Masukหลังจากจ้าวหยางไปแล้ว ฉันก็เริ่มทำความสะอาดบ้านตามลำพัง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในพื้นที่ที่เงียบสงัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระจ่างแจ้งในตัวมันเองสามีก็ไม่กล้าพูดอะไร นั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา มวนแล้วมวนเล่าดึกแล้ว ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนก่อน แล้วปิดประตูลง สามีได้ยินเสียงกรอบรูปแต่งงานที่ฉันทุบทิ้งจากด้านนอกประตู และเขาก็รู้สึกตัว ไปนอนที่ห้องอื่นโดยทันทีเขาไม่ได้คุกเข่าขอร้อง ไม่ได้พยายามจะขอคืนดี ไม่ได้โกรธจัดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ได้ทุบทำลายสิ่งของหรือด่าทอใครส่วนฉันก็ไม่ได้ถามเขาอย่างบ้า ๆ ว่าทำไมถึงทำ ไม่ได้ยึดติดที่จะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และมาพัวพันกันได้อย่างไร และขี้เกียจเกินกว่าที่จะไปสืบดูว่าเขาชอบอะไรในตัวผู้หญิงคนนั้นเราสองคนผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ ฉันก็ยังนอนไม่หลับสนิท และเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะนอนหลับอย่างสงบ ตลอดทั้งคืน ในสมองของฉันมีแต่เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในอดีตของฉันกับสามีผุดขึ้นมาไม่หยุดเป็นไปได้ยังไงนะ ทั้งที่เป็นคนดีขนาดนั้น ทำไมฉันถึงมองคนผิดไปได้ล่ะ? ถ้าเขาไม่ดีกับฉัน แล้วทำไมฉันถึงรีบแต่งงานกับเขาทันทีที่เรียนจบได้
ฉันมองจ้าวหยาง แล้วนึกถึงวิดีโอที่บันทึกเนื้อหาที่น่าอับอายของฉันไว้ในคอมพิวเตอร์ของเขาเขาอัดวิดีโอไว้ไม่ใช่เพื่อใช้เป็นหลักฐาน แต่ก็แค่อยากจะตอบสนองความปรารถนาของตัวเองเท่านั้นฉันบอกว่า “ฉันอยากดู”จ้าวหยางพูดว่า “มีอะไรน่าดูเหรอครับ? ดูไปก็มีแต่จะเพิ่มความเศร้าเปล่า ๆ ใช่ไหมครับ? อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน ผมเดาว่าต้องมีอะไรติดมือกลับมาแน่ ๆ ไม่ต้องให้ผมให้วิดีโอ พี่ก็มีหลักฐานแล้วใช่ไหมครับ?”ฉันหัวเราะเยาะจ้าวหยางพูดว่า “ถ้าพี่หย่ากับพี่ชายผมแล้ว พี่คิดว่า... ผมเป็นยังไงบ้างครับ?”จ้าวหยางทำสีหน้าประจบประแจง ฉันฝืนความรู้สึกอึดอัด แล้วพูดว่า “เป็นยังไงก็ต้องรอฉันหย่าก่อนแล้วค่อยว่ากัน ฉันจะดูวิดีโอ นายจะให้ดูหรือไม่ให้?”ฉันจงใจพูดให้ดูเหมือนว่าฉันก็มีความสนใจจ้าวหยางอยู่บ้าง และยืนยันที่จะดูวิดีโอที่เขาอัดไว้ในที่สุดจ้าวหยางก็พาฉันไปที่ห้องนอนของเขา เปิดคอมพิวเตอร์ และฉันก็แอบใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกขั้นตอนที่เขากรอกรหัสผ่านเพื่อเปิดเครื่องไว้จ้าวหยางอัดวิดีโอไว้ทั้งหมดสามคลิป ซึ่งหมายความว่าสามีพาผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้านหลังนี้อย่างน้อยสามครั้ง ฉันอยากจะก๊อปปี้
ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ และบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไปตรง ๆ ว่า “ฉันมาจับชู้ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดกล้องวงจรปิด พวกเขาอยู่ห้องไหน และประวัติการเข้าพักก่อนหน้านี้ บอกฉันมา”“ขออภัยครับค่ะ คุณผู้หญิง ทางเรา...”“ห้าหมื่น ตรวจสอบเสร็จโอนให้ทันที หมายเลขห้องพักกับประวัติการเข้าพัก ไม่ขาดทุนหรอกใช่ไหม?”พนักงานหญิงสาวที่รวบผมหางม้าตรงหน้าก็ก้มตาลงทันที เธอเหลียวมองซ้ายขวา พนักงานอีกคนกำลังคุยโทรศัพท์จัดการปัญหาของลูกค้าอยู่ไม่ไกล จึงไม่น่าจะได้ยินการสนทนาของเรา ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างเงียบ ๆในเวลาไม่กี่นาที ข้อมูลทั้งหมดก็ถูกเรียกออกมา ฉันเดาถูก สามีของฉันมาเปิดห้องที่โรงแรมนี้ในครั้งก่อน ๆ ด้วย“ขอบคุณ” ฉันถ่ายรูปข้อมูลไว้ และโอนเงินให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ทันทีฉันหาห้องนั้นเจอ พยายามยกมือขึ้นจะเคาะประตูหลายครั้ง หรือไม่ก็อยากจะถีบประตูเข้าไป แต่ฉันก็ระงับมันไว้ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแสลงหูเล็ดลอดออกมาจากด้านใน ท้องไส้ของฉันเริ่มปั่นป่วน ฉันเปิดห้องพักแบบรายชั่วโมง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วอาเจียนแห้งออกมาทันที คืนนี้ถู
เพื่อนสนิทของฉันมีบ้านของตัวเอง ดังนั้นจ้าวหยางจึงอยู่บ้านฉันสามสี่วัน แล้วก็ไปค้างที่บ้านเพื่อนสนิทสามสี่วัน โดยพื้นฐานแล้วเป็นแบบสุ่ม ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเพื่อนสนิท แม้ว่าเมื่อครู่ฉันจะรู้แล้วว่าคืนนี้เพื่อนสนิทกำลังเที่ยวอยู่ที่ผับและไม่มีเวลาสนใจจ้าวหยาง แต่ฉันก็ยังอยากจะลองหยั่งเชิงความรู้สึกของจ้าวหยางที่มีต่อเพื่อนสนิทจ้าวหยางพูดว่า “เธอบอกว่าสองวันนี้เธอไม่มีเวลาเจอผมเลยครับ”มิน่าล่ะทำไมจ้าวหยางถึงอยู่บ้านมาติดกันหลายวันขนาดนี้ เห็นทีเพื่อนสนิทคงอยากเปลี่ยนรสชาติบ้าง...ฉันบอกว่า “ถ้านายรู้สึกว่าพวกนายสองคนไม่เหมาะสมกัน ไม่อยากคบต่อแล้ว นายก็บอกเลิกกับเธอไปเลย เธอจะไม่มาวอแวกับนายหรอก”ความตั้งใจเดิมของฉันคือคิดว่า ไหน ๆ เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่วุ่นวายนี้ที่ฉันเป็นคนชักนำก็คงไม่มีผลลัพธ์ที่ดีแล้ว สู้แนะนำให้เลิกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ยิ่งมีอีกความสัมพันธ์หนึ่งเพิ่มเข้ามาแบบนี้ พอฉันนึกถึงทีไรก็จะรู้สึกรำคาญใจทุกที รู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองเป็นคนชักนำเรื่องที่ไม่ดีเข้าไปแล้วทำบาปจ้าวหยางจ้องมองฉันตรง ๆ แล้วพูดว่า “พี่หวังให้ผมเลิกกันใช่
ในขณะนั้นเอง นาฬิกาปลุกที่ฉันตั้งเวลาไว้ก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเวลาที่ฉันตั้งไว้สำหรับมาร์กหน้าจ้าวหยางยื่นมือออกไปเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มือถือของฉัน ฉันจึงแกล้งทำเป็นถูกนาฬิกาปลุกปลุกให้ตื่น ขมวดคิ้ว พยายามดิ้นรนบิดตัวไปมา และวางมือทับโทรศัพท์ไว้ไม่ให้จ้าวหยางแตะต้องได้ด้วยการต่อต้านทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ จ้าวหยางคงรู้สึกว่าจังหวะไม่เหมาะสม กลัวว่าฉันจะตื่นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงรีบถอยหลังลงจากเตียงและออกจากห้องของฉันไปหลังจากจ้าวหยางออกไปแล้ว ฉันจึงลืมตาขึ้นมาฉันเหงื่อแตกไปทั้งตัว นอกเหนือจากความหวาดกลัวที่ตามมา ก็ยังประหลาดใจกับความลังเลของตัวเองด้วยฉันเงยหน้ามองภาพถ่ายชุดแต่งงานบนเตียง แล้วตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับสามีก่อนที่จะบอกสามี ฉันยังต้องบอกอีกคนหนึ่งด้วยฉันรีบโทรศัพท์หาเพื่อนสนิททันทีรอสักพักใหญ่กว่าจะอีกฝ่ายรับสายได้ และยังเสียงดังอึกทึกสุด ๆที่แท้ เพื่อนสนิทของฉันก็กำลังอยู่ในผับเสียงจากปลายสายของเพื่อนสนิทที่เจือความเมาดังปนมากับเสียงเพลงที่คึกคัก “มีอะไรเหรอ?”ฉันเม้มริมฝีปาก เดินไปที่หน้าต่าง เอามือปิดรอบโทรศัพท์ไว้ แล้วพูดว่า “เธอหาแฟนใหม่เถอะ จ้าวหยาง
จ้าวหยางเหรอ!ฉันจ้องมองภาพในจออย่างละเอียด อยากจะดูอีกครั้งว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่แต่ภาพนั้นสั่นแรงเหลือเกิน โดยเธอเผยให้เห็นแค่ใบหน้าไม่ถึงครึ่ง แถมยังถูกผมบังเกือบทั้งหมด ได้แค่ยืนยันว่าไม่ใช่เพื่อนสนิทแน่นอนในขณะที่ฉันมองไปก็ยิ่งรู้สึกคุ้น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นดูคล้ายกับตัวเองอยู่บ้าง วิดีโอก็ได้จบลง“ถ้าเธอทำตัวน่ารักแบบนี้ไปตลอดได้จะดีแค่ไหนกันนะ...”จ้าวหยางปิดคอมพิวเตอร์ หลังจากควักขวดยาเล็ก ๆ สีน้ำตาลออกมาจากลิ้นชักฉันกลัวเขาจะจับได้ จึงรีบกลับไปที่ห้องนอน เปลี่ยนกางเกงใน แล้วนั่งอยู่บนเตียงด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่านผู้หญิงในวิดีโอนั้นเป็นใครกันแน่?เมื่อคิดถึงภาพที่เธอถูกจ้าวหยางกดไว้ใต้ร่าง ถูกกระทำจนไม่มีสติ และยังพยายามแอ่นสะโพกรับอย่างสุดกำลัง ความรู้สึกอับอายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนถาโถมเข้าใส่ทั่วทั้งร่างของฉันแม้แต่หญิงขายบริการตอนรับแขกก็ยังไม่เร่าร้อนขนาดนี้เลย ฉันรำพึงในใจอย่างทนไม่ไหว“พี่สะใภ้ครับ ตื่นหรือยัง?” เสียงตะโกนของจ้าวหยางดังมาจากนอกประตู“ตื่น... ตื่นแล้ว!” ฉันรีบออกจากห้องนอน ก้มหน้าลง ไม่กล้ามองชายร่างสูงที่