พลาดจากงานแรกเพราะรถกระบะเฮงซวย หลายวันต่อมาก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีบริษัทไหนติดต่อมาอีก หญิงสาวนั่งๆ นอนๆ จนเบื่อ ระหว่างว่างงานก็ส่งใบสมัครไปหลายที่แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนตอบกลับ
“เฮ้อ”
วราลีถอนหายใจรอบที่ร้อย วันหนึ่งเธอถอนหายใจทิ้งไปไม่รู้กี่ครั้ง สงสัยคงจะได้กลับไปช่วยแม่ดูแลร้านอาหาร งานที่เมืองกรุงช่างหายากหาเย็น ก็แน่ล่ะ อัตราพนักงานที่ว่างงานเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นของประชากรในกรุงเทพแน่ ๆ แล้วแต่ละบริษัทที่รับพนักงานก็รับแค่ไม่กี่คน การแข่งขันมันก็สูง นักการบัญชีธรรมดาอย่างเธอมันก็อยู่ยากหน่อย
ครืด ครืด ครืด
โทรศัพท์ที่ตั้งระบบสั่นไว้เคลื่อนไหวบนโต๊ะ วราลีเดินไปหยิบ เบอร์ที่โชว์บนหน้าจอเป็นเบอร์เพื่อนสนิทที่ตอนนี้เรียนต่ออยู่อีกซีกโลก
“รับช้าจังยายลี มัวทำอะไร ฮึ”
หญิงสาวขมวดคิ้วขณะเหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนัง จากเวลาทางนู้นก็คงจะดึกมากแล้ว แซนดี้ หรือ อาจารี บริรักษ์ เป็นเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไปเรียนต่อที่อเมริกา อีกหลายเดือนกว่าจะกลับ รายนั้นเป็นทายาทเพียงคนเดียวของบริรักษ์กรุ๊ป เจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรมทางภาคใต้ พวกเธอสองคนรู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเพราะนิสัยเข้ากันได้จึงคบกันมาจนถึงวันนี้ เรียกว่าแซนดี้เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของวราลีเลยก็ว่าได้
“แกนั่นแหละโทรมาทำไมตอนนี้ นี่มันเวลานอนของทางนู้นไม่ใช่หรือไง”
“แหม สาวปาร์ตี้อย่างฉันยังไม่นอนหรอกยะกำลังจะไปออกล่าเหยื่อ”
“จ้า แม่เสือสาว ว่าแต่มีอะไร ถึงโทรมาหาฉันตอนนี้ ที่นู้นดึกแล้วไม่ใช่เหรอไง”
“ไม่โทรตอนพักเที่ยง จะให้โทรตอนไหน โทรไปเวลาอื่นแกก็ไม่ว่างรับเพราะทำงาน”
“ตั้งแต่วันนี้จะโทรเวลาไหนฉันรับหมดน่ะแหละ เพราะฉันตกงานแล้ว”
“ตกงาน!”
วราลีรีบดึงโทรศัพท์ให้ห่างจากหู เธอยกมือขึ้นแคะหูตัวเอง ใบหน้าเหยเก ก่อนบอกเสียงในสายน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ “แกจะหวีดทำไม หูแทบแตก ไอ้นิสัยตกใจแล้วส่งเสียงดังเลิกเสียที ขืนตะโกนบ่อย ๆ แบบนี้หูฉันคงดับเร็ว ๆ นี้แน่...”
“ก็คนมันตกใจนี่”
“ก็แค่ออกจากงาน ตกใจอะไรกัน ไม่มีงานนี้ก็หางานใหม่ แค่นั้นเอง”
“ถ้ามันหาง่ายอย่างที่แกว่าก็ดีสิ ได้ยินน้ำเสียงหงอย ๆ นี่คงหายังไม่ได้แน่ ๆ งานใหม่”
“แสนรู้ ขนาดอยู่อีกซีกโลกนี่ยังแม่นเท่าตาเห็น แกควรจะกลับมาทำอาชีพหมอดูนะ”
“โหย พูดอะไรเกรงใจค่าเทอมที่นี่หน่อย ว่าแต่...แกจะทำยังไงต่อ ถ้าเกิดยังหางานไม่ได้สักที มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ หรือให้ฉันฝากแกทำงานกับพี่ซี”
“เอ่อ ไม่ดีกว่า” วราลีปฏิเสธทันที พลางนึกถึงพี่ชายของเพื่อน ซี ศิรัตน์ บริรักษ์ เป็นพี่ชายอาจารี แก่กว่าห้าปี นิสัยเคร่งขรึม ใบหน้าดูอึมครึมตลอดเวลา เคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค วราลีเคยเจอศิรัตน์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนอีกฝ่ายไปรับอาจารี แล้วก็แนะนำให้รู้จักกัน พอเธอยกมือไหว้ เขาก็เพียงปรายตามอง พยักหน้าเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น ท่าทางเย็นชา แค่มองไกล ๆ ก็นึกขยาด เวลาอยู่ต่อหน้าก็รู้สึกอึดอัด ซึ่งเธอไม่ถูกกับคนประเภทนี้เสียด้วยสิ “ถ้าไม่มีงานก็กลับไปเกาะแม่กิน แกอย่าห่วงเลย ฮ่า ๆ”
“กอดนะยู มีอะไรให้ช่วยก็บอก อีกสามเดือนก็กลับแล้ว ไว้เรานัดเจอกัน”
“จ้า รักแกนะ ดึกแล้ว จะไปเที่ยวก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“จ้า เพื่อนเลิฟ บาย”
“บาย”
วราลีบอกลาปลายสายก่อนกดปิด เสียงท้องร้องบ่งบอกถึงความหิว หญิงสาวคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่วางอยู่ เพื่อที่จะออกไปหาอะไรกินที่ตลาดสดใกล้หมู่บ้าน พอขับรถไปถึงหน้าตลาด เธอจอดรถไว้ข้างทางเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ แล้วเดินเข้าไปด้านใน
ในตลาดคนเริ่มบางตาเพราะเป็นเวลาเก้าโมงกว่า ๆ หญิงสาวซื้อขนมไทยสองสามอย่าง และพวกของสดที่ต้องซื้อ ก่อนจะแวะซื้อข้าวมันไก่เจ้าเด็ดในย่านนี้ โชคดีที่คนทยอยกลับกันหมด จึงไม่ต้องต่อคิวนาน พอเธอซื้อข้าวมันไก่ไร้หนังสองห่อ เจ้าของร้านก็บอกว่าข้าวหมดพอดี
พอได้ของที่ต้องการครบก็เดินออกจากตลาดตรงไปยังที่จอดรถ หางตาเหลือบไปเห็นรถกระบะฟอร์ดสีขาวสี่ประตูที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ท้ายรถมีสติกเกอร์ตัวใหญ่อ่านว่า ไร่ชานายสิงห์
ไร่ชานายสิงห์...
นี่มันรถที่เหยียบน้ำกระเด็นใส่เธอเมื่อวันก่อนนี่! วราลีจำสติกเกอร์นี้ได้ ต้องขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาส่งอีรถเวรนี่มาให้เธอทวงความยุติธรรม! หญิงสาวนึกในใจอย่างเกรี้ยวกราด นึกถึงวันนั้นก็ยิ่งโมโห พลาดทั้งงาน แถมยังเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า วราลีเร่งก้าวฝีเท้าข้ามไปอีกฝั่งทันที ท่าทางพร้อมเอาเรื่องเต็มที่ เมื่อไปถึงตัวรถ ชะเง้อมองในรถ มือยกขึ้นเคาะกระจกกลับไม่มีเสียงตอบรับ เครื่องยนต์ก็ดับสนิท หรือเจ้าของรถจะไม่อยู่?
เธอเดินวนหนึ่งรอบ แล้วเอาใบหน้าแนบกระจก พยายามเพ่งสายตามองผ่านกระจกที่ติดฟิมล์ดำทึบ ก็ยังมองไม่เห็นด้านใน ลองเคาะกระจกรัว ๆ อีกครั้งก็ไร้เสียงตอบกลับ เมื่อมั่นใจว่าเจ้าของรถไม่อยู่ก็เหลียวซ้ายมองขวา เจ้าของรถไม่อยู่ ก็ซักถามเอาเรื่องกับใครไม่ได้ จึงคิดจะกลับ แต่พอนึกถึงวันนั้นสภาพเธอดูไม่ได้แถมพลาดโอกาสได้งานใหม่ก็นึกโมโหขึ้นมาอีกรอบ มองข้าวของที่ถืออยู่สองมือ เห็นขมิ้นมัดเล็กๆ ที่ซื้อไว้จะเอาไปทำไก่อบขมิ้นก็ตัดสินใจได้
เธอล้วงขมิ้นออกจากถุงทั้งมัด ใช้ฟัดกัดเปลือกออกเล็กน้อยก่อนนำมันไปขีดข้างรถสีขาวใหม่เอี่ยมอ่องตรงหน้าทันที!
“นี่แน่ะๆ .....เมื่อเจ้าของแกไม่อยู่ให้ฉันระบายความโกรธ แกก็จงเป็นที่ระบายแทนไปซะ!”
สิงหราชมองเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนจ้องหน้าอยู่"สิงห์ นี่หนูลี น้องมาเที่ยวที่ไร่เราสองอาทิตย์ สิงห์ดูแลน้องให้แม่หน่อยนะ"เสียงมารดาดังขึ้นข้างหู เขาขมวดคิ้ว ก่อนที่ยายเด็กตัวกลม แก้มป่องจะเดินเข้ามาใกล้แล้วกอดหมับเข้าที่แขนของเขา"พี่สิงห์หล่อจัง หนูลีชอบพี่สิงห์"เด็กแก่แดด...เขาคิดอย่างไม่ชอบใจ นึกอยากสะบัดแขนที่ยายเด็กอวบกอดเกี่ยวไว้แน่น แต่เพราะตอนนี้มีผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่ จึงได้แต่หางคิ้วกระตุก"หนูลีอย่าไปเกาะพี่เขาแบบนั้นซี" เสียงมารดาของวราลีปรามขึ้นบ้าง แต่ลูกสาวตัวน้อยหาฟังไม่ ดูเหมือนวราลีจะชอบพี่ชายคนนี้มาก เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก อีกฝ่ายก็ตามเกาะแขน เกาะติดสิงหราชแจ"ปล่อยเด็ก ๆ เล่นกันเถอะวรรณา เราไปดื่มชากันทางโน้นดีกว่า" มารดาสิงหราชเอ่ยขึ้น ก่อนหันมาบอกลูกชายของตน "สิงห์พาน้องไปเดินเล่นนะ ทำตัวดีกับน้องด้วยล่ะ""ครับ"หลังจากลับสายตาของผู้ใหญ่ สิงหราชสะบัดแขนที่ถูกเกาะไว้ทันที ส่งผลให้วราลีล้มไปกองที่พื้น"โอ๊ะ!"เด็กหญิงวราลีร้องอย่างตกใจ มองพี่ชายคนใหม่อย่างตกตะลึง"อย่ามาเกาะกันได้ไหม รำคาญ" พูดจบก็เดินจากไปทันที"พี่สิงห์! รอหนูลีด้วย" วราลีรีบลุกขึ้น ยก
หญิงสาวที่กำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวสิงหราชไม่รู้เลยว่ามีคนพุ่งเป้าทำร้าย และก็ปลอดภัยในคราวเดียว วันนี้สิงหราชจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัว เป็นการเปิดตัวว่าเขากำลังคบกับวราลีอยู่ ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้ตลอดการแนะนำตัว คนในครอบครัวชายหนุ่ม มี สองสามีภรรยา กิตติคุณ และเรวดี ที่สิงหราชแนะนำว่าเป็น น้า และ อา ทั้งคู่มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของสิงหราช ชื่อชานนท์ ชายหนุ่มวัยสามสิบปีที่เป็นผู้บริหารโรงแรมแกรนด์ไทเกอร์ เชียงราย“แฟนสวยนะสิงห์ จะแต่งกันเมื่อไรล่ะ” กิตติคุณถามหลานชายยิ้ม ๆ“คุณแม่กำลังดูฤกษ์ให้ครับ ก็คงจะเร็วที่สุด เพราะผมรอไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดจบก็หันไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้างุด สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่“คนนี้ฉันถูกใจมาก ๆ เลยล่ะกิตติ” นาตยาบอกยิ้ม ๆ “ความฝันที่ฉันจะได้อุ้มหลานใกล้จะเป็นจริงเสียที”“ยินดีด้วยนะครับพี่นิตย์ ยินดีด้วยนะหลานชาย หลานสะใภ้”“ถ้าได้วันแล้ว บอกตานนท์เนิ่น ๆ นะจ๊ะ จะได้เตรียมห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมของเรา” เรวดีพูดบ้าง สายตามองวราลีด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว แต่ลูกชายเรานี่สิ ไม่รู้เมื่อไรจะมีแฟนเป็นตัวเ
โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวกระหวัดกัน ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ฝ่ายหญิงพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนและกำลังขับเคลื่อนอารมณ์ปรารถนาอย่างเมามัน“อ่า คุณยังเด็ดไม่เปลี่ยนเลยดีดี้...” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความสุขสมดังขึ้น ฝ่ามือสองข้างจับบั้นเอวหญิงสาวที่กำลังขับเคลื่อนบนลำตัวอย่างแนบแน่น“คุณก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม...” ดลฤดีบอกเสียงแหบเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังติดต่อกันยาวนานหลายชั่วโมง ผสานเสียงครวญครางเต็มไปด้วยความสุขสม ชายหญิงสองคนเสพสมกามารมณ์ถึงพริกถึงขิงสมกับที่โหยหากันมานาน...เมื่อพายุพิศวาสโหมกระหน่ำและพัดผ่านไป ดลฤดีนอนคว่ำหน้า เปิดเปลือยแผ่นหลัง มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่คลุมบั้นเอวไว้ ทรวดทรงองค์เอวไร้ที่ติ ทำให้ประสิทธ์ที่กำลังนั่งบนขอบเตียง มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ อีกข้างอดใจไม่ไหว เขายื่นมือลูบไล้แผ่นหลังหญิงสาวเบา ๆ เป็นเชิงหยอกล้อ“ดูอะไรอยู่ หือ...” เขายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เห็นรูปในจอโทรศัพท์ของดลฤดี เป็นรูปชายหญิงคู่หนึ่ง “อ๋อ รูปผัวเก่า โอ้ กำลังควงผู้หญิงด้วย แฟนใหม่ล่ะสิ”“ไม่รู้สิ...แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกจ้างสิงห์” หล่อนพึมพำ พลางขบคิดรูปที่ส่งมาให้ทางไลน์
วรรณามองชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งสงบเสงี่ยมตรงหน้า ลูกสาวคนเดียวที่รักมากมีหนุ่มมาขอถึงบ้าน หนุ่มคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ลูกชายเพื่อนสนิทที่คบกันมาหลายสิบปี แม้ในใจจะยินดี แต่ก็ต้องทำท่าขรึมข่มขู่ว่าที่ลูกเขยกันหน่อย“นี่คบกันมานานเท่าไรแล้ว?”วราลีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างกัน“ผมถูกใจหนูลีตั้งแต่มาทำงานในไร่ครับ!” สิงหราชเป็นฝ่ายตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทางอ้ำอึ้ง “เราดูใจกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว วันนี้จึงมั่นใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ผมได้ดูแลหนูลี คุณแม่...ยกหนูลีให้ผมเถอะนะครับ”“คนหนุ่มสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว” วรรณายิ้มมุมปาก “นี่คงหุนหันพลันแล่นกันมาโดยไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่สินะตาสิงห์ แม่เรารู้เรื่องนี้หรือเปล่า หืม”“คุณแม่ยังไม่ทราบครับ แต่ผมจะกลับไปคุยกับแม่แล้วจะมาสู่ขออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” สิงหราชพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็มาโดยไม่บอก แต่ผมต้องการเรียนให้คุณแม่ทราบว่าเราคบกัน และมีความตั้งใจจะแต่งงานกัน”“เอาเถอะ ฉันจะรับรู้เรื่องพวกเธอสองคนคบหากัน แต่เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจริงใจกับหนูลีจริง ๆ ก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอให้เป็นเรื่อ
สิ้นเสียงเลขาหนุ่ม สิงหราชรีบสาวเท้าตามสาวเจ้าทันที เขาวิ่งไปจนไล่ทันวราลีที่กำลังจะถึงหน้าออฟฟิศ มือขวาเรียวแขนบอบบางที่กำลังเปิดประตูได้ทัน“ปล่อยค่ะ” วราลีหันมาบอกเสียงเรียบ“โกรธพี่เหรอคะ ที่ให้พายัพแอบตามไป”“ค่ะ โกรธ” วราลีตอบตามตรง สร้างความแปลกใจให้สิงหราช ชายหนุ่มไม่คิดว่าหญิงสาวจะตอบง่าย ๆ นึกว่าจะสะบัดมือหรือยกมืออีกข้างตบเขาเหมือนในละคร“พี่ขอโทษ...พี่เป็นห่วง เลยให้พายัพตามไป”“เป็นห่วงหรือไม่ไว้ใจกันคะ” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม “วราลีไม่ใช่เด็ก ๆ ที่ต้องมาให้ใครคอยตาม และลีก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณเรวัต ที่ไป ก็เพราะจะคุยกันให้มันชัดเจน แต่ที่พี่สิงห์ทำแบบนี้ มันเหมือนไม่เชื่อใจลี ถึงได้ให้คนไปแอบตาม”“...”“ลีโกรธ และน้อยใจค่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับลีตอนนี้เลยค่ะ”“พี่ขอโทษ”“ค่ะ ลีจะรับคำขอโทษ แต่คำพูดที่ลีจะบอกพี่สิงห์หลังจากกลับมาคงไม่บอกตอนนี้ ลีขอคิดให้ดี ๆ อีกครั้งก็แล้วกัน ระหว่างนี้พี่สิงห์ก็ทำตัวดี ๆ เพราะมันมีผลกับคำพูดของลีที่จะบอกค่ะ”พอพูดจบวราลีก็สะบัดมือออกแล้วผลักประตูเข้าไปด้านใน ทิ้งให้สิงหราชยืนหน้าตาเหงาหงอยไว้เบื้องหลัง13นาตยามองหนุ่มสาวที่ก้มห
“ไอ้งก!” เขาด่า เสียงในสายหัวเราะลั่น แล้วก็วางไป“หงุดหงิดจริง ตามไปดีไหมนะ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ รู้สึกไม่ไว้วางใจ ถึงจะให้พายัพแอบตามดูอยู่ห่าง ๆ แต่คิดไปคิดมา หากเขาตามไปแล้ววราลีโกรธ ไม่อยากจะคิดว่าจะง้อยากแค่ไหน แบบนั้นก็ไม่ได้ แบบนี้ก็ไม่ดีเขายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแล้วสบถ“โว๊ย!”หลังจากไหว้พระและซื้อของที่ระลึกเสร็จ โปรแกรมต่อไปของทั้งสองคือการล่องเรือ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ฝ่ายวราลีกับเรวัตกำลังดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติ ถัดไปไม่ไกลกลับมีผู้ชายตัวโตคนหนึ่งกำลังโก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงโอ้กอ้ากดึงดูดความสนใจให้วราลีหันไปมอง“เอ๊ะ...”“มีอะไรครับ” เรวัตเอียงศีรษะมองหญิงสาว เมื่อได้ยินเสียงอุทาน“เหมือนลีจะเห็น...คุณพายัพ”พายัพที่เกาะขอบเรือแล้วอาเจียนจนหน้าดำหน้าแดง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามาทาบทับ พอรู้สึกดีขึ้นก็เงยหน้าพลางยกมือขึ้นปาดริมฝีปาก เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนกอดอกมองอยู่ก็เบิกตาค้าง“คะ...คุณลี”“ค่ะ ลีเอง ว่าแต่มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ” หญิงสาวถาม พลางยื่นขวดน้ำให้ “จิบสักนิด สีหน้าคุณดูแย่มาก ๆ เมาเรือเหรอคะ”“ครับ...” เขาตอบได้แค่นั้น ก่อนรับน้ำจากอีกฝ่ายแล้วย