หัสดิน หรือ ดิน อายุ30ปี น้องชายคนละแม่กับหัสวีร์ : สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน เชฟดิน ชายหนุ่มโปรไฟล์ยอดเยี่ยม เขาไม่ค่อยเปิดเผยตัวเองในสังคมนัก ทำงานอยู่เบื้องหลังบริษัทของตระกูลศาตนันท์ ตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆของโลก เป็นน้องชายต่างมารดากับ “หัสวีร์” เบื้องหน้าเขาคือหัสดิน เชฟหนุ่มที่มีรอยยิ้มตลอดเวลา แต่เบื้องหลังเขาดูธุรกิจสีเทาของครอบครัว และยังมีบุคลิกอันซับซ้อน แพรดาว เธอมีชีวิตเรียบง่ายมาจนอายุ22 อยู่กับแม่เพียงสองคนตั้งแต่เธอจำความได้ แม่ของเธอทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดกับบริษัทแห่งหนึ่ง แพรดาวเองก็ทำงานพิเศษหารายได้ช่วยแม่มาตลอด การเรียนระดับปานกลาง สองแม่ลูกใช้ชีวิตราบเรียบไม่มีอะไรเป็นพิเศษ จนเมื่อครึ่งปีก่อนแม่ของเธอป่วยหนัก หญิงสาวจึงเข้าไปทำงานแทนตำแหน่งของแม่ คิดแค่ว่าจะทำไปก่อนระหว่างที่ยังหางานประจำไม่ได้ หัสดินผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนและท่าทีขี้เล่น มีเพียงแพรดาวที่บังเอิญล่วงรู้ความลับของเขา ความลับที่ชายหนุ่มไม่ต้องการให้ใครรู้! จงเก็บศัตรูไว้ข้างกาย เขาจึงจำเป็นต้องกักขังเธอไว้ข้างตัว!
View Moreบทนำ
“แพรดาว” หญิงสาวในวัยยี่สิบสอง เธออยู่กับ “ศรีฟ้า”แม่ของเพียงสองคน แพรดาวเรียกแม่ว่า “แม่จ๋า” จนติดปาก ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเพียงแม่จ๋าคนเดียว ไม่ปรากฏญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตสองแม่ลูกหาเช้ากินค่ำล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน จนมาตอนนี้เช่าบ้านหลังน้อยอยู่ เธอเองก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก อะไรที่พอช่วยเหลือแม่จ๋าได้ ก็ทำทุกอย่าง ขอเพียงงานสุจริต เธอก็ไม่อายที่จะทำมัน
หกเดือนก่อนแม่จ๋าของแพรดาวประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูนานครึ่งเดือนก่อนจะออกมาพักรักษาตัว แพรดาวเพิ่งเรียนจบคณะบริหารมาหมาดๆ ยังหางานทำไม่ได้ ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน เธอจึงทำงานในตำแหน่งของแม่ไปก่อน ระหว่างนี้เธอก็ยื่นใบสมัครงานไปทั่ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีมาเสียที
ตอนนี้เลือกงานไม่ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน
แพรดาวบอกกับตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจงานที่ตัวเองทำอยู่ เพียงแค่อยากทำงานให้ตรงสายงานที่เรียนมาก็เท่านั้น
“หนูแพร”
หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก พนักงานในชุดสีฟ้าสดใสโบกมือเรียกก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะวิ่งมาถึง แพรดาวส่งยิ้มและหยุดรอ แม่จ๋าของเธอทำงานกับบริษัท คลีน แอนด์ คลีน จำกัด มาหลายปี เจ้านายใจดีมีสวัสดิ์การและโอทีให้ แม้งานจะหนักสักหน่อยแต่ก็ไม่หนักหนาขนาดทนไม่ได้ พอแม่จ๋าประสบอุบัติเหตก็มีเงินใส่ซองเป็นค่าทำขวัญมอบให้ คอยดูแลในหลายๆเรื่อง และเสนอให้เธอมาทำงานแทนแม่จ๋าไปก่อน จนกว่าแม่จ๋าจะกลับมาทำงานได้ปกติเหมือนเดิม
“ว่าไงค่ะน้าแป้ง” เธอทัก กระชับกระเป๋าสะพายที่คล้องไหล่อยู่ บริษัทส่งเธอไปทำความสะอาดที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านสาทร เธอเพิ่งจะกลับเข้าบริษัทและเตรียมตัวกลับบ้าน
“พรุ่งนี้ว่างไหม”
“พรุ่งนี้วันหยุดแพรค่ะ แต่แพรไม่มีคิวอะไร” เธอตอบไปตามตรง
“น้าต้องพาย่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะ หาคนมาเปลี่ยนเวรอยู่”
“ได้ค่ะ” แพรดาวตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด “ไปที่ไหนคะ”
“พรุ่งนี้ไปบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟจ๊ะ”
“อ้อ แพรเคยไปหลายหนแล้ว น้าแป้งบอกหัวหน้าหรือยังคะ”
“ยังเลย รอหาคนมาแทนได้ก่อน ตกลงหนูแพรรับไปนะลูกนะ”
“ได้ค่ะ แพรไม่มีปัญหาอะไร”
“ขอบใจหนูแพรมาก”
แพรดาวได้แต่ยิ้ม ชีวิตเธอก็เรียบง่ายแบบนี้แหละ ขอแค่กินอิ่มนอนหลับ ผ่านแต่ละวันไปอย่างเป็นสุขก็พอแล้ว
หัสดิน
หัสดิน ศาตนันท์ ชายหนุ่มอายุสามสิบพอดิบพอดี โปรไฟล์เร้าใจสาวๆ ในฐานะเชฟหนุ่มสุดหล่อที่มีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ เบื้องหน้าคือรอยยิ้มทะเล้นและเจ้าของร้านอาหารสุดหรูหลายสาขา แต่เบื้องหลังเขาดูแลธุรกิจสีเทาของตระกูลศาตนันท์ การทำงานด้านนี้เพื่อแลกกับการที่เขายังคงตำแหน่งเชฟและไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานในบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟ ซึ่งมีพี่ชายต่างมารดา ‘หัสวีร์’ นั่งตำแหน่งประธานบริษัทฯ
หลายคนอาจไม่รู้ ภายนอกท่าทีไม่เอาไหนวันๆ เอาแต่หมกมุ่นกับการทำอาหาร หัสดินทำงานดูแลบริษัทในสาขาที่อเมริกา เดิมที่เขาอยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย แต่เพราะบริษัทฯที่เมืองไทยต้องปรับฟื้นฟูสภาพคล่อง เขาจึงกลับมาดูแลบริษัทได้ราวครึ่งปีแล้ว
เขาเติบโตในตระกูลร่ำรวยมั่งคั่ง
แต่ในหัวใจว่างเปล่า
แม่ให้กำเนิดเขาโดยไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส แต่กระนั้นพ่อก็ยังรับเขากับแม่เข้ามาอยู่ในตระกูลศาตนันท์ เพื่อให้ลูกชายคนเดียวมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนอินเตอร์ ไม่ว่าจะถูกดูแคลนอย่างไร แม่ของเขาอดทนได้
ชีวิตมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด เพราะ...เขามีพี่ชายต่างมารดาที่แม้ปากร้ายไปสักหน่อย แต่คอยดูแลเขาในฐานะน้องชายมาตลอด
แต่ครั้งหนึ่ง...เรื่องที่น้อยคนจะรู้
แม่ที่ตอนนั้นยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เคยพยายามวางยานอนหลับในน้ำหวานเพื่อให้เขาตายก่อนและแม่ตั้งใจจะตายตาม
“แม่ทำอะไรฮะ”
เขาอายุเพียง 8 ขวบ แต่จำใบหน้านองน้ำตาของแม่ได้อย่างดี ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาไม่เคยลืมภาพในคืนนั้น
“ดิน” แม่เรียกทั้งน้ำตา “อย่าโกรธแม่นะ แม่ทำดีที่สุดแล้ว”
ดวงตาของแม่เหมือนคนอดนอนหลายวัน เห็นเส้นเลือดในตาขาวชัดจนเหมือนดวงตากลายเป็นสีแดง มือที่เคยโอบกอดยื่นมาบีบคอของเขา เด็กชายตาเหลือกไม่คิดว่าแม่จะทำเช่นนี้
“แม่ฮะ นี่ดินนะ แม่!”
“แม่ขอโทษ อย่าโกรธแม่นะ เดี๋ยวแม่จะตามดินไป”
แม่ร้องไห้ แต่เขาเศร้า เสียใจ และกลายเป็นโกรธแค้นที่แม่กำลังจะฆ่าเขา อาจเพราะแม่มีแรงไม่มากพอ เด็ก8ขวบมีความฮึดขึ้นมา เขาดิ้นสุดกำลัง พลัน! เงาทมึนเบื้องหลังเคลื่อนไหวด้านหลัง เป็นหัสวีร์ที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา!
“คุณน้า! อย่าทำแบบนี้!”
น้อยครั้งที่คนหยิ่งผยองอย่างหัสวีร์จะเรียกผู้หญิงของพ่อแบบนี้ พ่อของเขาเจ้าชู้ที่ทำให้ผู้หญิงทนไม่ไหวแม้จะแต่งงานกันแล้วก็ยังมีบ้านเล่นบ้านน้อย จนแม่ของหัสวีร์เป็นฝ่ายหย่าร้างและย้ายกลับไปต่างประเทศ แต่เพราะข้อเสนอของคุณปู่ ให้หลานชายได้เติบโตที่เมืองไทย นอกจากได้รับการเลี้ยงดูที่ดีแล้ว ยังมีเงินค่าปลอบใจที่ต้องหย่าร้าง เป็นเงินหลายล้านดอลร์ล่าเลยทีเดียว
แม่ของหัสดินเหมือนเพิ่งได้สติ เธอตกใจปล่อยมือจากคอเล็กๆของลูกชายคนโต ผงะถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“ถ้าคุณน้าไม่ต้องการดินแล้วก็ยกเขาให้ผมเถอะ ผมจะดูแลดินเอง!”
“ขอโทษ...ดิน ...แม่ขอโทษ”
หัสวีร์โอบไหล่ปกป้องหัสดินที่อายุน้อยกว่า2ปี แม้อายุน้อยแต่เติบโตมาภายใจการเลี้ยงดูที่เข้มงวดของปู่และย่า ทำให้เขาดูโตเกินวัย และสามารถจัดการปัญหาตรงหน้าได้ เขาโทรบอกคุณปู่ ไม่นานนักก็มีคนมารับตัวแม่ของหัสวีร์ไปโรงพยาบาล แต่หัสดินไม่รู้ความคิดว่าแม่จะถูกส่งเข้าคุกเข้าตะราง
“อย่าเอาแม่ไปนะ!”
“คุณปู่จะพาแม่ไปรักษา แม่นายไม่สบายต้องไปรักษาตัวก่อน อืม...เขาเรียกอะไรนะ ซึมเศร้าหลังคลอดอะไรนี่แหละ”
“แม่ป่วยเหรอ?”
“อืม ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลนายเอง”
นี่เป็นความลับเล็กๆ ของเด็กชายสองคน แต่เป็นเหตุผลยิ่งใหญ่ที่ทำให้หัสดินรักและเคารพหัสวีร์ยิ่งกว่าบิดาที่ให้กำเนิดเสียอีก
หลังจากปล่อยหมัดหนักๆ ใส่คนงานจนมันล้มหน้าคว่ำไปกับพื้นดินแล้ว ธามไทก็ตวัดตามองชายอีกคนที่เตะคนงานในไร่สองคนหมอบไปถึงสองคน เขาหรี่ตามองแล้วสาวเท้าไปยื่นมือไปหมายจะหยิบหมวกที่อีกฝ่ายสวมอยู่ แต่หัสดินปัดป้องมือข้างนั้นตามสัญชาติญาณ มืออีกข้างพุ่งไปหมายซัดเข้าที่เบ้าหน้าฝ่ายตรงข้าม “อย่าค่ะพี่ดิน!” แพรดาวพุ่งเข้าใส่ร่างหัสดินจากด้านข้าง ชายหนุ่มเสียหลักแต่สองเท้ายังมั่นคงไม่ล้มลงไปทั้งสองคน แพรดาวกอดเอวหัสดินแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมอง “อย่าทำร้ายคุณธามไทนะคะ แพรขอร้อง” “น้องแพร...” อารมรณ์กรุ่นโกรธเริ่มลดลง แทนที่ด้วยความปวดใจที่เห็นว่าคนรักขอร้องแทนผู้ชายคนอื่นอยู่! “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่!” ธามไทตวาดอย่างหัวเสีย ทั้งที่เขาระวังดีแล้วแท้ๆ แต่ไอ้หมอนี้มาเหยียบถึงถิ่นเขาได้! เมื่อเปิดตัวเร็วขนาดนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีก หัสดินถอดหมวกแก็ปแล้วโยนทิ้ง ยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆ ให้เข้าที่ ดวงตาคมหรี่มองอีกฝ่ายอย่างดูแคลน “ก็มารับตัวผู้หญิงของกูนะสิ!” สิ้นเสียงของหัสดิน ลูกน้องที่ตามมาด้วยก็เข้ามาประกบผู
หัวหน้าประยงค์กวาดตามองชายหนุ่มสามสี่คนที่เข้ามาสมัครทำงานในไร่ เป็นอย่างนี้เสมอ คนเก่าไปคนใหม่เข้ามาแทนที่ วัยรุ่นวัยแรงงานอยู่ทำงานไม่ค่อยทนเท่าไรนัก ที่นี่ห่างไกลตัวเมืองและแสงสี “ถอดหมวกสิ” ประยงค์สั่งชายหนุ่มที่สวมหมวกแก๊ปอยู่ อีกฝ่ายก็ทำตามสั่งอย่างว่าง่าย เขาพยักหน้าแล้วใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปบัตรประชาชนของแต่ละคนไว้เป็นหลักฐาน “ก็อย่างที่บอกค่าแรงรายวัน รับเงินทุกสิบห้าวัน เริ่มงานเลยไหม” “ได้ครับหัวหน้า” ‘ไม่อยู่ถึงขนาดนั้นหรอก’ หัสดินใส่หมวกตามเดิม เขาหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่ตามมาด้วย เขาไม่ได้สนใจว่าหัวหน้าคนงานสั่งอะไร สายตากวาดมองไปทั่ว สำรวจเส้นทาง จำนวนคนและที่สำคัญมองหาใครบางคนที่ทำให้หัวใจของเขาร้อนเป็นไฟ ‘พิกัดล่าสุดของแพรดาวอยู่บริเวณนี้ หรือใกล้เคียงที่นี่ ถ้าไม่เพราะเกรงใจอัครเวชซึ่งเป็นว่าที่พ่อตาแม่ยายของเขาแล้วล่ะก็...เขาคงยกกำลังคนของตนมาถล่มชิงตัวแพรดาวไปไม่สนใจใครทั้งนั้น’ “นี่ๆ นังหนู หิ้วกระติกน้ำให้มันดีๆหน่อย น้ำมันหกหมดแล้ว” ประยงค์ตะคอกคนงานใหม่ท
“ฉันไม่รู้เรื่องนี้” ครั้งนี้การะเกดพูดความจริง หลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ข่าวของเด็กผู้หญิงคนนั้น แม้เธอก่นด่าลูกชายทุกวี่วันที่พบหน้า จนลูกไม่อยากอยู่บ้านทั้งที่สร้างคฤหาสน์หลังใหญ่โตให้ทว่าลึกๆ แล้วกลับรู้สึกว่าการหาไม่พบนั้น อาจดีกว่าได้พบก็เป็นได้ “ถ้าอย่างนั้น...” ฐากูรหันไปมองลูกชาย เพราะข่าวที่ได้มาจากหัสดินก็ชัดเจนว่าธามไทเป็นคนจับตัวแพรดาวไป “มันก็ยี่สิบปีแล้ว” การะเกดถอนหายใจหนักหน่วง เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ลูกๆ ของแต่ละคน ต่างก็มีหลานมาให้อุ้มกันแล้ว ชีวิตที่จมกับความโกรธแค้นของเธอทำให้ธามไทไม่เคยมีใคร เพราะทุ่มเททำในสิ่งที่เธอต้องการเท่านั้น เงินที่ใช้ตามหาเด็กคนนั้นก็หมดไปหลายล้านแล้ว “คุณน้ารู้ไหมครับว่า ธามไทจับน้องสาวของผมไปที่ไหน” “มั่นใจจังนะว่าลูกชายฉันจับตัวลูกสาวเธอไป” การะเกดพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “ไปกับผู้ชายคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้” “ไม่ครับ เพราะว่า...” คทาภัทรขยับแว่นตาแล้วตัดสินใจพูดไปตามจริง “เพราะที่ผ่านมาผมตามหาน้องสาวมาตลอด และทุกอย่างเชื่อมโยงไปที่นรบดี ตอนที่เจอ
หลังจากท่องเที่ยวต่างประเทศนานนับเดือน ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพฯ คุณการะเกดประหลาดใจที่เห็นคนเคยรู้จักมาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน“เกิดอะไรขึ้น คนตระกูลอัครเวชยกโขยงมาเยื่อนบ้านนรบดีได้” คุณฐากูรสูดลมหายใจลึก ในขณะที่คุณนิตยายืนจับมือคทาภัทรลูกชายคนโต คุณการะเกดเองก็ประหลาดใจ สองครอบครัวไม่ถูกกันมานานเป็นยี่สิบกว่าปี แม้ติดตามข่าวอยู่เสมอตามประสาคนในแวดวงเดียวกัน และเจอกันตามงานสังคมบ้าง แต่ก็ไม่เคยมาเจอกันที่บ้านแบบนี้“นั่งก่อนสิ ประเดี๋ยวจะคิดว่านรบดีไร้มารยาท” การะเกดอยู่ในวัยเดียวกับนิตยา ถ้าจะพูดให้ถูกทั้งสองก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน อัครเวชฐานะร่ำรวยตั้งแต่รุ่นปู่ทวด จากต่างนรบดีที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง สามีของเธอคือไพศาลเดิมที่เป็นร่วมโรงเรียนเดียวกับฐากูร ที่ไพศาลได้เข้าโรงเรียนดีๆ ได้ก็เพราะเรียนดีได้ทุนเรียนฟรี จากที่สามีมักเล่าให้ฟังเสมอ คือทั้งสองช่วยเหลือกันและกัน กระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย ครอบครัวอัครเวชก็ให้ทุนค่าเล่าเรียน จนกระทั่งทำงาน สามีของเธอก็ยังทำงานที่อัครเวช แต่แน่นอนว่า ทุกคนต้องใฝ่ฝันอยากมีกิจการของตัวเอง เป็นเจ้าคนนายคน และเธอเองก็สนับสนุนสามีให้ท
แพรดาวถูกส่งตัวมาทำงานในไร่มันสำปะหลัง ธามไททิ้งเธอไว้กับหัวหน้าคนงานชื่อประยงค์ เป็นชายร่างใหญ่วัยสี่สิบปลายๆ พ่อม่ายเมียทิ้งไปอยู่กับนักร้องคาเฟ่ในเมือง ประยงค์เห็นผู้หญิงที่เจ้านายเอามาทิ้งไว้ก็ขมวดคิ้ว ถึงจะบอกให้ ‘ใช้งานตามใจ’ แต่ดูแล้วคงทำตามใจไม่ได้ เหมือนโดนโยนเผือกร้อนใส่มือยังไงไม่รู้ หญิงสาวรูปร่างเล็กแต่สู้งานไม่น้อย เขาชี้นิ้วสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ให้หิ้วกระติกน้ำไปให้คนงานก็ไม่มีอิดออด เจ้าพวกหนุ่มๆในไร่เห็นแล้วก็มองตาเป็นมัน เขาต้องใช้ร่างกายตัวเองบังสายตาไอ้พวกนั้นไว้ ยังไงก็ผู้หญิงของเจ้านาย สำหรับแพรดาวแล้ว งานเหล่านี้ไม่ได้นักหนาอะไรเลย แต่เพราะทำงานตากแดดและยังถูกลักพาตัวมาอีก เธอจึงรู้สึกหน้ามืดวิงเวียน แต่พยายามประคองตัวเองไว้ จนถึงเวลาเลิกงาน หัวหน้าประยงค์จึงเรียกเธอขึ้นรถกระบะมาส่งที่บ้านของเจ้านาย “พรุ่งนี้ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ” “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” “ขอบคุณค่ะ” แพรดาวยกมือไหว้แล้วลงจากรถ เธอยืนลังเลครู่ใหญ่ กำลังเตรียมใจว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ก็เป็นจังหวะที่บานประตูเปิดออกพร้อมร่
แม้บ้านตั้งอยู่โดดเดี่ยวแต่ทุกอย่างในบ้านครบครัน แพรดาวก้มมองสภาพตัวเองแล้วฝืนยิ้มออกมา ตอนนี้เธอสวมเสื้อคอกระเช้าและผ้านุ่งสีทึบ ก่อนหน้านี้ยังสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่เลย เธอไม่ได้นึกเสียดายแค่เป็นกังวลว่าคนอื่นจะเป็นห่วงเธอ ทั้งพ่อและพี่ชายสู้ตามหาเธออยู่หลายปี คงไม่ทอดทิ้งปล่อยถูกจับตัวมาง่ายๆ ส่วนผู้ชายคนนั้น หัสดิน... เธอหวังว่าเขาจะมีสติมากพอไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ตอนนี้เธอได้แต่ปลุกกำลังใจให้ตัวเอง แล้วก็ยิ้มขำๆ นี่เขาคงคิดว่าให้เธออยู่ยากลำบากทรมานด้วยการให้ทำอะไรๆ ด้วยตัวเองแล้วเธอจะเอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้สินะ คงไม่รู้ว่าเธอเคยทำงานเป็นแม่บ้านมาก่อน แค่ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ซักเสื้อผ้า เรื่องพวกนี้เป็นงานเล็กน้อยสำหรับเธอเท่านั้น ธามไท มองดูหญิงสาวที่ยืนทำอาหารในครัว เขาทั้งประหลาดใจทั้งหงุดหงิด ที่คิดจะกลั่นแกล้งแต่ทำไมเหมือนเธอมาปิกนิคที่รีสอร์ทกลางป่าของเขา ดูท่าทางเธอน่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูทำอะไรไม่เป็น แต่นี่มันตรงข้ามเลยจริงๆ “อ๊ะ!” แพรดาวร้องตกใจเมื่อหมุนตัวกลับมาแล้วเผชิญหน้ากับโดเบอร์แมนสีดำที่ชื่อ
Comments