หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ตินภพกับเอสพร้อมลูกน้องอีกสี่คนก็เดินทางข้ามไปยังฝั่งของประเทศเพื่อนบ้านก่อนจะมุ่งตรงไปยังแหล่งรวมความบันเทิงที่มีพร้อมทุกอย่างตั้งแต่โรงแรมที่พักสุดหรู กาสิโน ผับ และร้านอาหารที่ถูกกฎหมาย
ที่นี่จะต้อนรับเฉพาะสมาชิกที่มีการตรวจสอบประวัติแล้วเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและป้องกันพวกอาชญากรที่แฝงตัวเข้ามาทำการฟอกเงิน เมื่อเดินทางมาถึงก็เห็นอรันยืนรออยู่แล้วก่อนจะสั่งให้ลูกน้องแฝงตัวเข้าไปในด้านในเป็นนักท่องเที่ยวเพื่อค่อยคุ้มกันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
ตินภพเดินเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนของโรงแรมก่อนจะแยกออกไปทางด้านขวาซึ่งเป็นส่วนของกาสิโน ส่วนของผับจะอยู่ด้านซ้ายของโรงแรม ชั้นล่างจะเป็นร้านอาหาร ส่วนชั้นหนึ่งและสองจะเป็นห้างสรรพสินค้า ชั้นสามไปจนถึงชั้นยี่สิบเป็นโรงแรมที่พัก ชั้นยี่สิบเอ็ดถึงชั้นยี่สิบสามและบ้านพักโดยรอบกว่าสิบหลังเป็นของบอดี้การ์ดผู้ดูแลที่นี่ ชั้นยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าเป็นของผู้บริหารซึ่งมีถึงสี่คนนั้นคือ ตินภพ หมอแม็ค นนท์ แอล เพื่อนและลูกพี่ลูกน้องของตินภพ (แอล คอร์ล หยาง)
ร่างสูงเดินเข้าไปยังห้องควบคุมที่มีกล้องวงจรปิดที่สามารถเห็นได้ทุกซอกทุกมุมของกาสิโนจนเมื่อผ่านไปสักพักจึงได้เห็นผู้ที่คิดจะลองดีกับเขา ตินภพหันไปมองเอสและเหมือนว่าเจ้าตัวเองก็ดูจะเห็นถึงความผิดปกตินั้นแล้ว
“ไปเอาตัวมา” ตินภพสั่งเสียงเย็นเยือก ดวงตาคมเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว
“ครับ” เอสหันไปมองลูกน้องด้านหลังทันที ทั้งหมดเพียงแยกย้ายกันไปเงียบ ๆ เพื่อทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
“จับตาดูให้ดีถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจัดการได้เลย” ตินภพสั่งลูกน้องที่เหลือในห้องก่อนจะเดินออกไป
“ฉันจะไปที่ผับ” ตินภพหันมาบอกเอสแล้วเดินออกจากกาสิโนไป เอสจึงหันมาบอกอรันให้ดูแลส่วนของกาสิโนต่อก่อนจะตามร่างสูงของผู้เป็นนายออกไป
“ไม่ต้องตาม” เมื่อเข้ามาในส่วนของผับแล้วร่างสูงจึงหันมาสั่งให้เอสไม่ต้องตามติดเขา
“ครับ” เอสนั่งลงที่บาร์นั่งแต่ยังมองตามผู้เป็นนายที่เดินไปนั่งที่โต๊ะว่างไม่ไกลกันนัก ชายหนุ่มมองผู้เป็นนายนิ่ง ๆ ก่อนที่บาร์เทนเดอร์จะจัดเครื่องดื่มมาให้โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปาก เอสก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ
แค่เพียงไม่นานก็มีหญิงสาวเดินเข้าไปหาตินภพและเหมือนว่าชายหนุ่มก็ยินยอมให้อีกฝ่ายนั่งด้วย ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเอสทั้งหมดก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องที่นั่งอยู่ไม่ไกลให้เช็กประวัติผู้หญิงคนนั้น
ทางด้านตินภพที่นั่งลงได้ไม่นานก็มีสาวสวยเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มยกมือเล็กน้อยเป็นการห้ามลูกน้องที่กำลังจะลุกมากันหญิงสาวออกไป
“ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยค่ะสุดหล่อ” ใบหน้างดงามมีเสน่ห์เย้ายวนยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
“เชิญครับ” ตินภพเอ่ยอนุญาตก่อนที่หญิงสาวจะนั่งลงเบียดกับร่างแกร่งจงใจให้หน้าอกโดนแขนของเขา ตินภพเลยยกแขนขึ้นโอบไหล่อีกฝ่ายเอาไว้หลวม ๆ
“มาคนเดียวเหรอคะ” เสียงหวานเย้ายวนเอ่ยถาม ปลายนิ้วเรียวกรีดกรายไปตามรอยแยกของเสื้อเชิ้ตสีดำที่ถูกปลดกระดุมด้านบนออก
“แล้วคุณเห็นผมมากับใครหรือเปล่าละครับ”
ตินภพยื่นหน้าเข้าไปกระซิบหญิงสาวแกล้งให้ปลายจมูกเฉียดแก้มเนียนของเธอไป
“งั้นคืนนี้คุณพอจะว่างไปส่งลินลี่ที่ห้องหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวยืดตัวขึ้นเล็กน้อยกระซิบที่ข้างหูของชายหนุ่มยิ่งทำให้หน้าอกเบียดโดนร่างแกร่มมากขึ้น
“หึหึ ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับหืม” ตินภพตอบรับด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างเจ้าเล่ห์
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพูดคุยหยอกเย้าอยู่กับหญิงสาว ด้านเอสเองก็มีชายหนุ่มมองมาไม่น้อยแต่เพราะความเย็นชาจึงทำให้ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาทำความรู้จัก
แต่แล้วก็มีคนที่อยากจะลองดูสักตั้ง ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ร่างโปร่งซึ่งเป็นคนที่มองเอสตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วด้วยใบหน้าที่สวยกว่าผู้ชายที่ควรจะมีแต่เย็นชานั้น เป็นอะไรที่ท้าทายเสือใบอย่างมาร์คเป็นที่สุด
“ขอโทษนะครับมาคนเดียวเหรอ” เอสเพียงแค่ปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองที่ตินภพเหมือนเดิมไม่ได้สนใจชายหนุ่มแม้แต่นิดเดียว
“เย็นชาจังน่า ผมชักจะสนใจคุณแล้วสิ ผมชื่อมาร์คแล้วคุณละ” แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ เอสไม่คิดจะตอบหรือสนใจ ใบหน้ายังคงเรียบเฉยแต่แววตาในตอนนี้กลับแฝงความเจ็บปวดฉายขึ้นก่อนที่มันจะหายไปอยากรวดเร็วเมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังจูบดูดดื่มกับหญิงสาวคนนั้นแต่นั่นก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของมาร์คไปได้ “คุณกับคนนั้นเป็นอะไรกันเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่ตินภพ
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” พูดจบเอสก็ลุกขึ้นทันที แต่ก่อนจะเดินออกไปกลับถูกมาร์คคว้าเข้าที่แขนแล้วกระชากเข้าไปจูบแบบไม่ทันตั้งตัว เอสผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนล้มก่อนจะเดินออกไปอย่างหัวเสียโดยไม่ได้สนใจสักนิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร มาร์คลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินตามไปแต่กลับถูกชายสองร่างใหญ่คนกันเอาไว้แล้วลากออกไปเสียก่อน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาตินภพทั้งหมด ร่างสูงหันมองลูกน้องก่อนจะเดินออกไปกับหญิงสาวแต่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะรู้ว่าจะต้องทำยังไงกับผู้ชายที่ชื่อมาร์ค
หญิงสาวพาตินภพมาที่ห้องของเธอก่อนจะโน้มคอแกร่งของตินภพเข้ามาจูบมือก็ปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายไปด้วย
“อื้อ อือ จ๊วบ จ๊วบ” หญิงสาวผลักตินภพลงบนเตียงก่อนจะขึ้นคร่อมจัดการปลดเข็มขัดและรูดซิปของชายหนุ่มลงใช้นิ้วกรีดกรายลงบนอันเดอร์แวร์สีดำสร้างความเสียวให้กับตินภพเป็นอย่างมาก
“หึหึ อ่า ซี๊ด” เสียงครางของตินภพดังขึ้นหลังจากถูกหญิงสาวคว้าเอาแท่งเนื้อออกมาแล้วรูดรั้งจนมันขยายใหญ่เต็มที่ หญิงสาวจักการถอดชุดออกจนหมด ทั้งเธอและชายหนุ่มเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ตินภพหยิบถุงยางที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงให้หญิงสาวราวกับว่าเธอเตรียมสิ่งเหล่านี้เอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องเธอไม่ได้ขึ้นเตียงกับชายหนุ่มเป็นคนแรกและไม่ใช่คนเดียวด้วย หญิงสาวก็รับมาอย่างรู้หน้าที่ก่อนที่ทั้งสองจะโหมร่างเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมให้ใคร
“โอ้ว อ่า อ่ากรี๊ดด ตินคะแรงไปแล้ว อ่า” เสียงหวีดร้องราวกับจะขาดใจให้ได้ของหญิงสาวยิ่งเพิ่มความกระหายอยากให้กับชายหนุ่ม
“ซี๊ดด อ่า” ตินภพไม่ได้ฟังเสียงของหญิงสาวแม้แต่น้อยตรงกันข้ามยิ่งได้ยินเสียงหวีดร้องกับใส่แรงไม่ยั้ง
“กรี๊ดดดด! อ่า เจ็บ อะ อ่า! เจ็บค่ะเบาหน่อย”
“อ่า อ่า ซี๊ดด อดทนอีกหน่อยน่า” ตินภพเร่งใส่เต็มที่เพื่อให้ตัวเองได้ปลดปล่อย
“กรี๊ดดด!! / ซี๊ดดด อ่าาา” ในที่สุดชายหนุ่มก็ปลดปล่อย ในขณะที่หญิงสาวนั้นสลบไปแล้วเพราะไม่อาจรองรับแรงอารมณ์ของชายหนุ่มได้ ตินภพถอดแกนกายออกมาแล้วดึงถุงยางออกทันทีอย่างเสียอารมณ์
“หึ ไหนบอกว่ารับได้ แค่รอบเดียวก็สลบไปแล้วน่าเบื่อชะมัด” ตินภพเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ก่อนจะวางเงินจำนวนหนึ่งไว้แล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อออกมาจากห้องของหญิงสาวแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางที่จะไปทันที
ผัวะ ผัวะ ผัวะ
“พอก่อนครับนาย” อรันเอ่ยห้ามผู้เป็นนายทันทีเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตายซะก่อน
“หึ มึงรู้ไหมว่าทำไมถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้” ตินภพถามเสียงเหี้ยมกรามคมขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน
“มะ ไม่รู้” อีกฝ่ายตอบอย่างหวาด ๆ เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าไปทำอะไรให้ หรือว่าจะเกี่ยวกับผู้ชายหน้าหวานคนไหน
“หึ รู้แล้วสิท่า”
ตินภพเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่านึกอะไรบางอย่างออก
“คะ คุณไม่ได้สนใจเขานี่”
“มึงมันไม่รู้อะไรเองต่างหาก และเมื่อรู้แล้วก็จำเอาไว้ด้วยอย่ายุ่งกับคนของกูอีก ถ้ากูเห็นมึงอีกวันนั้นจะเป็นวันตายของมึงจำไว้” น้ำเสียงของตินภพไม่มีแววล้อเล่นยิ่งสายตาอาฆาตทิ่มแทงนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าเขาเล่นผิดคนผู้ชายคนนี้น่ากลัวราวกับพญายามัจจุราชมาทวงวิญญาณไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
“อรัน จัดการต่อด้วย” ชายหนุ่มหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทให้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
“ครับนาย”
หลังจากฝังตัวอ่อนด้วยวิทยาการทางการแพทย์เรียบร้อยแล้วนี่ก็ผ่านมาสองเดือนได้ เอสขอกลับมาทำงานเหมือนเดิมแม้ตินภพจะค้านยังไงก็ไม่ฟัง เพราะไม่อยากอยู่เฉย ๆ กับบ้าน“ไม่ต้องจ้องผมขนาดนั้นก็ได้ครับ” เอสว่า เพราะไม่ว่าจะทำอะไรตินภพก็จะมองตามไม่ให้คาดสายตาเลย“เฮ้อ…ก็พี่เป็นห่วง” ตินภพบอกแล้วลุกไปหาเอสที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะอีกตัวในห้อง“ผมแข็งแรงออก ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อย่ากังวลเลยนะ” เอสจับมือหนาที่มายืนข้าง ๆ แล้วสอดผสานนิ้วเข้ากับมือตินภพ“แต่เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ” ตินภพท้าวมืออีกข้างกับโต๊ะแล้วโน้มหน้าลงไปหาเอส“ผมรู้ครับ แต่ผมสัญญาจะไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงต่อการเสียเขาไปโอเคไหมครับ” เอสเงยหน้าขึ้นสบกับตาคมดุพร้อมบอกเสียงหนักแน่น“เฮ้อ โอเค งั้นไปทานข้าวกันจะเที่ยงแล้ว”“ก็ได้ครับ” ตินภพจูงมือเอสให้เดินตามไปช้า ๆ เอสยิ้มอ่อนให้กับการดูแลเอาใจใส่ของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มตามอายุครรภ์ของเขา“เดินเร็วกว่านี้ก็ได้ครับ ผมไม่เป็นไร”“ไม่ได้” ตินภพเอ่ยเสียงดุเล็กน้อยตอนนี้ทั้งคู่มาอยู่ที่ร้านอาหารให้ห้างไม่ไกลจากบริษัท จนกระทั่งอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ“อึก” เอสรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาทันทีเ
ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของนนท์และออกเดินทางทันทีโดยรถตู้ของบ้านนนท์นอกจากนี้ยังมีรถของการ์ดอีกสองคันหลังจากนั่งรถมาเกือบสิบเอ็ดชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงบ้านพักของนนท์ที่กระบี่“เดี๋ยวเอาของเข้าไปไว้ในบ้านก่อนแล้วเราออกไปหาอะไรทานกันครับ นี่ก็จะสองทุ่มแล้วทุกคนน่าจะหิวกันแล้ว” นนท์บอก บอดี้การ์ดสัมภาระทุกอย่างที่นำมาเข้าไปไว้ในบ้านก่อนที่ทั้งหมดจะออกไปหาอะไรทานไม่ไกลจากที่พักเท่าไรนัก“จะกินอะไรสั่งเลยนะครับ” นนท์บอกหลังจากได้โต๊ะแล้ว ทั้งหมดสองโต๊ะเป็นของการ์ดที่มาด้วยโต๊ะหนึ่ง หลังจากนั่งรอสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟทุกคนก็เริ่มลงมือกินกันทันที เอสค่อยดูแลตินภพทุกอย่างเหมือนที่ทำประจำ ตินภพเองก็ดูแลเอสกลับบ้าง แกะกุ้งให้บ้าง ตักอาหารให้บ้างจนทุกคนในโต๊ะมองกันเป็นตาเดียว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจจนทุกคนทานอาหารเสร็จก็กลับมาที่บ้านพักแล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนเนื่องจากเหนื่อยกับการเดินทาง โดยตินภพนอนกับเอส อรันกับแม็ค ส่วนแอลกับนนท์นอนกันคนละห้องและบ้านพักอีกหลังเป็นของบอกดี้การ์ด“สำหรับอาหารเช้าจะมีแม่บ้านมาทำให้ทุกคนพักได้เต็มที่ไม่ต้องห่วง” นนท์บอก“อืม งั้นแยกย้ายกันไ
เอสตื่นมาอีกครั้งก็บ่ายโมงแล้วหันมองคนที่กอดตัวเองอยู่ก็ยกยิ้มออกมาทันที มันเป็นเหมือนฝันจริง ๆ นิ้วเรียวลูบแก้มสากของชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนจะไล้ตามสันจมูกโด่งลงมาที่ริมฝีปากหนาก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกขบเข้าที่นิ้ว ตินภพกระซับกอดให้แน่นขึ้นแต่ยังไม่ยอมลืมตา ร่างโปร่งอมยิ้มอย่างมีความสุขปล่อยให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเอสคิดว่าตินภพคงหลับไปอีกครั้งจึงค่อย ๆ แกะมืออีกคนออกแต่แกะยังไงก็ไม่ออกจึงเงยหน้ามองอีกคน“นายครับผมหิว” เอสบอกเพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยมาเกือบทั้งวันแล้ว“กินฉันไปก่อนสิ แล้วก็เรียกใหม่ด้วย” น้ำเสียงออดอ้อนหยอกเย้าแฝงความไม่พอใจอยู่ในทีก่อนที่แขนแกร่งจะกอดรัดอีกคนจนแน่น“เอ่อ เรียกตอนอยู่สองคนได้ไหมครับ ถ้าอยู่ต่อหน้าลูกน้องมันจะเสียการปกครองเอา” เอสเอ่ยต่อรองเสียงแผ่ว“ก็ได้ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าลูกน้องให้เรียกคุณตินโอเคไหม” ชายหนุ่มยอมรับคำขอของอีกคนแต่โดยดีเมื่อคิดตามที่ร่างโปร่งพูด“ครับ…พี่ติน” ตินภพยกยิ้มอย่างพอใจที่อีกคนเรียกชื่อแบบนั้น“งั้นปล่อยก่อนนะครับผมหิวแล้ว” เอสบอก ชายหนุ่มยอมคายแขนออกหลวม ๆ ก่อนจะหอมแก้มอีกคนไปฟอดใหญ่หลังจากอาบน้ำเสร็จเอส
เวลาผ่านไปจนล่วงเข้าเช้าวันใหม่แม็คเดินออกมาด้วยใบหน้าอิดโรย ตินภพรีบเข้าไปหาเพื่อนทันที“โชคดีลูกปืนไม่โดนหัวใจ แต่ถูกเส้นเลือดใหญ่ทำให้คุณเอสเกิดภาวะช็อกจากการเสียเลือดมากแล้วก็หัวใจหยุดเต้นไปครั้งหนึ่ง แต่ต้องบอกว่าคุณเอสใจสู้จริง ๆ” แม็คบอกเสียงเนือง ๆ ด้วยความล้า ชายหนุ่มยกยิ้มบางสีหน้าดีขึ้นทันที“แสดงว่าปลอดภัยแล้ว” แอลถามขึ้นอย่างใจชื้น“ยัง” แม็คบอก“อ้าว” แอลกับนนท์ร้องออกมาพร้อมกัน รอยยิ้มเมื่อครู่หายไปทันที ตินภพถึงกับมองหน้าเพื่อนนิ่งค้างไป“ถ้าภายในสองวันนี้อาการไม่ทรุดลงนั้นถึงจะถือพ้นขีดอันตราย”แม็คบอกพร้อมกับมองหน้าตินภพไปด้วย“ไม่ต้องห่วงคุณเอสเขาไม่ไปจากมึงหรอก เขารักมึงมากขนาดนั้น” แม็คบอกให้กำลังใจเพื่อน“มึงเองก็อย่ารอจนถึงวันที่มันสายนะแม็ค มึงรู้ดีว่าชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนโดยเฉพาะคนที่ทำงานอย่างพวกกู” ตินภพบอกพร้อมกับมองไปยังห้องข้าง ๆ ที่มีอรันนอนอยู่ แม็คเม้นปากเข้าหากันแน่นทันทีเมื่อรู้ว่าตินภพต้องการจะบอกอะไร“อืม” แม็คตอบรับเสียงเบา“ไปพักกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” นนท์บอก ทุกคนพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปเพื่อไปพักผ่อน ตินภพมองเข้าไปในห้องที่เอสนอนอยู
“ไงเพื่อนรัก ขอบใจที่ยังจำกันได้” ทอมสันพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหี้ยม“แกยังไม่ตาย”“ใช่ ฉันจะไปคนเดียวได้ยังไงถ้านายยังอยู่นี้ จนกว่าจะได้เปิดโปงคนทรยศยังไงฉันก็ยังไปไม่ได้” ทอมสันบอกเสียงเหี้ยมก่อนจะหันไปมองคาสแซ็ค“อังเดรนคือคนที่ฆ่านายท่านและพอผมรู้เรื่องเขาก็ฆ่าผมปิดปากแล้วบอกกับทุกคนว่าคนที่ไปกับนายท่านคือผม ส่วนเขาเป็นคนไปทำธุระตามที่นายท่านสั่งทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ ดีที่ว่านรกยังไม่พร้อมเปิดรับผมนะครับทุกคนเลยได้รู้ความจริงกัน” ทอมสันบอก“แล้วเพราะอะไรทำไมเขาต้องฆ่าพ่อผมด้วย” คาสแซ็คถามขึ้นเพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่อังเดรนต้องฆ่าพ่อเขาทั้งที่ภักดีกับพ่อกับเขามาโดยตลอด“ก็เพราะ…”ปัง!ยังไม่ทันที่ทอมสันจะได้พูดจบก็ล้มลงไปพร้อมกับเสียงปืนที่มาจากอังเดรนก่อนที่จะเล็งไปที่คาสแซ็ค ลูกน้องของคาสแซ็คแบ่งออกเป็นสองฝั่งทันทีและเล็งปืนเข้าหากันคาสแซ็คมองเหตุการณ์อย่างไม่เข้าใจที่ลูกน้องตนแบ่งออกเป็นสองฝั่งและคงหนีไม่พ้นเป็นฝีมือของคนที่กำลังเล็งปืนใส่เขาอยู่ตอนนี้“หึ คงเป็นฝีมือคุณจริง ๆ สินะ” คาสแซ็คถามเสียงนิ่งจ้องมองอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ใช่ ก็เพราะว่าฉันกับแม่ของแกรักกันยั
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ ชายหนุ่มเดินนำไปที่ห้องทำงานทันทีโดยมีเอสและสองพี่น้องฝาแฝดมาตินกับลาตินตามเข้าไปด้วย“ทางนั้นแจ้งมาว่าไงมาติน” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อทุกคนเข้ามาภายในห้องแล้ว“พรุ่งนี้หนึ่งทุ่มที่โกดังท่าเรือครับ” มาตินบอก“ผมว่ามันแปลก ๆ นะครับ ต้องการพบเราแต่กลับนัดเจอในสถานที่แบบนั้นคงกะเก็บเราทันที” เอสบอกเสียงเครียด“นั้นสิครับ” มาตินเห็นด้วยกับเอส“แผนง่าย ๆ ที่ให้ทางเรารู้ว่าทางนั้นคิดจะทำอะไร มันก็เหมือนสาส์นท้าดวลดีดีนี้เอง” ตินภพบอก เพราะรู้ว่ามีอะไรรออยู่ ถ้าไม่กล้าเผชิญหน้าก็คือแพ้ แต่ถ้ากล้าก็ต้องเตรียมเจอกับสิ่งที่ทางนั้นวางเอาไว้“ทางนั้นคงไม่เล่นกับเราซึ้ง ๆ หน้า” เอสว่า ในหัวตอนนี้มีแผนรับมือกับอีกฝ่ายเต็มไปหมด ไหนจะภาพในความฝันนั้นอีก“ก็จริง” ชายหนุ่มเห็นด้วย ทางนั้นคงไม่สู้กันซึ้ง ๆ หน้าแน่ คงมีแผนอะไรเตรียมเอาไว้แล้ว งั้นเขาก็ขอใช้กองหนุนหน่อยแล้วกัน“มาตินเตรียมคนกับอาวุธให้พร้อม ลาตินผสานงานขอกำลังคนจากแอลที่อยู่ในฮ่องกงและก็ติดต่อไปทางทีมแพทย์ของคุณแม็คด้วย เอสเรียกอรันกลับมา ในเมื่อทางนั้นเล่นไม่ซื่อ เราก็เล่นบ้างเป็นไงจะได้แฟร์ ๆ กัน” ตินภพสั่งการลูกน้อง“ครั
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณเอส ดูตินมันเป็นห่วงคุณมากนะ มีอะไรผมว่ารีบคุยกันดีกว่า” นนท์บอก เอสพยุงตัวลงจากเตียงแต่พอจะก้าวเดินก็เซจนนนท์ที่อยู่ใกล้ ๆ รีบคว้าเอาไว้เพราะกลัวอีกคนจะล้ม“คุณเอส!” เสียงนนท์กับแอลร้องขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ“อือ ผมไม่เป็นไรครับ” เอสบอกพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติก่อนจะพยายามเดินออกไปจากห้อง“ผมช่วยประคองดีกว่าครับ” นนท์บอกแล้วเดินเข้าไปช่วยประคองตัวเอสไม่ให้ล้มโดยมีแอลช่วยอีกแรงเมื่อลงมาถึงข้างล่างก็ไม่เห็นตินภพ เอสจึงขอให้พาไปที่ห้องทำงานของผู้เป็นนาย พอมาถึงเอสก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนก็เห็นตินภพยืนอยู่กลางห้อง“ลงมาทำไม ทำไมไม่พัก” ตินภพถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเอสเดินเข้ามา ใบหน้าซีดเชียวดวงตาแดงก่ำจากพิษไข้ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปประคองตัวอีกคนเอาไว้แล้วพาไปนั่งที่โซฟาในห้อง นนท์กับแอลที่ยืนอยู่หน้าห้องก็หลบฉากไปทันทีปล่อยให้ทั้งสองได้พูดคุยกันพร้อมกับปิดประตูห้องให้อย่างเบามือ“นายครับเรื่องนั้น…เฮ้อ โอเคครับ” เอสเอ่ยอย่างยอมแพ้เพราะรู้ดีว่าตินภพต้องการรู้อะไร อาการแบบนี้ใช่ว่าเอสพึ่งเคยเป็นครั้งแรก ทำไมตินภพจะไม่รู้
หลังจากวันนั้นนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วทุกอย่างในการใช้ชีวิตกลับมาเป็นปกติเรื่องวุ่นวายยังพอมีอยู่บ้างแต่ก็เป็นธรรมดาของคนที่ทำธุรกิจ แต่เรื่องที่แปลกตาสำหรับหลายวันที่ผ่านคือที่เจ้านายของหลายชีวิตในคฤหาสน์หยางค่อยออดอ้อนผู้เป็นเลขา จนลูกน้องหลายคนมึนกับอาการของผู้เป็นนายที่นับวันจะยิ่งเสพติดการอยู่กับหัวหน้าของพวกเขาอย่างเช่นวันนี้ที่โรงฝึก“เอสเข้าบ้านกัน ไม่เบื่อบ้างหรือไงฝึกทุกวันเนี่ย”“ไม่ครับ เพราะมันจำเป็น เจ้านายก็น่าจะรู้นะครับว่าที่ผมทำอยู่ทุกวันนี่เพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น”เอสบอก การฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งนั้น ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไรเขายิ่งปกป้องผู้เป็นนายได้มากขึ้นเท่านั้นและนั้นมันก็เป็นผลดีกับตินภพเอง“ฉันกับนายฝีมือก็พอกันแล้วนายจะกลัวอะไร” ตินภพถามขึ้น ฝีมือตินภพเป็นที่รู้กันดีในหมู่ลูกน้องและเพื่อนสนิทว่าแข็งแกร่งขนาดไหน แต่คนภายนอกน้อยคนนักจะรู้ จึงทำให้ศัตรูส่วนใหญ่ประเมินฝีมือตินภพต่ำเพราะคิดว่าชายหนุ่มถนัดแค่เรื่องการบริหารมากกว่า“ผมไม่อยากประมาทครับ โอกาสพลาดเรามีทุกเมื่อและนั้นมันหมายถึงชีวิต” เอสบอก เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นแต่ความฝันนั้นมันเริ่มชัดเจนยิ่งขึ
“ผมเอง” คุณหลางยอมพูดออกมาเพราะทนแรงกดดันของตินภพไม่ไหว ผู้ชายคนนี้น่ากลัว นั้นคือสิ่งที่เขารับรู้ได้ ทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม“ไปทำแผลซะ” ตินภพบอกเสียงนิ่ง“นายครับ” เอสเรียกผู้เป็นนายออกมาเสียงแผ่ว“อรัน”“ไปครับรุ่นพี่ เดี๋ยวระเบิดลง” อรันรีบดึงตัวเอสออกไปทันที ตินภพจึงหันไปมองคนที่อยู่ในห้องรับแขกทีละคนก่อนจะหยุดที่นนท์“อธิบายมา” ตินภพบอกเพื่อนเสียงเย็น นนท์เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังทั้งหมดตั้งแต่ตนเองโดนหลอกมาจนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ตินภพก็นั่งมองแขกของเลขาคนสนิทนิ่งจนทุกคนเริ่มอึดอัดและเป็นคุณหญิงผิงที่ไม่รู้ว่าเอาความใจกล้ามาจากไหนพูดขึ้นมา“คุณติน นี้เหม่ยอิงลูกสาวคนเล็กของเรา” เธอเอ่ยแนะนำหญิงสาวให้ชายหนุ่มรู้จัก“คุณผิง” คุณหลางรีบปรามภรรยาทันทีเมื่อเธอกำลังคิดจะทำอะไร“อะไรละคะ เหม่ยอิงสวัสดีคุณตินภพเขาสิลูก” เธอยังไม่หยุดในสิ่งที่คิดจะทำ“สวัสดีค่ะคุณติน” หญิงสาวส่งยิ้มให้ตินภพพร้อมกับพูดทักทายอย่างมีจริต เธอถูกใจตินภพตั้งแต่ที่เห็นอีกคนเดินเข้ามาแล้ว“….”ตินภพหรี่ตามองเงียบ ๆ หญิงสาวหน้าเสียทันทีที่ไม่ได้รับความสนใจ“เรื่องบริษัทของคุณผมจะช่วย แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแ