หนึ่งนางเสือ หนึ่งหงส์งาม อวิ๋นมู่หลันไม่ได้ไปส่งพี่รองขึ้นเกี้ยว นางให้สาวใช้มอบของบางสิ่งแก่อีกฝ่าย เป็นเครื่องประดับ ผ้าแพร ขนมมงคล จากนั้นก็มีสิ่งที่ต้องการซื้อหาในตลาด ทั้งยังอยากเปิดหูเปิดตา เนื่องจากช่วงเวลานี้มีเรือสินค้าเข้ามาเทียบท่า “แม่นางหลัน จะขนทั้งหมดนี้กลับเรือนเลยหรือขอรับ” หญิงสาวยิ้มก่อนส่ายหน้าช้า ๆ นางมีเงินและตั๋วแลกเงินที่กวนเฉินหลางมอบไว้ให้ รวมถึงสองวันก่อนโจวจื่อเว่ยบอกว่า ในฐานะน้อง สาวบุญธรรมนางย่อมต้องมีกินมีใช้อย่างสมฐานะ ดังนั้นเขาจึงมอบหลายสิ่งแก่นาง โดยเฉพาะตำลึงเงินและทองแท่ง ซึ่งออกจะมากเกินไป ดังนั้นนางจึงอยากแบ่งปันผู้อื่น หลังจากได้ยินพ่อบ้านเอ่ยถึง เด็ก ๆ ที่ยากไร้ และคนที่อยู่ด้านนอกกำแพงเมืองที่อพยพมาจากอำเภออื่น ช่วงนี้มีปัญหาภัยน้ำป่าไหลเข้าสู่เมืองเนื่องจากเขื่อนแตก และยังถูกซ้ำเติมด้วยโจรป่า “ข้าเพียงแค่อยากแจกจ่ายของให้ชาวบ้าน พวกเขาคงคลายหนาวและอิ่มท้องขึ้นกว่าเดิม” “แม่นางหลันหมายถึงเสื้อผ้าแล้วก็อาหารแห้งพวกนี้” “ถูกต้อง แบ่งให้ทุกคนได้กินและสวมใส่ ข้าช่วยได้ไม่มาก ท
กวนเฉินหลางได้รับขนมแป้งนุ่มที่ผสมฟักทอง ส่วนไส้ข้างในเป็นถั่วเหลืองกับหัวผักกาด รสชาติกลมกล่อมหอมกลิ่นน้ำมันงาทั้งยังทำให้เขานึกถึงความหลัง “ไม่ใช่ของอาหลันหรอกรึ แล้วเหตุใดรสชาติถึงคุ้นลิ้นนัก” ชายหนุ่มถามคนที่นำเข้ามาซึ่งก็คือหลิวอู้ อีกฝ่ายมีสีหน้ายุ่งยากใจ เขารอหลานชายนำของมาจากเรือนใต้เท้าโจว ทว่าวันนี้ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงล่าช้า และจู่ ๆ มีพ่อบ้านผู้หนึ่งมาแจ้งเขา พร้อมของฝากพิเศษมอบให้กวนเฉินหลาง คราแรกเขาไม่คิดจะนำมาให้แม่ทัพหนุ่ม กวนเฉินหลางไม่ชอบรับสิ่งของใดจากผู้อื่นตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาห่วงเรื่องนี้จะนำพาความยุ่งยากมาให้ แต่เมื่อรู้ว่าคนที่ส่งมาจากสกุลเตียว ตัวหลิวอู้ก็เคยรับใช้ที่นั่นมาก่อนเขาจึงจำใจนำอาหารมาให้ผู้เป็นนาย “มิได้ขอรับท่านแม่ทัพ เป็นสิ่งที่สกุลเตียวฝากมา” สีหน้ากวนเฉินหลางเครียดขรึม ก่อนถามด้วยเสียงที่เข้มกว่าปกติ “เจ้ามีหน้าที่เป็นธุระให้ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด” ยังไม่ทันที่กวนเฉินหลางจะได้ดุหลิวอู้เสียงฝีเท้าโจวจื่อเว่ยซึ่งแจ้งให้คนได้ยินรู้ว่าเขากำลังร้อนใจก็ดังขึ้น พร้อมการปร
บุรุษย่อมไม่เขินอายสตรี เรือนหลังเล็กนั้นมีกลิ่นอับอยู่สักหน่อย และร่างสตรีนั่งอยู่ข้างเสามีบาดแผลหลายแห่ง กระนั้นก็เริ่มตกสะเก็ด ทั้งได้รับการรักษาที่ดี ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่นางหลบหนีบุรุษร้ายกาจหลวนคุน ก่อนที่โชคชะตาจะพลิกผันเมื่อมีคนผู้หนึ่งยื่นมือเข้าช่วยไว้ อวิ๋นหยวนม่านกรีดร้องราวกับคนเสียสติ ด้วยยังไม่หายตื่นตกใจเมื่อมีคนก้าวมายืนตรงหน้า แต่น้ำเสียงอีกฝ่ายทั้งการที่เขาให้คนดูแลนางอย่างดีเป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไป “หึ ๆ ๆ แต่เจ้าไม่ใช่นาง ไม่มีความคล้ายคลึงสักนิด!” เขาเอ่ยแล้วจึงสั่งให้คนดูแลอวิ๋นหยวนม่าน ซึ่งเป็นหมอที่ท่าทางแปลก ๆ ใส่ยาบนแผลนาง และสั่งสตรีอีกสองคนที่มือหนักทั้งหยาบกร้านช่วยเช็ดเนื้อตัว “ช่วยข้าไว้ด้วยเหตุใด” นางเอ่ยถามคนพวกนั้น สายตาจ้องบุรุษที่โดดเด่นท่ามกลางคนแปลกหน้า “เจ้าไม่สมควรตายด้วยน้ำมือผู้อื่น ชีวิตนี้จงอยู่เพื่อทดแทนบุญคุณที่มู่หลัน... ไม่ใช่สิ หลันเอ๋อร์ที่ดีต่อเจ้าเถิด” “รู้จักน้องหกด้วยหรือ และท่าทางเจ้าเหมือนคนต่างแคว้น ท
“กินสิ มีวิธีกินตั้งหลายอย่างที่จะทำให้อาหลัน สนุกไปด้วย” แก้มนวลใสของนางแต้มสีแดงระเรื่อ พอเขาจูบแรง ๆ ที่ซอกคอ อวิ๋นมู่หลันก็เผลอส่งเสียงคราวหวานล้ำ “ท่านพี่... อายไป๋อิงบ้าง” อวิ๋นมู่หลันเอ่ยไม่ทันจบดี เสี่ยวเฮยก็โผล่เข้ามาก่อกวนอีกตัว ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้ม เขาชอบใจทั้งยังเป็นสุข ชีวิตเช่นนี้คือสิ่งที่ตามหามานาน ภาพในวัยเด็กย้อนกลับคืนให้เห็น เขาชอบธรรมชาติ เลี้ยงสุนัขหลายตัวและสนุกกับการวาดรูปเขียนกลอน “เสี่ยวเฮยคงอิจฉาข้าที่จะทำให้อาหลันมีทายาท เป็นเจ้าก้อนแป้งขาว ๆ อวบ ๆ แสนน่ารักก่อนมัน” “มิได้ สตรีย่อมตั้งครรภ์แปดถึงเก้าเดือน” “นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หากเราเริ่มจากวันนี้ ปลายปี ข้าก็จะได้อุ้มลูกชายที่ทั้งกล้าหาญและเฉลียวฉลาด” “หากเป็นเด็กผู้หญิงเล่า ท่านพี่จะพึงใจหรือไม่” “ไม่ว่าชายหรือหญิง ขอให้เกิดจากสตรีที่ชื่ออวิ๋นมู่หลัน นับว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้แก่สกุลกวน” เมื่อเขาบอกด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขนางยิ่งขวยเขินกว่าเดิม “เอ เมื่อครู่อาหลันบอกว่า กินอ
บ้านเมืองอยู่ในยามคับขัน อวิ๋นมู่หลันทั้งขบขันและรู้สึกเป็นที่รักยิ่ง เมื่อกวนเฉินหลางรู้ว่านางตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือนเขาก็โกรธตัวเองที่หลายวันก่อนมีแรงสิเน่หาต่อนางอย่างท่วมท้น อีกทั้งออกแรงอย่างหักโหมต่อเรือนร่างงดงาม “ข้าผิดไปแล้วอาหลัน ขัดเคืองใจสิ่งใดหรือไม่ ต่อไปนี้ข้าจะยอมกินน้ำแกงขม ๆ เพื่อระงับราคะ หมั่นฝึกจิตใจให้สงบราวกับนักพรต หรือข้าควรกินเจ ดีหรือไม่!” นางมองเขาและยิ้มอย่างรักใคร่ ชายผู้นี้ยามทำหน้าที่แม่ทัพใหญ่ก็ดุดันห้าวหาญ ทว่าเมื่ออยู่ในเรือนเขากลายเป็นบุรุษแสนดีและอ่อนโยนต่อสตรี “มิได้ อย่าทำให้ตนต้องลำบากเพราะข้า อีกอย่างน้ำแกงใด ๆ หากดื่มมากเกินไป ย่อมส่งผลร้ายต่อร่างกาย และลูกคนต่อไปของข้ากับท่านพี่ พวกเขาอาจไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก!” นางบอกเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “จริงด้วย เช่นนั้นข้าจะอดกลั้นให้มาก หากมีราคะเมื่อใดก็จะ... ทำสมาธิ และจับดาบฝึกวิชา ขี่ม้าให้เหงื่อท่วมตัวแทน” เขาเสนอวิธีการต่าง ๆ นานา เพื่อที่ตนเองจะไม่ฝักใฝ่ต่อเรื่องอุ่นเตียง และเมื่อนางได้ฟังคำพูดเขาก็หัวเราะขึ้นอีก
หลังจากที่โจวจื่อเว่ยเดินทางออกจากเมืองจิน อวิ๋นมู่หลันก็ใจคอไม่ดีสักเท่าใด นางไม่ได้กลัวเพียงแต่เหม่อลอยในบางครั้ง ด้วยได้ข่าวว่ามีชาวบ้านต่างพื้นที่อพยพมาอยู่นอกประตูเมืองมากกว่าเดิมหลายหมื่นคน “แม่นางหลัน ถึงแจกข้าวปลาอาหารแห้งที่เรามีที่ในเรือนก็ช่วยพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ทางการเถิด นอกจากนั้นยังมีโจรลักเล็กขโมยน้อยออกอาละวาด พวกมันปลอมตัวเป็นขอทานบ้าง คนป่วยบ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นผิดปกตินัก เกรงว่าคงเป็นแผนภายในมากกว่าศัตรูต่างแคว้นอย่างแน่นอน” “หัวหน้าตงหมายความเช่นไร” อวิ๋นมู่หลันฟังหลิวตงกล่าวนางก็ครั่นคร้ามใจ “รัชทายาทต้องการให้เกิดจลาจล เขาจะได้ป้ายคำสั่งจากฮ่องเต้ เพื่อนำกำลังทหารหลวงปราบกบฏ รวมถึงโจรร้ายที่ก่อความวุ่นวายในต้าเหอตอนนี้” “สิ่งที่เจ้ากล่าวช่างน่ากลัว แต่จะให้ข้านิ่งเฉยมันถูกต้องแล้วหรือ” “แม่นางหลัน อย่างที่ท่านแม่ทัพเคยบอกไว้ หากเปิดเผยฐานะท่านให้ผู้อื่นรู้ เกรงว่าอาจตกเป็นเป้าให้คนไม่หวังดีทำร้าย และนั่นย่อมส่งผลเสียมากกว่าดี” หลิวตงเอ่ยเช่นนั้นอวิ๋นมู่หลันจึงแจ้งใจ
กวนฮูหยิน อวิ๋นมู่หลันหายใจไม่สะดวกนัก นางพยายามควบคุมสติ แต่มือสังหารที่ดักซุ้มอยู่มีหลายร้อยชีวิต “แม่นางหลัน เพื่อความปลอดภัยของท่านข้ายอมเอาชีวิตเข้าแลก ตอนนี้ส่งนกพิราบไปแล้ว ไม่นานคงมีกองกำลังมาเสริมและช่วยเหลือเราเป็นแน่” “หัวหน้าตง รักษาชีวิตไว้ก่อน คนพวกนั้นต้องการเพียงแค่ตัวข้า คงไม่คิดร้ายจนต้องเสียเลือดเนื้อ!” หลิวตงแม้อายุยังน้อยแต่หาใช่คนขี้ขลาด อีกทั้งวรยุทธ์ได้รับการฝึกฝนอย่างดี นอกจากทางด้านทหารเขายังใช้อาวุธลับได้อย่างแม่นยำ หัวหน้าหน่วยลับร่างสูงเพรียวกระโดดขึ้นสูงเหนือยอดต้นไม้ เขาสังเกตการณ์กองกำลังอีกฝ่าย ยามนั้นเห็นว่ามีคนที่หมายเข้ามาชิงตัว อวิ๋นมู่หลัน ฝีมือพวกมันนับว่าไม่ต่ำทราม แน่นอนไม่ใช่แค่มือสังหาร แต่เป็นองครักษ์ที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้มีอำนาจ เมื่อหลิวตงกลับมายังรถม้า เขาเอ่ยเสียงเครียดว่า “ข้ากับสาวใช้เหล่านี้ จะให้พวกนางปลอมตัวเป็นแม่นางหลัน ส่วนท่านไปกับพ่อบ้านหมิงและหมอตำแย” “อันตรายโดยแท้ หากถึงที่สุดให้พวกเขาพาตัวข้าไปเถิดหัวหน้าตง ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดสละเลือดเนื้อเพื
การต่อสู้ดุเดือดจนน่าประหวั่นใจ อวิ๋นมู่หลันนั่งอยู่ในรถม้าเพียงคนเดียว ส่วนด้านนอกทั้งสาวใช้ คนติดตาม แม้กระทั่งหมอตำแย ล้วนรับมือหน่วยสังหารพิเศษที่โพกผ้าสีแดงเลือดหมูคลุมหน้าตนเอง เสียงไป๋อิงดังกึกก้อง มันเห่าสลับขู่คำราม และลูก ๆ ของมันอีกสามตัวก็กระทำเลียนแบบด้วยความกล้าหาญ อวิ๋นมู่หลันห่วงทุกคนจับใจ แต่นางไม่อาจคิดอย่างคนโง่เขลา การออกไปให้ผู้อื่นพบตนอาจเป็นภาระและสร้างอันตราย กระทั่งหมอตำแยกลับเข้ามาในรถม้าอีกครั้ง และบอกว่า “ฮูหยิน ไปกับข้า เราต้องใช้รถม้าล่อพวกมัน” หมอตำแยว่าจบก็จับมืออวิ๋นมู่หลันพานางลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง เวลานั้นแสงอาทิตย์เจียนลับขอบฟ้า นับว่าช่วยอำพรางสายตาผู้อื่นได้ดี เมื่อลงจากรถม้า อวิ๋นมู่หลันเห็นลูกสุนัขทั้งสามตัวอยู่ข้าง ๆ ไป๋อิง ยามนี้พวกมันไม่ใช่ลูกสุนัขดั่งที่นางคิดแล้ว ด้วยต่างช่วยกันไล่กัดพวกมือสังหารที่หมายจะเข้ามาถึงตัวอวิ๋นมู่หลัน “หนานหนาน ฮวน... และเหลียวหง จะปลอดภัยหรือไม่” ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่เหลียวหง มันเป็นสุนัขสีแดงเพลิงตัวโต กว่าพี่น้อง ยามนี้แสยะเขี้ยวยาวพร้อมไล่กัดคนร้ายอย่างด
หยวนจื่อบอกให้คนของตนเตรียมส่งคนเข้ามาตรวจร่างกายของเถียนลู่ฟาง นี่คือสิ่งที่จะเชื่อมโยงกับหลักฐานที่นางให้คนไปจัดฉากไว้ ทั้งเสื้อผ้าบุรุษ และพยานบุคคลที่บอกว่าเห็นผู้ชายออกจากห้องหอเรือนของหนันเฉินเทียน ทั้งที่อีกฝ่ายพักในเรือนหลักไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเถียนลู่ฟางเนื่องจากการแต่งครั้งนี้เป็นเพียงการแก้เคล็ด “การแต่งงานของเจ้ากับเทียนเอ๋อร์ ล้วนเป็นพิธีซึ่งทำเพื่อเสริมดวงให้เขา และสิ่งสำคัญที่ข้าอยากรู้ เจ้ายังเป็นสตรีที่บริสุทธิ์หรือไม่” หยวนจื่อโพล่งขึ้น “แล้ว หนันฮูหยินต้องการทำเช่นไรกัน ข้าแต่งเข้าบ้านท่านแล้ว ใยต้องทนให้ผู้อื่นเหยียดหยาม” เถียนลู่ฟางส่งเสียงดัง และนางไม่พอใจเป็นอย่างมากให้ยามนี้ “เพียงแต่ตรวจร่างกาย หากยังไม่พบร่องรอยถูกข่มเหง ข้าก็ยินดีให้เจ้าอยู่ในเรือนต่อไป” หยวนจื่อกล่าว “ฮึ อย่างไรข้าก็เป็นฮูหยินผู้หนึ่งของสกุลหนัน และได้เข้าหอแล้ว เรื่องนี้ให้คนเป็นสามีตรวจสอบจะไม่ดีกว่าหรือ” หยวนจื่อหัวเราะเสียงดังทีเดียว และเอ่ยอย่างหยามหมิ่นเถียนลู่ฟาง “เจ้ายังมีสติดีหรือไม่ แน่นอนเจ้าเข้าหอกับเทียนเอ๋อร์ แต่นั่นเป็นเพ
เถียนลู่ฟางทั้งโมโห ทั้งฉุนเฉียว แต่แรกนางมั่นใจว่าคงเข้ามาที่หอบรรพชนเพียงสองสามชั่วยาม แต่ตอนนี้เกือบสามวันแล้วที่ถูกกักบริเวณ แต่หากกล่าวให้ถูกต้อง นางถูกขังเสียมากกว่า กระนั้นหนันฮูหยินยังมีความเมตตาอยู่บ้าง ด้วยมีข้าวสวยกับน่องไก่ส่งมาให้ทางช่องเล็กๆ เพียงวันละหนึ่งครั้ง ภายในหอบรรพชนนี้อากาศเย็น ไม่ร้อน ทว่าบรรยากาศชวนให้นางหวาดกลัวมิน้อย ตกกลางคืนมีเสียงสุนัข และเงาแมวดำวิ่งไปมา แม้ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เถียนลู่ฟาง ทั้งเครียด และยากควบคุมตนไม่ให้คิดมากไม่ได้ เมื่ออยากออกไปข้างนอก เสียงของคนที่ยืนเฝ้าประตูก็ตอบว่า หากไม่มีคำสั่งหยวนจื่อ ให้ไฟไหม้หอบรรพชน เถียนลู่ฟางก็มิอาจก้าวออกไป “มารดาคนสกุลหนันเถิด... ข้าเป็นถึงฮูหยินห้า ไป ไปเชิญสามีข้า มารับกลับเรือนเดี๋ยวนี้” เถียนลู่ฟางร้องโวยวายอย่างคนขาดสติอยู่นานทีเดียว กระทั่งมีกลิ่นธูปหอมจัดลอยเข้าจมูก นางเลยผ่อนคลายลงก่อนจะค่อยๆ หมดสติไป กระทั่งนางรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก ทั้งยังวิงเวียนศีรษะมาก ไป๋รั่วรั่วจึงเข้ามาด้านใน พร้อมกาน้ำชา “ฮูหยินห้า...” อีกฝ่ายเรียกนาง แล
หญิงสาวขยับร่างกายบนฟูกหนาหนุ่ม และยามนี้ละอายใจยิ่งนัก เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยไปหมด พออยากขยับร่างกาย ก็รู้สึกว่าร้าวไปทั้งร่าง นางตกเป็นของหนันจิ้งโหย่ว...แน่นอน เขาไม่ใช่สามีที่นางแต่งเข้าสกุลหนัน “ท่านย่ำยีข้า หญิงสาวไม่ได้โวยวาย แต่เอ่ยอย่างเจ็บปวด” หนันจิ้งโหย่วมองนาง มองแล้วอมยิ้ม ไม่ได้ยั่วล้อ แต่มองอย่างชัดเจนว่าพึงใจที่ตนได้ร่วมรักกันอย่างสุดเหวี่ยงกับสตรีผู้นี้ “ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าเป็นภรรยาข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนเสี่ยวเทียน ให้เขาเป็นน้องสามีจึงจะถูกต้องที่สุด มิอย่างนั้น เจ้าคงเป็นสตรีประหลาด ที่อยากให้เด็กน้อย ใช้มือ และลิ้นเล็กๆกับกลีบบุปผาหวานฉ่ำนั่น” ชายหนุ่มกล่าวจบประโยค นางก็ตบใบหน้าเขาไปเต็มแรง “สตรีแซ่เถียน บอกรักผู้อื่นเช่นนี้หรือ” “ทะ ท่านทำให้ข้าอับอาย จากนี้ ข้าจะสู้หน้าผู้อื่นได้อย่างไร” “หมายความถึง!” “ข้าเป็นสะใภ้เล็กคุณชายห้า หากทำเรื่องผิดศีลธรรม มิแคล้วต้องถูกลงโทษสถานหนักหรอกหรือ” “เสี่ยงฟาง หากเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้วใครจะรู้ว่า เราเป็นผัวเมียกัน” หญิงสาวเหลืออดแล้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นเรื่องบังเอิญที่สุดวิสัย หาไม่แล้วก็เพราะโชคชะตาลิขิตไว้เช่นนั้นเอ ว่าแต่ หนันจิ้งโหย่วผู้นี้ เหตุใด ยิ่งมองหน้าเขา นางก็คุ้นเคยอย่างประหลาดเขาเป็นชายชั่วช้าจริงๆ หรือว่า เป็นนางที่ติดค้างบางอย่างต่อเขา จนเขามาไล่คิดดอกเบี้ยราคาสูงลิบกับนาง กล่าวถึงฝ่ายสกุลหนัน มีอิทธิพลทางด้านการค้าและยังเป็นสกุลขุนนางบู๊อีกด้วยและเป็นใต้เท้าหนันผู้ล่วงลับหาใช่คนที่ใครจะกล้าต่อกรด้วย เขาไม่ขาว และก็ไม่เป็นสีเทา กระนั้นกล่าวได้ว่า มือเขาเปื้อนเลือดไม่น้อยและยังมีลูกชายที่ไม่ได้เรื่องกับอดีตฮูหยินที่ล่วงลับผู้หนึ่ง ฝ่ายนั้นก็คือหนันจิ้งโหย่ว แต่เดิมหลังจากมารดาเสียชีวิต เขาก็ออกท่องยุทธภพ รับใช้ทางการบ้างเป็นครั้งคราว โดยตำแหน่งของเขาสูงถึงเป็นแมวหลวงฮ่องเต้ คอยทำงานสืบสวนลับๆ เกี่ยวกับคนในราชวงศ์ รวมถึงขุนนางกังฉิน และสืบข่าวต่างแคว้น ป้องกันการก่อกบฏ สุดท้ายเขาหายสาบสูญไป ซึ่งเชื่อกันว่า เขาถูกคนฝ่ายกฎบลอบสังหาร เนื่องจากสืบข่าวลับๆ หลายอย่างที่เป็นภัยใหญ่หลวงต่อคนกลุ่มดังกล่าว และการหายตัวไปของเขา ได้เข้าทางหนันฮูหยิน นางใช้เรื่องนี้ฮุบสมบัติทั้งหมดให
บาปกรรม บาปกรรม... ลงมาจากเขา เดินทางไกลหลายร้อยลี้เพื่อหวังได้เงินสามร้อยตำลึงเปิดเหลาไว้ให้ชาวยุทธ์มาลิ้มรสชาติอาหาร โดยการเข้าไปเป็น สะใภ้สกุลหนันสักสามสี่เดือน จากนั้นนางก็จะใช้เล่ห์กลรีดไถเงินเพิ่มอีกสักหน่อย ก่อนหายสาบสูญไปจากสกุลหนันที่เป็นพวกหน้าซื่อใจคด ทั้งยังงมงาย เรื่องไสยศาสตร์ มีความเชื่อเกี่ยวกับการทำนายโชคชะตา จนเป็นเหตุให้เกิดงานแต่งของเด็กชายวัยแปดขวบ กับเจ้าสาวสุดสวยสกุลเถียน หากไม่ใช่เถียนหลิงหลิงโฉมงามแสนบอบบาง หากเป็นเถียนลู่ฟาง ผู้ที่เก่งกล้า แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายเถียนลู่ฟาง ต้องอับอายอย่างหนัก จนอยากเอาหัวโม่งพื้นดินตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด นางหลงกลผู้ชายที่หลงเหลือเพียงป้ายวิญญาณ อีกทั้งถูกเขาข่มขู่ ให้ทำเรื่องชั่วร้าย สิ่งนั้นก็คือ เล่นบทบาทคบชู้กับวิญญาณจอมปลอม พร้อมกับเปิดโปงความชั่วร้ายของหนันฮูหยิน และหากนางขัดขืน จะต้องรับโทษอันใด คำพูดอีกฝ่ายย้อนเข้ามาในหัว “ข้าจะลักหลับเจ้า และเรียกบุตรให้มาอยู่ในครรภ์สักสองสามคน!” วิญญาณจอมปลอมของหนันจิ้งโหย่วข่มขู่นางไว้อย่างนั้น ยามนี้ ส่วนที่นางรักษาเอาไว้เพื่อบุรุษที่คู่ควรกำ
โปรย....อ๊ะ! นางร้องเสียงหลงไฉนทวนเล็กสั้น ของเด็กน้อยผู้เป็นสามีวัยแปดขวบถึงขยายใหญ่ได้เพียงนี้แล้วลิ้นสากร้อนนั้นก็เช่นกัน ประหนึ่งมีดสั้นที่จ้วงแทงทั้งปากบน ปากล่างของนางจนซาบซ่านยากจะอดกลั้นเสียงครวญครางได้บัดซบ! เข้าหอคืนแรก นางคงมิแคล้วคงขาดใจตายด้วยมีดสั้นอันพลิ้วไหว ทั้งจั๊กจี้และสากร้อนนี้!แนะนำเรื่อง นางขึ้นเกี้ยวเพื่อแต่งงานกับเด็กแปดขวบ เพื่อหวังขโมยของล้ำค่าในสกุลสามี แต่ไฉนจึงหลงกลวิญญาณจอมปลอมของพี่สามี กระทั่งถูกตบตีด้วยมีดสั้น และทวนทอง อย่างเร้าร้อนซาบซ่านสยิวใจ “อ๊ะ! นางร้องเสียงหลง เหตุใด ทวนเล็กสั้นของเด็กน้อยผู้เป็นสามีวัยแปดขวบถึงขยายใหญ่ได้เพียงนี้ แล้วลิ้นสากร้อนก็เช่นกัน ประหนึ่งมีดสั้นที่จ้วงแทงทั้งปากบน ปากล่างของนางให้ซาบซ่านยากจะอดกลั้นเสียงครวญครางได้ บัดซบ! เข้าหอคืนแรก นางคงมิแคล้วคงขาดใจตาย ด้วยมีดสั้นอันพลิ้วไหว ที่แสนจั๊กจี้และสากร้อนนี้ ! กระนั้น เถียนลู่ฟางก็มิใช่คนเบาปัญญา ในเมื่อเจ้าบ่าวนางเยาว์วัย เขาคงมิอาจพานางขึ้นสวรรค์ได้ แน่แล้ว คนผู้นี้ ย่อมเป็นหนันจิ้งโหย่ว บุรุษที่หลอกลวงผู้อื่น และเหลือเพียงป้าย
ระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมพ่อตา หรือแม้แต่ไปเมืองหลวงเพื่อรายงานสิ่งต่าง ๆ กวนเฉินหลางอาศัยในรถม้ากับอวิ๋นมู่หลัน แทนการขี่ม้า และบ่อยครั้งที่เขาจะบอกให้รถม้าเคลื่อนตัวช้า ๆ มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังหิวบ่อย ของที่เขาต้องการกินล้วนเป็นอาหารของเด็ก ๆ กับผลไม้รสหวานจัด “ถังหูลู่ข้าเบื่อแล้ว ขอเป็นน้ำตาลปั้น แล้วก็พุทราเชื่อม” เขาตะโกนบอกหลิวตงที่อยู่ด้านนอก พออีกฝ่ายเตรียมกลับเข้าไปในตลาดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน กวนเฉินหลางก็ตะโกนขึ้นว่า “กลับรถม้า ข้าอยากได้ขนมเปี๊ยะแล้วก็ลูกอมบ๊วย หากไม่เลือกด้วยตัวเองไฉนจะถูกใจ!” อวิ๋นมู่หลันหัวเราะจนได้ นางเห็นสายตาสามีเมื่อเขาพูดถึงของหวานก็น่าชมและชวนให้หมั่นไส้ “เหตุใดฮูหยินถึงมองข้าเช่นนั้น” “ข้าอดดีใจไม่ได้ที่ท่านพี่เจริญอาหาร ทั้งยังชวนผู้อื่นกินไม่หยุดปาก หากเราไปถึงเมืองหลวง คงต้องตัดชุดใหม่ให้มากสักหน่อย ดูแล้วยามนี้ท่านพี่คงอึดอัดมิน้อย” “เอ ฮูหยินหมายความเยี่ยงไร” กวนเฉินหลางถาม มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบมะยมเชื่อมโรยน้ำตาลเข้าปาก “ก็... ตั้งแต่ออกจ
อวิ๋นมู่หลันนึกเสียดายเหลือเกิน ในขณะกวนเฉินหลางถูกเมิ่งถูจับตัวไว้หลังจากเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากปูม่วงก้ามหนาม เขาควรได้ รับการลงโทษให้หนักกว่านี้ และจะดีมากหากฝ่ายนั้นสามารถทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของนางตายด้าน ไม่ต้องมีพละกำลังล้นเหลือยามขึ้นเตียง “อา... ฮูหยิน ห่างกันหนึ่งปีเต็ม เหมือนข้าได้พบดรุณีน้อย แสนบริสุทธิ์ เจ้างามหมดจดทุกส่วน ผิวเนียนนุ่ม จุดหวานล้ำก็เป็นสีชมพู!” คำชื่นชมเขาแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย และอวิ๋นมู่หลันขัดเขินจนหน้าแดงระเรื่อ มือไม้นางอ่อนไปหมด และสามีนางเป็นแมวหรอกหรือ ไฉนเดี๋ยวใช้ลิ้นสาก ๆ โลมเลียกลีบฉ่ำหวาน สลับการส่งแรงดูดล้ำลึก จนนางดิ้นพล่านอย่างเผลอไผล ลิ้นของเขาช่ำชอง และดูเหมือนคลั่งรักนางหนักจนชวนให้ตื่นตระหนก! ส่วนมือใหญ่ ๆ นั้นนวดเฟ้นหน้าอกอวบสวยที่เด้งไหวรองรับสัมผัสที่ซ่านสยิว กวนเฉินหลางมีนิ้วมือยอดเยี่ยม ทั้งยังลงแรงสม่ำเสมอพลอยให้นางซ่านใจจนความหวานในแอ่งเนื้อนิ่มซึมเอ่อไม่หยุด “ฮูหยิน ไม่อยากลองกระทำสิ่งแปลกใหม่บางหรือ ขี่ม้าก็แล้ว ท่าสุนัขหรือให้ข้าอุ้มเจ้าก็ทำได้ยอดเยี่ยม เราจะได้ปลดปล่
อวิ๋นมู่หลันมองคนตัวโตในชุดเกราะ และมือหนึ่งนั้นอุ้มอี้เหยาเอาไว้ ท่าทางเขาเก้ ๆ กัง ๆ คงเพราะไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน แต่แสดงให้เห็นว่าเอ็นดูและห่วงใยลูกชายคนเล็กของนางเพียงใด ฝ่ายอี้เหยาก็ช่างรู้ความ ปกติไม่ใช่คนมักคุ้นคนแปลกหน้า แต่เด็กน้อยในยามนี้อมยิ้มอยู่น้อย ๆ ดวงตามีประกายแจ่มใส คอยมองบิดาราวกับนิยมในความสง่างามและกล้าหาญ ทั้งที่ร่างกายกวนเฉินหลางแผ่ไอเย็นออกมา ผู้ใดเห็นแล้วไฉนจะไม่ครั่นคร้าม “ท่านพี่... เหยาเอ๋อร์ คงเพลียแล้ว ส่งมาให้ข้าเถิด” นางเอ่ยพร้อมพยายามจับตัวลูกชายอีกคนให้ออกมาพบผู้เป็นบิดา แต่อี้หยางเข้าไปหลบอยู่ในกระโปรงนาง พอจะจับตัวเขาก็ร้องโวยวายสลับการข่มขู่ นิสัยเช่นนี้นาน ๆ จะเกิดขึ้น “มะ… ไม่! ขะ… ไม่ไป!” “โอ้ ฮูหยิน เด็กอีกคนนั้น เจ้ายังไม่ได้คลอดเขาออกมาหรอกหรือ” กวนเฉินหลางถามแล้วจึงหัวเราะร่วน ลูกชายคนโตของเขาดูเหมือนไม่อยากพบหน้าคนเป็นบิดา ช่างพิลึกดีแท้ “ปกติก็ร่าเริง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด หยางเอ๋อร์ถึงหลบหน้าท่านพี่เช่นนี้” กวนเฉินหลางมองภาพตรงหน้าและชอบใจ เขามีบุตรชายสองคน ต่อไปนี้คงมีหล