4 สี่ปีต่อมา
สี่ปีต่อมา
บรื้น....บรื้น....
เสียงรถบิ๊กไบค์ดังมาแต่ไกลก่อนที่เทียนหอมจะมองเห็นตัวรถดูคาติสีดำคันใหญ่เลี้ยวปาดมาจอดตรงหน้า ฝั่งถนนของเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เธอหรี่ตาหวานดุใส่พี่ชาย
“เมื่อเช้าไม่เห็นบอกว่าจะเอาบิ๊กไบค์มา” น้ำเสียงมีงอนเล็กน้อย
สุดแสนเปิดกระจกหมวกกันน็อค “พูดมาก ขึ้นรถ”
“หนูจะขึ้นยังไง ใส่กระโปรง”
เทียนหอมยังยืนกระเง้ากระงอด มือจับชายกระโปรงเขย่าให้พี่ชายดู
“ก็นั่งคร่อมไง เอานี่กระเป๋า ถือให้ด้วย”
สุดแสนโยนกระเป๋าเป้สีดำให้เทียนหอมที่ยื่นแขนออกไปรับได้ทันก่อนที่มันจะร่วงหล่นพื้น จึงทำให้มองเห็นรองเท้าคอมแบตเปื้อนโคลน
“พี่แสน! ทำไมใส่รองเท้าเปื้อนโคลนขนาดนี้ แกล้งหนูใช่ไหม หนูเพิ่งจะขัดไปเมื่อคืนเองนะ”
“ไม่ได้แกล้ง เรียน รด. จะให้มันสะอาดได้ยังไง เร็ว..รีบขึ้น พี่หิวข้าว”
เทียนหอมยังบ่นอุบอิบในลำคอขณะเหยียบที่พักเท้า พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ จับชายกระโปรงเหน็บไว้กันปลิวแล้วเบี่ยงตัวออก
“หื้อออ เหม็นเหงื่อ”
“วันนี้ครูฝึกให้วิ่งหลายรอบ หาอะไรกินที่หน้าโรงหนังไหม นั่งแอร์เย็น ๆ”
“ไม่อ่ะ แม่ใจบอกว่าจะทำพะโล้”
“พะโล้อีกแล้ว เอานี่หมวกกันน็อค”
สุดแสนเอี้ยวตัวกลับมาสวมหมวกกันน็อคให้คาดรัดปลายคางจนเห็นว่าเรียบร้อยแน่นหนาจึงได้ออกตัวรถ คว้าแขนข้างหนึ่งของเทียนหอมให้จับเอวไว้
“จับแน่น ๆ เดี๋ยวปลิวลมร่วงลงไป พ่อครูสถิตได้ฟาดกบาลพี่หัวแบะแน่”
“ไม่ปลิวสักหน่อย”
“ผอมขนาดนี้ไม่ปลิวได้ยังไง”
“ไม่ได้ผอม น้ำหนักเท่าเดิม แต่หนูสูงขึ้นต่างหาก”
“สูงขึ้น! ตอนไหน ยังดูเตี้ยอยู่เลย”
“ปีนี้หนูสูงตั้งร้อยหกสิบสองแล้ว กว่าจะจบมอหก หนูคงสูงถึงร้อยเจ็ดสิบ เป็นนางแบบได้สบาย ๆ”
“เหอะ! นางแบบ ฝันไปเถอะ”
“ทำไม เป็นนางแบบได้เงินเยอะจะตาย”
“จะเอาไปทำไมเงินเยอะ ๆ”
“ก็หนูอยากรวย อีกอย่างจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนพ่อครู”
“แค่เงินพ่อครูสถิตก็กินใช้ไม่หมดแล้ว กลัวพ่อครูไม่แบ่งสมบัติให้ตอนตายหรือไง”
เทียนหอมเงียบเสียงลงทันทีไม่โต้ตอบ จับเอวสอบในชุดนักศึกษาวิชาทหารไว้แน่นเพราะสุดแสนเร่งความเร็วขึ้นอีก
“กลัวหรือไง กลัวก็จับเอวให้แน่น ๆ พี่จะเร่งความเร็วขึ้นอีก”
“พี่แสน!!”
คราวนี้เทียนหอมซุกหน้าลงกลางหลังทันที เปลี่ยนจากจับเอวเป็นกอดแน่นจนพี่ชายคนรองหัวเราะชอบใจ เขารู้ว่าเธอกลัวแต่ยังชอบแกล้งเสมอ กระทั่งถึงบ้านจึงผ่อนคันเร่ง
“ถึงแล้ว”
เทียนหอมหน้าบึ้งปีนลงจากรถบิ๊กไบค์ไม่พูดไม่จาตั้งท่าจะเดินเข้าบ้านแต่สุดแสนคว้ากระเป๋าตัวเองดึงให้น้องสาวหยุดรอ
“ทำเป็นงอนไปได้ เอากระเป๋ามานี่”
“ฮึ กลัวแม่ใจรู้ใช่ไหมว่าใช้น้องหิ้วกระเป๋า”
เปะ...สุดแสนดีดนิ้วกลางหน้าผากจนเกิดรอยแดง แล้วมองอย่างพอใจอมยิ้มเล็กน้อย
“รู้ดี”
“เจ็บนะเนี่ย หนูจะฟ้องพ่อครู พี่แสนแอบสูบบุหรี่”
“ฟ้องไปดิ โตแล้วทำไมจะสูบไม่ได้”
“พี่เพิ่งจะมอหก”
“มอหกก็โตแล้ว ไปเร็ว มัวแต่คุยพี่หิว ขืนชักช้าจะกินพะโล้ให้หมดเลย”
เทียนหอมตาโตมองแผ่นหลังสุดแสนที่วิ่งอ้าวนำหน้าตรงไปยังห้องครัว เธอจึงรีบวิ่งตามไปให้ทัน
“อย่านะ อย่ากินพะโล้หมด”
เสียงหวานใสของน้องคนเล็กของบ้านตะโกนไล่หลังสุดแสนขณะที่เขาโผล่ร่างอย่างเด็กวัยรุ่น เพียงแต่ว่าเด็กวัยรุ่นคนนี้เกิดและเติบโตในค่ายมวย ถูกบังคับให้ซ้อมมวยพร้อมกับเด็กคนอื่นในค่าย มีหยุดเพียงวันอาทิตย์เท่านั้น ทำให้สุดแสนรูปร่างบึกบึนกล้ามเนื้อกว่าเด็กหนุ่มทั่วไป
“แกล้งอะไรน้องอีกเจ้าแสน”
สุดแสนยิ้มกว้างให้แม่ตรึงใจก่อนจะชะโงกตัวไปหอมแก้ม
“โอ้ย! เหม็นเหงื่อ ไปเลย ไปล้างมือล้างหน้าก่อน”
ตรึงใจได้ยินเสียงรองเท้านักเรียนกระทบพื้นดังถี่รัวก่อนจะมองเห็นลูกสาวคนเล็กกระหืดกระหอบชะโงกหน้าเข้ามา
“พี่แสนจะแย่งพะโล้ของส้มค่ะ” เสียงหวานโวยวายแล้วจึงวางกระเป๋าลงบนพื้นครัว “สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้เรียบร้อยตามปกติ แล้วจึงตรงไปล้างมือ หางตาชำเลืองมองพี่ชายเดินกลับมาในครัวแล้ว หน้าเปียก ผมเปียกย้อยลงคอปกเสื้อ รด. สีเขียวเข้มเป็นหย่อม ๆ
“ขี้ฟ้อง”
เทียนหอมแลบลิ้นใส่ก่อนจะนั่งลงข้างกัน มองในจานพี่ชายตักไข่พะโล้ไปตุนไว้แล้วสองฟอง จึงรีบแย่งตักออกมาจากจาน
“พี่แสนไม่ต้องกินไข่เยอะหรอก เอามาให้หนู”
“อะไรกัน นอกจากขี้ฟ้องแล้วยังขี้หวง”
สุดแสนใช้ส้อมจิ้มลงบนไข่ที่ถูกแย่งไปแล้วยกขึ้นเอาเข้าปากยื่นหน้าใส่ เทียนหอมจึงใช้มือจับไข่ที่โผล่พ้นปากดึงออกมากินเองเคี้ยวตุ้ยก่อนจะอ้าปากให้ดู เธอเอียงหน้ามองพี่ชายที่นิ่งงันไป
“พี่แสนเป็นอะไรทำไมหูแดง”
เทียนหอมเอามือดึงติ่งหูจนสุดแสนต้องรีบปัดออก
“ไข่ในหม้อยังมีอีกตั้งเยอะ จะแย่งกันทำไม เจ้าแสนก็อย่าไปแกล้งน้อง”
เสียงพ่อครูสถิตทำเอาคนทั้งคู่ผละออกห่างต่างคนต่างก้มหน้ากินข้าวต่อ
“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย น้องหอมต่างหากที่แย่งไข่ผมไป”
สองคนยังใช้ข้อศอกถอกกันไปมาจนพ่อครูสถิตคุณส่ายหน้า
“พี่จะกินเลยไหมจ๊ะ ใจจะได้ตักข้าวให้”
“ยังก่อน รอกินพร้อมเจ้าเสือ”
“อ้าว อาทิตย์นี้เฮียเสือกลับบ้านหรือครับพ่อ”
“แกลืมไปแล้วหรือไง พรุ่งนี้วันรวมค่าย ปีนี้ค่ายเราเป็นเจ้าภาพ”
“วันรวมค่ายเป็นยังไงคะ” เทียนหอมเอ่ยถามปากยังคาข้าว เธออยู่ที่ค่ายนี้มาสามปีแล้วแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้
“ก็คล้ายกีฬาสีนั่นแหล่ะลูกส้ม แต่เป็นกีฬาสีมวย พวกค่ายมวยที่ลงทะเบียนกับสมาคมไว้จะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ปีนี้ค่ายเราได้เป็นเจ้าภาพ มีค่ายเข้ารวมหกค่าย คงคึกคักน่าดู”
เทียนหอมพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าทีรู้เรื่องทั้ง ๆ ไม่เข้าใจ
“แล้วพ่อครูให้พักที่ไหน”
สุดแสนยกน้ำขึ้นดื่มชำเลืองมองน้องสาวยังตั้งหน้าตั้งตาฟังพ่อครู จึงไม่อยากขัด
“กูจัดไว้แล้ว ก็ตึกนักมวยเรานี่แหล่ะ ซื้อเตียงเข้ามาเพิ่ม ไอ้แสน ถ้ามึงสนใจมาช่วยดูบ้างคงรู้เรื่องหมดแล้ว นี่อะไรเอาแต่ทำตัวเหลวไหล”
“เหลวไหลที่ไหน ผมเรียน” สุดแสนขึ้นเสียงสูง
“พูดถึงเรื่องเรียน มึงตกลงใจได้หรือยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน”
“อืม..เรียนวิศวะคอมที่โคราช” สุดแสนยกแขนขึ้นพาดพนักพิงหลังเก้าอี้ของเทียนหอมไว้ ใช้นิ้วสะกิดที่หัวไหล่อีกด้าน ไม่ให้พ่อครูสถิตเห็น
“ไปเรียนโคราชเลยเหรอว่ะ”
“ใกล้บ้านสุดแล้วพ่อ หรือจะให้ไปเรียนกรุงเทพ”
“ไม่มีทาง ถ้าให้มึงไปเรียนกรุงเทพก็เท่ากับติดปีกให้น่ะสิ ไปแล้วกลับมาบ้านทุกเสาร์อาทิตย์ด้วย”
สุดแสนสะกิดน้องคนเล็กอีกครั้งแรงขึ้น
“ทีเฮียเสือไปเรียนต่อโท ไม่เห็นต้องกลับทุกเสาร์อาทิตย์”
“อ้าว ไอ้นี่ นั่นมันต่อโท จะให้พี่แกเรียนมหา’ลัยแถวนี้ได้ยังไง เสียชื่อหมด อีกหน่อยถ้าเฮียเสือแกลงเล่นการเมือง โปรไฟล์มันจะได้สวยหรู”
“เออ หนูอิ่มแล้วค่ะ” เทียนหอมรวบช้อนเรียบร้อย “หนูมีการบ้านขอตัวเข้าห้องเลยนะคะ”
“แหม ... พอดีเลย พี่ก็มีการบ้าน”
สองพี่น้องพากันลุกจากเก้าอี้พร้อมกันยกจานไปเก็บยังอ่างล้างจาน แล้วก้มลงหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเอง
“อะไรกันคู่นี้ พอพูดเรื่องเรียนหน่อยเป็นไม่ได้”
ตรึงใจหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงรินเบียร์ให้ เธอเห็นแล้วว่าลูกชายตัวดีสะกิดเทียนหอมหยิก ๆ
“ดื่มเบียร์รอลูกก่อนแล้วกันจ๊ะพี่”
“ไอ้แสนนับวันจะร้ายขึ้นทุกที เด็กที่ค่ายพูดกันขรมว่ามันชอบออกซิ่งตอนกลางดึก มันไปตอนไหน ทำไมไม่เคยได้ยินเสียงรถมันเลยแม่”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันพี่สถิต รถบิ๊กไบค์ปกติสตาร์ททีดังกระหึ่มทั่วค่าย”
“นั่นสิ ติดกล้องวงจรปิดตรงโรงจอดรถดีไหมแม่”
“พี่...” ตรึงใจลากเสียงเจือหัวเราะ “จนป่านนี้แล้วเพิ่งจะมาคิดได้ จนเจ้าแสนใกล้จบ ม.หก อีกไม่กี่เดือนคงย้ายไปอยู่โคราช”
“เอาเถอะช่างมัน อย่างน้อยมันก็ได้เกรดดี แม้ว่าจะไม่ดีเท่าไอ้เสือ”
“พี่อย่าไปพูดเปรียบเทียบลูกต่อหน้านะ ลูกจะน้อยใจเอา”
“ฮึ” พ่อครูแค่นเสียง “ไม่ให้พูดเปรียบเทียบ... มันถึงได้ใจเอาใหญ่ นี่แทบไม่เห็นหัวพ่อกับแม่มันแล้ว”
“แล้วใครเป็นคนเอาใจเจ้าแสนเล่าพี่สถิต” ตรึงใจทำเสียงระอาใจ “รถบิ๊กไบค์ก็พากันไปแอบซื้อมา ไม่ใช่พี่หรอกหรือที่ยื่นบัตรเครดิตให้มัน”
พอพูดตรงนี้พ่อครูสถิตก็ไปไม่เป็นยิ้มเก้อเขินที่เสียรู้ลูกชายคนเล็ก
“ใครจะไปรู๊... ไปถึงน้องที่ร้าน ก็ร้านของไอ้นวยศิษย์เก่าของเราเอง มันชวนคุยฟุ้งไปเรื่อย ยกดื่มนิดหน่อย ไอ้แสนมันก็สะกิดขอบัตร แล้วจะให้พี่เสียหน้าก็ใช่เรื่อง พี่ก็เลย...”
“ควักบัตรให้มันรูดไปเกือบล้าน”
เอื้อก... เสียงกลืนเบียร์ลงคอเริ่มฝืด
“อย่าไปพูดถึงเรื่องเก่าเลยแม่ เอาเรื่องวันพรุ่งนี้ ค่ายศรเพชรเขาให้ลูกสาวคนโตมาเอง อายุยังไม่มาก พี่เลยว่าจะให้มานอนบนเรือนเรา”
“ลูกสาวคนโต?”
“ชื่อโปรดปราน สิบเจ็ดสิบแปดเท่าไอ้แสน”
“อายุยังน้อยอยู่เลย”
“ไอ้ปลื้มมันรักคนนี้มากนะ ดูชื่อสิ ‘โปรดปราน’ แม่จัดห้องหับต้อนรับลูกเขาให้ดีนะ อย่าให้เสียชื่อค่ายเรา” พ่อครูสถิตคุณพูดพลางยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“นอนห้องถัดไปติดกับลูกส้มแล้วกัน”
“ตามใจแม่ จะว่าไปก็จำหน้าหนูโปรดไม่ได้แล้ว เห็นตั้งแต่ยังเล็กๆ เคยให้ทองรับขวัญหลานไปร่วมสิบบาท”
“พี่สถิต…” ตรึงใจเอ่ยเสียงลากยาวหรี่ตาลงมองสามี “รู้นะคิดอะไรอยู่”
“คิดอะไร พี่คิดอะไร?” พ่อครูทำหน้าเลิ่กลั่ก รินเบียร์อีกแก้วเสมองไปทางนอกลานจอดรถ
“ห้ามจับคู่เด็ดขาด ยุคสมัยนี้แล้ว ให้เด็ก ๆ มันเลือกเอง รักเอง เข้าใจที่น้องพูดไหม”
“พี่ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นสักหน่อย”
“ไม่ไกล? ใจคาดว่าในหัวพี่สถิตวาดฝันถึงวันรวมค่ายแล้วต่างหาก”
พ่อครูสถิตคุณรีบยกเบียร์ดื่มปิดบังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ถ้าได้มาเป็นสะใภ้คงดีไม่น้อย ค่ายมวยศรเพชรเองก็ใช่ย่อย มีสาขามากมายทั่วโลกเช่นกัน ยิ่งคิดยิ่งคันไม้คันมืออยากออกโรงเอง แต่ติดตรงตรึงใจรู้ทันเสียก่อน
“เอาน่า ให้เด็ก ๆ มันเจอกันเสียก่อน เผื่อมันถูกใจกันสมหวังทั้งพ่อทั้งลูก แต่ถ้ามันไม่ปิ๊ง เราจะไปข่มเขาโคขืนให้กินหญ้าคงไม่ได้หรอกแม่”
พ่อครูชิงพูดตัดบทแล้วส่งแก้วเบียร์ให้ภรรยารินเอาใจตัวเองเบี่ยงเบนความสนใจ
จริงอย่างที่ตรึงใจพูดมา ในหัวสมองพ่อครูสถิตคุณกำลังฟุ้งเฟ้อวาดฝันถึงวันรวมสองค่าย ไปไกลถึงหลานตัวน้อยวิ่งเล่นอยู่รอบตัวแล้วให้หัวเราะออกมาจนภรรยาเพ่งหรี่ตามองอย่างรู้ทันอีกครั้ง
37 ตอนพิเศษสองปีที่แล้ว สามเดือนที่สุดแสนต้องบวชพระแสนจดฝีเท้าเปล่าไร้รองเท้า พาร่างตนเองบิณฑบาตรตามหลังหลวงพ่อ ยามเช้าตรู่ของจังหวัดบ้านนอก รถราไม่ได้ขวักไขว่เช่นเมืองหลวงกรุงเทพฯพระแสนก้มหน้านิ่งเดินผ่านญาติโยมกระทั่งหยุดลงตามหลวงพ่อที่เดินนำหน้า หันบาตรแล้วเปิดฝา ทำตามปกติอัตโนมัติ“นิมนต์เจ้าค่ะหลวงพี่”เสียงหวานใสดังขึ้น เสียงคุ้นเคยที่หลอกหลอนเขาทั้งกลางวันกลางคืนจนแม้แต่การบวชเรียนยังไม่อาจช่วยได้พระแสนเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กทรุดลงคุกเข่ากับพื้นก้มกราบสามครั้งอย่างไม่รังเกียจพื้นดินสกปรก ก่อนจะลุกขึ้นวางถุงข้าวลงในบาตร“หลวงน้องเป็นอย่างไรบ้าง”เสียงเฮียเสือทำให้เขาได้สติหันไปมอง “อืม” คำเดียวสั้น ๆ ตอบรับก่อนจะหันหน้ากลับไปมองดวงหน้าหวานไร้เครื่องสำอางจนเห็นเส้นเลือดพาดลำคอในชุดเสื้อลายลูกไม้สีขาวคอกระเช้า อวดไหปลาร้า“หลวงน้องชอบทานอะไร”เฮียเสือยังพูดขึ้นอีกครั้ง “อะไรก็ได้ แล้วแต่ญาติโยม” พระแสนตอบแบบไม่มอง เพราะสายตายังจ้องที่มือเล็กกำลังวางดอกไม้ธูปเทียนบนฝาบาตร แล้วคุกเข่าลงอีกครั้งจนเขามองเห็นกระหม่อม เส้นผมดกหนาสีอ่อน“หลวงน้องไม่ให้พรหรือ”เขาเอี้ยวหน้าไปมองเฮียเสื
36 NC พี่แต่งงานกับหนูได้ไหม จบบริบูรณ์“ก็พี่อยากเห็นหัวนม นะคนดี” สุดแสนทึ้งชุดเกาะออกจนหลุดพ้นหน้าอกจนได้ กอบด้วยสองมือดันขึ้นแล้วบีบแรง “สวยมาก ใหญ่ล้นมือ พี่เลือกคนไม่ผิดเลย โตมาแล้วสวยอย่างที่คิด”“คนลามก อ่า พี่คิดลามกตั้งแต่เด็ก”“เปล่าสักหน่อย” เขารั้งร่างเล็กลงเข้าหาแทน รัดจนอกอวบเบียดชิดแล้วเป็นฝ่ายตอกลำขึ้นหาท่อนเนื้อยาวสอดใส่แทรกเข้าถี่รัวยิ่งกว่าที่เทียนหอมจัดการขย่ม เขากดสะโพกเธอไว้ให้อยู่นิ่งระดมแรงชายตอกขึ้น“พี่แสน เบา ลึกเกินไปแล้ว”“ไม่เลย อ่า พี่ไม่ได้คิดลามก แต่หอมของพี่น่ารักขนาดนั้น ยิ่งแกล้งหน้ายิ่งแดง ผิวขาวจนเห็นเส้นเลือด พี่มองแล้วชอบมาก หอมของพี่”เทียนหอมหันหน้าประกบปากดูดลิ้น ปล่อยให้พี่ชายกระหน่ำร่างเธอด้วยท่อนเนื้อใกล้สุขสมเต็มทน ก่อนจะผละออก“เดี๋ยวก่อน หยุดก่อน”“หืมม์ อะไร พี่ใกล้แล้วนะ”“หนูยังไม่ได้พูดเลย ปล่อยหนู”สุดแสนจำใจปล่อยมือให้เทียนหอมลุกขึ้นนั่งตามเดิม ร่างระหงหยุดนิ่งก้มศีรษะมองลงมายังคนร่างโตด้านล่าง“เมื่อเย็นนี้ตอนเดินแบบ หนูคิดถึงพี่มาก” เธอโยกร่องรักเบา ๆ “มากเสียจนปวดร้าว” คลึงเคล้นเบียดรอยแยกให้สัมผัสแผ่นท้อง ขนอุยดกหนา “หนูอยา
35 สองปีต่อมาสองปีต่อมาในยามราตรีของจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดที่ได้ชื่อว่าตะวันออกสุดของประเทศเทียนหอมพารถหรูสีขาวที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองขับเคลื่อนผ่านตัวเมืองเพื่อตรงไปยังค่ายมวย ส อรุณ จุดหมายที่เธอตั้งใจไว้ เหลือบมองเวลาบนหน้าปัดจอแอลซีดี“เกือบเที่ยงคืนแล้ว” เอ่ยรำพึงคนเดียวแล้วเหยียดมือเมื่อยขบ “ไม่รู้ว่านอนหรือยังนะ”เธอตวัดรถเลี้ยวจอดหน้ารั้วก่อนจะลดกระจกรถลง ชะโงกหน้าออกไปให้ยามเห็น“ลุงชิดคะ ส้มเองค่ะ”“อ้าวคุณหนูส้ม มาเสียดึก ไม่เห็นมีใครบอกว่าจะกลับบ้าน เดี๋ยวผมเปิดให้ครับ”เธอยิ้มกว้างแล้วเลื่อนกระจกรถขึ้นตามเดิม เร่งเครื่องเลี้ยวตีวงไปจอดยังโรงจอดรถขนาดใหญ่“ขอบคุณนะคะลุงชิด ไม่ต้องช่วยยกของหรอกค่ะ มีแต่ขนม”“ครับ”เธอหยิบถุงกระดาษบรรจุขนมหวานที่แวะซื้อกลางทาง และอีกถุงซึ่งเป็นถุงพิเศษที่เธอนำกลับมาด้วยจากงานวันนี้ดวงหน้าหวานยังเกลื่อนรอยยิ้มอ่อนละมุนขณะก้าวขึ้นบันไดเรือนไทยหลังคุ้นเคยตั้งแต่สิบขวบ นับจากย่างเท้าจดลงไม้กระดานมันเงาหลังนี้งานแฟชั่นโชว์เมื่อเย็น ทำให้เธอตระหนักถึงความสำคัญบางอย่าง ยามเธอเยื้องย่างชุดฟินนาเล่ ชุดสุดท้ายปิดงานแฟชั่นด้วยชุดแต่ง
34 NC“พี่แสน”เธอซาบซ่านเสียวเนินรักยามสองนิ้วรูดผ่านจุดอ่อนไหวข้างใน หัวแม่มือบี้ลงติ่งนุ่มด้านนอก สอดเข้าสอดออกจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ“เสียวไหม เด็กดี บอกพี่สิ” สุดแสนดันนิ้วเข้าลึกหยุดนิ่งใช้นิ้วหัวแม่มือบี้เม็ด“อืออ หนู อ่า อ๊า”เขาดึงลากนิ้วออกหงายมือจนปลายนิ้วสัมผัสปุ่มเล็กด้านในร่องเนื้อแสนฉ่ำ กดขึ้น“ตรงนี้ หนูเสียวไหม”เทียนหอมอ้าปากค้าง งอตัวขึ้น มือยังจับที่นอนไว้ด้านหลัง ร่างกายเกิดอาการเครียดขมึงรวดร้าว“ไม่ตอบพี่เลย”เธอมองรอยยิ้มบนใบหน้าคมสันด้านบนแล้วจับข้อมือเขาไว้“พี่แสน อ่า อย่า อืออ หนู”สุดแสนก้มมองรอยแยกสีชมพู กลีบอ่อนบางนุ่มนิ้วถูกแยกแหวกออกด้วยสองนิ้ว และกำลังแดงช้ำจากแรงกดของนิ้วหัวแม่มือ เขาขยับถี่ขึ้นอีก“สามเดือน อืมมม น้ำแฉะไปหมดเลยคนดี พี่ให้สามเดือน สึกแล้วเราจะหาฤกษ์แต่งเลย”“พี่แสน!”เขายกคิ้วแล้วเร่งความถี่แรงขึ้นอีก เฝ้ามองสีหน้ารวดร้าวของเทียนหอมอย่างพึงพอใจ ถ้าเธอคิดจะใช้เรือนร่างมามีอำนาจเหนือเขา เขาก็จะใช้อำนาจทางกายหยัดขึ้นเหนือเธอเช่นกัน“จากนั้นหอมจะไปทำงานนางแบบก็ตามใจ อ่า ใกล้แล้ว ร่องมันตอดนิ้วพี่แล้ว อืม”เขาเกือบจะเลื่อนนิ้วออกแต่คำปฏิเสธห
33 NCจริงอย่างที่สุดแสนพูดมา เธอเปียกชื้นจนแฉะตั้งแต่เริ่มก้าวขาลงอ่าง เธอเริ่มเรียนรู้พลิ้วลิ้นเคลื่อนไหวโฉบปลายลิ้น ด้านข้างแล้วเกี่ยวกระหวัด อ้าปากหอบเอาลมหายใจก่อนจะดันไปด้านหน้าจนประกบ เป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปยังโพรงปากอุ่นของเขาแทนข้างในของพี่ชายอุ่นจัดและฉ่ำด้วยน้ำเช่นเดียวกับเธอ เขามีรสชาติบุหรี่เจือจาง ยามปลายเรียวเล็กสอดลอดข้างกระพุ้งแก้มเสาะหาไรฟัน วนไปยังอีกฝั่งแล้วอ้าปากค่อยปล่อยคายลิ้นถอยห่าง มองขอบปากหนาชื้นน้ำ“พี่ชอบไหม ถ้าพี่ให้หนูสองปี พี่จะไม่ต้องเหนื่อยแรง”“จริงหรือ?” น้ำเสียงสุดแสนกระเส่าร้อนระอุ ดันนิ้วจนลึกหมุนวน สังเกตสีหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อย “แน่ใจเหรอว่าจะเป็นฝ่ายขย่มพี่ได้ตลอด”เธอส่งรอยยิ้มยั่วที่เขาเห็นว่ามันมีเสน่ห์ เพราะดวงหน้าหวานพลันดูลึกลับราวแม่มด สุดแสนขยับนิ้วอีกครั้งแล้วพบว่าแววตากวางทอแสงหรี่ปรือช่างดูงดงามเธอเอียงหน้าเข้าหาพยายามเคลื่อนปากเข้าใกล้ ต้องการจูบเขาอีกครั้ง แต่สุดแสนขยับหนีแล้วยิ้ม ขยับนิ้วเร็วขึ้นจนคล้ายรุนแรง เธอวางมือบนผนังห้องน้ำพยุงตัวยันร่างที่อ่อนยวบจากฤทธิ์พิศวาส“พี่ยอมแล้วใช่ไหม”“ยอมอะไร”“ก็..ที่หนูขอไป อือออ” ร
32 18+ ปัง!!สุดแสนย่ำเท้าเข้าไปในห้องนอนของเทียนหอมทันทีเมื่อเธอเปิดประตูให้ หลังจากที่เขาลงฝ่ามือบนแผ่นไม้เสียงดังก้อง“พี่แสนควรทำตัวมีมารยาทบ้าง”“มารยาท?”“พ่อครูกับแม่อยู่บนบ้าน”“แล้วไง พี่บอกไปแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน พี่ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทถ้าจะเข้าห้องเมีย และเมียดันลงกลอนประตู!”“พี่แสน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”สุดแสนกระชากข้อมือเธอให้หันหน้ากลับมา “กลืนลงคอจนหมด เอร็ดอร่อยเลียริมฝีปาก แต่กลับบอกไม่ได้เป็นอะไรกัน”เทียนหอมเม้มปากสะบัดหน้าหนี “พี่บังคับหนู”“แน่ใจเหรอว่าบังคับ ไม่เสร็จเหรอ ร้องดังขนาดนั้น”“พี่แสน” เสียงหวานตวัดสูงขึ้นแล้วบิดข้อมือออก “หนูว่าพี่ไปอาบน้ำดีกว่าจะได้เย็นใจ แล้วเราค่อยคุยกัน”“รังเกียจหรือไง”“พี่นี่เหมือน...หมาบ้า พูดไม่รู้เรื่อง”สุดแสนหรี่ตาลงขยับตัวไปยืนด้านหน้า เทียนหอมเบือนหน้าไปอีกทาง เขาขยับต่อไปยืนด้านหน้าอีกครั้ง เธอหนีหน้าเบือนไปตรงข้าม สุดแสนจึงคว้าปลายคางบีบไว้ให้หันมา“ไม่เจอกันห้าปี ปากกล้าขึ้นเยอะ”“ปล่อย หนูเจ็บ” เทียนหอมสะบัดหน้าออกแล้วเดินหนี “พี่เข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน เดี๋ยวหนูไปขัดขี้ไคลให้”“ฮึ เอาใจแบบนี้ มีแผนอีกแล้วใช่ไห