'เนียร์อยู่ใกล้เฮียในระยะนี้มันโอเคแล้ว เพราะยิ่งใกล้เท่าไร ยิ่งอันตราย' เพราะยิ่งใกล้เขา เธอยิ่งหวั่นใจ
ดูเพิ่มเติมintro
“เออ! กูรู้แล้วว่ามีนัดประชุม ไม่ต้องโทรจิกเหมือนเป็นเมียกูขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
(เฮีย นี่มันก็สายแล้วนะครับ รีบมาเถอะ ทุกคนรอ)
“กูว่างมากมั้ง แค่นี้! เดี๋ยวกูรีบไป!”
(ครับ….)
“เฮ้ย!!”
เอี๊ยด!!…
เสียงเบรกดังเอี๊ยดลั่นไปทั่วถนน
รองเท้านักเรียนสีดำสะอาดหยุดชะงักกลางทางม้าลาย เสียงหัวใจของเด็กสาวในชุดนักเรียนเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ขณะที่ลมหายใจยังติดค้างในลำคอ รถหรูสีดำเงาวาวจอดห่างจากปลายรองเท้าเธอไม่ถึงคืบ เสียงแตรที่ดังก่อนหน้านี้ยังคงก้องอยู่ในหู ฝุ่นถนนลอยคลุ้งจากแรงเบรก และทันใดนั้น ประตูรถฝั่งคนขับก็เปิดออกอย่างแรง
ชายหนุ่มคนในเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับแว่นกันแดดสีเข้ม ก้าวพรวดออกมาจากรถด้วยท่าทีฉุนเฉียว ร่างสูงปรี่เข้ามาหาเด็กนักเรียนตัวเล็กที่ยังยืนอึ้งอยู่กลางถนน
“เดินยังไงของเธอวะ! หัดดูรถด้วยสิ! คิดว่าข้ามทางม้าลายแล้วจะไม่ต้องดูรถหรือไง!”
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำเอ่อ เขาหันมองสัญญาณไฟคนข้ามที่ยังคงกะพริบสีเขียวอยู่ และอีกฟากฝั่งถนน ผู้คนที่รอข้ามต่างมองมาด้วยสายตาแตกต่างกัน บ้างตกใจ บ้างโกรธแทน
“ลุงไม่เห็นเหรอว่ามันไฟเขียว ให้คนข้ามถนน…” เด็กสาวเอ่ยเสียงเบา และถอยออกห่างจากเขาหนึ่งก้าว
“อย่ามาเล่นลิ้น เมื่อกี้มันไฟแดงอยู่เลย เธอรีบเดินออกมาแบบนี้ถ้าเกิดรถฉันเบรกไม่ทัน ชนเธอขึ้นมาก็ซวยสิ!”
“มันไฟเขียว!” เธอยืนกรานเถียงขาดใจ เพราะตอนที่เธอเดินออกมามันไฟเขียวให้คนข้ามถนนแล้ว “ลุงต่างหากที่ขับรถไม่ดูคนข้ามถนน!”
“ไร้สาระจริงๆ ไปไหนก็ไปไป แม่งซวยฉิบหาย!”
เสียงดุดันนั้นดังก้องไปทั่ว เขาไม่ได้สังเกตเลยว่า มือของเธอสั่นแค่ไหน หรือว่าเธอกำลังสะพายกระเป๋านักเรียนใบใหญ่เกินตัว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขณะที่เขาขับรถมานั้น ไฟสำหรับคนเดินข้ามเพิ่งขึ้นได้เพียงไม่กี่วินาที
“ไอ้ลุงหัวร้อน!!”
14:20 | โรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่ง
เสียงประกาศตามสายในช่วงบ่ายของการสอบปลายภาควันสุดท้าย มีนักเรียนจำนวนหนึ่งทยอยเดินออกจากห้องสอบหลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในนั้นคือ นาเนียร์ เด็กสาวในชุดนักเรียนถูกระเบียบ
“พี่ณ” เธอรีบโบกมือทักทายพี่ชายที่เป็นสารถีมารอรับถึงหน้าห้องสอบด้วยรอยยิ้มหวาน “มารอน้องนานยัง”
“พักหนึ่งแล้ว เราอยากไปไหนต่อไหม พี่จะได้พาแวะก่อนไปทำงาน”
“อยากแวะกินนมปั่น ไหนๆ ก็จะไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว แวะไปลาป้าใหม่หน่อย”
“ได้” ผู้เป็นพี่ชายถือกระเป๋านักเรียนของน้องเดินนำไปขึ้นรถก่อน ขณะที่นาเนียร์ยืนคุยกับเพื่อนร่วมห้องอยู่ครู่หนึ่งก็วิ่งไปขึ้นรถ “เพื่อนๆ เราสอบเข้ามหา'ลัยไหนบ้างเนี่ย หัวกะทิทั้งนั้น”
“หลายแห่งเลยค่ะ หลักๆ ที่ได้ยินพูดกันน่าจะอยากไปสอบหมอ วิศวะ แล้วก็…ไม่รู้อะ คร่าวๆ ก็มีเท่านี้”
“แล้วเราล่ะ จะเรียนอะไรแน่ พี่ไม่บังคับนะ แล้วแต่เลย”
“โง่อย่างเนียร์ต้องเรียนอะไรดี” เคยวางแผนไว้แล้ว แต่เธอก็ประหม่ามาก และสบประมาทตัวเองเพราะไม่ค่อยเก่งด้านไหนเลย “บัญชีก็ดูน่าปวดหัว บริหารก็…ดูยาก หมอก็ยิ่งแล้วใหญ่”
“เราสบประมาทตัวเองไปเท่าไรแล้ว ยังไม่ได้ลองเลยทำไมต้องว่าตัวเองด้วย” ณคุณยกมือไปลูบเส้นผมน้องสาวด้วยความเอ็นดูและปลอบใจน้อง “ลองก่อนดิ ไม่โอเคก็ค่อยเปลี่ยน ยังไงพี่ก็เลี้ยงไหวอยู่แล้ว”
นาเนียร์เผยรอยยิ้มทะเล้นแล้วหันมาสบแขนพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยเสียงใส
“ถ้างั้นไม่เรียนได้ไหม มาอยู่บ้านให้พี่ณเลี้ยงเล่นๆ”
“หึหึ กล้าไหมล่ะ เราบอกกับแม่พ่อเองไม่ใช่หรือไง ว่าจะเรียนจบสูงๆ น่ะ”
“พี่ณ…” เธอยู่ปากเข้าหากัน “แต่อยากบอกว่าตอนนี้ลูกแม่โง่มาก…” นาเนียร์ถอนหายใจ ก่อนนึกอะไรออกจึงเอ่ยถามพี่ชายอย่างจริงจัง “ปิดเทอมแล้วเนียร์ไม่มีอะไรทำเลย เอ่อ…ให้เนียร์ไปทำงานกับพี่ณได้ไหมคะ”
“ไม่ได้” น้ำเสียงเด็ดขาดของพี่ชายทำรอยยิ้มหวานบนใบหน้าเลือนหายไปทันที “ที่ทำงานพี่มีแต่ผู้ชาย แล้วเฮียเตอร์ไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปวุ่นวายด้วย” ณคุณหันมองน้องสาวที่เงียบไป
“คนนอกที่ไหน นี่นาเนียร์น้องสาวพี่ณ”
“ยิ่งแล้วใหญ่ พี่เกรงใจเฮียเตอร์ ไม่อยากมีปัญหากับเฮียเขา”
“เฮียเตอร์ของพี่ณเนี่ย…เขาดูเป็นคนใจแคบจังเนอะ”
“ไม่เอาน่า ที่พี่ไม่อยากให้ไปเพราะมันเถื่อน มันมีแต่ผู้ชาย ไม่เหมาะกับเราหรอก” น้องสาวเขาตัวเท่าลูกแมวน้อย จะให้ไปอยู่ในฝูงเสือโหยแบนนั้นเขาอกแตกตายแน่ และเพราะรู้ว่านิสัยเพื่อนร่วมงานแต่ละคนเป็นอย่างไร เขาเลยกันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง “เดี๋ยวพี่ถามไอ้นนท์ให้แล้วกัน ไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวช่วยมันก็ได้”
“ก็ได้ค่ะ เนียร์ยังไงก็ได้ แค่อยากหารายได้ช่วงปิดเทอมเท่านั้น”
“เด็กดี แต่ก็อย่าลืมอ่านหนังสือด้วยล่ะ”
“ค่าพี่ชาย ฮีโร่ของเนียร์”
ณคุณยกมือขึ้นลูบเส้นผมน้องสาวด้วยความเอ็นดู และเร่งมุ่งหน้าไปยังร้านนมปั่นป้าใหม่ตามที่น้องสาวบอก
21:20 | บ้านของณคุณ
“ไม่รับคนงานเพิ่มอีกสักคนเลยเหรอวะ เด็กเสิร์ฟก็ได้” ณคุณพูดด้วยสีหน้าเครียด พลางหันมองน้องสาวซึ่งเธอนั่งกอดหมอนอิงอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น สายตาที่มองมาหาเขาเต็มไปด้วยความหวัง
(มึงคิดว่าร้านก๋วยเตี๋ยวแม่กูต้องมีเด็กเสิร์ฟกี่คนวะ แค่กูกับแม่เดินก็จะชนกันอยู่แล้ว)
“น้องกูอยากหาอะไรทำช่วงปิดเทอมว่ะ กูเลยโทรมาถามมึงก่อนเนี่ย”
(เสียใจว่ะ แม่กูเพิ่งรับเด็กพม่ามาเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเมื่ออามิตย์ก่อนนี้เอง)
“เออ งั้นไม่เป็นไรเพื่อน”
(เออๆ ถ้ายังไงกูมีที่ทำงานดีๆ เขาเปิดรับเด็กเสิร์ฟ กูจะนึกถึงมึงเป็นคนแรกเลย)
“ขอบใจ” ณคุณวางสายจากเพื่อนรัก ก่อนถอนหายใจแล้วเดินกลับไปหาน้องสาว “แม่มันเพิ่งรับเด็กเสิร์ฟไป”
“เห็นไหม เนียร์บอกแล้ว” นาเนียร์เม้มปากแล้วกอดแขนพี่ชายแน่น “งั้นให้เนียร์ไปทำงานกับพี่ณได้ไหม สัญญาเลยว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ณโดนเฮียเฮดเตอร์ด่าแน่นอน”
“…”! ณคุณมองหน้าน้องสาวแล้วถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “เอาไว้พี่จะคุยกับเฮียเขาให้แล้วกัน แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ไปไหม”
“ค่ะ หนูจะรอ”
วันรุ่งขึ้น
ณคุณมาทำงานตามเวลาปกติ แต่วันนี้เขาแบกรับความกดดันจากน้องตัวแสบมาเต็มบ่า และยายตัวแสบก็ขอตามมาที่ทำงานด้วย
“น้องสาวพี่ณน่ารักมากเลยอะ มีแฟนยังครับคนสวย”
“น้องกูไม่ชอบหมา”
“โห่พี่ณ สกัดดาวรุ่งมากเลยอะ”
“หึหึ ไปทำงานได้แล้ว แล้วเราก็ไปนั่งอยู่ตรงนั้น ห้ามลุกไปไหน ห้ามดื้อ ห้ามซนเข้าใจไหม”
“โอเคครับผม” นาเนียร์ยิ้มหวานแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตามที่พี่ชายสั่งไว้
“พี่ณ…น้องพี่มีแฟนยัง น่ารักมาก จริงๆ นะพี่”
“น้องกูโสด แต่มึงหมดสิทธิ์จีบ กูหวง!”
“นี่น้องพี่นะครับ น้องคนสนิทพี่ไงจำได้ปะเนี่ย”
ณคุณหัวเราะขบขันแล้วบีบแก้มน้องคนสนิทไปหนึ่งที
“พี่ณ! เจ็บนะเนี่ย”
“เออไง จะได้รู้ว่ามึงไม่ได้ฝันอยู่ เลิกคิดไปเลยเรื่องจีบน้องกู”
“แอบมองก็ได้ อะๆ เฮียเตอร์มาละ” ทุกสายตาหันไปมองร่างสูงที่เดินเข้ามาในที่ทำงาน ณคุณยกมือทักทายอย่างเป็นกันเอง
การปรากฏตัวของเขาทำให้นาเนียร์ต้องมองตามสายตาของพี่ชาย เธอเม้มปากแน่นเมื่อได้สบตากับคนที่เดินตรงมาทางนี้พอดี
รอยสักที่อก รอยสักที่คอ… ดูแล้วน่าเกรงขามมาก ทั้งสายตาดุดันของเขาทำเอารู้สึกขนลุกทั้งตัว แต่พอร่างสูงเดินเข้ามาใกล้และถอดแว่นกันแดดสีดำออกแล้วนั้น นาเนียร์ถึงกับเบิกตากว้างและมือชี้หน้าเขาอัตโนมัติ
“ไอ้ลุงหัวร้อน!”
“เธอ!”
———————————————
เอ็นดูน้องเรียกลุงเฮด 😆
บทที่ 15 เป็นพาร์ทเนอร์กันไหม?นาเนียร์ก้าวลงจากรถ ขาทั้งสองข้างสั่นพั่บๆ จนต้องหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองล้มพับลงกับพื้น“ไหวไหมเนี่ยน้องนาเนียร์”“ไหวค่ะ”“เฮียเตอร์พาไปลองรถมาเหรอ”“ค่ะ”เธอพยักหน้าให้รุ่นพี่เบาๆ แล้วถอดหมวกกันน็อกออก“โห หน้าซีดมาก ไหวแน่นะน้อง”“ไหวค่ะไหว” เธอตอบกลับโดยไม่เงยหน้ามองรุ่นพี่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านใน เจอแอร์และพัดลมเย็นๆ ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง และในจังหวะนั้น ณคุณก็เดินถือกล่องเครื่องมือเดินผ่านพอดี“ไปทำไรมาเนี่ย ไหนพี่ดูสิ” เขาไม่ได้เดินผ่านไป แต่กลับรีบปนี่เข้ามาหาน้องสาวเพราะเห็นว่านาเนียร์หน้าซีดมาก“เฮียเตอร์พาไปลองรถ เกือบตายแน่ะ”“หืม? พาน้องไปลองรถมาเหรอ”“ค่ะ”ณคุณขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำตอบ น้ำเสียงก็เปลี่ยนจากความเป็นห่วงเป็นแข็งขึ้นเล็กน้อย“แล้วทำไมหน้าซีดขนาดนี้” เขาหันไปมองรอบๆ ราวกับกำลังหาเป้าหมายที่ชื่อเฮดเตอร์นาเนียร์รีบโบกไม้โบกมือ“ไม่ใช่แบบนั้นพี่ณ…ก็แค่…เฮียเขาขับเร็วมากน่ะ น้องยังไม่ชิน”แต่คำอธิบายนั้นไม่ได้ช่วยให้ณคุณคลายสีหน้าขุ่นเคืองลง เขาวางกล่องเครื่องมือลงบนโต๊ะใกล้ๆ แล้วใช้มือจับแขนน้องสาวให้หมุนตัวไปมาเบาๆ“ไ
บทที่ 14 สนใจเสียงเครื่องยนต์คำรามแข่งกับลมที่กระแทกกระจกอย่างต่อเนื่อง รถพุ่งทะยานไปตามโค้งของสนามด้วยความเร็วที่ทำให้ท้องไส้ของนาเนียร์เหมือนถูกดึงรั้งไว้ด้านหลัง เธอกำเข็มขัดตัวเองแน่น เท้าก็เหยียบพื้นแน่นคล้ายจะช่วยเขาเบรกรถ แม้รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยให้รถช้าลงเลยสักนิดเฮดเตอร์เหลือบตามองเธอจากมุมสายตา เห็นใบหน้าใต้หมวกกันน็อกที่ซีดนิดๆ กับริมฝีปากที่เม้มแน่นเหมือนพยายามเก็บอาการ เขายกยิ้มบาง ไม่ใช่ยิ้มเอ็นดู แต่เป็นยิ้มของคนที่กำลังพอใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในอาณาเขตของตัวเอง“กลัวเหรอ” เสียงของเขาทุ้มต่ำ แทรกผ่านเสียงเครื่องยนต์เข้ามาในหูเธอ“มะ…ไม่กลัวค่ะ” นาเนียร์ตอบสั้นๆ แต่สายตายังจ้องถนนข้างหน้า“ไม่กลัวก็หันมามองสิ”เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามองเขาตามที่บอก แล้วก็ต้องเผลอกลืนน้ำลาย เพราะระยะห่างระหว่างใบหน้าของเขากับเธอตอนนี้ใกล้จนเห็นประกายแววตาคมชัดทุกเส้นสาย ราวกับเขาตั้งใจจะให้เธอสบตาแล้วจมอยู่ในนั้นเฮดเตอร์กระตุกพวงมาลัยเข้าโค้งแรง จังหวะนั้นแรงเหวี่ยงทำให้ร่างของนาเนียร์เอียงเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ มือหนาของเขายกขึ้นมารับไว้ที่เอวอย่างรวดเร็ว“จับไว้ดีๆ” เขากร
บทที่ 13 ลองเครื่องนิ้วเรียวยาวของเฮดเตอร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะลูบหน้าผากตัวเองแรงๆ ทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด คราวนี้ไม่ใช่เพราะเอกสารตรงหน้า ไม่ใช่เพราะเสียงครางจากปลายสายก่อนหน้า…แต่เพราะความเงียบที่วนกลับมาอีกครั้ง มันเหมือนหลอกให้เขาต้องกลับมานั่งอยู่กับความรู้สึกที่ตัวเองก็ยังไม่อยากยอมรับเขาก้มมองโทรศัพท์อีกครั้ง นิ้วไถรายชื่ออย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดที่ชื่อสุดท้ายในกลุ่มที่พอไว้ใจได้“ลีออง” ตัวเลือกสุดท้ายติ๊ด…เสียงรอสายดังเพียงแค่สองครั้ง(ว่าไงมึง วันนี้เงียบเหงาเหรอ ถึงได้โทร.หาผมเนี่ย)เสียงกวนประสาทของลีอองดังขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ด้านหลัง ไม่ใช่เสียงหอบ ไม่ใช่เสียงหญิงสาว ไม่ใช่เสียงเตียงลั่นแอ๊ดแอ๊ดเฮดเตอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกปนขบขันเล็กๆ เป็นครั้งแรกของคืน“อย่างน้อยก็มีมึงที่ว่าง…”(ไม่ว่างก็ต้องว่างแหละ โทรมาขนาดนี้ หายากนะที่มึงจะโทร.หากูก่อน ดึกแล้วด้วย มีไรว่ามา)“ไม่มีอะไรมาก แค่อยากเช็กว่ากูไม่ได้เหลือแค่เอกสารกับเสียงพัดลมในห้องทำงาน และที่สำคัญกูโทร.หามึงคนสุดท้าย”(หืมมมม~ ฟังดูเหงาแปลกๆ นะมึง หรือลูกน้องมึงแอบทิ้งไปเสพสุขกันหมดแล้ว?)เฮดเ
บทที่ 12 คนในอดีตณคุณทิ้งความงุนงงไว้ข้างหลัง ก่อนปั่นหน้ายิ้มแย้มเมื่อนาเนียร์เดินมาถึงรถพอดี“พี่ณ วันนี้ทำงานเหนื่อยมากๆ ขออ้อนได้ไหม”“ก๋วยจั๊บร้านประจำ?” ณคุณเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจน้องสาว ทำเอาคนที่ตั้งใจมาอ้อนพี่ชายให้พาไปกินของอร่อยต้องหลุดยิ้มดีใจ“เก่งจัง รู้ใจน้องไปหมดเลย”“นี่พี่เรานะ เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทำไมจะไม่รู้”“ขอบคุณนะพี่ณ ที่ไม่ทอดทิ้งน้องไปไหน”นาเนียร์จับชายเสื้ิพี่ชายเบาๆ แกว่งมือไปมาอย่างเขินอาย จากนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มพี่ชายเบาๆ“อะไรเนี่ย หอมแก้มพี่ทำไม”“ขอบคุณ รู้สึกอยากขอบคุณและอยากขอโทษพี่ณที่ทำตัวให้ปวดหัว”“ไม่เอาน่า ไปหาอะไรกินกันเถอะ”“อืม”ขณะเดียวกันก็มีสายตาหนึ่งคู่ที่มองลงมาจากห้องทำงาน เฮดเตอร์มองสองพี่น้องที่เดินเคียงกันไปขึ้นรถ มุมปากเขาเหยียดยิ้มบางๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน22:00 บ้านของณคุณ“ตัวแสบ จะอ่านหนังสือถึงกี่โมงเนี่ย พรุ่งนี้ตื่นสายไม่รู้ด้วยนะ”“น้องไม่เคยตื่นสาย แต่ว่าอยากอ่านบทนี้ให้จบก่อนค่ะ”“เอางั้น?”“อืม แป๊บเดียว”“งั้นพี่อยู่เป็นเพื่อน”“โอเคค่ะ” นาเนียร์ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อณคุณหยิบหนั
บทที่ 11 ไม่เข้าใจเหตุผล“เฮ! ทำไมหน้าซีดแบบนั้น ไม่สบายเหรอ”ณคุณตะโกนเรียกน้องสาว เมื่อนาเนียร์เดินเข้ามาใกล้ เขาก็รีบถอดถุงมือช่างออกแล้วยกขึ้นไปอังหน้าผากน้องสาวทันที “ก็ไม่ได้ตัวร้อน ทำไมทำหน้าเครียดมาแบบนั้น”“พี่ณ”“หืม?”“คนเราสามารถมีอะไรกับคนที่ไม่ใช่คนรักของตัวเองได้เหรอ”ณคุณแทบสำลักน้ำลายกับคำถามตรงๆ ของน้องสาว และรุ่นน้องที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่ข้างๆ ถึงกับอ้าปากค้าง มองหน้านาเนียร์พร้อมกัน“หุบปาก” ณคุณหันไปสั่ง เพราะรู้ว่ายังไงก็ถูกแซวแน่ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้านาเนียร์ จากนั้นจึงดึงแขนเธอเดินไปยังมุมที่ไม่มีคนพลุกพล่านเท่าไร “อะไร ทำไมเราถามพี่แบบนี้”“ก็แค่อยากรู้ค่ะ แต่ว่าพี่ณก็เคยทำนี่นา”“พะ พอเลยๆ ไม่ต้องพูด”“ก็น้องอยากรู้นี่คะ”“พี่เชื่อว่าเรามีคำตอบในใจแล้ว”“แล้วพี่ณคิดว่าเนียร์จะตอบอะไร”“พี่รู้น่าตัวแสบ ไปทำงานได้แล้ว และอย่าลืมว่าอีกไท่กี่วันเขาจะเปิดสอบแล้ว ตั้งใจหน่อย”“ครับผม จะไม่ทำให้พี่ณผิดหวัง”นาเนียร์ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง แม้แววตายังดูไม่สดใสเท่าปกตินัก ทว่าก็พยายามกลบเกลื่อนความสับสนในใจด้วยท่าทีร่าเริง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากมุมนั้น ทิ้งให้ณคุณยังย
บทที่ 10 อย่าเล่นกับไฟรถเคลื่อนตัวออกจากสนามแข่งอย่างช้าๆ ทิ้งเสียงวุ่นวายและกลิ่นน้ำมันไว้เบื้องหลัง เส้นทางที่ทอดยาวเบื้องหน้าเงียบงัน มีเพียงแสงไฟถนนที่สะท้อนเข้ามาในรถเป็นระยะ กับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังสม่ำเสมอ ราวกับปลอบโยนความคิดฟุ้งซ่านของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่เบาะข้างคนขับณคุณเหลือบมองน้องเป็นระยะ นาเนียร์ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตานิ่งสงบ แต่ในความนิ่งนั้นกลับซ่อนบางอย่างไว้จนคนเป็นพี่รู้สึกได้ มันคือความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เขาไม่ค่อยสบายใจนัก“เขาไม่ใช่คนธรรมดาเนียร์” ณคุณพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนิ่งจริงจัง “คนแบบนั้น ถ้าเข้าไปใกล้มากเกินไป มันจะเปลี่ยนเราโดยไม่รู้ตัว”นาเนียร์หันกลับมามองพี่ชาย ชั่ววินาทีนั้นเองที่แววตาเธอเผยความสับสนออกมาอย่างปิดไม่มิด“น้องแค่…แค่อยากรู้จักมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ไฟแผดเผาตัวเองจนตายขนาดนั้น” เธอสารภาพเสียงแผ่ว “เขาเหมือนมีอะไรบางอย่างที่น้องอยากเข้าใจ อยากมองให้ลึกลงไปกว่าสิ่งที่เขาแสดงออก”ณคุณถอนหายใจยาว เขาไม่ได้ต่อว่า ไม่ได้พูดห้ามเหมือนก่อนหน้านี้ แต่สีหน้าเขายังคงเคร่งเครียด“ตัวตนของเฮดเตอร์มันไม่สวยงามอย่างที่เราคิดนะเ
ความคิดเห็น