LOGIN'เนียร์อยู่ใกล้เฮียในระยะนี้มันโอเคแล้ว เพราะยิ่งใกล้เท่าไร ยิ่งอันตราย' เพราะยิ่งใกล้เขา เธอยิ่งหวั่นใจ
View Moreintro
“เออ! กูรู้แล้วว่ามีนัดประชุม ไม่ต้องโทรจิกเหมือนเป็นเมียกูขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
(เฮีย นี่มันก็สายแล้วนะครับ รีบมาเถอะ ทุกคนรอ)
“กูว่างมากมั้ง แค่นี้! เดี๋ยวกูรีบไป!”
(ครับ….)
“เฮ้ย!!”
เอี๊ยด!!…
เสียงเบรกดังเอี๊ยดลั่นไปทั่วถนน
รองเท้านักเรียนสีดำสะอาดหยุดชะงักกลางทางม้าลาย เสียงหัวใจของเด็กสาวในชุดนักเรียนเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ขณะที่ลมหายใจยังติดค้างในลำคอ รถหรูสีดำเงาวาวจอดห่างจากปลายรองเท้าเธอไม่ถึงคืบ เสียงแตรที่ดังก่อนหน้านี้ยังคงก้องอยู่ในหู ฝุ่นถนนลอยคลุ้งจากแรงเบรก และทันใดนั้น ประตูรถฝั่งคนขับก็เปิดออกอย่างแรง
ชายหนุ่มคนในเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับแว่นกันแดดสีเข้ม ก้าวพรวดออกมาจากรถด้วยท่าทีฉุนเฉียว ร่างสูงปรี่เข้ามาหาเด็กนักเรียนตัวเล็กที่ยังยืนอึ้งอยู่กลางถนน
“เดินยังไงของเธอวะ! หัดดูรถด้วยสิ! คิดว่าข้ามทางม้าลายแล้วจะไม่ต้องดูรถหรือไง!”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำเอ่อ เขาหันมองสัญญาณไฟคนข้ามที่ยังคงกะพริบสีเขียวอยู่ และอีกฟากฝั่งถนน ผู้คนที่รอข้ามต่างมองมาด้วยสายตาแตกต่างกัน บ้างตกใจ บ้างโกรธแทน
“ลุงไม่เห็นเหรอว่ามันไฟเขียว ให้คนข้ามถนน…” เด็กสาวเอ่ยเสียงเบา และถอยออกห่างจากเขาหนึ่งก้าว
“อย่ามาเล่นลิ้น เมื่อกี้มันไฟแดงอยู่เลย เธอรีบเดินออกมาแบบนี้ถ้าเกิดรถฉันเบรกไม่ทัน ชนเธอขึ้นมาก็ซวยสิ!”
“มันไฟเขียว!” เธอยืนกรานเถียงขาดใจ เพราะตอนที่เธอเดินออกมามันไฟเขียวให้คนข้ามถนนแล้ว “ลุงต่างหากที่ขับรถไม่ดูคนข้ามถนน!”
“ไร้สาระจริงๆ ไปไหนก็ไปไป แม่งซวยฉิบหาย!”
เสียงดุดันนั้นดังก้องไปทั่ว เขาไม่ได้สังเกตเลยว่า มือของเธอสั่นแค่ไหน หรือว่าเธอกำลังสะพายกระเป๋านักเรียนใบใหญ่เกินตัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขณะที่เขาขับรถมานั้น ไฟสำหรับคนเดินข้ามเพิ่งขึ้นได้เพียงไม่กี่วินาที
“ไอ้ลุงหัวร้อน!!”
14:20 | โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง
เสียงประกาศตามสายในช่วงบ่ายของการสอบปลายภาควันสุดท้าย มีนักเรียนจำนวนหนึ่งทยอยเดินออกจากห้องสอบหลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในนั้นคือ นาเนียร์ เด็กสาวในชุดนักเรียนถูกระเบียบ
“พี่ณ” เธอรีบโบกมือทักทายพี่ชายที่เป็นสารถีมารอรับถึงหน้าห้องสอบด้วยรอยยิ้มหวาน “มารอน้องนานยัง”
“พักหนึ่งแล้ว เราอยากไปไหนต่อไหม พี่จะได้พาแวะก่อนไปทำงาน”
“อยากแวะกินนมปั่น ไหนๆ ก็จะไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว แวะไปลาป้าใหม่หน่อย”
“ได้” ผู้เป็นพี่ชายถือกระเป๋านักเรียนของน้องเดินนำไปขึ้นรถก่อน ขณะที่นาเนียร์ยืนคุยกับเพื่อนร่วมห้องอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งไปขึ้นรถ “เพื่อนๆ เราสอบเข้ามหา'ลัยไหนบ้างเนี่ย หัวกะทิทั้งนั้น”
“หลายแห่งเลยค่ะ หลักๆ ที่ได้ยินพูดกันน่าจะอยากไปสอบหมอ วิศวะ แล้วก็…ไม่รู้อะ คร่าวๆ ก็มีเท่านี้”
“แล้วเราล่ะ จะเรียนอะไรแน่ พี่ไม่บังคับนะ แล้วแต่เลย”
“โง่อย่างเนียร์ต้องเรียนอะไรดี” เคยวางแผนไว้แล้ว แต่เธอก็ประหม่ามาก และสบประมาทตัวเองเพราะไม่ค่อยเก่งด้านไหนเลย “บัญชีก็ดูน่าปวดหัว บริหารก็…ดูยาก หมอก็ยิ่งแล้วใหญ่”
“เราสบประมาทตัวเองไปเท่าไรแล้ว ยังไม่ได้ลองเลยทำไมต้องว่าตัวเองด้วย” ณคุณยกมือไปลูบเส้นผมน้องสาวด้วยความเอ็นดูและปลอบใจน้อง “ลองก่อนดิ ไม่โอเคก็ค่อยเปลี่ยน ยังไงพี่ก็เลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
นาเนียร์เผยรอยยิ้มทะเล้นแล้วหันมาสบแขนพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยเสียงใส
“ถ้างั้นไม่เรียนได้ไหม มาอยู่บ้านให้พี่ณเลี้ยงเล่นๆ”
“หึหึ กล้าไหมล่ะ เราบอกกับแม่พ่อเองไม่ใช่หรือไง ว่าจะเรียนจบสูงๆ น่ะ”
“พี่ณ…” เธอยู่ปากเข้าหากัน “แต่อยากบอกว่าตอนนี้ลูกแม่โง่มาก…” นาเนียร์ถอนหายใจ ก่อนนึกอะไรออกจึงเอ่ยถามพี่ชายอย่างจริงจัง “ปิดเทอมแล้วเนียร์ไม่มีอะไรทำเลย เอ่อ…ให้เนียร์ไปทำงานกับพี่ณได้ไหมคะ”
“ไม่ได้” น้ำเสียงเด็ดขาดของพี่ชายทำรอยยิ้มหวานบนใบหน้าเลือนหายไปทันที “ที่ทำงานพี่มีแต่ผู้ชาย แล้วเฮียเตอร์ไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปวุ่นวายด้วย” ณคุณหันมองน้องสาวที่เงียบไป
“คนนอกที่ไหน นี่นาเนียร์น้องสาวพี่ณ”
“ยิ่งแล้วใหญ่ พี่เกรงใจเฮียเตอร์ ไม่อยากมีปัญหากับเฮียเขา”
“เฮียเตอร์ของพี่ณเนี่ย…เขาดูเป็นคนใจแคบจังเนอะ”
“ไม่เอาน่า ที่พี่ไม่อยากให้ไปเพราะมันเถื่อน มันมีแต่ผู้ชาย ไม่เหมาะกับเราหรอก” น้องสาวเขาตัวเท่าลูกแมวน้อย จะให้ไปอยู่ในฝูงเสือโหยแบนนั้นเขาอกแตกตายแน่ และเพราะรู้ว่านิสัยเพื่อนร่วมงานแต่ละคนเป็นอย่างไร เขาเลยกันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง “เดี๋ยวพี่ถามไอ้นนท์ให้แล้วกัน ไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวช่วยมันก็ได้”
“ก็ได้ค่ะ เนียร์ยังไงก็ได้ แค่อยากหารายได้ช่วงปิดเทอมเท่านั้น”
“เด็กดี แต่ก็อย่าลืมอ่านหนังสือด้วยล่ะ”
“ค่าพี่ชาย ฮีโร่ของเนียร์”
ณคุณยกมือขึ้นลูบเส้นผมน้องสาวด้วยความเอ็นดู และเร่งมุ่งหน้าไปยังร้านนมปั่นป้าใหม่ตามที่น้องสาวบอก
21:20 | บ้านของณคุณ
“ไม่รับคนงานเพิ่มอีกสักคนเลยเหรอวะ เด็กเสิร์ฟก็ได้” ณคุณพูดด้วยสีหน้าเครียด พลางหันมองน้องสาวซึ่งเธอนั่งกอดหมอนอิงอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น สายตาที่มองมาหาเขาเต็มไปด้วยความหวัง
(มึงคิดว่าร้านก๋วยเตี๋ยวแม่กูต้องมีเด็กเสิร์ฟกี่คนวะ แค่กูกับแม่เดินก็จะชนกันอยู่แล้ว)
“น้องกูอยากหาอะไรทำช่วงปิดเทอมว่ะ กูเลยโทรมาถามมึงก่อนเนี่ย”
(เสียใจว่ะ แม่กูเพิ่งรับเด็กพม่ามาเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเมื่ออามิตย์ก่อนนี้เอง)
“เออ งั้นไม่เป็นไรเพื่อน”
(เออๆ ถ้ายังไงกูมีที่ทำงานดีๆ เขาเปิดรับเด็กเสิร์ฟ กูจะนึกถึงมึงเป็นคนแรกเลย)
“ขอบใจ” ณคุณวางสายจากเพื่อนรัก ก่อนถอนหายใจแล้วเดินกลับไปหาน้องสาว “แม่มันเพิ่งรับเด็กเสิร์ฟไป”
“เห็นไหม เนียร์บอกแล้ว” นาเนียร์เม้มปากแล้วกอดแขนพี่ชายแน่น “งั้นให้เนียร์ไปทำงานกับพี่ณได้ไหม สัญญาเลยว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ณโดนเฮียเฮดเตอร์ด่าแน่นอน”
“…”! ณคุณมองหน้าน้องสาวแล้วถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “เอาไว้พี่จะคุยกับเฮียเขาให้แล้วกัน แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ไปไหม”
“ค่ะ หนูจะรอ”
วันรุ่งขึ้น
ณคุณมาทำงานตามเวลาปกติ แต่วันนี้เขาแบกรับความกดดันจากน้องตัวแสบมาเต็มบ่า และยายตัวแสบก็ขอตามมาที่ทำงานด้วย
“น้องสาวพี่ณน่ารักมากเลยอะ มีแฟนยังครับคนสวย”
“น้องกูไม่ชอบหมา”
“โห่พี่ณ สกัดดาวรุ่งมากเลยอะ”
“หึหึ ไปทำงานได้แล้ว แล้วเราก็ไปนั่งอยู่ตรงนั้น ห้ามลุกไปไหน ห้ามดื้อ ห้ามซนเข้าใจไหม”
“โอเคครับผม” นาเนียร์ยิ้มหวานแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตามที่พี่ชายสั่งไว้
“พี่ณ…น้องพี่มีแฟนยัง น่ารักมาก จริงๆ นะพี่”
“น้องกูโสด แต่มึงหมดสิทธิ์จีบ กูหวง!”
“นี่น้องพี่นะครับ น้องคนสนิทพี่ไงจำได้ปะเนี่ย”
ณคุณหัวเราะขบขันแล้วบีบแก้มน้องคนสนิทไปหนึ่งที
“พี่ณ! เจ็บนะเนี่ย”
“เออไง จะได้รู้ว่ามึงไม่ได้ฝันอยู่ เลิกคิดไปเลยเรื่องจีบน้องกู”
“แอบมองก็ได้ อะๆ เฮียเตอร์มาละ” ทุกสายตาหันไปมองร่างสูงที่เดินเข้ามาในที่ทำงาน ณคุณยกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
การปรากฏตัวของเขาทำให้นาเนียร์ต้องมองตามสายตาของพี่ชาย เธอเม้มปากแน่นเมื่อได้สบตากับคนที่เดินตรงมาทางนี้พอดี
รอยสักที่อก รอยสักที่คอ… ดูแล้วน่าเกรงขามมาก ทั้งสายตาดุดันของเขาทำเอารู้สึกขนลุกทั้งตัว แต่พอร่างสูงเดินเข้ามาใกล้และถอดแว่นกันแดดสีดำออกแล้วนั้น นาเนียร์ถึงกับเบิกตากว้างและมือชี้หน้าเขาอัตโนมัติ
“ไอ้ลุงหัวร้อน!”
“เธอ!”
———————————————
เอ็นดูน้องเรียกลุงเฮด 😆
ตอนพิเศษ 2เช้าวันหยุดในบ้านหลังใหญ่บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ห้องโถงกลางถูกจัดแต่งด้วยดอกไม้สีขาวสลับชมพูอ่อน กลิ่นหอมอวลไปทั่วจนสร้างความอบอุ่นราวกับงานหมั้นเล็กๆ ที่แฝงไปด้วยความหมายยิ่งใหญ่กันต์กำลังช่วยช่างจัดดอกไม้ยกแจกันไปตั้งตรงมุมโต๊ะอย่างตั้งใจ“พวกนายวางตรงนี้สิ จะได้บาลานซ์กับเวที” เขาพูดพร้อมหันไปเช็กตำแหน่งต้นหนยืนพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น พลางก้มหน้ากางแผนผังการจัดโต๊ะ“นี่พวกแขกผู้ใหญ่ต้องนั่งฝั่งไหนกันแน่ เฮดเตอร์ถ้าไม่รีบตอบ เดี๋ยวพรุ่งนี้คนมาแล้วจะมั่วกันหมดนะเว้ย”ลีอองหัวเราะพลางยกถาดแก้วน้ำมาวางเรียงบนโต๊ะรับแขก“ใจเย็นๆ หน่อยเถอะไอ้ต้น มึงก็เหมือนแม่บ้านไปทุกทีแล้วนะ”เสียงหยอกล้อทำให้เฮดเตอร์ที่นั่งตรวจเช็กรายชื่อแขกอยู่เงยหน้าขึ้น เขายิ้มบางๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากเพื่อนสนิทที่ร่วมลงแรงกันเต็มที่ระหว่างที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่ เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางประตูบ้าน ก่อนจะปรากฏร่างชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ามีเค้าโครงคล้ายเฮดเตอร์ไม่ผิดเพี้ยน“เซอร์ไพรส์!”ทุกสายตาหันไปทันที เฮดเตอร์ชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง ดวงตาคมวาวด้วยความดีใจ“ไอ้คิว!”ร่างส
ตอนพิเศษ 1ย่างเข้าสู่ปีที่สี่ของการเป็นนักเรียนแพทย์ การเจอกันกับเฮดเตอร์ก็น้อยลงตามตารางเรียนที่มากขึ้น และเป็นปีสี่ของนาเนียร์ที่ต้องขึ้นชั้นคลินิกและได้ราวน์คนไข้จริงๆ กับอาจารย์หมอเสียงโทรศัพท์สั่นและดังเบาๆ อยู่ในกระเป๋าเสื้อของนาเนียร์ เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนเคาน์เตอร์แล้วเดินไปหลบมุมเพื่อรับสายของเฮดเตอร์“เฮีย เนียร์ยุ่งอยู่ค่ะ มีอะไรด่วนไหม”(เปล่า แค่คิดถึงเด็กดื้อน่ะ)“อ๋อ คิดถึงเหมือนกันนะคะ อย่าน้อยใจนะที่เนียร์ไม่มีเวลาให้ ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ”เสียงถอนหายใจทุ้มต่ำลอดผ่านมาทางสายคล้ายจะกลั้นความน้อยใจเอาไว้ไม่มิด(รู้หรอกว่าเรายุ่ง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า…ตอนนี้ใครกันแน่ที่อยู่กับเนียร์มากกว่าเฮีย)น้ำเสียงติดกระเซ้า ทว่ามีความน้อยใจแฝงอยู่จนหัวใจนาเนียร์สะดุ้ง เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามอธิบายเสียงเบา“ไม่มีใครทั้งนั้นค่ะเฮีย มีแต่คนไข้กับอาจารย์หมอ เนียร์อยากให้เฮียเข้าใจนะ”เฮดเตอร์หัวเราะหึเบาๆ แต่ก็ยังไม่อาจปิดบังความรู้สึกในใจได้(แต่เฮียก็ยังอยากให้เราเจอกันบ้าง…ไม่ใช่แค่ได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์แบบนี้)มือที่จับโทรศัพท์ของนาเนียร์สั่นน้อยๆ เธอหลับตาลง สูดลมหายใจลึกแล้วตอบด
บทที่ 55 บทส่งท้ายเปิดเทอมปีสองของนักศึกษาแพทย์มาได้ไม่กี่สัปดาห์ แต่นาเนียร์ก็สัมผัสได้ถึงความหนักหน่วงที่ต่างจากเดิม ทั้งชั่วโมงเรียนที่ยาวนานกว่าปีแรก และเนื้อหาวิชาที่เข้มข้นขึ้นจนแทบไม่มีเวลาหายใจ เธอมักกลับมาบ้านหรือคอนโดพร้อมกับความเหนื่อยล้าเต็มสองแขน แต่สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อก่อนคือเธอไม่เคยต้องแบกรับเพียงลำพังอีกแล้วเฮดเตอร์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แม้ยังคงนิสัยเจ้าเล่ห์และแฝงความกวนประสาทอยู่ตลอด แต่เวลามีเธออยู่ใกล้กลับกลายเป็นคนใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด ยิ่งหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้นจนเหมือนหายใจด้วยจังหวะเดียวกันเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน นาเนียร์เดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากมหาวิทยาลัยอย่างอิดโรย แต่ทันทีที่เห็นร่างสูงคุ้นตายืนพิงรถหรูรออยู่ หัวใจที่หนักอึ้งกลับเบาสบายอย่างน่าประหลาด“เฮียขา…” เสียงหวานอ้อนดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาใกล้ เธอยกแขนคล้องเอวเขาแน่นเหมือนหาที่พักพิงเฮดเตอร์ก้มลงสบตา ดวงตาคมอ่อนแสงลงอย่างไม่รู้ตัว มือหนายกขึ้นลูบผมเธอเบาๆ“เหนื่อยอีกแล้วใช่ไหมตัวเล็ก”เธอพยักหน้าหงึกๆ พลางซบลงกับอกกว้าง“เหนื่อยมากเลยค่ะ วันนี้เรี
บทที่ 54 เด็กขี้อ้อนหลายเดือนต่อมานาเนียร์เดินมาหาเฮดเตอร์ที่ยืนรออยู่หน้าบ้านด้วยท่าทางอิดโรยสุดๆ ทันทีที่ปลายรองเท้าและกับปลายรองเท้าเขา แขนสองข้างก็อ้าออกและสวมกอดเอวสอบอัตโนมัติ“ขออ้อนหน่อย เรียนเหนื่อยมาทั่งอาทิตย์เลย”“อยากกินอะไรอร่อยๆ ไหม เฮียตามใจเราหนึ่งวัน”“ไม่อยากกินอะไรเลยค่ะ อยากนอนบนตัวเฮียมากกว่า”“ขี้อ้อนจริงๆ นะเรา”“น้อยๆ หน่อยน้องสาว” เสียงณคุณดังขึ้นจากทางด้านหลังนาเนียร์ เขาถือถุงผ้าใบโปรดของน้องสาวมายื่นให้เฮดเตอร์พลางยกมือขึ้นไปแตะหน้าผากน้องด้วยความมันเขี้ยว “ฝากด้วยเฮีย บ่นว่าเหนื่อยตั้งแต่ไปรับมาจากมหา‘ลัยแล้ว”“อืม แล้วมึงจะเข้าบริษัทตอนไหน ถ้าเข้าไปกูฝากดูรถแข่งด้วย”“อีกหนึ่งชั่วโมงเฮีย”“อืม”“ไปเถอะ อยากนอนแล้ว” นาเนียร์หันไปยกมือไหว้พี่ชาย แล้วเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งเองเมื่อเห็นแบบนั้นเฮดเตอร์จึงเชิดหน้าน้อยๆ ให้ณคุณแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ“เหนื่อยขนาดนั้นเลย?”“มากค่ะ เรียนว่าหนักแล้วนะ อาจารย์บอกว่าเทอมสองจะต้องเรียนผ่าอาจารย์ใหญ่แล้ว ขนลุกไม่หาย”“ก็เราเลือกเอง”“ก็จริงค่ะ แค่บ่นให้ฟันเฉยๆ สนใจมาเป็นอาจารย์ใหญ่ให้เนียร์ลองผ่าเล่นๆ ไหม”“ตลก