“พ่อเลี้ยงกลับมาแล้วหรือครับ”
สิงหราชเปิดประตูรถก่อนก้าวลงมา ชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาต้อนรับ ชายหนุ่มเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็บอกเสียงขัน
“ถ้าฉันยังไม่กลับลุงมิ่งจะเห็นฉันยืนอยู่ตรงนี้เรอะ”
“ฮ่าๆ นั่นสินะครับ” ชายที่ชื่อมิ่งหัวเราะผสมโรง ก่อนช่วยยกข้าวของที่อยู่ด้านหลังรถลง แล้วขนตรงไปยังเรือนไม้สักหลังใหญ่ เดินไปไม่กี่ก้าว เบื้องหน้าปรากฏสตรีวัยกลางคนสวมชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวกำลังเดินลงบันไดมา สิงหราชเห็นก็ตรงเข้าไปประคอง
“แม่ลงมาทำไม สิงห์กำลังจะขึ้นไปพอดี”
“ก็แม่อยากลงมาดูนี่ เห็นสิงห์ไม่มาสักทีก็นึกเป็นห่วง ช่วงนี้หน้าฝนถนนหนทางอันตราย พอเห็นหน้าสิงห์ตอนนี้แม่ถึงได้เบาใจ มาห้ามแม่เดินลงบันได ทำเหมือนแม่แก่แข้งขาไม่ดีอยู่ได้” นาตยาตีไหล่ลูกชายเบาๆ ก่อนใช้สายตาสำรวจลูกชายด้วยความรัก สิงหราชคือความภูมิใจของหล่อนและครอบครัว นาตยานึกถึงสามีที่ล่วงลับ ลูกชายคนนี้ถอดแบบสามีมาทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งความขยัน เอาจริงเอาจัง ความมุ่งมั่นพัฒนามรดกตกทอดของวงศ์ตระกูล ทำให้มีไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในเชียงรายในวันนี้ ชีวิตนี้นาตยาไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากขอให้ลูกชายมีครอบครัวที่อบอุ่น ช่วยกันดูแลไร่ชาสิงหราช มีลูกมีหลานให้หล่อนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
สิงหราชหอมแก้มคนเป็นแม่ ท่าทางเคร่งขรึมยามอยู่ต่อหน้าลูกน้องหายวับไปกับตา ใครผ่านมาคงไม่เชื่อสายตาว่า พ่อเลี้ยงสิงห์คนดุ จะมีมุมอ้อนแม่แบบนี้
“ก็ผมเป็นห่วงแม่ แล้วออกมาข้างนอกอากาศมันเย็น ฝนก็ตกปรอยๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“จ้ะ พ่อคุณ” นาตยาส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “ไปๆ อาบน้ำอาบท่า เดี๋ยวแม่จะให้คำหล้าตั้งโต๊ะให้”
“ขอบคุณครับแม่ ผมหิวสุดๆ เลยตอนนี้” ชายหนุ่มทำท่าลูบท้องตัวเอง “งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับแล้วจะรีบลงมากินข้าว”
“จ้ะ”
นาตยามองตามลูกชายที่เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ก่อนหันไปบอกให้นายมิ่งเก็บข้าวของไปไว้บนเรือน สุดท้ายก็ร้องเรียกคำหล้า แม่บ้านเก่าแก่ให้ตั้งสำรับอาหาร
หนึ่งเดือนผ่านไป สุดท้ายวราลีก็ยอมจำนนต่อโชคชะตา หญิงสาวเริ่มจัดข้าวของ เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมตัวกลับเชียงใหม่บ้านเกิด ตลอดเวลาที่ว่างงานหญิงสาวพยายามติดต่อสมัครงานหลายที่ แต่ก็ไม่มีที่ไหนตอบกลับ หากมีการตอบกลับ HR บริษัทนั้นๆ ก็จะบอกว่า...แล้วจะติดต่อกลับไป ซึ่งเธอก็ยังไม่เคยได้รับการติดต่ออีกเลย
เสียงโทรศัพท์มือถือที่เธอโยนทิ้งไว้บนเตียงดังขึ้น วราลีหยุดยัดเสื้อยืดสีขาวเข้าไปในกระเป๋า ก่อนเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ไม่ไกลแล้วกดรับ
“หนูลีจะเดินทางตอนไหนนะลูก”
เป็นมารดาที่โทรมา หลังจากหางานทำไม่ได้จริงๆ สุดท้ายหญิงสาวจึงโทรแจ้งมารดาว่าจะกลับบ้านวันสองวันนี้ ซึ่งขอเวลาเก็บของเตรียมตัวก่อน ถึงแม้จะห่วงบ้านใหม่ของตัวเอง แต่หมู่บ้านนี้มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม และเธอยังต้องหาเงินมาผ่อนบ้านต่อไป จึงต้องปิดบ้านแล้วกลับเชียงใหม่ชั่วคราว วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวบอกมารดาว่าจะเดินทาง
“ก็ขึ้นเครื่องตอนบ่ายโมงตรงค่ะ แม่โทรมามีอะไรอีกเหรอคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น เพราะตอนเช้าก็พูดคุยกับมารดาเรียบร้อยเรื่องการเดินทาง แต่ตอนนี้มารดากลับโทรมาอีกทำให้นึกแปลกใจ
“คือว่า....ถ้าหนูลีไม่อยากมาดูแลร้าน แม่มีงานใหม่มาให้หนูทำ”
“คะ?”
“ก็...เพื่อนของแม่ เขามีไร่ชาอยู่เชียงราย ตอนนี้กำลังขาดคน เขาอยากได้เลขาค่อยจัดการงานต่างๆ แม่ก็นึกถึงหนูลี หนูลีอยากหางานทำเองไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วตอนนี้ที่ร้านก็ไม่มีอะไรมาก ลูกค้าก็ปกติเพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล...”
วราลีฟังมารดาเราก็รู้สึกแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะทีแรกคะยั้นคะยอให้เธอไปช่วยงานที่บ้าน มาตอนนี้บอกงานที่บ้านไม่มีอะไรมาก พร้อมกับเสนองานใหม่ให้
“แต่หนูลีจบบัญชีนะคะแม่”
“มันก็คล้ายๆ กัน ก็ช่วยจัดการเอกสาร ดูแลตารางงานของเจ้านาย งานง่ายๆ ลูก ไม่ยาก”
“แล้วเขาจะรับลีเข้าทำงานง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ” หญิงสาวถามย้ำด้วยความแปลกใจ ที่จู่ ๆ มีงานมาหล่นใส่ง่าย ๆ ทั้งที่เธอหางานมาตลอดทั้งเดือนก็ไม่มีบริษัทไหนรับ
“แม่รู้จักเจ้าของไร่ เขาโทรมาถามแม่โดยตรง แม่ก็ว่าหนูลีว่างงานอยู่พอดี เลยเสนอหนูลีไป หนูลีไปเถอะ งานสมัยนี้มันไม่ได้หากันง่าย ๆ หนูลีก็รู้ งานในกรุงเทพหนูลีหามาเกือบเดือนก็ยังไม่ได้เลยไม่ใช่หรือจ๊ะ”
“โอเค...ถ้าแม่ว่าดีหนูลีก็ว่าดีค่ะ” สุดท้ายวราลีก็ตกปากรับคำ “ว่าแต่ไร่ชาที่ไหนคะ หนูลีเคยไปไหม”
“ตอนเด็กๆ หนูลีเคยไปเที่ยวนะ จำได้ไหม แม่เคยพาไปเกือบสองอาทิตย์เชียวล่ะ ตอนกลับยังร้องไห้โยเยไม่อยากกลับเลย”
“หืม ขนาดนั้นเลยเหรอคะแม่ ทำไมหนูลีจำไม่ค่อยได้....” วราลีนึกตาม ผ่านมาตั้งสิบกว่าปี ความทรงจำเธอเริ่มเลือนรางหรือเพราะซ่อนมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจ แต่พอกลับมานึกรื้อฟื้นความหลังภาพความทรงจำก็ฉายชัดขึ้นมาในหัว...ตอนเด็กเธอเคยไปเที่ยวต่างจังหวัดไม่กี่ครั้ง อย่างไร่ชาก็เคยไปจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่ความทรงจำในช่วงนั้นมันไม่ค่อยพิสมัยเท่าไร เลยทำลืมๆ ไป แต่พอได้ฟังมารดาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งก็สังหรณ์ใจตงิดๆ
อย่าบอกนะว่า ไร่ชาที่เธอจะต้องไปทำงาน....
“ไร่ชาของนาตยา เพื่อนแม่ยังไงจ๊ะ พอดีน้านาตเราโทรมาอยากได้ผู้ช่วยให้ลูกชายตัวเอง แล้วนึกถึงหนูลี นาตยายังจำหนูลีได้ แล้วเมื่อก่อนตอนหนูลีไปเที่ยวที่ไร่ก็ตามติดตาสิงห์แจ ก็คนคุ้นเคยกัน หนูลีจำได้หรือยังจ๊ะ....พี่สิงห์ที่หนูลีคอยตามติดตอนเด็กๆ”
“จะ จำได้แล้วค่ะ” วราลีบอกเสียงแผ่ว ก่อนตัดสินใจบอกลางานใหม่ที่มารดานำเสนอ “...หนูลีว่า หนูลีไม่อยากไปทำงานที่ไร่ชาแล้วค่ะ หนูลีกลับไปหาแม่ดีกว่า”
“ไฮ้! ไหนบอกว่าจะไป หนูลีรับปากแม่แล้วนะ” พอมารดาได้ยินว่าหล่อนปฏิเสธ ก็ทำเสียงสูงขึ้นมาทันที
“คือว่า..” วราลีเอ่ยค้างไว้พลางขบคิด เธอควรบอกตรงๆ ดีไหมว่าไม่อยากกลับไปข้องแวะกับพี่สิงห์ในวัยเด็กคนนั้นอีก แต่เดี๋ยวมารดาก็คงจะซักไซ้ต่อว่าทำไม ยังไง เพราะตอนนั้นวราลีติดพี่สิงห์คนนั้นแจมาก
ติดจนถึงขั้นขอแต่งงานอย่างหน้าไม่อาย...
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย