อาหลี่หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อหยิบกาน้ำเข้ามาให้นาง เสิ่นเสวี่ยพยายามเก็บซ่อนความหื่นกระหายนี้เอาไว้ นางนั่งรอเขาอยู่บนเตียง ไม่นานนักอาหลี่ก็กลับมาพร้อมกับกาน้ำใบหนึ่ง เขาเทน้ำก่อนจะยื่นมันส่งมาให้แก่นาง เสิ่นเสวี่ยรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว ก่อนทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยหอบ
ให้ตายสิ!!! ระบมไปทั้งตัวเลย
อาหลี่ทิ้งตัวลงนอนข้างกายนาง กลับพบว่านางหลับสนิทไปเสียแล้ว เขามองใบหน้าเรียวงามที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ก่อนจะนำผ้าห่มมาคลุมให้แก่นางอย่างห่วงใย ฝ่ามือหนาใหญ่ยื่นไปลูบพวงแก้มสีชมพูของนางด้วยความรักใคร่
เขาดีใจเหลือเกินที่นางไม่ทำร้ายทุบตีเขาเช่นแต่ก่อน นางดีกับเขาเหลือเกิน ดีจนเขาหวาดกลัว กลัวว่าวันหนึ่งนางจะใจร้ายกับเขาอีกครั้ง
อาหลี่ยื่นท่อนแขนแกร่งไปให้นางหนุนนอน สองมือใหญ่โอบกอดนางเข้ามาไว้ในอ้อมอกแข็งแกร่ง เขาสัญญาว่าจากนี้ไป เขาจะปกป้องนางเอง จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหรือดูถูกนางได้อีก
รุ่งเช้าวันต่อมาที่เรือนใหญ่ เสิ่นเหยากวงกำลังสอบถามบ่าวที่เขาส่งไปเฝ้าสวนส้มให้เสิ่นเสวี่ย
"เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีหรือไม่"
"ขอรับ แต่เหมือนคุณหนูใหญ่จะถูกอาหลี่ทารุณนะขอรับ นางร้องเสียงดังออกมาจากเรือนค่อนคืนเลยขอรับ"
เสิ่นเหยากวงรีบหันมามองบ่าวรับใช้ของเขาทันที แววตาเย็นชาน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
"นางร้องเช่นไร? ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้!!! ข้าจะไปฆ่าอาหลี่!!!"
"คุณหนูใหญ่ร้องว่า 'อาหลี่!!! อย่ากัดข้า ซี้ดดด อ๊าส์' ขอรับ!!!"
กากากา
เสิ่นเหยากวงอยากจะกระโดดถีบบ่าวชั่วผู้นี้ให้กระเด็นออกไปจากเรือนเสียจริง
นั่นมันเสียง...
เสียงสามีภรรยากำลังร่วมหลับนอนกันต่างหาก!!! แต่เมื่อสมัยหนุ่มๆ ภรรยาของเขาไม่ได้ร้องเช่นนี้
นางร้อง อิ๊ อิ๊ อิ๊
ไม่ใช่สิ!!! นี่เขาคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่กัน?
"คราวหลังนางร้องอีกเจ้าก็ไม่ต้องมาบอกข้า"
"ทำไมเล่าขอรับ? เมื่อคืนบ่าวแทบจะวิ่งเข้าไปดู..."
"ห้ามดู!!! ให้นางร้องไป นางชอบแบบนั้นก็ปล่อยนาง"
"ขอรับ ขอรับ"
หลายวันต่อมา เป็นวันที่เสิ่นเฟยบุตรชายคนโตและเสิ่นเยี่ยบุตรชายคนรองเดินทางกลับมาถึงจวนโหวตระกูลเสิ่น เสิ่นเฟยพี่ชายของเสิ่นเสวี่ยเป็นถึงท่านรองแม่ทัพและผู้สืบทอดจวนโหวแห่งนี้ ส่วนเสิ่นเยี่ยพี่ชายของเสิ่นหนิงเป็นเพียงนายทหารร่วมรบติดตามพี่ชายไปเท่านั้น
งานเลี้ยงต้อนรับจัดขึ้นในจวนโหวตระกูลเสิ่น มีผู้คนมาร่วมยินดีกับบุตรชายของเสิ่นเหยากวงที่มีหน้ามีตากลับมา อาหลี่ไม่ได้มาร่วมงานด้วย เขาอยู่ช่วยคนในเรือนจัดของยกของอยู่ด้านหลังจวน ส่วนเสิ่นเสวี่ยนางก็ออกมารอผู้เป็นพี่ชายพร้อมกับมารดาของตน
"ท่านแม่ น้องเสวี่ยเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว"
เสิ่นเฟยรีบวิ่งเข้ามาหาท่านแม่และน้องสาวของเขา ฮูหยินใหญ่ที่ใบหน้าซีดเซียว ยามนี้มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง
"เสวี่ยเอ๋อร์ ท่านแม่ส่งจดหมายไปเล่าเรื่องของเจ้าให้พี่ฟังแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องเจ้าเอง"
"เจ้าค่ะ"
เสิ่นเสวี่ยยิ้มให้พี่ชายของตนเอง เสิ่นเฟยเป็นบุรุษผิวคล้ำ คงเพราะเขาใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามรบมานาน แต่ยังคงรูปงามหล่อเหลาใช้ได้ ส่วนเสิ่นเยี่ยเป็นคนผิวขาว คิ้วเรียวโก่ง ดูเจ้าเล่ห์คล้ายกับท่านแม่ของเขาไม่มีผิด
สายตาทุกคู่ที่มองมา จับจ้องมาที่เสิ่นเสวี่ยด้วยความสงสาร ได้ยินมาว่านางล้มป่วยจึงถูกถอนหมั้น เสิ่นเหยากวงเองก็ไม่ยอมให้ข่าวที่เสิ่นเสวี่ยร่วมหลับนอนกับบ่าวในจวนแพร่สะพัดออกไปเป็นอันขาด
เสิ่นเสวี่ยไม่ชอบถูกผู้คนจับจ้องมากเท่าใดนัก นางจึงเดินไปที่หลังเรือน เพื่อตามหาอาหลี่
"บ่าวชั้นต่ำ!!! ได้ยินว่าเจ้านอนกกนังเสิ่นเสวี่ยหรือ? ชั่วช้าทั้งคู่"
เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น นางแอบอยู่ที่มุมอับ แล้วจึงมองไปที่หลังเรือน นางเห็นอาหลี่นั่งคุกเข่าอยู่ ใบหน้าของเขาบวมช้ำมีเลือดออกที่มุมปาก สองมือของเขากำเอาไว้จนแน่น เขากำลังถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งด่าทอทุบตีเขา
"คุณชายรองโปรดด่าบ่าวเถิดขอรับ อย่าเอ่ยถึงคุณหนูใหญ่ให้นางเสื่อมเสียเลยขอรับ"
"ปกป้องกันหรือ? ข้าจะด่า เจ้าจะทำไมฮะ? !!!"
เสิ่นเยี่ยยกเท้าขึ้นเตรียมจะถีบอาหลี่ แต่ทว่า
ผัวะ!!!
"โอ๊ะ!!! ใครตบหัวข้า"
"ข้าเอง!!! มีปัญหาอะไรไหม?"
เสิ่นเสวี่ยพุ่งเข้าไปตบกลางศีรษะของเสิ่นเยี่ยจนเขาล้มหน้าทิ่มลงไปกับพื้น เสิ่นเยี่ยรีบหันมามองเสิ่นเสวี่ยทันที ด้านอาหลี่เขารีบยืนขึ้นมา และดันร่างเสิ่นเสวี่ยไปไว้ด้านหลัง
"ไอ้บ่าวเลว!!! นังเสิ่นเสวี่ยต่ำช้า"
พลั่ก!!!
อาหลี่ทนไม่ไหวแล้ว เขาชกไปที่หน้าของเสิ่นเยี่ยคราหนึ่ง เสิ่นเสวี่ยไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปหาเสิ่นเยี่ย ก่อนจะใช้เท้าเตะเสยปลายคางของเขา จนฟันหน้าหลุดกระเด็นออกมาถึงสองซี่
"โอ๊ะ!!! ฮือออ ข้าจะฟ้องท่านพ่อ!!!"
"ไปฟ้องเลย!!!"
เรือนใหญ่
เสิ่นเหยากวงรับรู้ถึงเรื่องที่เสิ่นเสวี่ยและอาหลี่ทุบตีเสิ่นเยี่ยแล้ว เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย งานเลี้ยงต้องหยุดลงอย่างกะทันหันเพราะเหตุทะเลาะวิวาทภายในจวน ช่างน่าอับอายยิ่งนัก
"ท่านพ่อ บ่าวชั่วมันตีข้าขอรับ!!!"
เสิ่นเยี่ยคุกเข่าอ้อนวอนเสิ่นเหยากวงตาปริบๆ เสิ่นเสวี่ยหันไปมองเสิ่นเยี่ยด้วยสายตาดูแคลน
"อาหลี่!!! เจ้ากล้าทุบตีลูกข้า"
"ท่านโหวขอรับ คุณชายรองด่าบ่าวบ่าวยอมได้ แต่คุณชายรองด่าทอคุณหนูใหญ่บ่าวยอมไม่ได้ขอรับ"
"ไม่จริงนะขอรับท่านพ่อ!!!"
"จริงเจ้าค่ะ เสิ่นเยี่ยด่าข้าว่าชั่วช้า เอาบ่าวมาทำสามี เขาด่าเช่นนี้ต่อหน้าเหล่าสาวใช้เจ้าค่ะ ข้าไม่อยากจะคิดเลย ว่าถ้าคนนอกมาได้ยิน จะมองท่านพ่อเช่นไร"
เสิ่นเหยากวงหันไปมองเสิ่นเยี่ยด้วยสายตาตำหนิ ฮูหยินรองอวิ๋นที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดแก้ต่างแทนบุตรชาย
"ท่านพี่ เยี่ยเอ๋อร์ยังเด็กนะเจ้าคะ"
"ไม่เด็กละมั้ง โตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงละ"
"เสิ่นเสวี่ย!!!"
"ท่านพ่อตะคอกจนคอแหบแล้ว มาเจ้าค่ะ ลูกจะรินชาร้อนให้"
เสิ่นเหยากวงหันไปมองเสิ่นเสวี่ยที่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ราวกับกำลังจะบอกกับเขาว่า
หุบปากเสียท่านพ่อ!!!
ให้ตายเถอะนี่มันวิญญาณท่านแม่แน่ๆ!!!
"เอาเถิด อย่างไรเสียอาหลี่ก็ทำผิด จับไปโบยยี่สิบที"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ!!!"
เสิ่นเสวี่ยกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะจนเสิ่นเหยากวงสะดุ้งโหยง
"เสิ่นเสวี่ย!!! เจ้าช่างไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เอาเสียเลย เจ้ากล้ากระแทกถ้วยชาใส่ท่านพ่อของเจ้า ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก!!!"
ฮูหยินรองอวิ๋นหันไปตำหนิเสิ่นเสวี่ยทันที พร้อมกับปรายตามองฮูหยินใหญ่ด้วยสายตาไม่พอใจ
"เจ้าสิหุบปาก!!! เป็นแค่ภรรยารองกล้ามาสั่งสอนข้า!!! ไปสั่งสอนลูกเจ้าเสีย หากเรื่องของข้ากับอาหลี่แพร่สะพัดออกไป เจ้าต้องรับผิดชอบ!!!"
"เสิ่นเสวี่ย!!! นางเป็นแม่เล็กของเจ้านะ"
"ท่านพ่อกำลังจะให้ลูกเคารพภรรยารองของท่านหรือเจ้าคะ หืม? ลูกเป็นบุตรสาวภรรยาเอกนะเจ้าคะ นางต่างหากที่ต้องเคารพยำเกรงลูก!!!"
เสิ่นเสวี่ยหันไปส่งยิ้มเย็นชาให้ผู้เป็นบิดาทันที เสิ่นเหยากวงหลบสายตาของบุตรสาวด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
"เอ่อ...เอาเถิด โบยทั้งคู่ เด็กๆ ลากอาหลี่กับเสิ่นเยี่ยไปโบยคนละยี่สิบไม้!!!"
"ไม้เดียวเจ้าค่ะ!!!"
"ยี่สิบไม้!!!"
"ไม้เดียว!!!"
"ยี่สิบไม้!!!"
"ไม้เดียว!!!"
"ไม่โบยละโว้ยยย ไสหัวไปให้หมด!!!"
เสิ่นเหยากวงยกมือขึ้นกุมศีรษะ ก่อนจะเดินหนีออกไปนอกเรือนอย่างหัวเสีย ฮูหยินรองอวิ๋นทำได้เพียงลากเสิ่นเยี่ยกับเสิ่นหนิงกลับเรือนของตนไป
เสิ่นเฟยรู้สึกขบขันไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมาท่านพ่อก็ตามใจน้องสาวของเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งพอเสิ่นเสวี่ยงัดไม้แข็งออกมาเช่นนี้จึงทำให้ท่านพ่อไม่กล้าตอบโต้ไปอีก
จะว่าไปเสิ่นเสวี่ยก็นิสัยละม้ายคล้ายกับท่านย่าของเขาถึงเจ็ดแปดส่วน
แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนที่นางอ่อนแอจนน่าเป็นห่วง โดนสองพี่น้องนั่นรังแกไม่เว้นแต่ละวัน
"เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่าก้าวร้าวต่อท่านพ่อของเจ้านักเลย"
ฮูหยินใหญ่หันมาเอ่ยเตือนบุตรสาวด้วยความห่วงใย แต่ทว่าเสิ่นเสวี่ยกลับยักไหล่ทั้งสองข้างอย่างไม่ใส่ใจ
"ข้าไม่ได้พูดสิ่งใดผิดนี่เจ้าคะ หากท่านพ่อถือสาก็คงจะด่าว่าข้าไปแล้ว ท่านแม่ก็เห็น"
ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างระอาใจ นับวันเสิ่นเสวี่ยก็ยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อยๆ
"ท่านแม่ไปพักเถิดขอรับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าก็ช่วยทำแผลให้อาหลี่ด้วยเล่า"
"เจ้าค่ะ"
เสิ่นเฟยพาท่านแม่เดินออกไปแล้ว เสิ่นเสวี่ยจึงเดินเข้าไปจับมืออาหลี่เอาไว้ เขามองนางด้วยสายตาที่สั่นไหวเล็กน้อย
"ไปกันเถิด"
"อืม"
เมื่อกลับถึงเรือน เสิ่นเสวี่ยก็จัดการช่วยทำแผลบนใบหน้าให้เขา สายตาของนางเหลือบไปเห็นร่องรอยบาดแผลบนร่างกายของอาหลี่ รู้สึกอยากจะด่าทอเสิ่นเสวี่ยคนเก่าเสียจริง
อาหลี่รีบสวมเสื้อผ้าเพื่อปิดบังร่องรอยบาดแผลบนร่างกายของเขา ด้วยไม่อยากให้นางต้องมารู้สึกผิด เขาไม่อยากให้นางไม่สบายใจเพราะเขา
"เจ้าหิวหรือไม่ ข้าจะไปทำอะไรมาให้เจ้ากิน"
"ไม่ละ ท่านพี่อาหลี่พักเถอะ เมื่อครู่พี่ใหญ่แบ่งอาหารมาให้แล้ว เรามากินกันเถิด"
อาหลี่พยักหน้าเล็กน้อย เขามองดูอาหารตรงหน้า ที่มีทั้งหมู ไก่ และอาหารดีๆ อีกมากมาย มือที่คีบตะเกียบชะงักไปเล็กน้อย
คล้ายกับว่าเขาเคยกินอาหารเหล่านี้เมื่อนานมาแล้ว
แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเคยกินมันจากที่ใด
เสิ่นเสวี่ยเห็นอาหลี่ชะงักไป จึงคีบหมูสามชั้นยื่นไปที่ริมฝีปากของเขา
"กินสิ ข้าไม่เคยเห็นท่านได้กินเนื้อเลยตั้งแต่ข้ามาอยู่กับท่าน"
"เจ้ากินเถอะ คุณชายใหญ่อุตส่าห์นำมาให้เจ้า ข้าไม่หิว"
เสิ่นเสวี่ยโมโหแล้ว นางไม่ชอบให้เขาวางตัวเหมือนเป็นคนรับใช้ต่อนางเช่นนี้ เสิ่นเสวี่ยกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างสุดแรง จนอาหลี่ลนลานขึ้นมา
"เสิ่นเสวี่ย เจ้าโกรธข้าหรือ?"
"หึ!!! ไม่ต้องมาพูด ข้าให้กินอะไรท่านก็ไม่ยอมกิน!!!"
"ข้ากินแล้ว ข้ากินแล้ว!!!"
อาหลี่รีบคีบหมูสามชั้นเข้าไปในปากคำโต เสิ่นเสวี่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยีอย่างอารมณ์ดี นางหยิบแตงกวาขึ้นมาเพื่อจะกัดกิน แต่ทว่าอาหลี่ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง รีบยื่นมือไปแย่งแตงกวาออกมาจากมือของนางแล้วจึงโยนทิ้งไปที่นอกหน้าต่างทันที เสิ่นเสวี่ยที่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นจ้องมองเขาด้วยความไม่ชอบใจ
"เจ้าห้ามแตะต้องแตงกวาอีกมันจะติดคอเอาได้!!! อดทนหน่อยเถิด เจ้าเพิ่งกินของข้าไปเมื่อคืน คืนพรุ่งนี้ค่อยกินใหม่ คืนนี้ข้าเหนื่อยแล้ว"
เสิ่นเสวี่ยแทบจะพ่นหมูสามชั้นออกมาจากปาก นี่เขาเข้าใจว่าที่นางถือแตงกวาในมือเพราะต้องการ เอ่อ...
กินลำแท่งเอ็นร้อนของเขาอย่างนั้นหรือ?
น่ารักที่สุด คืนพรุ่งนี้ข้าจะกินให้มิดลำเลย!!!
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา