝืนยิ้มจนพูดไม่ออกและแอบไปร้องไห้ทำให้เลิกถาม หากการถามถึงผู้ชายคนนั้นทำให้แม่จ๋าเสียใจ เธอไม่ทำดีกว่า อยู่จนอายุครบ22ปี เธอเลิกคิดถึงผู้ชายที่เรียกว่าพ่อไปแล้ว
แพรดาวกวาดตามองให้ห้องแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ เธอมาทำความสะอาดที่นี่หลายครั้ง แต่เจ้าของบ้านมักเก็บทุกอย่างค่อนข้างเป็นระเบียบ ทำให้การทำงานของเธอง่ายและกินแรงน้อยมาก แต่วันนี้ห้องของเขา...อย่างกับถูกรื้อค้น หรือว่า... จะมีโจรขึ้นบ้าน! ใบหน้าสวยขาวซีดไร้สีเลือด พยายามตั้งสติแล้วล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าผ้าที่คล้องไหล่ แต่ความตื่นกลัวของเธอทำให้มือไม้สั่นควานหาโทรศัพท์ไม่ถือ “บ้าจริง อยู่ไหน หรือลืมเอามาจากบ้านด้วย” แม่บ้านสาวเริ่มร้อนรน ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงได้ไอร้อนจากด้านหลัง เมื่อเอี้ยวใบหน้ามองพลันเห็นใบหน้าของชายผู้หนึ่ง รอยยิ้มเพิ่งจุดขึ้นที่มุมปากทว่าฝ่ามือของเขากลับยกมือขึ้นปิดครึ่งปากครึ่งจมูกของเธอ “เธอเป็นใคร!” “อื้อ!” หญิงสาวเบิกตาโต เธอยอมรู้จักชายคนนี้แต่เขากลับทำเหมือนไม่เคยเห็นเธอมาก่อน ความกลัวทำให้ร่างเล็กดิ้นรนขัดขืน และทำให้วงแขนนั้นโอบรัดเธอแน่นขึ้น ร่างอ่อนนุ่มในชุดแม่บ้านไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหว เขาพร้อมจะบิดคอเธอให้หักคามือ แต่ก็ค่อยๆ คลายออกเมื่อรู้ว่าอ
สถานที่ ภายใน ห้องนอน เวลา เที่ยงคืน คุณเคยจมน้ำไหม? น้ำที่มีแต่โคลนตม ...โคลนที่ทะลักเข้าปาก เท้าที่แตะไม่ถึงพื้น และมือที่พยายามไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวผมกำลังรู้สึกเช่นนั้นในวินาทีนี้.... ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนี้บ่อยนักหรอก มันจะโถมเข้าใส่ในสภาวะที่ตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาที่หาทางออกไม่ได้อยู่เสมอ อาการนั้นเสมือนคนโรคประสาท ย้ำคิดย้ำทำ คิดอยู่แค่ว่าจะไปให้พ้นสภาพที่เป็นอยู่ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไปอย่างไร แต่สุดท้าย ผมเลือกที่จะเดิน...เดิน...เดิน...และเดิน... ผมไม่ใช่คนชอบแก้ปัญหา แต่เป็นนักตัดปัญหา ตัดมันทิ้งๆไปซะให้มันพ้นๆตัวก็พอแล้ว ชีวิตมันก็แค่นี้ สั้นยาวก็เท่านี้ อยู่ไม่นานนักหรอก ยังไงก็ตายอยู่ดี แปลกนะ... คนเราหนีความตายไม่พ้น แต่เพรียกหาความตายเสียเหลือเกิน ความตายนั้นสวยงามนักหรือ? ถึงได้ปรารถนานักยามเมื่อมีปัญหา มันคือทางออกแห่งปัญหาทั้งมวลหรือ? แต่ครั้งหนึ่ง.. ผมก็ใช้มันเพื่อเป็นทางออกของปัญหา และใช้มันเป็นการเรียกสายตาคนในครอบครัวให้เหลียวแล วัยเด็กของ
หลังจากประชุมผู้ถือหุ้นผ่านไป หัสวีร์รั้งตัวน้องชายให้อยู่ก่อน ชายหนุ่มอายุห่างกันสองปี รูปร่างก็ใกล้เคียงกัน เค้าโครงหน้าก็คล้ายกัน แต่หัสดินเป็นหนุ่มไทยแท้ในขณะที่พี่ชายเป็นลูกครึ่ง ในห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูง มีห้องด้านข้างสำหรับออกกำลังกายและห้องอาบน้ำ หัสวีร์เป็นพวกชอบออกแรง แม้แต่ห้องพักในคอนโดสุดหรูก็มีเครื่องออกกำลังกายที่นั้น “ซ้อมมวยเป็นเพื่อนพี่สักสองสามยกสิ” “อย่างพี่วีร์นี่นะสองสามยก” หัสดินเบ้ปากแล้วเลื่อนปมเนกไทลง แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็เดินตามพี่ชายไปที่ห้องออกกำลังกาย หลังปิดประตูห้อง สองหนุ่มก็ถอดเสื้อเชิ้ตออกเหวี่ยงไปด้านข้าง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม หัสวีร์กระโดดฟุตเวิร์คไปมาแล้วออกหมัด หัสดินเบี่ยงตัวหลบอย่างว่องไว “เฮ้! จะไม่ใส่นวมก่อนเหรอ” “ไม่ไว้ใจคนที่นายเรียกว่าพี่ชายเหรอ” หัสวีร์ออกหมัดใส่แต่หัสดินไม่โต้ตอบเอาแต่หลบซ้ายเบี่ยงขวาไปมา “ฉันไม่ให้หน้าเป็นรอยหรอกน่า” ‘ไม่ให้หน้าเป็นรอย’ คล้ายความทรงจำในวัยเด็กถูกกระตุ้น แววตาของหัสดินเปลี่ยนเป็นไปและเปลี่ยนจากหลบหลีกเป็นพุ่งหมั
“ฉันพูดได้หรือคะ” หญิงสาวถามกลับทั้งที่ยังก้มหน้ากับสมุดโน้ตอยู่ “ว่ามา” หัสดินยืนกอดอกเปลือยเปล่าของตัวเอง มองเธอเงยหน้าขึ้น สีหน้าของหญิงสาวบ่งบอกไม่พอใจจริงๆ นั้นแหละ และเขาไม่เคยเห็นใครทำสีหน้าแบบนี้ใส่เขามาก่อน “คุณเปียก” “ก็ผมอาบน้ำ” เขายักไหล่ “คุณควรเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วคุณก็ไม่ใส่รองเท้าแตะในบ้านด้วย คุณมีตั้งหลายคู่ เดินทั้งที่เท้าเปียกคุณจะลื่นล้มได้นะคะ” เมื่อถูกตำหนิตรงๆ เขาชะงักไปเล็กน้อยแต่เก็บสีหน้าอยู่ ชายหนุ่มไหวไหล่แล้วเดินผลุบหายเข้าไปในห้องก่อนจะออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม พอเขานั่งลงที่เก้าอี้ในห้องครัวแล้วเธอก็ยกกาแฟมาให้เขาก่อน แล้วค่อยถอยไปตั้งหลักตามมารยาท กาแฟร้อนแต่เขายกดื่มแค่สองสามครั้งก็หมดแก้ว เธอจึงยกอาหารมาวางแทนที่ “คุณมาแต่เช้า กินอะไรมาหรือยัง” เขาถาม “ฉันเอาปิ่นโตมาค่ะ” “ตอบไม่ตรงคำถาม” เขาทำเป็นบ่น “นั่งกินด้วยกันซิ” “จะดีหรือคะ” “ไม่ดีหรอก ถ้าคุณจะยืนกิน” เขาพูดห้วนๆ ซึ่งแพรดาว
“แม่จ๋า แม่ช่วยชิมไข่พะโล้ของหนูแพรหน่อยซิ” หญิงสาวร้องถามพลางยกชามพะโล้ออกมาให้แม่ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอน “มีอะไรเหรอ ลูกไม่สบายเหรอ ถ้าไม่สบายไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะลูก” คนเป็นแม่เข้าใจไปว่าลูกไม่สบายเลยชิมอะไรไม่รู้รส แต่พอตักพะโล้ในชามลองชิมดู รสชาติก็ปกติดี “ก็อร่อยดีนี่ลูก” “แพรไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พอดีลูกค้าจ้างแพรทำกับไข้พะโล้ค่ะ แพรไม่มั่นใจเลยให้แม่ช่วยชิมก่อน” “เอ๋? แล้วลูกค้ารู้ได้ไงว่าลูกทำกับข้าวล่ะ” แม่ถามอย่างประหลาดใจ “สองสามวันก่อน แพรไปทำความสะอาดที่ห้องชุดของลูกค้า แล้ววางปิ่นโตไว้ เขาตื่นมากินข้าวกล่องของแพรแล้วจ้างแพรทำไข่พะโล้ค่ะ” “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” “แต่ดูเขาเป็นคนดีนะคะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” “แล้วลูกบอกหัวหน้าหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ คิดว่าเขาคง..ไม่จริงจังอะไร” “ปกติบริษัทก็จะมีแม่บ้านที่ทำอาหารได้ ถ้าลูกค้าต้องการเชฟไปทำอาหารที่บ้านก็ต้องติดต่อกับทางบริษัท” “ถ้างั้นเอาไงดีคะแม่” แพรดาวไม่อยากให้มีปัญหา คนร
“แม่บ้านค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ แต่สายจ้องไปที่ปิ่นโต หัสดินมองตามสายตาเธอ แล้วก็เขาก็ทำหน้าประดักประเดิก“นี่ของเธอเหรอ”“ใช่ค่ะ อาหารกลางวันของดิฉัน” หญิงสาวตอบทำตาปริบๆ เขากินไปไม่กี่คำหรอก แต่ว่า นั้นข้าวกลางวันของเธอเชียวนะ“เอ่อ... ผมไม่รู้” เขาทำหน้านิ่งกลบความเก้อเขิน “เธอเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง”“ก็เข้าทางประตูยังไงคะ” แม่บ้านไม่ได้ตั้งใจจะพูดจากวนประสาท แต่หงุดหงิดที่ถูกขโมยของกิน ถ้าเขาถามสักคำจะไม่ว่าอะไรเลย“ไม่มีใครบอกเหรอว่าผมอยู่ในห้อง” เขาจ้างแม่บ้านทำความสะอาดห้องสัปดาห์ละสองครั้ง แต่แม่บ้านจะมาตอนที่เขาไม่อยู่ เขาเองก็ไม่เคยเจอแม่บ้านที่จ้างผ่านบริษัททำความสะอาด ออกจะแปลกใจที่เห็นหญิงสาวตัวเล็กอยู่ในห้องของเขาแบบนี้“ไม่ค่ะ” เธอตอบรวดเร็วไม่ลังเล “ฉันก็มาทำงานตามตารางที่ทางบริษัทให้มา”“ฮืม”เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ เขาเป็นคนกำหนดตารางทำความสะอาดให้แม่บ้านมาที่นี่ แต่ละสัปดาห์จะมาไม่ตรงกัน เขาสลับสับเปลี่ยนวันอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง ‘ดิน’ เองก็มีศัตรูทางการค้ามากอยู่ไม่น้อย “ทำไม?” “คะ?” หญิงสาวเอียงคอมองอย่างสงสัย
ชายชรานั่งอยู่ที่เก้าอี้เอนหลัง รู้สึกตัวว่ามีคนเข้าก็ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน จ้องมองคนที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้า“คุณเองรึ” เสียงแหบแห้งเอ่ยาถาม “ไม่ได้เจอนาน”“ความจำดีจริงๆ” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยขึ้น ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงข้อศอก เข้ากับรองเท้าหนังที่สวมอยู่ การเดินเข้ามาราวกับคนคุ้นเคยทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย“ไม่เจอกันกี่ปีแล้ว” บรรพตถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง“ก่อนที่คุณยายจะเสีย” เขาตอบแล้วเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ ปรายตามองออกไปทางหน้าต่างซึ่งมองเห็นบ้านเล็กๆ ใกล้ๆ กัน “บ้านหลังนั้นมีคนเช่าแล้วเหรอ”“อืม” คุณตาตอบเบาๆ “คุณผู้หญิงเป็นยังไงบ้าง”“สบายดีครับ” เขาตอบไปตามตรง “รักษาตัวเองหลายปี อาการดีขึ้น แต่ก็ยังไปหาหมอตามนัดสม่ำเสมอ”“ก็ดีแล้ว” คุณตาพยักหน้าเศร้าๆ อดีตเคยรุ่งโรจน์ ทรัพยสินเงินทองมากมาย แต่ครอบครัวกลับแตกแยก ลูกหลานไม่เหลียวแลสนใจแต่เงินในบัญชี มันคือผลกรรมจากการได้มาโดยมิชอบทั้งสิ้น“แล้วคุณ...ไปหาหมอหรือเปล่า”ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ผมจัดการตัวเองได้”“ช่างเถอะ ผมยุ่งเรื่องของคุณหนูมากเกินไป”“ผมสามสิบแล้ว เลิกเรียกคุณหนูได้แล้ว” ชายหนุ่ม