เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ

เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ

Oleh:  กากบาทเย่Baru saja diperbarui
Bahasa: Thai
goodnovel4goodnovel
Belum ada penilaian
30Bab
1Dibaca
Baca
Tambahkan

Share:  

Lapor
Ringkasan
Katalog
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi

ในชาติภพก่อน เซวียหว่านอี้ถูกอนุสลับเปลี่ยนตัวตน นางต้องกลายเป็นเพียงบุตรีอนุที่ผู้คนในจวนต่างเพิกเฉย ขณะที่บุตรสาวของอนุได้กลายเป็นคุณหนูใหญ่ผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งจวนรองเสนาบดี เติบโตขึ้นท่ามกลางความรักใคร่ทะนุถนอม เป็นสตรีที่เฉิดฉายสง่างาม เป็นที่รักใคร่ของผู้คน ทั้งยังได้สมรสกับเจิ้นกั๋วกง ได้เป็นถึงฮูหยินกั๋วกงขั้นหนึ่ง เพียบพร้อมด้วยเกียรติยศและวาสนาอันมิอาจประมาณได้! ส่วนตัวนางกลับต้องแต่งงานแทนพี่สาวสายตรงที่หนีการแต่งงาน ไปเป็นภรรยาของฉู่ยวน ทายาทตระกูลฉู่ที่กำลังตกอับ หลายปีต่อมา เนื่องจากพี่สาวสายตรงทนความเหินห่างเย็นชามิได้ จึงลอบคบชู้กับองครักษ์ในจวน และถูกเจิ้นกั๋วกงจับได้จนถูกตัดสินโทษประหารชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ส่วนนางก็ได้อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ฉู่ยวน จากบัณฑิตยากไร้จนเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมหาอำมาตย์แห่งยุค ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่า ในค่ำคืนที่นางเพิ่งได้รับพระราชทานยศเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง นางกลับถูกสามีที่ร่วมเตียงเคียงหมอนกันมากว่าสิบปีลอบกักขัง ตัดแขนตัดขาทิ้ง จับยัดใส่ในไห ทำเป็นมนุษย์หมู เพียงเพราะเขายังคงเกลียดชังที่เซวียหว่านอี้เข้ามาแทรกกลางทำลายวาสนาระหว่างเขากับพี่สาวสายตรง จนเป็นเหตุให้นางต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ท่ามกลางความเคียดแค้นชิงชังอันไร้ที่สิ้นสุด เซวียหว่านอี้สิ้นใจตายอย่างทุกข์ทรมานยิ่ง และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางก็ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในวันที่ราชสำนักมีราชโองการประทานสมรสลงมาพอดี แต่ในครานี้ พี่สาวกลับเป็นฝ่ายเลือกฉู่ยวน เซวียหว่านอี้รู้ได้ทันทีว่า พี่สาวสายตรงก็ย้อนกลับมาเกิดใหม่เช่นกัน

Lihat lebih banyak

Bab 1

บทที่ 1

“ข้าไม่แต่ง ให้นางไปแทนเถิด”

เสียงใสกังวาน ปลุกเซวียหว่านอี้ให้ตื่นจากภวังค์

สองวันที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ สติสัมปชัญญะของนางยังคงเลื่อนลอย จมดิ่งอยู่ในฝันร้ายของชาติก่อน และดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา

“นั่นคือจวนเจิ้นกั๋วกงเชียวนะ เจ้าไม่แต่งกับแม่ทัพเย่ หรือเจ้าจะยังคิดรักษาสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลฉู่จริง ๆ?”

ฮูหยินเซวียเจียงซื่อได้ยินดังนั้น ก็มองบุตรสาวอย่างไม่เห็นด้วย

ขันทีผู้ส่งราชโองการเพิ่งจากไป ในราชโองการระบุว่าพระราชทานสมรสให้แก่สตรีตระกูลเซวียเพื่อเป็นฮูหยินเจิ้นกั๋วกง

เจิ้นกั๋วกง เป็นบรรดาศักดิ์ขั้นหนึ่ง

ด้วยฐานะจวนรองเสนาบดีขั้นสามของตระกูลเซวีย เดิมทีมิได้มีคุณสมบัติเลย

ทว่ายามนี้ไม่เหมือนวันวาน

เจิ้นกั๋วกงเย่จั๋ว เมื่อปีก่อนได้นำทัพต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับหนานหยวน แม้จะขับไล่หนานหยวนได้สำเร็จ แต่ก็ถูกลอบทำร้ายจนถูกพิษประหลาด

ภายหลังแม้หมอเทวดาจะทุ่มเทรักษาอย่างเต็มที่ ทำได้เพียงขับพิษให้ไปรวมกันอยู่ที่ช่วงเอวลงไป จึงรักษาร่างเอาไว้ได้

ทว่าก็กลายเป็นคนพิการ ทั้งยังไม่สามารถมีทายาทได้

แม่ทัพหนุ่มผู้ขี่ม้าขาวถือหอกเงินซึ่งเคยเป็นที่หมายปองของเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ บัดนี้กลับกลายเป็นบุรุษไร้ค่าที่ผู้คนรังเกียจ

ฮ่องเต้ทรงรู้สึกผิดต่อตระกูลเย่ จึงประสงค์จะเลือกสตรีผู้หนึ่งมาอยู่เป็นเพื่อนเขา

เหล่าตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลายต่างแอบเคลื่อนไหวเพื่อการนี้อยู่ไม่น้อย

ตระกูลเซวียไม่เคยคาดคิดว่าการสมรสครั้งนี้จะตกมาถึงพวกเขา

เซวียหมิงเฟยเลิกคิ้วมองฮูหยินเจียงตรงหน้า “ท่านแม่ สัญญาหมั้นหมายของข้ากับตระกูลฉู่เป็นท่านพ่อที่กำหนดไว้ ย่อมต้องรักษาสัญญา มิเช่นนั้นจะไม่ทำให้ท่านพ่อตกอยู่ในสถานะผู้ไร้สัจจะหรอกหรือเจ้าคะ?”

รองเสนาบดีเซวียซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งหลักมองบุตรสาวอย่างยินดี แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม

เซวียหมิงเฟยกล่าวต่อ: “แม้ตระกูลฉู่จะตกอับ แต่ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นตระกูลบัณฑิตที่สูงส่ง แม้จะตกต่ำถึงเพียงนี้ แต่รากฐานที่สั่งสมมาก็มิใช่ตระกูลธรรมดาทั่วไปจะเทียบได้”

“ข้าเป็นบุตรสาวที่ท่านพ่อและท่านแม่ทุ่มเทอบรมเลี้ยงดูมา ข้าเชื่อมั่นว่าตนเองมิได้ด้อยไปกว่าเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์จากจวนอ๋องจวนโหว ด้วยความสามารถของข้า ประกอบกับการสนับสนุนของท่านพ่อท่านแม่ อีกทั้งคุณธรรมของคุณชายฉู่ การจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง จะมีสิ่งใดยากกัน”

นางกล่าวถ้อยคำเหล่านั้นด้วยความแน่วแน่ เปี่ยมด้วยความมั่นใจ

ทว่าเซวียหว่านอี้ที่อยู่ด้านข้างกลับพอจะคาดเดาได้ว่า บางที พี่สาวสายตรงผู้นี้ อาจจะกลับมาเกิดใหม่เหมือนกัน

ชาติก่อน พี่สาวสายตรงผู้นี้ดูแคลนฉู่ยวน บุตรชายตระกูลฉู่ที่ตกอับ เมื่อเห็นราชโองการพระราชทานสมรส ก็ต้องการถอนหมั้น หมายจะเป็นฮูหยินกั๋วกงผู้สูงศักดิ์

เซวียหว่านอี้จึงกลายเป็นผู้ที่ต้อง “เก็บตก” สัญญาหมั้นของพี่สาวสายตรง

นางเป็นเพียงบุตรีอนุ ที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวน การได้ออกไปจากตระกูลเซวียย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

หลังจากแต่งเข้าตระกูลฉู่ นางก็อุทิศตนดูแลแม่สามีที่ป่วยไข้ ปรนนิบัติสามีทั้งเรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งต้องขบคิดว่าจะหาเงินเข้าบ้านอย่างไร จิตใจของนางถูกบั่นทอนและอ่อนล้าลงทุกวัน

หลังฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ เซวียหมิงเฟยก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันในจวนเจิ้นกั๋วกง

นางไม่มีวันลืม คืนที่สามีของนางเมามายตลอดคืน พร่ำเพ้อเรียกชื่อของเซวียหมิงเฟยไม่หยุด

ฉู่ยวนเลือกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ จึงได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของขุนนางฝ่ายบุ๋น กลายเป็นอัครมหาเสนาบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นางเองก็ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งในวัยยี่สิบห้าปี

เซวียหว่านอี้ที่คิดว่าความทุกข์จะสิ้นสุดลงแล้ว กลับต้องดิ่งลงสู่นรกในคืนที่ได้รับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่ง

ฉู่ยวนโยนความผิดในการตายของเซวียหมิงเฟยมาที่นางทั้งหมด

เขาแค้นที่นางวางแผนใส่พวกเขาแค้นที่นางช่วงชิงการหมั้นหมายระหว่างเขากับเซวียหมิงเฟยไป

หลายปีต่อมา นางต้องนอนในคอกม้า กินข้าวบูด ราวกับสุนัขตัวหนึ่ง แม้แต่บ่าวรับใช้คนใดก็สามารถทุบตีด่าทอและหยามเกียรตินางได้

แม่สามีที่นางเคยปรนนิบัติอย่างสุดความสามารถ ไม่เคยเอ่ยปากพูดแทนนางแม้แต่คำเดียว

แม้แต่บุตรชายแท้ ๆ ก็ยังรังเกียจนางอย่างที่สุด

นางยังถูกตัวแทนที่ฉู่ยวนฝึกฝนมาอย่างดีตัดแขนขา ยัดใส่ในไห กลายเป็นมนุษย์หมู

ท้ายที่สุด เซวียหว่านอี้ก็สิ้นใจในคืนฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว

แต่ไม่คิดเลยว่า นางจะได้รับโอกาสให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

นางหวงแหนชีวิตนี้หรือไม่?

เซวียหว่านอี้ครุ่นคิดอย่างเหม่อลอย

ครึ่งต่อครึ่งกระมัง

หากต้องแต่งให้ฉู่หยวนอีกครั้ง นางก็ไม่ต้องการชีวิตนี้แล้ว

นางจะลากแม่ลูกอกตัญญูใจคออำมหิตคู่นั้น ลงนรกไปด้วยกัน!

“พูดได้ดี สมกับเป็นบุตรีตระกูลเซวียของข้า”

รองเสนาบดีเซวียกล่าวชมเชยบุตรสาวอย่างมาก

พลางเหลือบมองบุตรีอนุที่นั่งนิ่งงันอยู่ด้านข้าง แววตาฉายแววไม่พอใจ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้นางแต่งเข้าจวนกั๋วกงไปเถิด”

ฮูหยินเจียงมองเซวียหว่านอี้ด้วยสายตาเย็นชา ในใจย่อมไม่เต็มใจ

แม้ว่าแม่ทัพเย่ผู้นั้นจะมิอาจมีทายาทได้ ทั้งยังเป็นคนพิการขาทั้งสองข้าง ต้องอาศัยเก้าอี้เข็นในการเคลื่อนไหว แต่เขาก็คือเจิ้นกั๋วกง

เมื่อคิดว่าบุตรสาวที่นางอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีต้องแต่งให้ผู้ตกอับ ในขณะที่บุตรสาวอนุผู้นี้กลับได้เป็นฮูหยินกั๋วกงที่อยู่เหนือกว่าบุตรสาวของตน นางจะยอมได้อย่างไร

“ท่านพี่...”

รองเสนาบดีเซวียย่อมรู้ว่าฮูหยินคิดสิ่งใด

จึงย้อนถาม: “ราชโองการมาถึงแล้ว ฮูหยินยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”

เจียงซื่อถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ

ตระกูลเซวียมีบุตรีเพียงสองคน

หากมิให้เซวียหว่านอี้แต่งไป ก็คือการขัดราชโองการ ทั้งตระกูลเซวียจะต้องพินาศตามไปด้วย

แม้ในใจจะไม่ยินยอมเพียงใด แต่เมื่อเซวียหมิงเฟยเลือกฉู่ยวนแล้ว การสมรสครั้งนี้ จึงทำได้เพียงตกเป็นของเซวียหว่านอี้เท่านั้น

……

พอก้าวเข้าสู่ห้อง ก็เห็นสตรีนางหนึ่งผิวพรรณผุดผ่อง ใบหน้าสะสวยนั่งอยู่ในห้องโถง

ทันทีที่เห็นนาง ความเกลียดชังก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจของเซวียหว่านอี้

อนุชิว อนุภรรยาเพียงคนเดียวของรองเสนาบดีเซวีย

และยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดในนามของนาง

เพียงเพราะหลายปีก่อน อนุชิวแอบสลับตัวนางกับเซวียหมิงเฟย ทำให้เซวียหว่านอี้ซึ่งควรจะเป็นบุตรีสายตรงแห่งจวนรองเสนาบดี กลับกลายเป็นบุตรีอนุที่ทุกคนมองข้าม

ชาติก่อน จวบจนกระทั่งสิ้นใจ นางถึงได้รู้เรื่องนี้จากปากของตัวแทนของนาง

เซวียหว่านอี้ตายและเกิดใหม่พร้อมกับความแค้นที่ท่วมท้น

ในเมื่อได้โอกาสเกิดใหม่ทั้งที ย่อมต้องมีแค้นชำระแค้น มีหนี้ต้องทวงคืน

คนที่เคยข่มเหงรังแกนางในชาติก่อน อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด

มีเพียงเลือดและชีวิตของศัตรูเท่านั้น จึงจะดับไฟแค้นทั้งหมดของนางได้

“อนุมาได้อย่างไรเจ้าคะ”

นางเดินไปนั่งตรงข้ามอนุชิว เฝ่ยชุ่ย สาวใช้คนสนิทรินชาอุ่นให้นาง แล้วยืนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบ ๆ

แววตาเย้ายวนของอนุชิวที่เหลือบมองเฝ่ยชุ่ย เต็มไปด้วยความดูแคลนและรังเกียจ

“คิดว่าได้แต่งเข้าจวนกั๋วกงแล้ว ก็มีสิทธิ์มาทำเมินเฉยต่อข้าหรือ?”

ตอนนั้น นางสามารถสลับบุตรสาวทั้งสองคนได้อย่างเงียบเชียบ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อย

คงไม่คิดว่าแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว จะหลุดพ้นจากการควบคุมของนางหรอกกระมัง?

เซวียหว่านอี้มิใช่บุตรีอนุที่หวาดกลัวนางเหมือนในชาติก่อนอีกแล้ว

แม้นางจะตายอย่างน่าอนาถ แต่อย่างไรเสียนางก็ได้ติดตามฉู่ยวนในฐานะฮูหยินเจ้ากรมอยู่หลายปี

นางเคยเข้าออกวังหลวง และคบหากับเหล่าฮูหยินตระกูลสูงศักดิ์มากมาย

เพียงแค่อนุภรรยาคนหนึ่ง บัดนี้มิอาจทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวได้

“เจิ้นกั๋วกงพิการขาทั้งสองข้าง ถูกกำหนดแล้วว่ามิอาจมีทายาทได้”

นางกล่าวอย่างสงบ รู้สึกว่าความยินดีในแววตาของอนุชิวนั้นช่างน่าขันสิ้นดี

ราวกับว่ายิ่งนางตกอับมากเท่าใด อนุชิวก็จะยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น

เซวียหว่านอี้กล่าวต่อ: “ตระกูลเช่นนี้ ต่อให้ยศศักดิ์สูงเพียงใด แต่งเข้าไปก็ไม่ต่างจากเป็นม่ายทั้งเป็น สู้ตายไปเสียยังจะดีกว่า”

อนุชิว: “...”

อยากตายงั้นรึ?

ยังมีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ?

อนุชิวระงับความตื่นเต้นยินดีในใจไว้ แล้วหัวเราะเยาะกล่าวว่า “อยากตายใครจะห้ามเจ้าเล่า ข้างนอกมีบ่อมีสระ เจ้าก็ไปหาที่ตายเอาเองเถิด”

พูดจบ นางก็สะบัดผ้าเช็ดหน้าที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง บิดเอวเล็กเหมือนกิ่งหลิวเดินจากไป

หลังจากนางจากไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เสียงกรีดร้องก็ดังไปทั่วทั้งจวน

“คุณหนูรองตกน้ำ รีบมาช่วยเร็วเข้า...”
Tampilkan Lebih Banyak
Bab Selanjutnya
Unduh

Bab terbaru

Bab Lainnya

Komen

Tidak ada komentar
30 Bab
บทที่ 1
“ข้าไม่แต่ง ให้นางไปแทนเถิด”เสียงใสกังวาน ปลุกเซวียหว่านอี้ให้ตื่นจากภวังค์สองวันที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ สติสัมปชัญญะของนางยังคงเลื่อนลอย จมดิ่งอยู่ในฝันร้ายของชาติก่อน และดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา“นั่นคือจวนเจิ้นกั๋วกงเชียวนะ เจ้าไม่แต่งกับแม่ทัพเย่ หรือเจ้าจะยังคิดรักษาสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลฉู่จริง ๆ?” ฮูหยินเซวียเจียงซื่อได้ยินดังนั้น ก็มองบุตรสาวอย่างไม่เห็นด้วยขันทีผู้ส่งราชโองการเพิ่งจากไป ในราชโองการระบุว่าพระราชทานสมรสให้แก่สตรีตระกูลเซวียเพื่อเป็นฮูหยินเจิ้นกั๋วกงเจิ้นกั๋วกง เป็นบรรดาศักดิ์ขั้นหนึ่งด้วยฐานะจวนรองเสนาบดีขั้นสามของตระกูลเซวีย เดิมทีมิได้มีคุณสมบัติเลยทว่ายามนี้ไม่เหมือนวันวานเจิ้นกั๋วกงเย่จั๋ว เมื่อปีก่อนได้นำทัพต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับหนานหยวน แม้จะขับไล่หนานหยวนได้สำเร็จ แต่ก็ถูกลอบทำร้ายจนถูกพิษประหลาดภายหลังแม้หมอเทวดาจะทุ่มเทรักษาอย่างเต็มที่ ทำได้เพียงขับพิษให้ไปรวมกันอยู่ที่ช่วงเอวลงไป จึงรักษาร่างเอาไว้ได้ทว่าก็กลายเป็นคนพิการ ทั้งยังไม่สามารถมีทายาทได้แม่ทัพหนุ่มผู้ขี่ม้าขาวถือหอกเงินซึ่งเคยเป็นที่หมายปองของเหล่าคุณหนูสู
Baca selengkapnya
บทที่ 2
การตกน้ำย่อมเป็นเรื่องลวง ทว่าการสั่งสอนอนุชิวต่างหากที่เป็นเรื่องจริงยามที่เซวียฉงและคนอื่น ๆ รีบรุดมาถึง ก็ได้เห็นเซวียหว่านอี้ที่ใบหน้าซีดเผือดนอนหลับตาแน่นโทสะพลันปะทุขึ้นกลางอก“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”สายตาอันเย็นยะเยือกกวาดมองบ่าวไพร่สองสามคนที่อยู่ในห้องแม้ตำแหน่งรองเสนาบดีจะเป็นเพียงขุนนางขั้นสาม ทว่าในจวนสกุลเซวียแห่งนี้ เซวียฉงคือแผ่นฟ้าที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะนอกจากฮูหยินเจียงแล้ว คนรอบข้างต่างพากันหวาดกลัวจนตัวสั่น รีบคุกเข่าลงกับพื้นเฝ่ยชุ่ยดวงตาแดงช้ำ ร้องไห้ไปพลางกล่าวไปพลาง “นายท่าน คุณหนู คุณหนูเจ้าขา…”นางสะอึกสะอื้น คล้ายมีความกริ่งเกรงบางอย่าง อึกอักมิกล้าเอ่ยถึงต้นเหตุอนุชิวที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีเช่นนั้น ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปแล้วนางคาดไม่ถึงว่าเซวียหว่านอี้จะกล้าไปหาที่ตายจริง ๆ จึงรีบใช้หางตาถลึงมองเฝ่ยชุ่ยอย่างดุร้ายหากนางกล้าพูดจาเหลวไหล ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีแน่ทว่ายามนี้ไม่เหมือนกาลก่อนเซวียหว่านอี้จะต้องแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงตามราชโองการ หากเวลานี้คิดสั้นฆ่าตัวตาย ถ้าเรื่องแพร่งพรายออกไป ย่อมต้องถูกฝ่าบาทลงโทษในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ข
Baca selengkapnya
บทที่ 3
เจียงซื่อถอนหายใจแผ่วเบานางเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บุตรสาวฟังอย่างคร่าว ๆเซวียหมิงเฟยมีรอยยิ้มประดับใบหน้า “ท่านแม่ อย่างไรเสียอนุชิวก็หวังดีต่อลูกนะเจ้าคะ น้องหญิงเองก็ปลอดภัยดีแล้ว โทษทัณฑ์ทั้งหักเบี้ยหวัดและกักบริเวณนี้ ดูจะหนักหนาเกินไปสักหน่อย”ผู้พูดมิได้ใส่ใจแต่ฮูหยินเจียงกลับรู้สึกแสลงหูอย่างน่าประหลาดเพื่อหวังดีต่อบุตรสาวของนาง ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นแต่อนุชิวต้องการสิ่งใดกัน?แม้เจิ้นกั๋วกงในยามนี้จะเป็นคนพิการ แต่บรรดาศักดิ์นั้นคือของจริงหากเซวียหว่านอี้ได้เป็นฮูหยินเจิ้นกั๋วกง แม้แต่นางที่เป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลเซวีย ก็ยังต้องคารวะอดีตบุตรสาวอนุผู้นี้ถึงยามนั้น สถานะของอนุชิวย่อมสูงขึ้นตามไปด้วยเรื่องที่มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียต่ออนุชิวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องบีบบังคับบุตรสาวแให้ถึงแก่ความตายด้วย?ต่อให้นางพยายามเอาอกเอาใจเพียงใด หากสิ้นบุตรสาวในไส้ไปแล้ว ชั่วชีวิตที่เหลือของอนุชิวก็ไร้ที่พึ่งพิงไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย“อนุชิวดีต่อเจ้ามากหรือ?”ฮูหยินเจียงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเซวียหมิงเฟยซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับผ้าทออันหรูหรา พยักหน้ารับโดยมิได้สังเกตสิ่งใ
Baca selengkapnya
บทที่ 4
พอได้ยินเสียงของเซวียหว่านอี้ เจินจูก็รีบเลิกม่านพุ่งตัวเข้าไปภาพแรกที่ประจักษ์แก่สายตาคืออนุชิวกำลังบีบคอคุณหนูของนางด้วยสีหน้าถมึงทึง เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากปูดโปน เห็นได้ชัดว่าลงแรงไปมิใช่น้อยเจินจูหมายจะรุดเข้าไปช่วยคุณหนูของตน ทว่ากลับถูกแม่เฒ่าข้างกายอนุชิวขัดขวางไว้นางมิได้ลังเลแม้แต่น้อย รีบหันกายวิ่งตะบึงออกไปด้านนอกแม่เฒ่าผู้นั้นเห็นท่าไม่ดี จึงรีบถลันไปที่ประตู ร้องตะโกนบอกคนด้านนอกเสียงดังลั่น “ขวางนางไว้!”กว่าบ่าวไพร่ในเรือนจะทันตั้งตัว เจินจูก็วิ่งพ้นเขตเรือนชิงเหอไปเสียแล้วแม่เฒ่าเห็นดังนั้นจึงรีบรุดกลับเข้ามาดึงตัวอนุชิวออกไปเมื่อเห็นเซวียหว่านอี้ที่ทรุดฮวบลงกองกับพื้น ร่างกายอ่อนปวกเปียก อนุชิวจึงได้สติ ตระหนักได้ทันทีว่าภัยพิบัติกำลังมาเยือนเหตุใดนางจึงอดกลั้นโทสะไม่อยู่กันนะอีกทั้ง นังชั้นต่ำนี่ล่วงรู้ความจริงแล้วหรือเปล่า?นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้ มิได้เด็ดขาดเมื่อคิดได้ดังนั้น อนุชิวก็รีบสะบัดตัวจากการเกาะกุมของแม่เฒ่า พุ่งเข้าไปหมายจะปลิดชีพเซวียหว่านอี้เซวียหว่านอี้ย่อมจงใจให้นางทำเช่นนี้นางกำลังเดิมพันใช้ชีวิตของตนเอง เดิมพันกับชีว
Baca selengkapnya
บทที่ 5
อนุชิวจะตายมิได้ อย่างน้อยในเวลานี้ก็ยังตายมิได้หากนางตายไป เรื่องที่นางกับเซวียหมิงเฟยถูกสลับตัวกัน มิกลายเป็นไร้หลักฐานยืนยันหรอกหรือ?ความดุดันในแววตาของเซวียฉงลดทอนลงเขาปรายตามองอนุชิวที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น แล้วกล่าวว่า “ต่อให้เด็กทั้งสองจะขอความเมตตาแทนเจ้า แต่ความผิดที่ก่อขึ้นยากจะหลีกพ้นโทษทัณฑ์ เปลี่ยนเป็นโบยสิบไม้”กล่าวจบ ก็แค่นเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปสิบไม้อนุชิวถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างน้อยก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้ นางรอดตายแล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเซวียหมิงเฟย แววตานั้นเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ทว่ายามหางตาเหลือบไปเห็นเซวียหว่านอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง แววตานั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งร้ายในชั่วพริบตาเซวียหมิงเฟยถูกสายตาเยี่ยงนั้นจ้องมองจนรู้สึกอึดอัด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย“ท่านพี่ ที่นี่มีพ่อบ้านเซวียคอยดูอยู่ พวกเรากลับกันเถอกเจ้าค่ะ”วันนี้ฮูหยินเจียงเข้าวัง มิเช่นนั้นเหตุการณ์เช่นนี้ นางคงไม่มีทางยอมให้เซวียหมิงเฟยเอ่ยปากขอความเมตตาเป็นแน่เซวียมู่เจามิได้ปฏิเสธ เขาพาน้องสาวเดินจากไป……เซวียหว่านอี้ยืนมองอนุชิวถูกโบยจนกรีดร้องโหยหวนด้วย “ส
Baca selengkapnya
บทที่ 6
“อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็จะถึงวันออกเรือนของเจ้าแล้ว”หลังมื้อค่ำ ฮูหยินเจียงและเซวียหมิงเฟยกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในห้อง“แม่เตรียมรายการสินเดิมไว้ให้เจ้าแล้ว ลองดูเถิดว่ายังมีสิ่งใดขาดเหลืออีกหรือไม่”ฮูหยินเจียงมีชาติตระกูลที่ดี สินเดิมที่นำติดตัวมาในปีนั้นก็นับว่ามากมายมหาศาลสินเดิมของนาง ย่อมต้องเก็บไว้ให้บุตรชายหญิงทั้งสองของตนส่วนสินเดิมของเซวียหว่านอี้ ย่อมต้องเป็นหน้าที่ของกองกลางในจวนเป็นผู้จัดเตรียมเซวียหมิงเฟยกอดแขนฮูหยินเจียงไว้ แสดงออกถึงความสนิทสนมรักใคร่“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วน้องหญิงเล่าเจ้าคะ?”นางก้มหน้ามองรายการสินเดิม แน่นอนว่าย่อมด้อยกว่าชาติก่อนอยู่บ้างไม่มีเหตุผลอื่นใด ชาติก่อนนางแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกง ในวังย่อมประทานของดีมาให้ไม่น้อยแต่ยามนี้กลับเป็นไปไม่ได้แล้วแม้ในใจจะรู้สึกเสียดาย หรือกระทั่งไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง แต่ก็จนปัญญาจะให้นางแต่งให้เย่จั๋วอีกครั้ง ต้องเป็นม่ายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต นางทำไม่ได้หากแค่ปีสองปียังพออดทนได้แต่ตลอดชีวิตนั้น ยาวนานเกินไปหากเป็นผู้อื่น สามีตายย่อมสามารถแต่งงานใหม่ได้แต่ตระกูลเย่เต็มไปด้วยวีรบุรุษ
Baca selengkapnya
บทที่ 7
“แม่นม!”เซวียหว่านอี้ในชุดลำลองเดินออกมายังโถงหน้า นางแย้มยิ้มพลางยอบกายคารวะแม่นมหลินแม่นมหลินเห็นดังนั้นก็รีบเบี่ยงกายหลบ “คุณหนู มิได้นะเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้ที่อยู่ตรงหน้าสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าเล็กหมดจดไร้เครื่องประทินโฉม แววตาคู่นั้นกำลังมองนางด้วยแววตายิ้มแย้มยิ่งมองแม่นมหลินก็ยิ่งตระหนกตกใจ คำตอบหนึ่งผุดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ จวนเจียนจะหลุดปากไม่ทราบด้วยเหตุใด จิตใจของนางในยามนี้เริ่มสั่นคลอนเสียแล้วเพียงเพราะคุณหนูรองที่อยู่ตรงหน้าช่างคล้ายคลึงกับฮูหยินเหลือเกิน คิ้วตาที่ดูอ่อนโยนนั้นแทบจะถอดแบบมาจากฮูหยินราวกับพิมพ์เดียวกันเหตุใดเมื่อก่อนนางถึงไม่ทันสังเกตเห็นนะ?เซวียหว่านอี้เดินไปนั่งลงที่นั่งหลัก เจินจูยกน้ำชามาให้แม่นมหลินเรียบร้อยแล้ว“ลมราตรีหนาวเย็น ฝนใหญ่กำลังจะตก แม่นมมาเวลานี้ ท่านแม่มีเรื่องอันใดสั่งความหรือ?”แม่นมหลินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งนางได้ยินคำพูดของชิงถานจึงถือวิสาสะมาที่นี่เองฮูหยินยังไม่ทราบเรื่อง และนางก็ยังไม่กล้าให้ฮูหยินล่วงรู้เรื่องนี้จะเล็กก็เล็ก จะใหญ่ก็ใหญ่หากเป็นเพียงความเข้าใจผิด นั่นย่อมดีที่สุดแต่หากไม่ใช่ เกรงว่าตระ
Baca selengkapnya
บทที่ 8
แม่นมหลินได้สติกลับมาโดยพลัน สีหน้าปรากฏแววลังเลฮูหยินเจียงนึกฉงนใจขึ้นมาจริง ๆแม่นมหลินติดตามรับใช้นางมาตั้งแต่ยังเล็ก เติบโตมาด้วยกันในนามคือบ่าวไพร่ ทว่าความผูกพันกลับประหนึ่งพี่น้องบัดนี้นางถึงกับมีเรื่องปิดบังนางเชียวหรือ?“พูดไม่ได้รึ?”ฮูหยินเจียงโยนผ้าเช็ดหน้าลงในอ่างน้ำ สาวเท้าเดินไปยังโถงข้าง เตรียมรับสำรับเช้าแม่นมหลินเดินตามอยู่ด้านหลัง จิตใจสับสนว้าวุ่นนางไม่รู้ว่าข้อสันนิษฐานของตนถูกหรือไม่ หากผิดพลาดขึ้นมาเล่า?แต่หากว่า... เป็นเรื่องจริงเล่า?“ฮูหยินเจ้าคะ...”แม่นมหลินยกมือขึ้น โบกไล่บ่าวไพร่ในห้องออกไปเวลานี้คุณหนูใหญ่กำลังรับสำรับอยู่ที่เรือนของตนเอง กว่าจะมาที่นี่ก็คงอีกครึ่งชั่วยาม“ไม่ทราบว่าฮูหยินรู้สึกหรือไม่เจ้าคะ ว่าคุณหนูใหญ่ดูละม้ายคล้ายอนุชิว...”ฮูหยินเจียงราวกับถูกทุบเข้าที่ศีรษะอย่างจัง ชั่วขณะนั้นคล้ายยังตั้งสติไม่ทันแม่นมหลินกล่าวต่อว่า “กลับกัน คุณหนูรองกลับมีคิ้วตาละม้ายคล้ายฮูหยินยิ่งนัก”ประโยคหลังนี้ ฮูหยินเจียงคล้ายไม่ได้ยินเลยสักนิดในหัวของนางเวลานี้มีแต่ใบหน้าของเซวียหมิงเฟยและอนุชิว จะว่าเหมือนก็ดูเหมือน จะว่าไม่เหมือ
Baca selengkapnya
บทที่ 9
เซวียหว่านอี้ยิ้มบาง ๆ พลางคารวะตอบว่า “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะพี่หญิง”กิริยามารยาทยังคงถูกต้องตามธรรมเนียมมิอาจจับผิดได้ ทว่ากลับทำให้เซวียหมิงเฟยรู้สึกขัดหูขัดตาอย่างน่าประหลาดในความทรงจำของนาง น้องหญิงรองผู้นี้มักเงียบขรึม ขลาดกลัว ยามพบหน้ากระทั่งสบตาก็ยังมิกล้าทว่ายามนี้บเปลี่ยนไปแล้วเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้นางเปลี่ยนไป เซวียหมิงเฟยก็พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาคิดว่าได้เกาะเกี่ยวจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วจะมีสิทธิ์มาตีตนเสมอหน้านางกระนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ“ชุดเจ้าสาวของน้องหญิงเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”นางเลิกหางตาขึ้นเล็กน้อย “กำหนดการแต่งงานของเจ้ากับเจิ้นกั๋วกงใกล้วันเข้ามาทุกที หากไม่เร่งเตรียมการ ระวังจะพลาดฤกษ์ส่งตัว ถึงเวลานั้นหากฝ่าบาททรงกริ้วลงมา ตระกูลเซวียของเราคงพลอยติดร่างแหไปด้วย”เซวียหว่านอี้แสร้งแสดงความอ่อนแอออกมาได้ถูกจังหวะ แววตาหม่นแสงลงในชั่วพริบตานางย่อกายคารวะฮูหยินเจียงอย่างอ่อนช้อย “ท่านแม่ ลูกยังมีธุระที่เรือน ต้องขอตัวลาไปก่อน ขอท่านแม่อย่าได้ตำหนิเจ้าค่ะ”ในใจฮูหยินเจียงมีเรื่องให้ครุ่นคิด แต่ไรมาก็ไม่เคยตำหนิอยู่แล้ว ยามนี้ย่อมไม่เอ่ยว่ากระไรนางโบ
Baca selengkapnya
บทที่ 10
จะสืบพบหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งทว่ายามนี้ทุกสิ่งล้วนบ่งชี้ถึงความไม่ชอบมาพากล ในใจฮูหยินเจียงคล้ายมีหนามแหลมทิ่มแทง หากมิอาจสืบให้กระจ่างแจ้ง คงยากจะกินได้นอนหลับหากมิได้มีการสับเปลี่ยนตัวย่อมดีที่สุด แต่หากถูกสับเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นางควรทำเช่นไรเล่า?เมื่อหวนนึกถึงบทสรุปที่มิอยากเห็นที่สุด ฮูหยินเจียงรู้สึกอ้างว้างสับสนไปหมดถึงอย่างไรเซวียหมิงเฟยก็เป็นบุตรสาวที่นางฟูมฟักทะนุถนอมมานานนับสิบปี ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนส่วนเซวียหว่านอี้ ความกระวนกระวายวาบผ่านเข้ามาในจิตใจพร้อมกับความชิงชังที่มีต่ออนุชิว……“คุณหนู แม่นมหลินจะเข้าใจความนัยของท่านหรือไม่เจ้าคะ?”เฝ่ยชุ่ยเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อยเซวียหว่านอี้นั่งแช่อยู่ในถังอาบน้ำ ปล่อยให้สายน้ำอุ่นชโลมกายสายตาจับจ้องไปยังฉากบังลมลายดอกไม้และวิหคเบื้องหน้า พลางเอ่ยว่า “นางย่อมเข้าใจ ความคิดอ่านของนางหาใช่สิ่งที่พวกเราจะเทียบได้”“ยามนี้พวกเราทำได้เพียงแค่รอ”เฝ่ยชุ่ยถอนหายใจแผ่วเบา “รออีกแล้วหรือเจ้าคะ? ขืนรอต่อไป คุณหนูคงได้แต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงเสียก่อน”เซวียหว่านอี้อดหัวเราะมิได้ “ต่อให
Baca selengkapnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status