บทนำ
“แพรดาว” หญิงสาวในวัยยี่สิบสอง เธออยู่กับ “ศรีฟ้า”แม่ของเพียงสองคน แพรดาวเรียกแม่ว่า “แม่จ๋า” จนติดปาก ตั้งแต่จำความได้เธอก็มีเพียงแม่จ๋าคนเดียว ไม่ปรากฏญาติพี่น้องที่ไหน ชีวิตสองแม่ลูกหาเช้ากินค่ำล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน จนมาตอนนี้เช่าบ้านหลังน้อยอยู่ เธอเองก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่ยังเด็ก อะไรที่พอช่วยเหลือแม่จ๋าได้ ก็ทำทุกอย่าง ขอเพียงงานสุจริต เธอก็ไม่อายที่จะทำมัน
หกเดือนก่อนแม่จ๋าของแพรดาวประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ห้องไอซียูนานครึ่งเดือนก่อนจะออกมาพักรักษาตัว แพรดาวเพิ่งเรียนจบคณะบริหารมาหมาดๆ ยังหางานทำไม่ได้ ด้วยความที่ต้องการใช้เงิน เธอจึงทำงานในตำแหน่งของแม่ไปก่อน ระหว่างนี้เธอก็ยื่นใบสมัครงานไปทั่ว แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีมาเสียที
ตอนนี้เลือกงานไม่ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน
แพรดาวบอกกับตัวเอง เธอไม่ได้รังเกียจงานที่ตัวเองทำอยู่ เพียงแค่อยากทำงานให้ตรงสายงานที่เรียนมาก็เท่านั้น
“หนูแพร”
หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก พนักงานในชุดสีฟ้าสดใสโบกมือเรียกก่อนที่ร่างอวบอ้วนจะวิ่งมาถึง แพรดาวส่งยิ้มและหยุดรอ แม่จ๋าของเธอทำงานกับบริษัท คลีน แอนด์ คลีน จำกัด มาหลายปี เจ้านายใจดีมีสวัสดิ์การและโอทีให้ แม้งานจะหนักสักหน่อยแต่ก็ไม่หนักหนาขนาดทนไม่ได้ พอแม่จ๋าประสบอุบัติเหตก็มีเงินใส่ซองเป็นค่าทำขวัญมอบให้ คอยดูแลในหลายๆเรื่อง และเสนอให้เธอมาทำงานแทนแม่จ๋าไปก่อน จนกว่าแม่จ๋าจะกลับมาทำงานได้ปกติเหมือนเดิม
“ว่าไงค่ะน้าแป้ง” เธอทัก กระชับกระเป๋าสะพายที่คล้องไหล่อยู่ บริษัทส่งเธอไปทำความสะอาดที่บริษัทแห่งหนึ่งย่านสาทร เธอเพิ่งจะกลับเข้าบริษัทและเตรียมตัวกลับบ้าน
“พรุ่งนี้ว่างไหม”
“พรุ่งนี้วันหยุดแพรค่ะ แต่แพรไม่มีคิวอะไร” เธอตอบไปตามตรง
“น้าต้องพาย่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะ หาคนมาเปลี่ยนเวรอยู่”
“ได้ค่ะ” แพรดาวตอบเร็วเหมือนไม่ต้องคิด “ไปที่ไหนคะ”
“พรุ่งนี้ไปบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟจ๊ะ”
“อ้อ แพรเคยไปหลายหนแล้ว น้าแป้งบอกหัวหน้าหรือยังคะ”
“ยังเลย รอหาคนมาแทนได้ก่อน ตกลงหนูแพรรับไปนะลูกนะ”
“ได้ค่ะ แพรไม่มีปัญหาอะไร”
“ขอบใจหนูแพรมาก”
แพรดาวได้แต่ยิ้ม ชีวิตเธอก็เรียบง่ายแบบนี้แหละ ขอแค่กินอิ่มนอนหลับ ผ่านแต่ละวันไปอย่างเป็นสุขก็พอแล้ว
หัสดิน
หัสดิน ศาตนันท์ ชายหนุ่มอายุสามสิบพอดิบพอดี โปรไฟล์เร้าใจสาวๆ ในฐานะเชฟหนุ่มสุดหล่อที่มีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ เบื้องหน้าคือรอยยิ้มทะเล้นและเจ้าของร้านอาหารสุดหรูหลายสาขา แต่เบื้องหลังเขาดูแลธุรกิจสีเทาของตระกูลศาตนันท์ การทำงานด้านนี้เพื่อแลกกับการที่เขายังคงตำแหน่งเชฟและไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานในบริษัทศาตนันท์กรุ๊ฟ ซึ่งมีพี่ชายต่างมารดา ‘หัสวีร์’ นั่งตำแหน่งประธานบริษัทฯ
หลายคนอาจไม่รู้ ภายนอกท่าทีไม่เอาไหนวันๆ เอาแต่หมกมุ่นกับการทำอาหาร หัสดินทำงานดูแลบริษัทในสาขาที่อเมริกา เดิมที่เขาอยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย แต่เพราะบริษัทฯที่เมืองไทยต้องปรับฟื้นฟูสภาพคล่อง เขาจึงกลับมาดูแลบริษัทได้ราวครึ่งปีแล้ว
เขาเติบโตในตระกูลร่ำรวยมั่งคั่ง
แต่ในหัวใจว่างเปล่า
แม่ให้กำเนิดเขาโดยไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส แต่กระนั้นพ่อก็ยังรับเขากับแม่เข้ามาอยู่ในตระกูลศาตนันท์ เพื่อให้ลูกชายคนเดียวมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนอินเตอร์ ไม่ว่าจะถูกดูแคลนอย่างไร แม่ของเขาอดทนได้
ชีวิตมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด เพราะ...เขามีพี่ชายต่างมารดาที่แม้ปากร้ายไปสักหน่อย แต่คอยดูแลเขาในฐานะน้องชายมาตลอด
แต่ครั้งหนึ่ง...เรื่องที่น้อยคนจะรู้
แม่ที่ตอนนั้นยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เคยพยายามวางยานอนหลับในน้ำหวานเพื่อให้เขาตายก่อนและแม่ตั้งใจจะตายตาม
“แม่ทำอะไรฮะ”
เขาอายุเพียง 8 ขวบ แต่จำใบหน้านองน้ำตาของแม่ได้อย่างดี ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาไม่เคยลืมภาพในคืนนั้น
“ดิน” แม่เรียกทั้งน้ำตา “อย่าโกรธแม่นะ แม่ทำดีที่สุดแล้ว”
ดวงตาของแม่เหมือนคนอดนอนหลายวัน เห็นเส้นเลือดในตาขาวชัดจนเหมือนดวงตากลายเป็นสีแดง มือที่เคยโอบกอดยื่นมาบีบคอของเขา เด็กชายตาเหลือกไม่คิดว่าแม่จะทำเช่นนี้
“แม่ฮะ นี่ดินนะ แม่!”
“แม่ขอโทษ อย่าโกรธแม่นะ เดี๋ยวแม่จะตามดินไป”
แม่ร้องไห้ แต่เขาเศร้า เสียใจ และกลายเป็นโกรธแค้นที่แม่กำลังจะฆ่าเขา อาจเพราะแม่มีแรงไม่มากพอ เด็ก8ขวบมีความฮึดขึ้นมา เขาดิ้นสุดกำลัง พลัน! เงาทมึนเบื้องหลังเคลื่อนไหวด้านหลัง เป็นหัสวีร์ที่เข้ามาช่วยได้ทันเวลา!
“คุณน้า! อย่าทำแบบนี้!”
น้อยครั้งที่คนหยิ่งผยองอย่างหัสวีร์จะเรียกผู้หญิงของพ่อแบบนี้ พ่อของเขาเจ้าชู้ที่ทำให้ผู้หญิงทนไม่ไหวแม้จะแต่งงานกันแล้วก็ยังมีบ้านเล่นบ้านน้อย จนแม่ของหัสวีร์เป็นฝ่ายหย่าร้างและย้ายกลับไปต่างประเทศ แต่เพราะข้อเสนอของคุณปู่ ให้หลานชายได้เติบโตที่เมืองไทย นอกจากได้รับการเลี้ยงดูที่ดีแล้ว ยังมีเงินค่าปลอบใจที่ต้องหย่าร้าง เป็นเงินหลายล้านดอลร์ล่าเลยทีเดียว
แม่ของหัสดินเหมือนเพิ่งได้สติ เธอตกใจปล่อยมือจากคอเล็กๆของลูกชายคนโต ผงะถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“ถ้าคุณน้าไม่ต้องการดินแล้วก็ยกเขาให้ผมเถอะ ผมจะดูแลดินเอง!”
“ขอโทษ...ดิน ...แม่ขอโทษ”
หัสวีร์โอบไหล่ปกป้องหัสดินที่อายุน้อยกว่า2ปี แม้อายุน้อยแต่เติบโตมาภายใจการเลี้ยงดูที่เข้มงวดของปู่และย่า ทำให้เขาดูโตเกินวัย และสามารถจัดการปัญหาตรงหน้าได้ เขาโทรบอกคุณปู่ ไม่นานนักก็มีคนมารับตัวแม่ของหัสวีร์ไปโรงพยาบาล แต่หัสดินไม่รู้ความคิดว่าแม่จะถูกส่งเข้าคุกเข้าตะราง
“อย่าเอาแม่ไปนะ!”
“คุณปู่จะพาแม่ไปรักษา แม่นายไม่สบายต้องไปรักษาตัวก่อน อืม...เขาเรียกอะไรนะ ซึมเศร้าหลังคลอดอะไรนี่แหละ”
“แม่ป่วยเหรอ?”
“อืม ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลนายเอง”
นี่เป็นความลับเล็กๆ ของเด็กชายสองคน แต่เป็นเหตุผลยิ่งใหญ่ที่ทำให้หัสดินรักและเคารพหัสวีร์ยิ่งกว่าบิดาที่ให้กำเนิดเสียอีก
“วันนี้ต้องขอบคุณคุณหัสดินที่ใช้เส้นสายจองห้องอาหารที่คิวแน่นที่สุดให้ครอบครัวเรานะครับ” “เรื่องเล็กน้อยครับ” “ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ...นี่คุณขับรถตามมาถึงคอนโดหรือยัง” ปลายสายหัวเราะในลำคอ แล้วยอมรับไปตามตรง“ครับ ผมมาถึงแล้ว” “ถ้างั้นผมขึ้นไปคุยกับคุณแล้วกัน คุยที่ห้องผมจะไม่สะดวก” คทาภัทรเก็บโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ลิฟต์ขึ้นไปอีกสองชั้นก็ถึงห้องของหัสดิน เจ้าของห้องเปิดประตูรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว “อยากดื่มอะไรไหมครับ” หัสดินถามพลางเดินไปหยิบแก้วเหล้าสองใบ “ผมมีวิสกี้ Hibiki 1989อยู่ ลองชิมหน่อยไหมครับ” “ด้วยความยินดีครับ” แม้คทาภัทรอายุน้อยกว่า แต่ถ้าเทียบกันในแวดวงธุรกิจแล้ว คทาภัทรก็ไม่ด้อยไปกว่าหัสดิน เขายื่นมือไปรับแก้วเหล้ามาดื่ม แล้วยิ้มมุมปาก “นี่คุณคงไม่ได้ให้น้องแพรดื่มของแบบนี้นะ” “ผมไม่ทำเรื่องแบบนั้น” หัสดินยิ้มขำแล้วเอนตัวพิงโต๊ะอาหาร “ว่าเรื่องที่อยากพูดมาเถอะครับ” คทาภัทรจิบวิสกี้ในมืออีกอึกแล้วพูด “ผมซาบซึ้งใจที่คุณเคยช่วยน้องแพรมาก่อน และยังสืบจนร
เกรซหัวเราะใส่แล้วใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากของแพรดาว “อย่ามาทำเป็นใสซื่อ อย่างเธอนะเหรอจะมีปัญญาซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่ แล้วนี่มาโรงแรมหรูเชียว อย่าบอกนะว่าต้องออกเงินค่าห้องเอง หึหึ” “ไม่ใช่แบบนั้น” แพรดาวส่ายหน้าไปมา แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เกรซเข้าใจว่าคนนั้นคือ ‘พ่อ’ ไม่ใช่ ‘เสี่ย’ “จะอายไปทำไม ฉันก็ยังหาเสี่ยเลี้ยง” เกรซยิ้มเยาะแพรดาว “อันที่จริงฉันแนะนำให้ก็ได้นะ ฉันอยู่แวดวงนี้มานานกว่าเธอ รู้จักคนหลายระดับเลยล่ะ” “ไม่ต้องหรอก เรื่องพวกนั้นแพรดาวไม่ทำ” น้ำเสียงแข็งกร้าวดังจากด้านหลัง และวาดลงแขนโอบไหล่กลมมนอย่างปกป้องทะนุถนอม หญิงสาวหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้เขา “มิสเตอร์ดาร์ก” เกรซถอยหลังทันที แค่เห็นเขาก็หน้าซีดตัวสั่นแล้ว “เคยเตือนแล้วว่าอย่ามายุ่งกับแพรดาวอีก หรือคำพูดนั้นไม่มีผลอะไรก็เลยกล้ามาเสนอหน้าตรงนี้” “หนู...หนูแค่บังเอิญผ่านมาค่ะ ไม่ได้ตั้งใจมาเจอแพรดาวเลย” เกรซพูดเสียงสั่น “ใช่ไหม แพรดาว” หญิงสาวไม่อยากให้มีเรื่องใหญ่โตจึงรีบพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ แค่บังเอิญเ
ชีวิตที่ตกต่ำอยู่แล้วไม่คิดว่าตกต่ำจนถึงขีดสุด เกรซได้แต่ก่นด่าแพรดาวอยู่ในใจ เธอโดนหมายหัวไม่สามารถเข้าไปที่ซีเคร็ท คลับ ได้อีกแล้ว และยังคลับอื่นๆที่เป็นพันธมิตรกับมิสเตอร์ดาร์ก “ผู้ชายนี่มันชอบผู้หญิงแอ๊บใสซื่อกันจริงๆ เลยสินะ” เกรซพึมพำกับตัวเอง ปกติก็หาเงินยากอยู่แล้ว ยังจะโดนบีบให้ออกจากแหล่งหาเงินอีก จากเดิมที่เธอพอจะเลือกลูกค้าชั้นดี หน้าตาดีนิดหนึ่งกระเป๋าหนักหน่อยหนึ่ง แต่ตอนนี้เธอเลือกลูกค้าไม่ได้ ซ้ำยังเจอแต่ลูกค้าเกรดต่ำ มีดีแค่กระเป๋าหนักแต่อย่างอื่นไม่ได้เรื่องเลย เกรซเพิ่งออกจากโรงแรม เธอก้มมองสมาร์ทโฟนดูแอปธนาคาร ยอดเงินเข้ามาครบแล้ว แต่เงินแค่นี้จะไปพออะไร เธอค้างค่าเช่าห้องตั้งสามเดือน ยังมีค่างวดรถยนต์และยังโทรศัพท์มือถืออีก นี่ยังไม่รวมเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ “เพราะยัยแพรดาวแท้ๆ ชีวิตฉันต้องมาลำบากอย่างนี้” เกรซไม่เคยโทษตัวเองเลยสักนิด แน่นอนว่ายังไงก็เป็นเพราะคนอื่นทั้งนั้นที่ทำให้เธอต้องตกต่ำ เห็นซื่อๆ ดูหัวอ่อนแต่สุดท้ายก็ซ่อนร้าย อุตส่าห์หลอกให้ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ แต่กลายเป็นเด็กเสี่ยเสียนี่ แ
“นี่เห็นผมเป็นร่างทรงหรือไง” ชายหนุ่มทำตาดุๆ ใส่แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มไร้ความหวาดกลัวใดๆ ทั้งสิ้น เขาถอนหายใจเบื่อหน่าย แต่ก่อนนั้น เธอมักทำตัวลีบเล็กหลบเขาตลอดเวลา เขาเองก็ไม่รู้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน “มีธุระอะไรกับเจ้าดินมันเหรอ” “เรื่องเรียนทำขนมค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามตรง “พี่ชายเธออนุญาตแล้วเหรอ หน้าตาเขาก็ไม่ได้ชอบไอ้ดินสักเท่าไหร่ ถึงจะเป็นคนที่ช่วยเหลือกันมาก็เถอะ” “มิสเตอร์ดาร์กก็รู้เรื่องของแพรเหรอคะ” เธอถามทำตาโต “แล้วพี่ภัทรรู้เรื่องที่มิสเตอร์เป็นโรคสองบุคลิกด้วยเหรอคะ” “ไม่รู้ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะเที่ยวไปพูดกับใครต่อใคร” เขายกมือดีดหน้าผากหญิงสาวแต่ไม่แรงนัก ถึงยังไงก็หักห้ามใจทำร้ายเธอไม่ลง ช่างเถอะ ก็เหมือนแมวตัวหนึ่งนั้นแหละ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อยๆ แล้วยิ้มทะเล้นให้ “แพรอยากรู้จักมิสเตอร์ดาร์กกับพี่ดินมากขึ้นค่ะ” “เห็นเป็นพวกตัวประหลาดหรือนึกสงสาร” “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” เธอรีบส่ายหน้าไปมา “เพราะทั้งสองคนคือผู้มีพระคุณช่วยเหลือแพรมาต่างหากล่ะค่
คทาภัทรจ้องมองน้องสาวอย่างจับผิด แต่แพรดาวก็ฉีกยิ้มกว้างประจบเอาใจ “ไม่มีอะไรจริงๆค่ะพี่ภัทร น้องแพรอยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยอยากไปเรียนทำขนมกับพี่ดิน” ตั้งแต่รับแพรดาวเป็นน้องสาว เธอก็ไม่ค่อยเอ่ยปากขออะไรจากเขา ที่เธอเป็นกังวลก็แค่เรื่องของศรีฟ้าหรือแม่จ๋าที่ยังพักรักษาตัวที่สถานพยาบาล ซึ่งแพรดาวก็แวะไปเยี่ยมเป็นระยะๆ แม้แม่กับพ่ออยากจะอยู่กับแพรดาวมากกว่านี้ แต่เพราะยังไม่สามารถเปิดเผยเรื่องแพรดาวได้ จึงไม่ได้พบกันบ่อยนัก “จะไปรบกวนคุณหัสดินเสียเปล่าๆ ถ้าอยากเรียนทำขนม พี่ว่าไปเรียนที่โรงเรียนสอนทำอาหารดีไหม พี่จ่ายค่าเรียนให้เอง” “คือแพรบอกพี่ดินไปแล้วนี่คะ” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วยื่นมือไปลูบผมน้องสาว ทำเช่นเดียวกับที่เคยทำสมัยยังเป็นเด็กเล็กๆ แต่ตอนนี้น้องสาวของเขาโตเป็นสาวแล้ว ช่วงเวลาที่หายไปคือความปวดใจที่เขาทนกล้ำกลืนมาหลายปี และยิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตยากลำบาก อดมื้อกินมื้อและยังต้องคอยหลบซ่อนจากคนที่อยากเอาชีวิตเธออีก “ได้ ถ้าคุณหัสดินไม่ว่าอะไรก็ตามใจแล้วกัน” “พี่ภัทรใจด
แววตาที่เปลี่ยนไปจากอ่อนโยนกลายเป็นแข็งกร้าว ทำให้แพรดาวได้แต่กัดริมฝีปากไม่กล้าแม้แต่ครึ่งคำ “อุตส่าห์ว่าจะนอนแล้วเชียว ก็ดันถูกปลุกจนได้” เขาทำเสียงรำคาญในลำคอแล้วเลื่อนมือข้างหนึ่งมาแตะลำคอของหญิงสาว “คะ...คุณ...คุณเป็นใคร” “แล้วคิดว่าไงล่ะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง “นี่ห้องพี่ดิน...” “แล้วไงต่อ...คิดหน่อยสิ ปกติเธอก็ไม่ใช่คนโง่นี่นะ” ทุกอย่างบนตัวมิสเตอร์ดาร์กเหมือนกับพี่ดิน ตอนที่เปิดประตูเธอก็คิดว่าเขาเป็นพี่ดิน แต่ตอนนี้ น้ำเสียงที่ใช้และวิธีการเรียก ‘เธอ’ ไม่ใช่ ‘น้องแพร’ ตอกย้ำว่าเขาคือมิสเตอร์ดาร์ก “แพร...แพรไม่รู้ค่ะ...ไม่รู้จริงๆ” “ก็เธออยากรู้ไม่ใช่เหรอ รู้ไหม คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่น มันไม่ค่อยได้ตายดีนักหรอกนะ” มือใหญ่เลื่อนมากำลำของหญิงสาว นิ้วกร้านสัมผัสผิวบอบบางปลายนิ้วกดที่ลำคอของเธอ เพราะแรงบีบจากฝ่ามือของอีกฝ่ายทำให้แพรดาวหน้าซีดลงไปทันที เธอยกมือขึ้นทุบแผ่นเปลือยเปล่า เขาใช้เพียงมือข้างเดียวก็บีบคอเธอได้แล้ว “อะ...อึก...พะ...พี่