สามี (2) - 7
"อุ๊ย!! เจท ไอติมตกใจหมดเลย...ขวัญเอ้ยขวัญมา" ไอติมที่เดินก้มหน้าก้มตาไม่ได้มองทาง ร้องตกใจมือทาบอกเมื่อเจทเดินมาดักหน้าตรงทางเดินที่ตรงไปยังลานจอดรถ
"......." ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากชายหนุ่ม นอกจากสายตาคมที่จ้องมองนิ่งเรียบ
"เจท!" หญิงสาวที่เริ่มมีสติกลับมา เรียกขานคนที่ยืนตรงหน้า
"........" แต่เขายังคงนิ่งเหมือนเดิมไม่พูดไม่จา
"เจท!!...เป็นอะไรหรือเปล่า" เมื่อไม่มีทีท่าขยับนอกจากดวงตาที่จ้องมอง ไอติมจึงสัมผัสลงแขนแกร่งนั้นให้เขารู้สึกตัว
"ฮึ! ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะไอติม" ชายหนุ่มที่ยืนเหม่อสติไม่อยู่กับตัว ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อหญิงสาวเพิ่มระดับเสียงในการเรียกขาน
"ไอติมเรียกเจทนานแล้วนะ...เจทไม่สบายหรือเปล่า" หญิงสาวก้าวขาขยับเข้าไปใกล้ ใช้มืออังหน้าผากวัดอุณหภูมิ สายตามองหน้าชายหนุ่มที่ตัวสูงอย่างห่วงใย
"เปล่า ๆ เจทสบายดี...แล้วนี่ไอติมจะกลับหรือยัง" เจทรีบดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยถามทันที พร้อมกับจับข้อมือเล็กของไอติมก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระ
"จะกลับแล้ว" หญิงสาวเอ่ยบอกให้เขารับรู้
"งั้นเดี๋ยวเจทไปส่ง" หน้าที่ประจำที่เจทนั้นทำ การรับส่งหญิงสาวให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย ด้วยการฝากฝังจากแม่และพ่อของเธอที่ไว้ใจ ผู้ชายคนเดียวที่ได้เข้าใกล้ลูกสาวของพ่อเจโดยไม่มีข้อโต้แย้งเพราะวัยเด็กที่คุ้นเคย
"อืม...แต่พากินข้าวก่อนได้ไหม ไอติมหิวอ่ะ" หญิงสาวตอบรับและร้องขอ มือเรียวลูบท้องอย่างสื่อความหมาย ส่งสายตาออดอ้อนต่อชายหนุ่ม จนเขานั้นมีรอยยิ้มกับท่าทางของเธอ
"ได้สิ แล้วไอติมอยากกินอะไรล่ะ" ชายหนุ่มเอ่ยถามขณะเดินไปยังรถยนต์ที่จอดในลานจอดรถกว้าง
"อืม~~ไอติมอยากกินอะไรร้อน ๆ อ่ะ"
"กินน้ำร้อนอะเหรอ" ชายหนุ่มพูดขึ้นติดตลกแย้งทันที
"เจท~~" แต่หญิงสาวนั้นไม่ฮา แสดงสีหน้าหน่าย ๆ และแง่งอน
"โอ๋ ๆ เจทหยอกเล่น...อย่างอนเลยนะ" เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงเจทจึงง้อเธอทันทีอย่างไม่อิดออดพร้อมกับใช้มือเกาคางเธอดั่งลูกแมวน้อย
"เดี๋ยวไอติมตีตายเลย" หญิงสาวพูดขึ้นเสียงแข็ง ชี้หน้าคาดโทษแต่เจทก็ไม่ได้เกรี้ยวโกรธ กลับอมยิ้มชอบใจกับสีหน้าของเธอ
"เจทให้ไอติมตีตลอดชีวิตยังได้" ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพบุรุษ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อย พูดหยอดในระยะประชิดใบหน้าที่อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นกระทบผิวหน้าของกันและกัน ทำเอาหญิงสาวนั้นใจเต้นแรง หายใจติดขัด การเต้นของหัวใจไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย เธอแทบเสียการทรงตัวเมื่ออยู่ใกล้เขาแบบนี้
"จะ จะ เจทพูดอะไร?" หญิงสาวที่ใจเต้นแรงเมื่อได้สบตาพูดออกมาไม่ชัดถ้อยคำ ยิ่งสายตาคมจ้องมองหน้า ยิ่งทำเอาเธอนั้นไปไม่เป็น
...สองมือกำสายคาดนิรภัยแน่นเพราะความเกร็ง การถูกจ้องมองไม่วางตา ใบหน้าคมค่อย ๆ เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก
มือที่เกร็งกำสายคาดแน่น ปลายเท้าจิกลงพื้นรถ ดวงตากลมหลับสนิท เหมือนไม่อยากจะมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ได้แต่แอบลุ้นอยู่ในใจเท่านั้น
"ไอติมเป็นอะไรเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแหบดังชิดหู ... สิ่งที่เธอคิดไม่ได้เกิดขึ้นเธอจึงลืมตาขึ้นมองด้วยตาเดียว และพบกับใบหน้าคมที่ยืนยิ้มอยู่นอกรถ
"ปะ ปะ เปล่า" หญิงสาวรีบปฏิเสธแบบติดขัด
"แล้วทำไมหน้าแดง" ชายหนุ่มแซวเธอทั้งที่รู้แก่ใจว่ามันเกิดจากอะไร
การกระทำที่เขาพลั้งเผลอลืมตัว แต่ดึงสติกลับคืนมาได้ว่าหากทำลงไปผลที่ตามมาอาจจะทำให้เขาสูญเสียเพื่อนและเจ็บปวด จึงเลี่ยงต่อการกระทำที่ฉาบฉวยด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
"ก็บอกว่าเปล่า อากาศมันร้อน! เจทก็มัวแต่ยืนเก๊กหล่ออยู่ได้ สตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์สักทีสิ"หญิงสาวให้เหตุผลและต่อว่าเขากลบเกลื่อนความเขินอาย
"ครับผม...จะไปเดี๋ยวนี้แหละคุณผู้หญิง" เจทปิดประตูรถให้ ไม่วายจะเอ่ยแซว เดินอ้อมไปอีกฝั่งและหันมองเข้าไปในรถด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทางน่ารักและแก้มแดงๆ ของเธอ
"เจทบ้า...ใจแม่งก็เต้นแรงจัง" หญิงสาวบ่นพึมพำเบา ๆ ได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อการกระทำที่อ่อนโยนคำพูดหวานหูทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
"บ่นอะไร" ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งในรถเอ่ยถามทันทีเมื่อปากของเธอนั้นขมุบขมิบไม่หยุด
"บ่นอะไรไม่มี๊...ไปเร็วดิไอติมหิว"
"ครับผม" ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย วางมือบนหัวของหญิงสาวจับโยกเบา ๆ อย่างน่ารัก เขาชอบทำแบบนี้ประจำจนคุ้นเคย ทำได้เพียงเท่านี้ไม่คิดจะเกินเลยโดยความตั้งใจ...จนกว่าหัวใจของเขาและเธอจะตรงกัน
ห้องทำงานของผู้เป็นสามียังเปิดสว่างจ้าแม้ว่าตอนนี้จะเริ่มดึกแล้ว เธอมองไปยังห้องทำงานของสามีก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเอง หวังจัดการชำระร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ความตั้งใจหลังจัดการตัวเองเสร็จ คิดจะเข้าไปหาผู้เป็นสามีด้วยความห่วงใยที่มี พร้อมกับแก้วนมอุ่น ๆ ในมือ“งานใกล้เสร็จยัง” ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามพร้อมกับร่างกายที่เย้ายวนเดินนวยนาดเข้าไปใกล้ชายผู้เป็นสามี“ใกล้แล้วครับ ลูกหลับแล้วเหรอ?” เขาเงยหน้ามอง แล้วจึงเอ่ยถามพร้อมกับร่างของภรรยาให้นั่งลงบนตักแกร่ง วงแขนโอบรอบเอวของเธอ และซบแก้มลงต้นแขนเล็กนั้นอย่างรักใคร่“หลับแล้วค่ะ สกีอยากให้เจทเล่านิทานให้ฟัง แต่บอกแล้วว่าเจททำงานไอติมเล่าให้ฟังแป๊บเดียวก็หลับปุ๋ยเลย...อ่ะ! ดื่มนมอุ่น ๆ หน่อยนะไอติมชงมาให้” เธอยื่นแก้วนมในมือไปตรงหน้าสามีพร้อมกับยิ้มอ่อน“ไม่อยากกินมันไม่อร่อย”“ก็นมที่เจทดื่มประจำนะ รสชาติก็เหมือนเดิมจะไม่อร่อยได้ยังไงคะ?”“งั้นไอติมก็กินเองสิ ชิมดูว่ามันอร่อยจริงหรือเปล่า”เธอบอกตามจริง พร้อมกับสิ่งที่ทำให้สงสัยต่อคำปฏิเสธที่สามีเปรยออกมา แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นความกะล่อนของสามีเธอที่แอบแฝงเธอยกแก้วนมขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่
สี่ปีผ่านไปเด็กน้อยเติบใหญ่ไปตามกาลเวลา จนตอนนี้อยู่ในวัยที่กำลังหัดพูดและช่างสงสัย เป็นหลานชายของบ้านที่ทุกคนนั้นรักและเอ็นดูที่สุด เพราะความน่ารักของเด็กชาย ใบหน้าของลูกเสี้ยวที่มีเคล้าของผู้เป็นพ่อประปราย ทำให้เด็กชายนั้นดูน่ารักน่าเอ็นดูตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นวายให้เธอและครอบครัวนั้นปวดหัว เพราะความมักมากของอาไฟที่ทำให้ต้องมีการดัดนิสัยกันมากมาย กว่าจะมามีครอบครัวที่สมบูรณ์ก็กินเวลาไปนานหลายปี แต่สุดท้ายพ่อเสือก็สิ้นลายกลับกลายมาเป็นลูกแมวที่แสนเชื่อง และยังมีเมียเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับกลาน แถมยังมีเด็กหญิงอันดาผู้น่ารักสดใส เธอเป็นที่รักของทุก ๆ คน ส่วนนิสัยของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอได้พ่อมาเต็ม ๆ แต่เหมือนจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่ก็มีบางมุมที่อ่อนไหวง่ายดั่งกับผู้เป็นแม่ และเธอก็มักจะมาเที่ยวเล่นกับเด็กชายสกีเป็นประจำ"มัมสกีอยากหาน้าปัง" เด็กชายตัวน้อยเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ที่ตอนนี้อยู่ในครัวเตรียมมื้อเช้า เขามักเป็นแบบนี้ประจำเพราะติดคุณน้าขนมปังที่สดใส ผูกพันจนใกล้ชิดกันมาแต่ไหนแต่ไร"วันนี้น้าปังไม่อยู่ครับคนเก่ง" คุณแม่ไอติมย่อตัวลงต่ำ แล้วลูบหัวลูกชายตัวน้อยอย่างอ่
การแต่งงานที่เป็นสัญลักษณ์ยืนยันต่อการใช้ชีวิตคู่ มันคือการเริ่มต้นของชีวิตที่ต้องจับมือเดินเคียงข้างกันไป ไม่ว่าจะพบเจออุปสรรคอะไรจะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ และจะต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความรักของคนทั้งสองที่มีให้กันยังคงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง จนบัดนี้ล่วงเลยเวลามานานเป็นปี และพวกเขากำลังจะมีทายาทตัวน้อยหลังจากที่พยายามผลิตจนตอนนี้สำเร็จผลแล้ว"เจทคะ...เสร็จหรือยัง" ไอติมเรียกขานผู้เป็นสามี เพราะว่าวันนี้มีนัดฉลองวันเกิดให้กับน้องสาวที่ก้าวขึ้นสู่อายุสิบแปดปีบริบูรณ์"เสร็จแล้วครับ" เจทที่อยู่ในชุดธรรมดา แค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ก็ทำให้เขาดูดีได้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกดีเป็นทุนเดิม"หล่อจังเลยค่ะคุณพ่อเจท" ไอติมเอ่ยแซวผู้เป็นสามีพร้อมฉีกยิ้มสวยส่งให้"วันนี้คุณแม่ก็สวย" ต่างคนก็ต่างชมกันไปมาตามประสาคนที่รักกันเสมอต้นเสมอปลาย“จุ๊บ!! สามีน่ารักจริง ๆ เลย” ไอติมเขย่งเท้าแล้วแตะจูบริมฝีปากของผู้เป็นสามี กิริยาเช่นนี้พวกเขามักแสดงออกเป็นประจำจนคุ้นชิน“เนี้ยก็ชอบทำให้รักตลอดเลย เจทจะไปไหนได้ล่ะครับ หื้ม” ผู้เป็นสามีแนบหน้าผากชิดกับหญิงสาว ปลายจมูกถูกเสียดสีไปมา เป็นความน่ารักของคนทั้งสองที่ยัง
"เจท วันนี้น้ำอุ่นเข้ามาสมัครงานแล้วนะ ไอติมดีใจมากเลยจะได้มีคนช่วยงานอาไฟแล้ อาไฟจะได้ไม่เหนื่อย"หญิงสาวที่นั่งทานข้าวอยู่ในร้านอาหารกับสามีเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่แสนจะดีใจกับการมาร่วมงานของรุ่นน้องที่เธอเอ็นดู แม้จะไม่ค่อยได้เอ่ยถึง แต่ทั้งสองก็ผูกพันกัน"เหรอ ดีแล้วล่ะ" เจทว่าขึ้นพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก"เจทว่าน้ำอุ่นจะทำงานกับอาไฟไหวไหมอ่ะ ไอติมกลัวว่าน้ำอุ่นจะทนไม่ไหว เพราะอาไฟค่อนข้างจริงจังกับงานมาก ๆ""น่าจะได้นะ จากที่เห็นน้องน่าจะมีความอดทนดีเลยทีเดียว" ความกังวลใจทำให้เธอต้องเอ่ยถามผู้เป็นสามีออกไป แล้วเจทก็ให้คำตอบในทันที"ไอติมก็ว่าแบบนั้นแหละ...แล้วกับข้าวอร่อยไหมคะ?"เธอตอบอย่างเห็นตาม แล้วจึงเอ่ยถามถึงอาหารตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม"อร่อย แต่ไม่สู้กินเมีย เอ๊ย!! กินกับเมียที่บ้าน"“เจท!! พูดบ้าอะไรเนี้ย อายคนอื่นบ้างไหม?”เจทพูดแซวพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ไอติมเธอต่อว่าเขา พร้อมกับฟาดมือลงแขนแกร่งนั้นอย่างลงโทษ คำพูดแซวมันทำให้เธอเขินอาย เพราะอยู่ในที่สาธารณะ มองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีใครได้ยินหรือไม่ แล้วจึงจ้องตาเขม็งข่มขู่ผู้เป็นสามี“ล้อเล่นครับ ไม่เอาไม่ทำหน้าแบบนั้น หน้า
การฮันนีมูนจบสิ้นในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ของหลายเดือนที่ผ่านมา กลับเข้าสู่การทำงานสานต่อธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว ทั้งเจทและไอติมได้เข้ามาทำงานกับผู้เป็นพ่อจนชำนาญ ตามความถนัดของแต่ละคน และพ่อเจก็ฝึกฝนจนคนทั้งคู่นั้นเก่งพอที่จะทำงานได้โดยไม่ต้องมีพ่อเจคอยแนะนำแบบแต่ก่อนLineLineLineเสียงของการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันสีเขียวดังขึ้น เรียกความสนใจของคนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานที่กองท่วมหัว“น้ำอุ่น”เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เฝ้ารอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ได้พบเจอกันในต่างแดนเธอก็เฝ้ารอด้วยความหวังจากรุ่นน้องที่เอ็นดู เห็นดังนั้นจึงรีบตอบกลับทันทีไอติม : “ดีใจที่น้ำอุ่นทักมา สบายดีไหม?”ไอติมพิมพ์ถามกลับบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มของความหวังและห่วงใยรุ่นน้องที่ทักมาน้ำอุ่น : “สบายดีค่ะ พี่ไอติมสบายดีเหมือนกันใช่ไหม?”ไอติม : “สบายดีมาก ๆ เลยจ้า การทักมาครั้งนี้พี่จะได้รับข่าวดีหรือเปล่าน้อ”ทั้งสองคนพิมพ์ตอบโต้กันไปมา งานที่คั่งค้างของไอติมถูกเมินไปชั่วครู่ เมื่อเธอมีสิ่งที่สนใจมากกว่าน้ำอุ่น : “ยังว่างให้หนูทำงานด้วยไหมคะ?”ไอติม : “ดีใจจัง พี่รอเรามานานแล้ว ยังว่างอยู่หน้าที่เดิ
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ ทั้งคู่จึงเดินออกมาเพื่อมุ่งหน้ากลับสู่ที่พัก การมาเที่ยวพักผ่อนทำให้กระชับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พวกเขาเธอเรียบไปตามทางเดินที่มีผู้คนพลุกพล่านมากมาย แสงไฟในยามราตรีดูสวยงามตระกานตา เดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบจะถึงที่พักพลางหยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตามประสาปึก!“อ๊ะ!!”“ขอโทษค่ะ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษและก้มหัวอย่าง เมื่อเธอนั้นเดินมาชนกับหญิงสาวที่เดินเกาะแขนของผู้เป็นสามี“น้ำอุ่น”“พี่ไอติม บังเอิญจังเลยค่ะ ดีใจจัง”“นี่พี่เจทค่ะ สามีของพี่...เจทนี่น้ำอุ่นค่ะเป็นรุ่นน้องของไอติม เจทจำได้ไหม ที่ไอติมเคยเล่าให้ฟังว่าน้องน่ารักมาก”“อ่อ จำได้ ๆ สวัสดีครับ”“สวัสดีค่ะพี่เจท”ไอติมทักท้วงทันทีเมื่อเงยหน้ามองแล้วพบเจอกับคนรู้จัก ทั้งคู่มีอาการตกใจไม่ต่างกันกับการพบเจอในต่างแดน ไอติมรีบแนะนำสามีให้รู้จักกับรุ่นน้อง แม้จะเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่เจทผู้ที่ไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากผู้หญิงที่ชื่อไอติมเพียงคนเดียว ทั้งสองคนทักทายกันด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรด้วยสีหน้าระรื่น“แล้วน้ำอุ่นมาเที่ยวเหรอ...พอดีพี่กับเจทมาฮันนีมูล
เวลาเลยผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ชายหนุ่มที่รู้สึกตัวก่อนนอนมองหน้าหญิงสาวที่หลับสนิทด้วยรอยยิ้ม บ้างก็หอมแก้ม บ้างก็จูบปากของเธอ อยากจะปลุกเธอด้วยเสียงแต่ก็ไม่อยากจะทำ เพราะเหมือนเธอนั้นจะต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ“อื้อ เจทอย่ากวนสิ”“ก็นอนไปสิ”เธอพูดบอกด้วยน้ำเสียงงัวเงีย และพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขา แต่ก็ไม่วายเขายังตามมาแนบชิดและวอแวกับร่างกายของเธออยู่ร่ำไป“ก็เจทกวน ไอติมนอนไม่ได้”“งั้นก็ตื่น เราจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน”เธอชักสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา หันจ้องหน้าตาเขม็งอย่างนึกรำคาญ แต่ก็ไม่อยากพูดคำนี้ออกไป เพราะกลัวจะผิดใจกันจนเกิดการทะเลาะและน้อยใจ จึงเลือกที่จะเลี่ยงต่อคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี“งื้อ แต่ไอติมยังง่วงอยู่เลย”“เดี๋ยวกินข้าวก่อนแล้วค่อยมานอนต่อ”หญิงสาวทำสีหน้าง้ำงอ เมื่อการพักผ่อนที่เธอต้องการนั้นถูกเขารบกวน จนต้องยอมตื่นแต่โดยดี ชายผู้เป็นสามีบอกกล่าวและระดมจูบปากเธออย่างหยอกเย้าแสนรัก“ห้ามกวนอีกนะ” เธอชี้หน้าข่มขู่“อ๊ะ โอเค ๆ ไม่กวนคืนนี้คืนนึงก็ได้ เพราะถือว่าวันนี้เจทได้กินไอติมแล้ว”“ชิ! ไปแต่งตัวดีกว่า” เธอสะบัดเสียงใส่ ก่อนจะลงจากเตียงด้วยร่างกายที
ทุกอย่างถูกเอื้ออำนวยต่อการตอบสนอง เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวถูกจัดการออกจากตัวจนหลุดร่วงด้วยฝีมือของชายหนุ่ม ความงามที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้เขายิ้มกริ่ม จับช้อนร่างกายเสลาให้ลุกแล้วนั่งพิงกับหัวเตียงนอน ใช้หมอนรองหลังให้แก่เธอ“??” การกระทำนี้มันทำให้เธอนั้นเกิดความงุนงง“อะไรครับที่รัก” เขาเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นสีหน้าของเธอขมวดคิ้วแทบชนกัน“อะไร?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเขานั้นจับสองขาของเธอให้ตั้งฉาก แล้วแยกออกสุดความกว้าง“อยากเห็นภาพสวย ๆ ที่เมียรักช่วยตัวเองบ้าง” เขาพูดออกมาอย่างไม่มีความรู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ“บ้า! ไม่เอาหรอกไอติมไม่เคยทำ”แต่สิ่งที่เธอได้ยินนั้นทำเอาตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง ไม่คิดว่าสามีของเธอจะคิดทำอะไรแบบนี้ จนเธอนั้นต้องรีบหุบขาแนบชิดเพราะเขินอาย“หึ”“เจท!”เขายกยิ้มมุมปากร้ายกาจ ก่อนจะประชิดคาบคร่อมเอวบาง แล้วคุกเข่าต่อหน้าเธอ ทำให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ประจันต่อสายตา กลิ่นของราคะกระทบเข้ากับจมูกของหญิงสาว มันทำให้เธอนั้นตกใจต่อการกระทำที่แปลกใหม่นี้ของผู้เป็นสามี“เปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง กลัวเมียเบื่อแล้วไปหาผัวใหม่” เขาโน้มตัวลงต่ำแล้วกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ“อื้อ”แล้วไม่นานกล
“ชอบไหม?”เสียงนุ่มละมุนเอ่ยถาม เมื่อสายตาของทั้งคู่ยืนมองบรรยากาศโดยรอบที่พักที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา ชายหนุ่มยืนกอดภรรยาสาวจากด้านหลัง วางคางลงไหล่ของเธอ และบางจังหวะก็หอมดอมดมตามผิวคอผิวแก้มอย่างที่เคยทำ“ชอบ มันสวยมาก ๆ เลย ไอติมอยากมาที่นี่นานแล้วแต่ว่าก็ไม่มีโอกาสสักที”มือเรียวของเธอลูบแก้มสากแผ่วเบา หันเอียงมาส่งยิ้ม ก่อนจะแตะจูบปากเขาแสดงความรักและแทนคำขอบคุณ“ทำไมไม่บอกเจทล่ะครับ แค่ไอติมพูดเจทก็พร้อมจะพามานะ” เขายิ้มให้และพูดออกมาชิดหูเธอ“แต่ว่าตอนนั้นเราแค่เพื่อนกันไง ไอติมไม่กล้ารบกวนเจทหรอก” เธอออกไปตามสิ่งที่รู้สึกจริงในอดีตที่ผ่านมา“ต่อจากนี้ ถ้าไอติมมีอะไรที่ต้องการให้บอก ไม่ต้องเกรงใจเจทหรอกนะ เพราะเจทจะทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุด อยากไปไหนจะพาไปให้หมดเลยดีไหม? รักติมนะ”คำพูดที่เธอเปรยออกมา สิ่งที่ได้ยินมันทำให้เขานั้นกระชับกอดเธอแน่นขึ้น กอดให้เธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้ว่ามันเปี่ยมล้นไปทั้งใจที่เขามี“รวยว่างั้น?” หญิงสาวเธอเอ่ยแซว“จะว่าอย่างงั้นก็ได้อะนะ แต่จะว่าไปก็ไม่ถึงรวยหรอก ถ้าบอกว่ามีกินมีใช้ก็น่าจะพอมั้ง”เขาพูดขึ้นอย่างถ่อมตน แล้วหอมลงแก้