หัสดิน หรือ ดิน อายุ30ปี น้องชายคนละแม่กับหัสวีร์ : สัมพันธ์ลับ(รัก)ประธานพันล้าน เชฟดิน ชายหนุ่มโปรไฟล์ยอดเยี่ยม เขาไม่ค่อยเปิดเผยตัวเองในสังคมนัก ทำงานอยู่เบื้องหลังบริษัทของตระกูลศาตนันท์ ตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆของโลก เป็นน้องชายต่างมารดากับ “หัสวีร์” เบื้องหน้าเขาคือหัสดิน เชฟหนุ่มที่มีรอยยิ้มตลอดเวลา แต่เบื้องหลังเขาดูธุรกิจสีเทาของครอบครัว และยังมีบุคลิกอันซับซ้อน แพรดาว เธอมีชีวิตเรียบง่ายมาจนอายุ22 อยู่กับแม่เพียงสองคนตั้งแต่เธอจำความได้ แม่ของเธอทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดกับบริษัทแห่งหนึ่ง แพรดาวเองก็ทำงานพิเศษหารายได้ช่วยแม่มาตลอด การเรียนระดับปานกลาง สองแม่ลูกใช้ชีวิตราบเรียบไม่มีอะไรเป็นพิเศษ จนเมื่อครึ่งปีก่อนแม่ของเธอป่วยหนัก หญิงสาวจึงเข้าไปทำงานแทนตำแหน่งของแม่ คิดแค่ว่าจะทำไปก่อนระหว่างที่ยังหางานประจำไม่ได้ หัสดินผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนและท่าทีขี้เล่น มีเพียงแพรดาวที่บังเอิญล่วงรู้ความลับของเขา ความลับที่ชายหนุ่มไม่ต้องการให้ใครรู้! จงเก็บศัตรูไว้ข้างกาย เขาจึงจำเป็นต้องกักขังเธอไว้ข้างตัว!
View Moreบทนำ
“แพรดาว” หญิงสาวในวัยยี่สิบสอง เธออยู่กับ “ศรีฟ้า”แม่ของเพียงสองคน แพรดาวเรียกแม่ว่า “แม่จ๋า” จนติดปาก ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเพียงแม่จ๋าคนเดียว ไม่ปรากฏญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตสองแม่ลูกหาเช้ากินค่ำล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน จนมาตอนนี้เช่าบ้านหลังน้อยอยู่ เธอเองก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก อะไรที่พอช่วยเหลือแม่จ๋าได้ ก็ทำทุกอย่าง ขอเพียงงานสุจริต เธอก็ไม่อายที่จะทำมัน
หกเดือนก่อนแม่จ๋าของแพรดาวประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูนานครึ่งเดือนก่อนจะออกมาพักรักษาตัว แพรดาวเพิ่งเรียนจบคณะบริหารมาหมาดๆ ยังหางานทำไม่ได้ ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน เธอจึงทำงานในตำแหน่งของแม่ไปก่อน ระหว่างนี้เธอก็ยื่นใบสมัครงานไปทั่ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีมาเสียที
ตอนนี้เลือกงานไม่ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน
แพรดาวบอกกับตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจงานที่ตัวเองทำอยู่ เพียงแค่อยากทำงานให้ตรงสายงานที่เรียนมาก็เท่านั้น
“หนูแพร”
หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก พนักงานในชุดสีฟ้าสดใสโบกมือเรียกก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะวิ่งมาถึง แพรดาวส่งยิ้มและหยุดรอ แม่จ๋าของเธอทำงานกับบริษัท คลีน แอนด์ คลีน จำกัด มาหลายปี เจ้านายใจดีมีสวัสดิ์การและโอทีให้ แม้งานจะหนักสักหน่อยแต่ก็ไม่หนักหนาขนาดทนไม่ได้ พอแม่จ๋าประสบอุบัติเหตก็มีเงินใส่ซองเป็นค่าทำขวัญมอบให้ คอยดูแลในหลายๆเรื่อง และเสนอให้เธอมาทำงานแทนแม่จ๋าไปก่อน จนกว่าแม่จ๋าจะกลับมาทำงานได้ปกติเหมือนเดิม
“ว่าไงค่ะน้าแป้ง” เธอทัก กระชับกระเป๋าสะพายที่คล้องไหล่อยู่ บริษัทส่งเธอไปทำความสะอาดที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านสาทร เธอเพิ่งจะกลับเข้าบริษัทและเตรียมตัวกลับบ้าน
“พรุ่งนี้ว่างไหม”
“พรุ่งนี้วันหยุดแพรค่ะ แต่แพรไม่มีคิวอะไร” เธอตอบไปตามตรง
“น้าต้องพาย่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะ หาคนมาเปลี่ยนเวรอยู่”
“ได้ค่ะ” แพรดาวตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด “ไปที่ไหนคะ”
“พรุ่งนี้ไปบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟจ๊ะ”
“อ้อ แพรเคยไปหลายหนแล้ว น้าแป้งบอกหัวหน้าหรือยังคะ”
“ยังเลย รอหาคนมาแทนได้ก่อน ตกลงหนูแพรรับไปนะลูกนะ”
“ได้ค่ะ แพรไม่มีปัญหาอะไร”
“ขอบใจหนูแพรมาก”
แพรดาวได้แต่ยิ้ม ชีวิตเธอก็เรียบง่ายแบบนี้แหละ ขอแค่กินอิ่มนอนหลับ ผ่านแต่ละวันไปอย่างเป็นสุขก็พอแล้ว
หัสดิน
หัสดิน ศาตนันท์ ชายหนุ่มอายุสามสิบพอดิบพอดี โปรไฟล์เร้าใจสาวๆ ในฐานะเชฟหนุ่มสุดหล่อที่มีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ เบื้องหน้าคือรอยยิ้มทะเล้นและเจ้าของร้านอาหารสุดหรูหลายสาขา แต่เบื้องหลังเขาดูแลธุรกิจสีเทาของตระกูลศาตนันท์ การทำงานด้านนี้เพื่อแลกกับการที่เขายังคงตำแหน่งเชฟและไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานในบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟ ซึ่งมีพี่ชายต่างมารดา ‘หัสวีร์’ นั่งตำแหน่งประธานบริษัทฯ
หลายคนอาจไม่รู้ ภายนอกท่าทีไม่เอาไหนวันๆ เอาแต่หมกมุ่นกับการทำอาหาร หัสดินทำงานดูแลบริษัทในสาขาที่อเมริกา เดิมที่เขาอยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย แต่เพราะบริษัทฯที่เมืองไทยต้องปรับฟื้นฟูสภาพคล่อง เขาจึงกลับมาดูแลบริษัทได้ราวครึ่งปีแล้ว
เขาเติบโตในตระกูลร่ำรวยมั่งคั่ง
แต่ในหัวใจว่างเปล่า
แม่ให้กำเนิดเขาโดยไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส แต่กระนั้นพ่อก็ยังรับเขากับแม่เข้ามาอยู่ในตระกูลศาตนันท์ เพื่อให้ลูกชายคนเดียวมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนอินเตอร์ ไม่ว่าจะถูกดูแคลนอย่างไร แม่ของเขาอดทนได้
ชีวิตมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด เพราะ...เขามีพี่ชายต่างมารดาที่แม้ปากร้ายไปสักหน่อย แต่คอยดูแลเขาในฐานะน้องชายมาตลอด
แต่ครั้งหนึ่ง...เรื่องที่น้อยคนจะรู้
แม่ที่ตอนนั้นยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เคยพยายามวางยานอนหลับในน้ำหวานเพื่อให้เขาตายก่อนและแม่ตั้งใจจะตายตาม
“แม่ทำอะไรฮะ”
เขาอายุเพียง 8 ขวบ แต่จำใบหน้านองน้ำตาของแม่ได้อย่างดี ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาไม่เคยลืมภาพในคืนนั้น
“ดิน” แม่เรียกทั้งน้ำตา “อย่าโกรธแม่นะ แม่ทำดีที่สุดแล้ว”
ดวงตาของแม่เหมือนคนอดนอนหลายวัน เห็นเส้นเลือดในตาขาวชัดจนเหมือนดวงตากลายเป็นสีแดง มือที่เคยโอบกอดยื่นมาบีบคอของเขา เด็กชายตาเหลือกไม่คิดว่าแม่จะทำเช่นนี้
“แม่ฮะ นี่ดินนะ แม่!”
“แม่ขอโทษ อย่าโกรธแม่นะ เดี๋ยวแม่จะตามดินไป”
แม่ร้องไห้ แต่เขาเศร้า เสียใจ และกลายเป็นโกรธแค้นที่แม่กำลังจะฆ่าเขา อาจเพราะแม่มีแรงไม่มากพอ เด็ก8ขวบมีความฮึดขึ้นมา เขาดิ้นสุดกำลัง พลัน! เงาทมึนเบื้องหลังเคลื่อนไหวด้านหลัง เป็นหัสวีร์ที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา!
“คุณน้า! อย่าทำแบบนี้!”
น้อยครั้งที่คนหยิ่งผยองอย่างหัสวีร์จะเรียกผู้หญิงของพ่อแบบนี้ พ่อของเขาเจ้าชู้ที่ทำให้ผู้หญิงทนไม่ไหวแม้จะแต่งงานกันแล้วก็ยังมีบ้านเล่นบ้านน้อย จนแม่ของหัสวีร์เป็นฝ่ายหย่าร้างและย้ายกลับไปต่างประเทศ แต่เพราะข้อเสนอของคุณปู่ ให้หลานชายได้เติบโตที่เมืองไทย นอกจากได้รับการเลี้ยงดูที่ดีแล้ว ยังมีเงินค่าปลอบใจที่ต้องหย่าร้าง เป็นเงินหลายล้านดอลร์ล่าเลยทีเดียว
แม่ของหัสดินเหมือนเพิ่งได้สติ เธอตกใจปล่อยมือจากคอเล็กๆของลูกชายคนโต ผงะถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“ถ้าคุณน้าไม่ต้องการดินแล้วก็ยกเขาให้ผมเถอะ ผมจะดูแลดินเอง!”
“ขอโทษ...ดิน ...แม่ขอโทษ”
หัสวีร์โอบไหล่ปกป้องหัสดินที่อายุน้อยกว่า2ปี แม้อายุน้อยแต่เติบโตมาภายใจการเลี้ยงดูที่เข้มงวดของปู่และย่า ทำให้เขาดูโตเกินวัย และสามารถจัดการปัญหาตรงหน้าได้ เขาโทรบอกคุณปู่ ไม่นานนักก็มีคนมารับตัวแม่ของหัสวีร์ไปโรงพยาบาล แต่หัสดินไม่รู้ความคิดว่าแม่จะถูกส่งเข้าคุกเข้าตะราง
“อย่าเอาแม่ไปนะ!”
“คุณปู่จะพาแม่ไปรักษา แม่นายไม่สบายต้องไปรักษาตัวก่อน อืม...เขาเรียกอะไรนะ ซึมเศร้าหลังคลอดอะไรนี่แหละ”
“แม่ป่วยเหรอ?”
“อืม ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลนายเอง”
นี่เป็นความลับเล็กๆ ของเด็กชายสองคน แต่เป็นเหตุผลยิ่งใหญ่ที่ทำให้หัสดินรักและเคารพหัสวีร์ยิ่งกว่าบิดาที่ให้กำเนิดเสียอีก
แม้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังแต่แพรดาวก็จำได้ หญิงสาวนอนตะแคงมองแผ่นหลังกว้างของชายในชุดดำที่ยืนอยู่ริมเตียงของมารดา เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่งขยี้ตาไล่ความงัวเงียออกไป คนตัวสูงรับรู้การเคลื่อนไหวจึงหันมามอง “มิสเตอร์...” แพรดาวเรียกได้แค่นั้นเขาก็ยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็นสัญญาบอกให้เงียบๆ เธอพยักหน้าเข้าใจ และเมื่อเขาชี้นิ้วไปทางประตู เธอก็รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร มือเล็กยกขึ้นลูบผมสองสามทีแล้วก้มมองตัวเองก่อนลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปที่นอกห้อง “การผ่าตัดเรียบร้อยดี?” เขาถามขณะเดินนำเธอมาที่บริเวณจุดที่จัดไว้ให้ญาตินั่งพักผ่อนได้ “ค่ะ ใช้เวลาห้าชั่วโมง ทุกอย่างราบรื่นดี ตอนนี้ก็รอดูผลตรวจชิ้นเนื้อแล้วก็พักฟื้นหลังการผ่าตัดค่ะ ถ้าฟื้นตัวเร็วไม่มีติดเชื้อหลังการผ่าตัดก็จะได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน” “อืม”ชายหนุ่มในชุดดำเอ่ยรับรู้ในลำคอ ดวงตาดุดันมองเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นนอน เขายื่นมือไปลูบอย่างไม่รู้ตัว เส้นผมนุ่มลื่นลูบไม่กี่เข้าที่เข้าทาง ความใกล้ชิดสนิทสนมผสานกับความอ่อนโยนที่ได้รับทำเอาแพรดาวทำตัวไม่ถูก และเหมือนชายหน
เสียงหมัดหนักๆ กระแทกใส่ท้องคนแรงๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งเสียงไม่ได้เพราะมีเศษผ้าอุดปากอยู่ เสียงคนซูดปากเพราะเจ็บแทนแต่ก็ได้แค่ยืนมองเจ้านายกระหนำหมัดและเท้าใส่คนที่สลบไปรอบหนึ่งแล้วแต่ถูกน้ำสาดให้ตื่นมารับหมัดหนักๆอีก “ทำไมวันนี้เจ้านายเราโหดจังวะ” “นั้นสิ ปกติไม่ลงมือเองนะ” “สงสัยอารมณ์ไม่ดี” “ไอ้หมอนั้นซวยเลย” สายตาคมกริบตวัดตามองมาทางลูกน้องสี่คน ที่ยื่นเอามือประสานไว้ด้านหน้าด้วยท่าทีนอบน้อม แต่สายตาดุจคมมีดนั้น ก็ทำให้พวกเขาถึงกับผวาเฮือกจนแทบลืมหายใจกันไปเลยทีเดียว “สงสารมากก็มาให้กูซ้อมนี่” “ไม่สงสารๆครับเจ้านาย” ทั้งสี่ส่ายหน้ารัว “งั้นมาลากมันไป” ดาร์กปรายตามองชายคนหนึ่งที่โดนซ้อมจนแทบมองเค้าหน้าเดิมไม่ออก ทั้งหน้าตาที่บวมปูดและเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผล “อยู่ดีไม่ว่าดี ดันมาซ่าที่ซีเคร็ท คลับ” ลูกน้องคนหนึ่งบ่นพึมพำแล้วเข้าไปลากคนนั้นออกมา ‘ดาร์ก’ ก้มมองมือตัวเองที่เลอะคราบเลือด ลูกน้องที่ยืนใกล้ๆ รีบเอาผ้าเย็นมาให้เขาเช็ดมือ “คราบเลื
หลายวันมานี่ศรีฟ้าหลับๆ ตื่น ไม่ค่อยได้สติเต็มที่นัก ทุกครั้งจะรู้ว่าแพรดาวอยู่ใกล้เสมอ และรู้ว่าตัวเองทำให้ลูกต้องลำบากและพอรู้ว่าอยู่โรงพยาบาลเอกชนก็ยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้น “น่าจะย้ายแม่ไปโรงพยาบาลรัฐนะลูก” “ที่นี่ดีแล้วค่ะแม่ ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐ แม่ต้องรอคิวรักษานาน” “แต่ค่ารักษา...” “แม่จ๋าไม่ต้องห่วงนะ เจ้านายของหนูแพรจะช่วยออกให้ก่อนแล้วหนูแพรจะทำงานใช้หนี้เอง เอาล่ะๆ แม่จ๋าห้ามดื้อต้องหายเร็วๆ จะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนะคะ” ศรีฟ้าไม่อยากทำให้ลูกต้องลำบากใจอีกจึงยอมทำตามที่ลูกสาวสั่ง เมื่อครู่ลูกออกไปซื้อของกิน นางก็เลยได้นอนเพียงลำพัง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของลูกขนาดนี้ เสียงประตูเลื่อนเปิดออกเบาๆ แต่เพราะในห้องที่ค่อนข้างเงียบทำให้คนที่นอนอยู่ได้ยินและนึกว่าเป็นลูกสาวกลับมาแล้ว ทว่าเมื่อหันหน้ามามองก็เห็นภาพชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ นางเบิกตากว้าง คนตัวสูงเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียงคนป่วย เขาขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วพูดน้ำเสียงหนักแน่น “พี่จ๋า...ผมยังเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหม”
“เนื้องอกที่สมอง” แพรดาวทวนคำที่ได้ยิน ถ้อยคำที่หมออธิบายอาการป่วยของแม่ทั้งหมดเธอจับใจความได้แค่นี้ “ต้องทำการเจาะชิ้นเนื้อ (biopsy) วิเคราะห์ว่าเป็นเนื้อดีหรือมะเร็ง รู้เร็วรักษาเร็วโอกาสกลับมาเป็นปกติก็จะยิ่งเร็วขึ้น” “ครับ คุณหมอรักษาได้เลยครับ” หัสดินเป็นฝ่ายตอบแทนหญิงสาวที่ยืนนิ่งไปแล้ว เขาบีบมือเธอเบาๆ ทำให้อีกฝ่ายได้สติแล้วพยักหน้ารับตามที่เขาพูด หลังจากคุณหมอกับพยาบาลออกจากห้องไปแล้ว แพรดาวก็แทบไม่มีแรงยืนโชดดีที่หัสดินประคองไว้ได้ทันและพาเธอไปนั่งที่โซฟา “แพร...แพรน่าจะสังเกตอาการแม่ได้เร็วกว่านี้” “อย่าโทษตัวเองเลยนะ คนเจ็บคนป่วยเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า” “หมอบอกว่า ถ้าไม่รักษา แม่อาจจะชักและ...” แพรดาวรู้สึกมีก้อนแข็งๆจุกที่คอ “ไม่ต้องกังวลไป หมอที่นี่เก่ง เชื่อใจหมอเถอะ” เขาลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างปลอบโยน “เรื่องค่ารักษาก็ไม่ต้องกังวล พี่ช่วยเอง” ได้ยินคำว่า ‘ค่ารักษา’ แพรดาวก็เพิ่งนึกได้ ใครคนหนึ่งก็พูดไว้แบบนี้ “เป็นอะไรไป ไม่ต้องเกรงใจพี่นะ พี
หลังจากเดินออกจากห้องคนไข้พิเศษได้ไม่กี่ก้าว คทาภัทรก็เก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหามารดาทันที และเมื่อได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ เขาก็ยิงคำถามโดยไม่รั้งรอ “คุณแม่ครับ แม่จำพี่เลี้ยงที่คุณแม่เคยจ้างเมื่อยี่สิบปีก่อนได้ไหม” “จำได้สิลูก มีอะไรเหรอ” “พี่เลี้ยงคนนั้นชื่ออะไรนะครับ” “ชื่อเหรอ...ชื่อจันทร์กระจ่าง” คุณนิตยาแทบไม่ต้องคิดนานเลย เพราะพี่เลี้ยงคนนั้นจ้างมาเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชายแต่ทำงานได้ดีจึงให้อยู่ด้วยกันจนกระทั่งลูกคนที่สองเกิด “คุณแม่ได้ข่าวเธอไหมครับ” “ตอนนั้น ยัยจ๋าลาออกไปแต่งงาน แม่ก็ยังบ่นเสียดายอยู่เลย ติดต่อกันอยู่ครึ่งปีก็หายไป แม่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะคิดว่าคงจะมีครอบครัวแล้วคงไม่อยากให้เราไปวุ่นวายกับเขา” “จ๋า...ชื่อเล่นชื่อจ๋าใช่ไหมครับ” “ใช่จ๊ะ ตอนเด็กๆ ลูกติดพี่เลี้ยงมากเลยนะ” คุณนิตยาพูดแล้วก็ถอนหายใจ “ถ้าลูกดาวยังอยู่ก็คงดีสินะ” “ครับแม่” “แล้วลูกมีอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ดีๆ ถามเรื่องนี้” “ไม่มีอะไรครับ จู่ๆ
หัสดินยืนที่หน้าตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ ในมือถือถุงอาหารกล่องที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล ยืนคิดอยู่ว่าจะซื้อกาแฟร้อนดีไหมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนบ้าง เขารู้ดีว่าตอนนี้เธอคงนอนไม่หลับเป็นแน่ งั้นเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มอุ่นร้อนอย่างอื่นดีไหม “คุณหัสดิน?” ชายหนุ่มหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เขาหรี่ตามองอย่างครุ่นคิดแต่อีกฝ่ายยิ้มขบขันแล้วเดินเข้ามาใกล้ “ผมคณาภัทรครับ” เขาแนะนำตัวเองแล้วยกมือไหว้อีกฝ่ายตามมารยาทในฐานะที่อายุน้อยกว่า “ลูกชายของพ่อฐากรูกับแม่นิตยาไงครับ คุณหัสดินจำไม่ได้แน่เลย” “อ้อ! ขอโทษด้วย มาเจอแบบนี้เลยจำไม่ได้” “แต่คงจำได้นะครับว่านี่โรงพยาบาลของผม” คณาภัทรยิ้มแล้วดันแว่นตาชิดใบหน้า เขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้างุนงงก็ยิ้มกว้างขึ้น “ตอนนี้คุณพ่อยกให้ผมดูแลจัดการทั้งหมดแล้ว” “ยินดีด้วยครับ” หัสดินผงกศีรษะให้ ครั้งก่อนที่เจอยังเห็นแต่งตัวง่ายๆ แต่วันนี้สวมเสื้อสูทผูกเนคไทเลยดูแปลกตาไปสักหน่อย แต่ก็เหมาะสมแล้วสำหรับผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชน “คุณดินมาที่นี่มีใครเป็นอะไรหรือ
Comments