เวลาผ่านล่วงเลยไปถึงหนึ่งเดือน ต้นส้มที่สองสามีภรรยาช่วยกันเพาะปลูกดูแลก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่น่าพอใจ อาหลี่ตั้งใจรดน้ำและดูแลมันทุกวัน เขาค่อนข้างตื่นเต้นไม่น้อย ที่ได้เห็นว่ามันเจริญงอกงามมากขึ้นเรื่อยๆ
เสิ่นเสวี่ยกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นพุทรา สายตาทอดมองไปยังสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ชาติที่แล้วก่อนที่นางจะตาย นางวาดฝันเอาไว้ว่าอยากใช้ชีวิตอยู่กับเทือกสวนไร่นา แต่เพราะโง่งมจนถูกคนเลวโกงกินจึงต้องตกตายลงอย่างน่าอนาถใจ
"เสิ่นเสวี่ย"
เสิ่นเสวี่ยหันไปมองอาหลี่ที่กำลังเดินกลับเข้ามาหานาง สายตาของเสิ่นเสวี่ยจับจ้องไปที่แผงอกบึกบึนล่ำสันของเขาที่ตอนนี้มีเหงื่อเม็ดไหลซึมลงมาทั่วร่าง
ช่วยด้วย น้ำจะเดินอีกแล้ว!!!
เสิ่นเสวี่ยพยายามข่มใจตนเอง นางหันไปยกถ้วยชาส่งให้แก่เขา อาหลี่พยักหน้าและรับชาถ้วยนั้นไปดื่มด้วยความหิวกระหาย
"เหนื่อยหรือไม่? ข้าทำกับข้าวไม่เป็น จึงย่างเนื้อหมูมาให้ท่าน"
อาหลี่จ้องมองเนื้อหมูที่ไหม้กระดำกระด่างก็รู้สึกขบขันนางไม่น้อย เสิ่นเสวี่ยจิ๊ปากทันที จะให้นางทำเช่นไร ก็นางทำอะไรไม่เก่งนี่ มีอย่างเดียวที่เก่งก็คือ
ปล้ำสามีเก่ง คิกคิก
"เจ้าย่างเองหรือ?"
"ก็ใช่น่ะสิ ท่านพี่อาหลี่ไม่ต้องกินก็ได้นะ มันไหม้เกือบทั้งหมดเลย"
อาหลี่หยิบเนื้อหมูไหม้ขึ้นมากัดชิมคำหนึ่ง เสิ่นเสวี่ยรีบยื่นมือไปแย่งเนื้อหมูนั้นมาโยนทิ้งทันที ก่อนจะยื่นซาลาเปาไส้เนื้อให้เขา
"เจ้าไปซื้อมาหรือ?"
"ท่านแม่ให้มาน่ะ หลายลูกเลย กินสิ ข้าไม่ค่อยชอบซาลาเปาเท่าใดนัก"
อาหลี่ยิ้มตาหยีแล้วจึงยื่นมือไปรับซาลาเปามากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
"ตั้งแต่ได้ภรรยาเป็นคุณหนู ก็ได้กินแต่ของดีๆ หึ!!! บ่าวชั้นต่ำ!!!"
เสิ่นเสวี่ยปรายตามองเสิ่นเยี่ยด้วยความหงุดหงิด ไอ้หมอนี่มันไม่เข็ดหลาบจริงๆ สงสัยรอบนี้ต้องเลาะฟันออกให้หมดปาก
อาหลี่หันไปมองเสิ่นเยี่ยด้วยสายตาเรียบเฉย
"มองหน้าข้าทำไม โอ๊ะ รองเท้าข้าเปื้อน คลานมาเช็ดให้ข้าเร็วเข้า!!!"
เสิ่นเยี่ยยื่นเท้ามาตรงหน้าอาหลี่ เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนของอาหลี่ยิ่งสร้างความโมโหให้แก่เสิ่นเยี่ยให้ทวีคูณมากขึ้นไปอีก
"หน็อย!!! บ่าวชั่ว!!! เรียกแล้วทำมึนรึ!!! วันนี้ข้าจะตีเจ้า โอ๊ะ!!เสิ่นเสวี่ย โอ๊ย!!! มดกัดข้า อ๊าส์"
เสิ่นเสวี่ยดึงอาหลี่ให้ถอยออกมา ก่อนจะยื่นมือขึ้นไปหักกิ่งไม้ที่มีรังมดแดงไต่ยั้วเยี้ย ฟาดลงไปที่กลางศีรษะของเสิ่นเยี่ย มดแดงหลายร้อยตัว รุมกัดเสิ่นเยี่ยจนเขาร้องแหกปากลั่นสวน
เสิ่นเสวี่ยหยิบรังมดแดงที่เหลืออยู่น้อยนิด เดินเข้าไปหาเสิ่นเยี่ยอีกครั้ง ก่อนจะเสียบรังมดแดงนั้นเข้าไปในกางเกงของเสิ่นเยี่ย
กัดแท่งเอ็นมันให้บวมไปเลยลูกแม่!!!
"อ๊าส์!!! แสบ โอ๊ย!!! คัน!!!"
"คันมากเลยหรือ มาข้าจะสงเคราะห์ให้"
ยังไม่ทันที่เสิ่นเสวี่ยจะได้ทำสิ่งใด ก็เห็นอาหลี่กระโดดถีบเสิ่นเยี่ยจนร่างกระเด็นลอยละลิ่วตกลงไปในสระน้ำ
ตู้ม!!!
เสิ่นเสวี่ยหันไปชูนิ้วโป้งให้เขา อาหลี่เองก็หันมายักคิ้วให้นาง เสิ่นเสวี่ยที่ได้เห็นก็พลันหัวใจเต้นถี่ระรัวเมื่อได้สบตากับแววตาเจ้าเล่ห์ของเขา
ร้อนแรงเหลือเกิน พ่อแตงกวาของเมีย
เสิ่นเยี่ยคลานกลับเรือนอย่างทุลักทุเล ร่างกายปรากฏรอยแดงไปทั่วทั้งร่างกาย เขานำเรื่องนี้ไปฟ้องเสิ่นเหยากวง แต่คนของเสิ่นเหยากวงที่แอบเฝ้าอยู่ในไร่ส้ม เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและนำมารายงานกับเขาก่อนแล้ว เขาจึงด่าทอเสิ่นเยี่ยไปชุดใหญ่
หึ!!! จะให้เขาด่าเสิ่นเสวี่ยหรือ เขาเถียงชนะนางที่ไหนกัน
ฮูหยินรองอวิ๋นรู้สึกโกรธแค้นเสิ่นเสวี่ยเป็นอย่างมาก นับวันนางก็ยิ่งแข็งข้อขึ้นเรื่อยๆ ต้องหาทางกำราบนางให้สิ้นซากเพื่อตัดไฟเสียแต่ต้นลม!!!
ใกล้ถึงวันแต่งงานของเสิ่นหนิงแล้ว ช่วงนี้คงจะต้องปล่อยผ่านไปก่อน รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง นางจะต้องสั่งสอนเสิ่นเสวี่ยให้หลาบจำเสียบ้าง
วันนี้เสิ่นเสวี่ยมาเยี่ยมมารดาของนาง และอยู่พูดคุยกันจนถึงค่ำ ก่อนจะกลับเสิ่นเฟยได้มอบซุปบำรุงร่างกายให้แก่นาง เสิ่นเสวี่ยรับมันมาถือเอาไว้ในมือ ก่อนจะเดินกลับเรือนไป ป่านนี้อาหลี่คงกลับมาจากตลาดแล้ว เขาไปส่งมะเขือยาวในตลาดตั้งแต่เช้าตรู่เลย
เสิ่นเฟยจะเอ่ยเรียกเสิ่นเสวี่ยก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาลืมบอกแก่นางไปว่าซุปบำรุงนั้นเป็นสูตรเฉพาะ หากสตรีกินจะบำรุงร่างกาย หากบุรุษกินจะทำให้คึกราวกับม้าดีด
เมื่อไปถึงเรือน เสิ่นเสวี่ยก็พบกับอาหลี่ที่กำลังวุ่นวายอยู่ในโรงครัว กลิ่นหอมของไก่ตุ๋นลอยโชยมาเตะจมูกของนางทันที เสิ่นเสวี่ยรีบวิ่งเข้าไปหาอาหลี่ในครัว เมื่อเขาเห็นนางก็รีบเอ่ยถามนางด้วยความกระตือรือร้น
"เจ้าหิวหรือไม่?"
"หิว"
"นั่นเจ้าถืออะไรมา?"
"ซุปบำรุงน่ะพี่ใหญ่ให้ข้ามา ท่านกินสิเจ้าคะ ข้าไม่ค่อยชอบกินของอะไรพวกนี้"
"จะดีหรือ คุณชายใหญ่ให้เจ้ามานะ?"
"ดีเจ้าค่ะ มากินเร็วๆ ตอนร้อนๆ"
อาหลี่พยักหน้า ก่อนจะยกถ้วยซุปซดลงไปจนหมด เขารู้สึกคล่องคอเหลือเกิน ช่างเป็นซุปที่รสชาติดีเสียจริง
ผ่านไปครู่ใหญ่ อาหารก็เสร็จเรียบร้อย สองสามีภรรยาร่วมรับสำรับเย็นด้วยกันจนอิ่ม เสิ่นเสวี่ยจึงขอตัวไปอาบน้ำก่อน
อาหลี่สร้างเรือนอาบน้ำไว้ให้นางใหม่ เพราะที่อาบน้ำเดิมมันโล่งแจ้งจนเกินไป นางเป็นสตรีเกิดใครมาพบเห็นเข้าคงจะไม่เหมาะ
เสิ่นเสวี่ยเดินเข้าไปอาบน้ำ ส่วนอาหลี่ที่นั่งเล่นอยู่บนเก้าอี้ไม้นั้น ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย มันรู้สึกร้อนรุ่มเหลือเกิน ร้อนเสียจนเขาต้องนำน้ำแข็งที่นำมาจากโรงครัวใหญ่ขึ้นมาถูตามร่างกายเพื่อดับไอร้อนจากภายใน
เสิ่นเสวี่ยอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางเดินกลับเข้ามาและเห็นอาหลี่มีใบหน้าที่แดงซ่าน ตามร่างกายก็มีเม็ดเหงื่อไหลซึมมากมายจึงรู้สึกกังวลไม่น้อย
"ท่านพี่อาหลี่ไม่สบายหรือเจ้าคะ?"
เสิ่นเสวี่ยเดินเข้าไปวางทาบฝ่ามือลงบนหน้าผากของเขาอย่างห่วงใย อาหลี่เงยหน้าขึ้นไปมองนางเล็กน้อย
ริมฝีปากอวบอิ่ม ลำคอขาวนวลเนียน เนินอกอวบอิ่ม
เขาส่ายหน้าไปมา ก่อนจะขยับตัวถอยห่างออกมาจากนาง
"ข้าร้อนน่ะ จะไปอาบน้ำแล้ว"
"เจ้าค่ะ"
เสิ่นเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินเพื่อจะกลับเข้าไปในเรือนนอน
เพียะ!!!
"ท่านพี่อาหลี่ ตีก้นข้าทำไมเจ้าคะ?"
เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วหันไปมองอาหลี่ด้วยความสงสัย แต่ทว่าอาหลี่กลับลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว มือใหญ่เกี่ยวเอวบางของนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด สายตาที่เร่าร้อนจ้องมองนางราวกับต้องการจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
"ข้าจะไปใส่เสื้อผ้าเจ้าค่ะ"
"ไม่ต้องใส่แล้ว"
อาหลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแหบพร่า จนทำให้เสิ่นเสวี่ยรู้สึกเสียวมวนที่ท้องน้อยแปลกๆ
อยากโดน เอ๊ย!!! ไม่ใช่สิ
"เสิ่นเสวี่ย"
"เจ้าคะ? อื้อออ!!!"
อาหลี่จู่โจมนางอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงมาที่ริมฝีปากบางของนางอย่างหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากสวยอย่างเร่าร้อน ลิ้นชื้นแฉะของทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันไปมาอย่างดูดดื่ม
เขากระชากผ้าคลุมบนร่างของนางโยนทิ้งลงไปที่พื้น และโอบอุ้มร่างบางของภรรยาที่รักให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะกินข้าวที่กลางเรือน ฝ่ามือหนาใหญ่บีบขยำเคล้นคลึงดอกบัวงามเต่งตูมทั้งสองข้างที่ชูช่องดงาม แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปที่จุกดอกบัวสีชมพูที่แข็งเป็นไต ลิ้นร้อนม้วนเลียและดูดดึงขบเม้มอย่างหื่นกระหาย
จ๊วบ จ๊วบ
"อ๊าส์!!! อาหลี่ อื้อออ!!!"
อาหลี่ถอนริมฝีปากออกจากจุกดอกบัวงามของนาง แล้วจึงแลบลิ้นเลียไปที่ใบหูนวลนิ่ม จากนั้นก็ย้ายไปฝังจุมพิตที่ซอกคอขาวเนียนและขบเม้มจนเกิดเป็นรอยแดงช้ำ
"อ๊าส!!! อย่ากัดข้า!!!"
อาหลี่ยกขาเรียวงามของนางให้อ้าออก นิ้วอุ่นร้อนค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในรูสวาทของนางจนครบทั้งสี่นิ้ว
"อ๊าส์!!! ข้าเสียวเจ้าค่ะ!!! อื้อออ!!!"
อาหลี่ดูดดึงจุกดอกบัวงามอย่างเต็มแรง นิ้วมือก็เร่งขยับเข้าออกที่รูถ้ำสวาทของนางอย่างหนักหน่วงและถี่เร่า จนเสิ่นเสวี่ยรู้สึกเสียวซ่านเสียจนร่างกายบิดเร่า
"อ๊าส์!!! อื้อ!!! ข้าปวดฉี่!!!"
เสิ่นเสวี่ยนอนดิ้นกระตุกตัวเกร็งเพราะความเสียวอย่างถึงที่สุด มันจะทะลักออกมาแล้ว!!! มันช่างสุดยอดเหลือเกิน!!!
อาหลี่รีบผละริมฝีปากจากเนินอกอวบอิ่ม แล้วโน้มใบหน้าลงที่เนินสวาทของนาง เขาครอบริมฝีปากเข้าไปดูดดื่มกลืนกินน้ำรักที่ล้นทะลักไหลเยิ้มของนางจนสะอาดหมดจด
เขาอุ้มร่างบางระหงกลับเข้ามาในห้องนอน แล้วจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"เสิ่นเสวี่ย มานี่สิ"
เขาพยักหน้าเชิญชวนนางด้วยสายตาที่ร้อนแรง เสิ่นเสวี่ยสติกระเจิงไปหมดแล้ว นางรีบขึ้นไปนั่งอ้าขาคร่อมอยู่บนใบหน้าของอาหลี่ เขาจ้องมองกลีบกุหลาบสีสวยตรงหน้า ก่อนจะแลบลิ้นเลียขึ้นลงที่ร่องหลืบสวาทของนาง เมื่อได้รับรสสัมผัสจากความเผ็ดร้อนที่ผู้เป็นสามีมอบให้ เสิ่นเสวี่ยก็ยิ่งมีอารมณ์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น สองมือจับรั้งหัวเตียงเอาไว้ อ้าขาให้เขาลิ้มรสความหวานจากซอกหลืบกุหลาบงามของนางได้อย่างเต็มที่
แผล็บ แผล็บ
อาหลี่กระดกลิ้นรัวเร็วด้วยความถี่เร่า แล้วจึงครอบริมฝีปากเข้าไปดูดดึงขบเม้มเม็ดเกสรสีหวานตรงหน้าอย่างพึงพอใจ
"อ๊าส์!!! อาหลี่ อื้อออ!!! ข้าเสียวเหลือเกิน!!! ไม่ไหวแล้ว อ๊าส์!!!"
ลิ้นอุ่นร้อนแลบเลียกลีบดอกไม้งามจนฉ่ำแฉะ น้ำหวานใสไหลเยิ้มลงมาเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าของเขาจนเปียกชื้นไปหมด อาหลี่จึงฉกชิมลิ้มรสความหวานฉ่ำจากซอกหลืบดอกไม้งามของนางอย่างหื่นกระหาย
"ขึ้นมานั่งบนตัวข้าเถิด"
อาหลี่ส่งสายตาหวานเยิ้มชวนน่าหลงใหลมาทางเสิ่นเสวี่ย นางขยับร่างลงมานั่งบนตัวของเขา มือเรียวงามจับแท่งเอ็นร้อนให้บดเบียดเข้ามาในรูสวาทจนมิดลำ
"อูยยยยย!!! อื้ออออ อาหลี่!!!"
"ซี้ดดดด!!! มันรัดลำของข้า"
เสิ่นเสวี่ยขยับสะโพกงอนงามขยับขึ้นลงอยู่บนแท่งแก่นกายของเขาอย่างช้าๆ จากนั้นจึงเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น
"เสิ่น!อ๊าส์!!! เสวี่ย!!!"
เขาจับเอวบางของนางเอาไว้แน่น แล้วจึงกระแทกกระทั้นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวให้สวนเข้าไปในรูถ้ำสวาทของนางอย่างหนักหน่วงและถี่เร่า เสิ่นเสวี่ยรู้สึกเสียวซ่านเป็นอย่างยิ่ง มันช่างจุกเหลือเกิน จุกเสียจนนางแทบจะทนไม่ไหว
ตับตับตับ
อาหลี่พลิกร่างของเสิ่นเสวี่ยให้นอนลงบนเตียง ส่วนเขาเดินลงมายืนที่ปลายเตียง สองมือหนาใหญ่ จับเอวบางระหงของนางให้ยกสูงขึ้น เสิ่นเสวี่ยรู้สึกคล้ายกับร่างของตนเองลอยขึ้นไปกลางอากาศ อาหลี่ไม่รอช้าเขาขยับแท่งเอ็นร้อน เข้าออกผ่านซอกหลืบดอกกุหลาบของนางถี่ระรัว
"อ๊าส์!!! ข้าเสียวเหลือเกิน จะทนไม่ไหวแล้ว!!! อาหลี่!!!"
"ข้าก็ไม่ไหวแล้ว!!! โอวว!!! เสิ่นเสวี่ย!!! ซี้ดดดด!!!"
ตับตับตับ
เขากระแทกกระทั้นลำแท่งมังกรอย่างเต็มแรงอีกครั้ง มันเข้าสุดออกสุดเสียจนร่างของเสิ่นเสวี่ยขยับสั่นไหวขึ้นลงอย่างรุนแรง หน้าอกอวบอิ่มขนาดใหญ่ยักษ์กระเพื่อมขึ้นลงช่างน่าชวนมองไม่น้อย
เสิ่นเสวี่ยจับผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ร่างของนางบิดเร่า มือเท้าจิกเกร็งด้วยความเสียวกระสัน
"อื้ออ!!! ปวดฉี่!!! อ๊าส์!!! อาหลี่ แรงอีก!!!"
"ซี้ดดดด!!! อ๊าส์!!!"
ร่างของอาหลี่กระตุกเกร็งอย่างรุนแรง เขาปลดปล่อยมวลน้ำรักมากมายเข้าไปในรูสวาทของภรรยาอันเป็นที่รักจนร่องรูสวาทของนางฉ่ำแฉะไปหมด เขาซบใบหน้าลงมาแนบกับหน้าอกอวบอิ่มเต่งตึงของนางด้วยความเหนื่อยหอบ เสิ่นเสวี่ยยื่นมือมาลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มของเขาอย่างอ่อนโยน
"อีกรอบดีหรือไม่?"
"ท่านพี่อาหลี่ ท่านไปคึกมาจากที่ใดกันเจ้าคะ ข้าระบมไปหมดแล้ว"
"อีกสักครั้งเถิด"
"ข้า อื้อออ!!!"
อาหลี่โน้มใบหน้าเข้าไปดูดดื่มความหวานจากริมฝีปากของนางอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เสียงครางกระเส่าผสานกับเสียงเหนื่อยหอบ ดังลอดออกมาจากในเรือนตลอดทั้งคืน
"เฮ้ออ!!! คุณหนูใหญ่ร้องอีกแล้ว ช่างน่าสงสารยิ่งนัก คงทรมานมากเป็นแน่ บ่าวอยากจะเข้าไปช่วยแต่ท่านโหวก็สั่งห้ามเอาไว้ อาหลี่นี่ก็ไม่เบา เห็นเงียบๆ แต่รุนแรงเหลือเกินทุบตีภรรยาเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน"
บ่าวในเรือนที่เสิ่นเหยากวงมอบหมายให้มาคอยดูแลสวนส้ม ส่ายหน้าไปมาด้วยความสงสารเสิ่นเสวี่ยจนจับใจ
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา