Share

บทที่ 9

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ได้ ในที่สุดหยูหนิงก็ค่อยๆ รู้สึกตัวได้สติ เด็กสาวมองรอบด้านที่จะว่ามืดก็ไม่ใช่สว่างก็ไม่เชิงอย่างงุนงง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมองเห็นว่าข้างกายของตนนั้นมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วยสองคน

“พวกคุณเป็นใคร”

คนแปลกหน้าทั้งสองเป็นหญิงสาวสวยต่างสไตล์ คนหนึ่งสวยเรียบๆ ท่าทางไม่สบอารมณ์ ใบหน้าเผยแววบึ้งตึง ส่วนอีกคนนั้นเรียกได้ว่าสวยหยาดฟ้ามาดิน เรือนร่างอวบอัดของเธออยู่ในชุดสีเเดงเพลิงเจิดจ้า พอเห็นว่าหยูหนิงรู้สึกตัว ทั้งคู่ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอ่ยคำทักทายขึ้น

“สวัสดีหยูหนิง ฉันคือเสี่ยวฟ่าง เป็นยมทูต” คำทักทายแสนเรียบง่าย แต่ฟังเเล้วชวนให้รู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง คนเเรกเอ่ยปากมาก็ทำเอาสมองคิดตามไม่ทันเเล้ว อีกคนที่มาด้วยกันยิ่งทำให้หยูหนิงคล้ายภายในหัวระเบิดดัง 'ปั้ง’

“สวัสดี ฉันอี้ฉาง เป็นเจ้าของร่างและสถานะที่เธอกำลังครอบครองในตอนนี้!”

‘คุณเเม่ขา หยูหนิงอยากเป็นลม ต้องทำยังไงคะ!’

แม้จะคิดในใจเช่นนั้น ทว่าเธอก็ไม่ได้เป็นลมไปจริงๆ หยูหนิงฟังเรื่องราวจากยมทูตเสี่ยวฟ่างแล้วทำความเข้าใจเงียบๆ ที่แท้ทั้งร่างกายและทุกอย่างที่เป็น ‘หยูหนิง’ นั้นไม่ใช่ของเธอแม้แต่สิ่งเดียว ความผิดพลาดในตอนที่ถือกำเนิดทำให้เจ้าของสถานะตัวจริงต้องมากลายเป็นสุนัข เด็กสาวพลันเกิดรู้สึกผิดต่ออี้ฉางอย่างมากมาย

มิน่าเล่า อี้ฉางถึงแสดงท่าทีว่าไม่ชอบเธอมาตลอด สาเหตุที่เห่าใส่ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง หยูหนิงไม่คิดโทษหรือโกรธอีกฝ่าย เด็กสาวคิดถึงใจเขาใจเราแล้วให้นึกยอมรับ เพราะถ้าหากเป็นตัวเธอก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน

จู่ๆ ต้องมากลายเป็นน้องหมาทั้งที่มีความทรงจำเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังต้องมาเห็นคนที่แย่งชิงของของตัวเองไป อี้ฉางไม่นึกขัดเคืองก็คงต้องบอกว่าผิดปกติไปแล้ว

หลังจากพูดคุยกับทั้งคู่อยู่นาน ในที่สุดก็ตกลงกันได้ เสี่ยวฟ่างให้อี้ฉางกลับเข้าร่าง ‘หยูหนิง’ ตามที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าวิญญาณของหยูหนิงย่อมต้องยินยอมแต่โดยดีอยู่แล้ว ก็ตัวเธอนั้นแย่งชิงของของคนอื่นมาตั้งนาน เมื่อเจ้าของตัวจริงเขามาทวงก็ควรจะคืนใช่ไหมเล่า อีกอย่างเสี่ยวฟ่างได้บอกแล้วว่า อาการตอบสนองช้าที่เธอเป็นอยู่นั้น ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย แต่ว่าเกิดจากความผิดปกติที่วิญญาณต่างหาก

ในเมื่อเป็นอย่างนั้นการคืนร่างให้อี้ฉางไปย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะนับจากนี้หยูหนิงคนใหม่จะไม่ใช่คนพิการสมองไม่ปกติอีกต่อไป เด็กสาวคิดในใจพลางยกยิ้มเศร้าๆ ยามดวงตามองภาพลู่ซีที่กำลังร่ำไห้กอดคนบนเตียง

เธอมองร่างที่ตัวเองใช้มาสิบห้าปีกอดคุณน้า พูดคุยกับบรรดาเพื่อนๆ ท่าทีสนุกสนาน โต้ตอบกับคุณหมออย่างฉะฉาน ได้เห็นรอยยิ้มยินดีของคนรอบกายที่รู้ว่าหยูหนิงหายเป็นปกติแล้ว ด้วยท่าทางนิ่งเงียบและเคร่งขรึม ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่เธอใช้ร่างนั้น ผู้คนในครอบครัวกับเพื่อนฝูงที่ห้อมล้อมไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียวว่านั่นไม่ใช่หยูหนิงคนเดิม ทุกคนมีเพียงรอยยิ้มยินดีเมื่อเรื่องร้ายๆ กลับกลายมาเป็นดี

หยูหนิงถูกรถชน เเม้จะบาดเจ็บเเต่ก็ทำให้หายจากอาการออทิสติก ทุกคนต่างยินดีด้วยจากหัวใจ ไม่เว้นเเม้เเต่คุณหมอเจ้าของไข้ โดยเฉพาะคุณน้าลู่ซีที่ถึงกับร้องไห้โฮด้วยความยินดี

ดีจังเลย ดีจริงๆ นะ…

เเต่ว่านั่นไม่ใช่เธอ และไม่มีใครรู้เลยว่าผู้ที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่หยูหนิงคนเดิมที่เคยใช้ชีวิตในร่างนั้นมาตลอดสิบห้าปี ไม่มีใครสักคนที่จะเรียกหาหยูหนิงที่พิการคนนั้น

‘ลาก่อนนะคะคุณน้า ลาก่อนทุกคน บ๊ายบาย...’

เด็กสาวมองยมทูตสาวสุดเซ็กซี่ข้างกายแล้วหลุบตาลงน้อยๆ เสี่ยวฟ่างพาเธอมายังสถานที่เเปลกประหลาดนี่ได้พักใหญ่เเล้ว โดยให้เหตุผลว่ามารอผู้ที่จะมารับวิญญาณเธอ ในตอนแรกหยูหนิงนึกหวาดกลัวไม่น้อย ที่ที่เสี่ยวฟ่างพามานั้นเต็มไปด้วยหมอกควันบดบังทัศนวิสัยอีกทั้งยังอึมครึม เป็นบรรยากาศที่จะว่ามืดก็มองเห็นแต่จะบอกว่าสว่างก็ไม่น่าใช่

ทว่ากลัวอยู่ไม่นาน จิตใจก็บอกกับตัวเองว่ายังต้องกลัวอะไรอีกหรือ ในเมื่อตอนนี้เธอเองก็ไม่ใช่คนเสียหน่อย เป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้นเอง

หยูหนิงรอโดยไม่รู้วันรู้เวลา จนในที่สุดผู้ที่จะมารับก็มาถึงเสียที ดวงตากลมโตเหลือบมองผู้ชายต่างวัยตรงหน้าอย่างค้นหา ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกลึกๆ ว่าตนเองเคยเห็นพวกเขามาก่อนกันนะ

ก่อนที่เธอจะขบคิดต่อ เสี่ยวฟ่างก็เเนะนำยมทูตที่มาใหม่ทั้งสองให้เด็กสาวรู้จัก เฮ่ยเสี่ยวฉางยมทูตที่มีรูปลักษณ์เป็นชายชราหน้าตาอิ่มเอิบ รูปร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวสะอาดตา เจ้าตัวมีรอยยิ้มเป็นมิตรส่งมาให้ในทันที ทำให้หยูหนิงสนิทใจที่จะคุยกับเขาขึ้นมาได้บ้าง

ต่างกับเฮ่ยเสี่ยวอู่ ยมทูตอีกตนที่มาด้วยกัน กับยมทูตผู้นี้หยูหนิงเเทบไม่กล้ามองสบตาอีกฝ่าย เนื่องด้วยรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาทว่าบึ้งตึงตลอดเวลา ทำให้ยามจ้องมองมาคล้ายเจ้าตัวกำลังโกรธเคืองคนทั้งโลกก็ไม่ปาน

เสี่ยวฟ่างมอบหยูหนิงให้ผู้มาใหม่รับไปดูเเล ดวงตาคู่งามของยมทูตสาวคล้ายมีแววเอ็นดูระคนเป็นห่วง เด็กสาวจับมือเสี่ยวฟ่างไว้ครู่หนึ่งด้วยความอาลัย

ก่อนจะเเยกจากกันนั้น เสี่ยวฟ่างได้ส่งถุงบางอย่างให้เฮ่ยเสี่ยวฉาง ซึ่งเธอบอกว่าเป็นของที่พวกเขาฝากให้เธอหาให้ และเมื่อยมทูตสาวจากไปแล้ว หยูหนิงก็ได้เเต่เดินตามสองคนที่เหลืออย่างไร้ปากเสียง แล้วเธอจะเป็นยังไงต่อนะ...

สองยมทูตพาหยูหนิงมายังสถานที่ที่ผู้คนเรียกขานมันว่ายมโลก ดวงตาคู่กลมของเด็กสาวกวาดมองรอบด้านอย่างสนใจ ที่นี่คือนรกที่ผู้คนเคยพูดถึงกันอย่างนั้นหรือ ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่คิดไว้ ถ้าจะมีอะไรเเปลกคงเป็นการเเต่งกายของเหล่ายมทูต และดวงวิญญาณที่ต่อแถวกันอยู่พวกนี้กระมัง เพราะเสื้อผ้าหน้าผมเเต่ละคนราวกับหลุดมาจากยุคสมัยโบราณเลยก็ว่าได้

“อืม...ไม่มีๆ เสี่ยวฉาง เจ้าหาเจอหรือไม่” เฮ่ยเสี่ยวอู่ละสายตาจากสมุดบันทึกชะตาเกิดดับของมนุษย์ พลางหันไปถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ

เฮ่ยเสี่ยวฉางส่ายศีรษะสะบัดใบหน้า เจ้าตัวถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางที่เเสดงออกนั้นกลัดกลุ้มไม่เบา

“ไม่เจอเลย เป็นเพราะคู่วาสนาของตี้จวินหายไป เนื้อเรื่องที่เทพซื่อมิ่งเขียนมาจึงคลาดเคลื่อน บิดามารดาในภพมนุษย์ของท่านก็ไม่สิ้นชีพด้วย ข้าตรวจดูเเล้วพวกเราเสียเวลาที่ตามหาวิญญาณนางไปสองวันครึ่ง เท่ากับเวลาของโลกมนุษย์ผ่านไปยี่สิบห้าปี ทำให้ตี้จวินยามนี้อยู่ในวัยฉกรรจ์แล้ว ทว่าคู่วาสนานั้นยังมิได้ถือกำเนิด หากพวกเราส่งนางไปเกิดในตอนนี้ เกรงว่ากว่าเด็กนั่นจะอายุครบสิบห้า ท่านเทพก็คงมีอายุถึงสี่สิบแล้ว”

ฟังเพื่อนร่วมงานกล่าวจบ เฮ่ยเสี่ยวอู่ยิ่งมีใบหน้าดำคล้ำลงทุกขณะ เขาเริ่มรู้สึกถึงอุปสรรคที่เพิ่มมากขึ้นเสียเเล้วสิ

“ไม่ใช่เเค่นั้นหรอกเสี่ยวฉาง เจ้าลองดูนี่สิ” ยมทูตชุดดำส่งบันทึกชะตาให้อีกคนดู “เพราะบทละครที่เทพซื่อมิ่งเขียน ทำให้ไม่มีสตรีใดที่ดวงชะตาจะถือกำเนิดมาเกี่ยวข้องกับตี้จวินเลยแม้แต่คนเดียว”

“...”

เฮ่ยเสี่ยวฉางเเทบอยากกรีดร้องระบายความอัดอั้น เเค่จะส่งคู่วาสนาไปให้ท่านเทพ เวลาก็ล่วงเลยจนเเทบจะหมดหวังอยู่เเล้ว นี่ยังไม่มีดวงชะตาเกิดของหญิงสาวที่เกี่ยวข้องให้ส่งไปอีกอย่างนั้นหรือ

หรือว่าพวกเขาต้องโดนอีกฝ่ายเล่นงานจนตาย โทษฐานที่ทำให้เสียเวลาไปหนึ่งชาติจริงๆ

“จบแล้ว ต่อให้พวกเราส่งนางไปเกิดได้ แต่ดวงชะตาไม่สัมพันธ์กัน อย่างไรเสียก็ไม่มีประโยชน์อันใด”

หยูหนิงมองท่าทางท้อเเท้ราวกับคนจะตายอย่างสงสัย เด็กสาวนั่งนิ่งฟังเงียบๆ ไม่ปริปากคล้ายไม่มีตัวตน ท่านเทพที่พวกเขากล่าวถึงคือใคร ตี้จวินอะไรนั่นยิ่งใหญ่มากอย่างนั้นหรือ ถึงขนาดทำให้สองยมทูตหวาดกลัวจนหัวหดได้ขนาดนี้ เเล้วไหนจะยังไอ้คู่วาสนาอะไรนั่นอีก เธอไม่เห็นจะเข้าใจอะไรสักอย่างเลย!

ในขณะที่เด็กสาวกำลังครุ่นคิดสงสัย มือก็ขยับไปปัดโดนถุงที่เสี่ยวฟ่างมอบให้เฮ่ยเสี่ยวฉางอย่างไม่ตั้งใจ ข้าวของที่บรรจุไว้ภายในกระเด็นออกมาให้เห็น เมื่อถุงร่วงหล่นลงบนพื้นตามเเรงชน ดวงตายมทูตชุดขาวพลันลุกวาว ยามได้เห็นเจ้าสิ่งนั้นอย่างชัดเจน

“นี่ยังไงเล่า สิ่งที่จะช่วยพวกเราได้!”

เฮ่ยเสี่ยวอู่มองเจ้าสิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่าหนังสือในมือของหยูหนิง แล้วหันไปมองสหายร่วมอาชีพ ในใจนั้นคิดเพียงว่าเฮ่ยเสี่ยวฉางผู้นี้หวาดกลัวตี้จวินลงมาเล่นงานจนเพ้อไปเสียเเล้ว

เฮ่ยเสี่ยวฉางเห็นท่าทางที่อีกฝ่ายเเสดงออกก็รู้ถึงความคิดในใจของสหายดี เขาเบ้หน้าพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงหนังสือในมือหยูหนิงแล้วโบกไปมาด้วยท่าทางตื่นเต้น

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหนังสือเล่มนี้เขียนถึงเรื่องราวอะไรไว้”

เฮ่ยเสี่ยวอู่ฟังคำถามเเล้วนึกขบขัน เขาเเสดงสีหน้าเย้ยหยันยามเอ่ยคำพูดตอบโต้ “เเล้วทำไมข้าต้องรู้เรื่องราวไร้สาระที่มนุษย์เขียนขึ้นมาด้วยเล่า”

น่าขันยิ่งนัก เหตุใดยมทูตอย่างเขาต้องให้ความสนใจเรื่องของมนุษย์ผายลมพวกนั้นด้วย

หยูหนิงหรี่ดวงตากลมของตนเองเล็กน้อย เด็กสาวมองตัวอักษรบนหนังสือในมือเฮ่ยเสี่ยวฉางพลางอ่านมันอย่างสนใจ ‘ปัวเหร่อปัวหลัวหมี่ [1] ’ อย่างนั้นหรือ

“นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เเต่เป็นเรื่องราวกล่าวถึงความรักที่ไม่สมหวังของมนุษย์กับปีศาจต่างหากเล่า”

เฮ่ยเสี่ยวฉางตบโต๊ะดังปัง หนังสือในมือถูกโบกไปมา เเววตาของยมทูตชุดขาวเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างที่สุด

“ในหนังสือเล่มนี้บันทึกถึงเรื่องราวความรักที่มนุษย์ชายมีต่อปีศาจจิ้งจอกสาว เเต่เพราะความเเตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้ทั้งคู่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ จนเกิดเป็นตำนานรักที่ไม่สมหวัง เสี่ยวอู่...ไหนเจ้าบอกข้ามาทีสิว่าตี้จวินมาทำอะไรยังภพภูมิมนุษย์” เฮ่ยเสี่ยวฉางถามพลางทำสีหน้าและเเววตาเจ้าเล่ห์

ทว่าเฮ่ยเสี่ยวอู่กลับมองอย่างเฉยชาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงระอา “อา...เสี่ยวฉาง นี่เจ้าสติไม่ดีหรือความจำมีปัญหา ก็รู้กันดีอยู่ว่าแล้วว่าตี้จวินมาเพื่อเผชิญด่านรักที่ไม่สมหวังอย่างไรเล่า”

หยูหนิงฟังยมทูตชุดดำหลอกด่ายมทูตชุดขาวเงียบๆ ก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย ยมทูตชายชราผู้นี้ดูเหมือนสติไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ

เฮ่ยเสี่ยวฉางมองท่าทางทั้งคู่แล้วแสยะยิ้มแยกเขี้ยวใส่ เจ้าสองคนตรงหน้าทำราวกับว่าเขาไม่รู้ความคิดของแต่ละคนอย่างงั้นแหละ

“ใช่แล้ว ตี้จวินลงมาเพื่อเผชิญด่านเคราะห์รักที่ไม่สมหวัง เช่นนั้นแล้วแม่หนูน้อยนี่ไม่จำเป็นต้องไปเกิดก็ได้ ขอเพียงพวกเราสามารถสร้างวาสนาให้นางกับท่านเทพรักกันก็พอ”

พอได้ฟังคำพูดของสหายร่วมอาชีพ เฮ่ยเสี่ยวอู่พลันตาสว่าง ความคิดในหัวพลันบังเกิด นั่นสินะ เเบบนั้นก็ถือว่าเป็นความรักที่ไม่สมหวังได้เหมือนกัน ยามนี้ตี้จวินเป็นมนุษย์ ทว่าคู่วาสนานั้นเป็นวิญญาณ ถ้าพวกเขาทำให้ทั้งสองรักกันเเล้วค่อยเเยกจาก มันก็ถือว่าสำเร็จได้นี่นา

จากนั้นสองยมทูตหนึ่งขาวกับอีกหนึ่งดำ ก็พากันสุมหัวอ่านนิยายรักต้องห้ามระหว่างมนุษย์กับปีศาจ เพื่อจะนำมาปรับใช้กับบุคคลที่ต้องการ

หยูหนิงมองทั้งคู่ถกเถียงหารือเพื่อวางเเผน โดยใช้นิยายรักที่เธอเคยเห็นสร้างเป็นซีรีส์ ทำให้บรรดาหญิงสาวผู้มีใจซาบซึ้งเสียน้ำตากันเป็นเเถบๆ เด็กสาวพลันยกมือป้องปากหาวอย่างเบื่อๆ หวอดหนึ่ง

'มันจะได้ผลอย่างนั้นหรือ นั่นใช่ตำนานรักบันลือโลกอะไรที่ไหนกัน ก็เเค่นิยายรักรันทดที่นักเขียนเป็นคนสรรค์สร้างขึ้นมาเองต่างหาก แต่ดูท่าทางคุณยมทูตสองตนนี้จะเชื่อเป็นตุเป็นตะเลยแฮะ'

เวลาผ่านไปพักใหญ่สองยมทูตก็ปรึกษากันเสร็จสิ้น โดยทั้งคู่วางบทละครเอาไว้ว่า พวกเขาจะมอบพลังหยินให้แก่ดวงวิญญาณหยูหนิง เพื่อให้เด็กสาวสามารถปรากฏตัวให้มนุษย์ทั่วไปเห็นได้ จากนั้นก็ให้นางไปจัดการทำให้ท่านเทพคู่วาสนาของตนตกหลุมรักเสีย

หลังจากที่ทั้งคู่รักกัน พวกเขาก็จะพรากดวงวิญญาณของนางกลับสู่เเดนยมโลก เพียงเท่านี้ตี้จวินก็จะประสบกับเคราะห์รักที่ไม่สมหวังดังตั้งใจแล้ว พอแผนการนี้ถูกกล่าวออกมาสองยมทูตก็แปะมือกันอย่างสะใจ ละครบทนี้ของพวกเขายอดเยี่ยมมากจริงๆ ขนาดเทพซื่อมิ่งยังเขียนดีไม่ได้เท่านี้เลย

จากนั้นทั้งคู่ต่างผลัดกันถ่ายพลังหยินของตนให้ดวงวิญญาณหนึ่งเดียวในกลุ่มอย่างแข็งขัน เมื่อทุกอย่างเตรียมการพร้อมสรรพ สองยมทูตกับอีกหนึ่งดวงวิญญาณจึงมาปรากฏกายหน้าจวนบ้านสกุลจวินในยามราตรีอันเงียบสงัด ทว่า...

[1] หรืออีกชื่อที่รู้จักกันในไทยว่า โปเยโปโลเย เป็นนิยายของ ผู ซงหลิง แต่งขึ้นจากเรื่องเล่าของจีนในสมัยราชวงศ์ชิง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 61

    หลังจบพิธีการสำคัญ เฟยเซียนและจ้าวเหมยฮวาจึงได้พูดคุยสารทุกข์สุกดิบกับผู้เฒ่าฟ่งต่อ ทารกน้อยฟังเนื้อหาใจความสำคัญแล้วจึงเข้าใจ ที่แท้ผู้อาวุโสท่านนี้คิดจะนำขันทีที่หมดสภาพไปวังหลวง แน่นอนเหตุผลหลักๆ ย่อมมีเพียงข้อเดียว นั่นคือไปเพื่อหาเรื่องระบายอารมณ์กับเจ้านายอีกฝ่ายฮองเฮาท่านไปทำกรรมอันใดมานะ ถึ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 60

    “ชวี่เอ๋อร์ต้องการปลอบใจพ่อสินะ สมแล้วที่เป็นลูกรักของพ่อ ต่อไปในอนาคตเจ้าต้องเชื่อฟังคำพ่อนะ ขึ้นชื่อว่าบุรุษไม่มีใครรักพวกเจ้าเท่าบิดามารดาเป็นแน่ อย่าไปหลงคารมหวานๆ จนเผลอมอบใจให้ตามที่พวกมันล่อลวงเล่า”แม่นมมองผู้เป็นนายที่พยายามพร่ำคำพูดให้บุตรสาวที่ยังเป็นทารกฟังด้วยสีหน้าเอือมระอา นายท่านของพ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 59

    จากวิญญาณต้นไม้ธรรมดาข้ามสะพานอนิจจังกลายเป็นมนุษย์ แล้วจากมนุษย์ต้องไปเผชิญกับสภาพสุนัขจิ้งจอก มายามนี้นางได้กลับคืนสู่ฐานะมนุษย์อีกครั้งแล้วหยูหนิงหรือจ้าวชวี่ในคราบทารกวัยเพียงหนึ่งเดือนไม่อาจทำสิ่งใดตามที่ใจคิดได้ ในหนึ่งวันของนางมีเพียงแค่กิน ถ่าย แล้วก็นอนโง่ๆ เท่านั้น แน่นอนการไม่สามารถทำอะไ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 58

    “อัปมงคลบ้านเจ้าน่ะสิ เมียข้าคลอดลูกถึงสองคนถือเป็นเรื่องน่ายินดี มีตรงไหนที่เป็นโชคร้ายกัน กับอีแค่เลือดจากการคลอดบุตรยังต้องหลบลี้หนีหน้า ต่อไปข้าจะนำทัพออกศึกได้อย่างไร”หมอตำแยจนใจจะกล่าวคำ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่กลัวโชคร้ายก็แล้วไปเถิด เพราะถึงอย่างไรไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับตนเสียหน่อย

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 57

    จ้าวหมิงหลงฟังแล้วเห็นด้วยกับคนสนิทเป็นอย่างมาก แม่ทัพพยายามเก็บอาการกระวนกระวายไว้ในใจ พลางท่องบอกตนเองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ภรรยาตนคลอดบุตรมาได้อย่างปลอดภัยแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็ย่อมต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่นอน สิ่งที่เขาควรต้องทำนั้นคือรอคอยอย่างสงบใช่แล้ว รออย่างสงบ...“...”แล้วถ้าไม่เป็นอย่างท

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 56

    เพราะเกิดการปะทะกันระหว่างพรรคมารกับฝ่ายธรรมมะ เป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าหุบเขามังกรฟ้าตาย ทำให้เขาต้องยื่นมือมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องผู้นำ ข่าวนี้แพร่กระจายจนบรรดาเหล่าคนในยุทธภพรู้กันทั่ว อีกทั้งงานชุมนุมเพื่อเฟ้นหาประมุขยุทธภพคราวนี้ยังล่มไม่เป็นท่างานชุมนุมคราวนี้ไม่เพียงไม่สามารถหาผู้มารับตำ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status