วราลีขีดๆ เขียนๆ ด้านข้าง โชคดีที่ไม่มีใครเดินผ่าน ถึงแม้รถราที่ขับผ่านบางคนจะมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ แต่ใครแคร์กันล่ะ ตอนนี้เธอขอระบายความโกรธก่อนก็แล้วกัน หญิงสาวใช้ขมิ้นขีดรถจนเหนื่อยหอบ พอความโมโหคลายลงก็รีบยัดส่วนที่เหลือใส่ถุง เหลียวซ้ายมองขวาอีกรอบ
“เฮอะ โชคดีเท่าไรที่ฉันไม่เอากุญแจรถขูดให้” หญิงสาวพูดทิ้งท้ายก่อนตั้งท่าจะข้ามกลับไปอีกฝั่ง รีบชิ่งหนีก่อนที่เจ้าของรถจะมา
“เฮ้ย! ทำไมรถเป็นแบบนี้วะ”
เสียงผู้ชายดังขึ้นด้านหลัง ขณะที่วราลีกำลังรอข้ามถนน หญิงสาวสะดุ้งเฮือกภาวนาให้ถนนโล่งเธอจะได้รีบข้ามรีบเผ่นไปจากที่นี่เสียที
แต่ดูเหมือนช้าไป เมื่อเสียงทุ้มร้องเรียกด้านหลัง....
“คุณ! คุณ!”
วราลีค่อยๆ หันหน้าไป พยายามตีหน้านิ่ง หญิงสาวสบตากับผู้ชายตัวโต รูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงยีนส์สีซีด ผมสีดำยุ่งๆ ไม่เป็นทรง นัยน์ตาสีดำคมเข้ม คิ้วหนาเป็นปื้นรับกับดวงตา จมูกโด่งเป็นสัน ชายหนุ่มไว้หนวดไว้เคราเหมือนขุนโจรที่เธอเห็นในละคร ท่าทางเหมือนโจรผู้ร้าย วราลีรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออก และไม่ใช่เวลาที่จะมานึกด้วย เพราะเธอเพิ่งไปก่อวีรกรรมกับรถเขามา!
“คะ?” หญิงสาวทำหน้างง “มีอะไรคะ ดิฉันรีบ”
“คุณเห็นใครมามือบอนขีดเขียนรถผมหรือเปล่า” ชายหนุ่มชี้ไปที่รถกระบะสีขาวใหม่เอี่ยมที่ตอนนี้ประตูฝั่งคนขับมีเส้นสีเหลืองละเลงไปทั่ว วราลีแสร้งอุทาน
“ตายแล้ว! ทำไมรถคุณเป็นแบบนี้คะ” หญิงสาวทำเสียงสั่นก่อนหันซ้ายหันขวา “ตอนดิฉันยืนรอข้ามถนนก็ไม่เห็นมีใครยืนอยู่ใกล้รถคุณนะคะ มันอาจจะโดนขีดเขียนก่อนดิฉันเดินผ่านมา คุณลองไปดูแถวนู้นไหมคะ”
วราลีหลับหูหลับตาชี้ไปทางอื่น
ฝ่ายเจ้าของรถมองหญิงสาวอย่างชั่งใจ วราลียิ่งทำหน้าตาใสซื่อเข้าใส่
“ขอบคุณ” แล้วฝ่ายชายก็สะบัดหน้าเลี้ยวตัวเดินไปทางที่วราลีชี้ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบอก ก่อนถอนหายใจ
“พุทโธ ธัมโม สังโค หนูลีเอ๊ย รีบเผ่นก่อนนายขุนโจรนั่นจะกลับมาแล้วรู้ตัวว่าเธอนี่แหละที่ไปทำรถเขาเหลืองอี๋แบบนั้น”
พูดจบประกอบกับถนนโล่ง วราลีวิ่งข้ามไปอีกฝั่งพุ่งไปยังรถมอเตอร์ไซค์ตัวเองที่จอดไว้ แล้วรีบสตาร์ทรถขับกลับบ้านทันที
สิงหราชเดินไปตามทิศทางที่ผู้หญิงตัวเล็กชี้ไม้ชี้มือ เขาเสยผมด้านหน้าอย่างหัวเสีย เมื่อไม่เจอคนที่น่าสงสัย ก่อนจะนึกได้ว่าคนที่น่าสงสัยน่ะ ยายตัวเล็กคนนั้นชัดๆ! ชายหนุ่มรีบเดินย้อนกลับไปทางเดิมก็มองเห็นวราลีรีบวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งก่อนจะพุ่งตัวไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่แล้วขับออกไปจนไกลไม่เห็นฝุ่น ท่าทางเร่งรีบของเจ้าหล่อนทำให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้นและเริ่มมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับการที่รถเป็นรอยแน่ๆ
ชายหนุ่มรีบเปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วเช็กกล้องวงจรที่ติดรถ ภาพในกล้องมองเห็นวราลีเดินวนไปวนมารอบรถ ท่าทางลับๆ ล่อๆ ทุกอิริยาบถน่าสงสัย ถึงแม้กล้องมันจะจับแค่ภาพตรงหน้ารถ แต่จากท่าทางในภาพที่สิงหราชเห็นก็ ชัดแล้วว่าตัวการที่ทำให้รถสุดรักเขาเป็นรอยคือใคร
พอนึกถึงท่าทางเหมือนตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวของอีกฝ่าย เขาก็อยากจะตามไปจัดการนัก สิงหราชก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงตัวแสบคนนั้นถึงเอาไอ้สีเหลืองๆ มาขีดรถ ทั้งที่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน
หรือว่ายายนี่จะสติไม่ดี?
“ยายผู้หญิงบ้า!”
ชายหนุ่มคำรามอย่างหัวเสีย ขณะที่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่น เขาล้วงขึ้นมาแล้วกดรับ
“ครับแม่”
“จะกลับหรือยังจ๊ะสิงห์”
“ครับ ตอนนี้ผมแวะกดเงินที่ตู้ATM แล้วก็จะออกเดินทาง” ชายหนุ่มตอบกลับ เขาเข้ากรุงเทพมาเพื่อติดต่อเรื่องส่งออกใบชา ขากลับแวะกดเงินสด ไม่นึกว่าจะเจอเรื่องบ้าๆ โดนผู้หญิงสติไม่ดีมาขีดเขียนรถเสียได้ นึกถึงก็หงุดหงิดน้ำเสียงจึงฟังดูแข็งๆ จนปลายสายสัมผัสได้
“มีอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงดูไม่ดี งานมีปัญหาหรือลูก”
สิงหราชนึกได้ว่ากำลังคุยกับมารดาบังเกิดเกล้า ชายหนุ่มรีบปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง ก่อนตอบ
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ที่ผมอารมณ์ไม่ดีเป็นเรื่องบ้าบอระหว่างทางมากกว่า เรื่องไม่เป็นเรื่อง เดี๋ยวก็หาย ผมจะออกเดินทางแล้วนะครับแม่ ไว้เจอกันครับ”
“จ้ะ งั้นเดี๋ยวกลับมาค่อยคุยกัน ขับรถดีๆ นะลูก”
ชายหนุ่มรับคำแล้วกดปิด โยนโทรศัพท์มือถือไปตรงเบาะข้าง เขาเหยียบคันเร่งพร้อมออกเดินทาง ปลายทางคือเชียงราย จังหวัดทางภาคเหนือของไทย
สิงหราช วรานุภาวัฒน์ อายุสามสิบห้าปี ชายหนุ่มเริ่มลงมือทำธุรกิจนี้ตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบ บิดาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเล็ก ไร่ชานี้เป็นมรดกตกทอดของฝั่งบิดา ทีแรกมารดาต้องขายเพราะคิดว่าคงทำไม่รอดด้วยไม่เคยเรียนรู้เรื่องการปลูกชามาก่อน แต่เพราะเขาอยากสานต่อธุรกิจบิดา ชายหนุ่มจึงมุมานะศึกษาทั้งการปลูกชา เรียนการบริหารและการตลาด จนประสบความสำเร็จและมีไร่ชาสิงหราชมาจนถึงทุกวันนี้ ผลลัพธ์ความสำเร็จทำให้เขาเป็นเจ้าของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงราย ไร่ชานายสิงห์ หรือ ไร่ชาสิงหราช ไร่ชาบนเนื้อที่หลายพันไร่ตั้งอยู่บนภูเขาที่เหมาะแก่การทำไร่ชา พื้นที่แบ่งเป็นสัดส่วน มีโรงแรมเปิดให้นักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติได้เข้าพัก มีพื้นที่ไว้ปลูกดอกไม้เมืองหนาวซึ่งพอถึงฤดูหนาว ไร่ชาสิงหราชก็จะมีทักท่องเที่ยวแวะเวียนมาไม่ขาดสาย แต่กิจการหลักๆ ที่เขาดูแลคือการผลิตและส่งออกใบชาทั้งในและต่างประเทศ และที่ชายหนุ่มเข้ากรุงเทพคราวนี้ก็เพราะจะมาทำสัญญากับลูกค้ารายใหม่ที่สนใจจะรับชาของเขาส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนงานด้านโรงแรม การท่องเที่ยวมอบหมายให้ญาติผู้น้องทางฝั่งบิดา ซึ่งโตมาด้วยกันอย่าง ชานนท์ คอยดูแล
รถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์สีขาวแล่นผ่านซุ้มไม้สักหลังใหญ่ มีป้ายยินดีต้อนรับสู่ไร่ชาสิงหราช ชายหนุ่มขับเข้าไปด้านในของไร่จนถึงที่พักอาศัยส่วนตัว ตรงเข้าไปยังที่จอดรถ เวลานี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม นอกจากแสงไฟนีออน บรรยากาศโดยรอบก็เงียบสงบ
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย