ทั้งอัปลักษณ์และบ้าใบ้ นางคือสตรีผู้กุมหัวใจแม่ทัพปีศาจ เขาไม่ปล่อยริมฝีปากอิ่มสวยให้เป็นอิสระ และยังแทรกเรียวลิ้นอุ่นกวาดตวัดไม่หยุด ส่วนมือข้างหนึ่งเอื้อมมากอบกุมความขาวนุ่มนิ่มและนวดสลับบีบคลึงเคล้า ทั้งบี้ปลายยอดถันนางเพิ่มความซ่านสยิวต่อเนื่อง ทุกสัมผัสของกวนเฉินหลางทำให้หญิงใบ้ร้อนฉ่าทั่วร่าง และส่งผลให้หัวใจสาวแทบกระโจนออกมาอยู่นอกอก
Lihat lebih banyakทั้งอัปลักษณ์และบ้าใบ้
นางคือสตรีผู้กุมหัวใจแม่ทัพปีศาจ
***************************
เขาไม่ปล่อยริมฝีปากอิ่มสวยให้เป็นอิสระ และยังแทรกเรียวลิ้นอุ่นกวาดตวัดไม่หยุด ส่วนมือข้างหนึ่งเอื้อมมากอบกุมความขาวนุ่มนิ่มและนวดสลับบีบคลึงเคล้า ทั้งบี้ปลายยอดถันนางเพิ่มความซ่านสยิวต่อเนื่อง
ทุกสัมผัสของกวนเฉินหลางทำให้หญิงใบ้ร้อนฉ่าทั่วร่าง และส่งผลให้หัวใจสาวแทบกระโจนออกมาอยู่นอกอก
หญิงใบ้คงเสียสติเป็นแน่แท้ นางเกลียดเขา ชิงชังจับใจ และอยากฆ่าคนตัวโตให้ตาย ทว่าเหตุใดทุกความรู้สึกเหล่านี้กลับมลายและด้อยค่าลงเพียงเพราะถูกเขาหลอกล่อด้วยไฟราคะ
อวิ๋นมู่หลันกลายเป็นหญิงร่านและไร้ค่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด นางเกิดความสับสน หัวสมองขาวโพลนไปหมด
‘อ๊ะ... อื๊อ... ทะ… ท่าน...’ น่าละอายเหลือเกิน นางร้องประท้วงเขาได้เพียงเท่านี้ ด้วยใจกลับอ่อนยวบลงทีละน้อย ไม่ต่างจากร่างกายที่คล้ายกับจะยอมศิโรราบแก่กวนเฉินหลาง
จวบจนเขาปล่อยริมฝีปากนางเป็นอิสระจึงส่งเสียงเข้ม ๆ ขึ้น
“เจ้าเป็นของข้า... หญิงใบ้!”
*******************
ข้าตายแล้วหรือ!!?
อวิ๋นมู่หลันพยายามขยับร่างกาย ทว่าทุกอย่างหนักอึ้งไปหมด การหายใจเนิบช้าลง ผิดแต่หูยังได้ยินเสียงรอบด้าน ที่สำคัญยิ่งกว่าคือภาพโหดร้ายก่อนสลบไปมันเป็นสีแดงฉานของเลือดสด ๆ และเสียงกระดูกถูกของแข็งฟัน ปะปนการหวีดร้องเสียขวัญ
เลือด? นางตายแล้วหรือ นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจ แต่ใน ตอนนี้นางไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกาย ทว่ากลับรับรู้ถึงการสัมผัสหยาบกร้านที่น่องและเสื้อผ้านางคล้ายกำลังถูกรุมทึ้ง
อื๊อ... อ๊ะ... ขนนางลุกทั่วทั้งสรรพางค์กาย ความรู้สึกดังกล่าวทำให้หัวใจบีบเกร็ง
ดวงตานางพร่ามัวจึงมองเห็นสิ่งใดไม่แน่ชัด ผิดแต่กลิ่นกายรุนแรงของบุรุษที่โชยเข้าจมูกแจ้งชัดว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในบ่วงราคะหนักหน่วง นอกจากนั้นยังผสมด้วยกลิ่นสุราชั้นต่ำ
หญิงสาวกลัวเหลือเกิน มือของอีกฝ่ายแกะสายรัดเอวนางทิ้ง มือใหญ่ ๆ นั้นลูบไล้จากน่องขึ้นมาสูงกว่าเดิม ส่วนหน้าอกอวบสวยกำลังจะเผยออกให้มันเชยชม!
“อย่า!!” นางหมายจะร้องออกไป ทว่าเสียงของตนกลับไม่เล็ดลอด ยามนั้นความกลัวจู่โจมอย่างรวดเร็ว เหตุใดนางถึงไม่อาจปกป้องตนเองได้ แม้แต่เสียงที่จะสื่อสารก็ไม่อาจหลุดพ้นลำคอ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่นางจำได้คือ อวิ๋นมู่หลันเดินทางไปกับอวิ๋นหยวนม่าน ซึ่งต้องแต่งเป็นอนุของแม่ทัพกวน อีกฝ่ายคือบุรุษที่สตรีนางใดก็ไม่อยากขึ้นเตียง ด้วยยามนี้เขานับว่าเผด็จการเหนือคนทั้งใต้หล้า และยังเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา อีกทั้งพี่รองของนางได้มีความ สัมพันธ์ลึกซึ้งกับบัณฑิตแซ่หลวนมานานหลายเดือน
หลวนคุน เป็นชายรูปงามคารมดี ครอบครัวมีกิจการค้าขายทางภาคใต้
“น้องหกต้องช่วยพี่...” เสียงอวิ๋นหยวนม่านดังเข้ามาในหัวก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งขนมและจอกน้ำชาที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยให้ดื่ม
“ช่วยอย่างไรหรือ” อวิ๋นมู่หลันเอ่ยถาม อีกฝ่ายตอบอย่างหนักอกหนักใจว่า
“เป็นตัวแทนพี่ และแต่งเข้าสกุลกวน!”
อวิ๋นหยวนม่านมองน้องสาวอย่างขอความเห็นใจ
“พี่รองล้อข้าเล่นแล้ว คนที่แม่ทัพกวนต้องการคือคุณหนูรองสกุลอวิ๋น มิใช่ข้าผู้ต่ำต้อยซึ่งเกิดจากลูกอนุ”
“สำคัญอันใด ในเมื่อชายคนนั้นไม่คิดต้องการสตรีที่เพียบพร้อม เขาแค่อยากได้ใครสักคนไปเฝ้าโลงศพฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่เรือนบรรพบุรุษ และคอยเป็นแม่หมูคลอดบุตรสืบทายาท เรื่องบัดซบเช่นนั้นข้าทำไม่ได้!”
“แล้วข้าจะเหมาะสมเยี่ยงไร ข้า... ย่อมต้องอยู่รับใช้บิดาและก็แม่ใหญ่ที่เรือน อีกทั้งพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็ชอบที่ข้าช่วยงานพวกเขาได้เป็นอย่างดี”
อวิ๋นหยวนม่านยิ้มน้อย ๆ และบอกน้องสาวที่แสนดีของตน
“เด็กโง่ งานพวกนั้นคนอื่นทำได้ดีกว่าเจ้า อีกอย่างทนให้พี่ใหญ่โขกสับในร้านได้อย่างไร ฟังพี่ให้ดี... เสี่ยวหลันย่อมเหมาะสมที่สุด เพราะชีวิตเจ้านับแต่นี้มีข้าขีดเส้นให้เดิน!”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยจบ อวิ๋นมู่หลันก็รู้สึกว่าขนมปุยฝ้ายที่กลืนลงคอไปก่อนหน้ามีรสชาติหวานแหลมเหลือเกิน นางจึงยกจอกน้ำชาขึ้นดื่มแต่เหมือนว่ายังไม่พอ สาวใช้ผู้หนึ่งเลยส่งกาน้ำให้
อวิ๋นมู่หลันรับไปและดื่มน้ำจากกาอย่างคนกระหายหนัก เมื่อรู้ตัวอีกทีนางก็เข้าใจทุกสิ่งอย่างแจ้งชัด นางถูกพี่รองวางยา!
“น้องหลัน จงขึ้นเกี้ยวไปกับพี่ หลังจากนั้นก็แล้วแต่วาสนาของเจ้าว่าจะตายอยู่กลางป่าให้อีกาจิกกินซากศพ หรือเข้าไปตกนรกและตายทั้งเป็นในฐานะอนุ ไม่ใช่สิ เป็นสาวใช้ข้างห้องของแม่ทัพกวนจึงจะเหมาะสมกว่า!”
อวิ๋นมู่หลันนอนอยู่บนพื้นดินชื้นแฉะ มันไม่ได้เปียกน้ำฝนหากเป็นเลือดของผู้อื่น!
หูของนางได้ยินเสียงรอบตัว นอกจากตนกำลังจะถูกย่ำยี ยามนี้มีสตรีกับบุรุษที่เดินทางมาด้วยกันในขบวนเจ้าสาว กำลังถูกกระทำอย่างป่าเถื่อน
เสียงหอบหายใจดังอย่างไม่สิ้นสุด นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวจัดซึ่งลอยอยู่ในสายลม
“อ๊ะ... อ๊า อย่าทำข้า! มะ... มันใหญ่เกินไป เอาออกไป”
อวิ๋นมู่หลันไม่ได้โง่ ถึงอายุน้อยเพียงสิบหกปี แต่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านมาก็มาก อีกทั้งเป็นคนชอบศึกษาเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นการร้องขอความเมตตาดังกล่าวย่อมหมายถึงอีกฝ่ายกำลังถูกข่มเหง
“สวรรค์โปรดเมตตา... อย่าเอามันเข้ามา สิ่งโสโครกนั่น อะ... เอาออกไป!”
หัวใจหญิงสาวเต้นโครมคราม นางหวาดหวั่นเหลือเกิน แต่ไร้เรี่ยวแรงปกป้องตนเอง ยามนี้จะทำสิ่งใดได้ กระทั่งได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อสลับการขู่คำรามของสตรีนางนั้น อวิ๋นมู่หลันเข้าใจแล้วว่า ลานกลางดินที่นอนอยู่ตรงนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับปรนเปรอความสุขให้แก่พวกโจรป่า ซึ่งดักปล้นขบวนเจ้าสาวของอวิ๋นหยวนม่าน ทว่าอีกฝ่ายหาได้อยู่ที่นี่ จะมีก็แต่นางกับเหล่าบ่าวรับใช้ชายหญิงซึ่งตอนนี้คงเหลือรอดไม่กี่คนที่มีลมหายใจ
จากนั้นสายรัดเอวนางถูกกระชากออก เนื้อสาวยามนี้คงเผยให้ผู้อื่นเห็น
หน้าอกทรงสวยรูปหยดน้ำกระเพื่อมขึ้นลง และมีความเย็นเยียบจากปลายของมีคมพยายามจะใช้มันเล่นสนุกกับผิวเนียนละเอียดสีขาวอมชมพู
“ฮึๆ ๆ โอ้ นางยังไม่ตาย น่าจะเป็นของดีเสียด้วย!”
เสียงนั้นหยาบช้า พอได้ยินแล้วอวิ๋นมู่หลันก็เกลียดจับใจ ขณะ เดียวกันนางเริ่มได้ยินเสียงหอบหายใจต่ำ ๆ ดังอยู่ไม่ห่างกัน ก่อนที่จะมีมือหนึ่งเอื้อมมือจับมือนางเอาไว้ อีกฝ่ายคือสาวใช้ของนางนั่นเอง
ดวงตาของสาวใช้แดงก่ำ มีน้ำตาไหลนองหน้า อวิ๋นมู่หลันมองเห็นได้เพียงเท่านั้น เพราะอึดใจต่อมา ผ้าผืนหนึ่งก็ผูกปิดตานางไว้
หญิงสาวตื่นกลัวจนแทบหยุดหายใจ เกิดสิ่งใดขึ้น
“อา... บ่าวของสกุลนี้ดีทั้งชายหญิง ดูสิก้นของเจ้านี่งามนัก ตัวมันยังอุ่น ๆ นี่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าจะให้มันเป็นเมียน้อยอีกคน”
โจรร้ายผู้หนึ่งมันกระทำเรื่องน่ารังเกียจนัก ด้วยเพิ่งปล่อยน้ำรักใส่รูทวารของบ่าวชายผู้หนึ่งทั้งที่เขาสิ้นลมหายใจไปแล้ว
“เจ้าเป็นพวกวิตถารโดยแท้ ส่วนข้าได้พบของดี นางผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ และดูสิ นมของนางงามเหลือเกิน และดูเหมือนว่าไฝพรหมจรรย์ยังอยู่” เสียงดังกล่าวเอ่ยขึ้นพร้อมเห็นว่าใต้วงแขนขวาของอวิ๋นมู่หลันปรากฏแต้มพรหมจรรย์สีแดงชัดเจน
“ช้าก่อน... เช่นนั้น นางย่อมขายได้กำไรงาม”
เมื่อได้ยินคำดังกล่าวโจรทั้งกลุ่มก็บ่นเสียดาย
“นางผู้นี้ ขอข้าเลียกลีบนางกับยอดถันสักหน่อยได้หรือไม่ รับรองราคาไม่ตกเป็นแน่”
อวิ๋นมู่หลันได้ยินคำพูดน่ารังเกียจก็พลันขนลุกซู่
“ฮ่า ๆ ๆ สิ่งที่เจ้าทำได้คือแค่อมและเลียนิ้วเท้านางเท่านั้น”
คนที่ถูกท้าทายใยจะยอมแพ้
“ได้... ขอได้ชมเชยนางข้าก็สำเร็จจนถึงจุดสุดยอด”
โจรร่างอวบหนาว่าแล้วจึงจับเท้าของนางข้างหนึ่งขึ้นแล้วโลมเลียอย่างหื่นกระหาย ภาพดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงให้คนอื่น ทว่าพอเลียได้สักพักหลายคนก็ช่วยตัวเองอย่างหยาบช้าไปด้วย
คนที่นอนตัวแข็งซึ่งไร้เรี่ยวแรงน้ำตาไหลพราก นางไม่เห็นสิ่งใดและร้องประท้วงให้อีกฝ่ายหยุดกระทำสิ่งชวนให้ขยะแขยงไม่ได้ก็จริง ทว่านางเกิดความรู้สึกขนลุกซู่สะท้านไปทั้งร่าง อวิ๋นมู่หลันกำลังซ่านสยิวเยี่ยงนั้นหรือ เรื่องขายหน้าเช่นนี้เกิดขึ้นกับนาง ช่างบัดซบสิ้นดี
นิ้วหัวแม่เท้าถูกโลมเลีย น่องสวยมีมือหยาบกระด้างสัมผัสและบีบด้วยแรงหนัก ๆ
“ปล่อยข้า หยุดเดี๋ยวนี้”
อวิ๋นมู่หลันร้องกรีดก้องอยู่ในใจ กระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปดับ เสียงหอบถี่กระชั้นของชายหลายคนก็ประสานกันอย่างน่าตื่นตระหนก ในตอนนั้นนางต้องตัวแข็งทื่อเมื่อบริเวณเนินหน้าอกมีน้ำอุ่น ๆ หยาดหยดลงใส่!
“เจ้ามันกระจอกเสียจริง เสร็จเร็วเยี่ยงนั้นไม่สมราคาคุย”
“มิได้ ๆ มันเพิ่งรอบแรก ข้ายังทำได้เรื่อย ๆ ถ้าหากปล่อยใส่ปากนางได้รับรอง เจ็ดน้ำข้าก็ยังไหว”
พอรู้ว่าน้ำดังกล่าวมาจากร่างกายของบุรุษอวิ๋นมู่หลันจึงอดสูยิ่งนัก นางอยากมีพลังและเรี่ยวแรงเพื่อจะหนีจากสถานการณ์ตรงหน้านี้เสีย!
และจากชายคนหนึ่งก็มีอีกหลายคนที่พร้อมปลดปล่อยความขุ่นข้นใส่นางที่นอนอยู่บนผืนดิน ทว่าในขณะเดียวกัน มีเสียงม้าดังรุดหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด ชายที่อมนิ้วเท้าของอวิ๋นมู่หลันสบโอกาสเข้าพอดี เขาจึงอุ้มร่างนางขึ้นแล้วพาหลบหนีไป
“ปล่อยข้า!” หญิงสาวร้องประท้วงอีกหน แต่เสียงนางกลับติดอยู่ในลำคอ
หยวนจื่อบอกให้คนของตนเตรียมส่งคนเข้ามาตรวจร่างกายของเถียนลู่ฟาง นี่คือสิ่งที่จะเชื่อมโยงกับหลักฐานที่นางให้คนไปจัดฉากไว้ ทั้งเสื้อผ้าบุรุษ และพยานบุคคลที่บอกว่าเห็นผู้ชายออกจากห้องหอเรือนของหนันเฉินเทียน ทั้งที่อีกฝ่ายพักในเรือนหลักไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเถียนลู่ฟางเนื่องจากการแต่งครั้งนี้เป็นเพียงการแก้เคล็ด “การแต่งงานของเจ้ากับเทียนเอ๋อร์ ล้วนเป็นพิธีซึ่งทำเพื่อเสริมดวงให้เขา และสิ่งสำคัญที่ข้าอยากรู้ เจ้ายังเป็นสตรีที่บริสุทธิ์หรือไม่” หยวนจื่อโพล่งขึ้น “แล้ว หนันฮูหยินต้องการทำเช่นไรกัน ข้าแต่งเข้าบ้านท่านแล้ว ใยต้องทนให้ผู้อื่นเหยียดหยาม” เถียนลู่ฟางส่งเสียงดัง และนางไม่พอใจเป็นอย่างมากให้ยามนี้ “เพียงแต่ตรวจร่างกาย หากยังไม่พบร่องรอยถูกข่มเหง ข้าก็ยินดีให้เจ้าอยู่ในเรือนต่อไป” หยวนจื่อกล่าว “ฮึ อย่างไรข้าก็เป็นฮูหยินผู้หนึ่งของสกุลหนัน และได้เข้าหอแล้ว เรื่องนี้ให้คนเป็นสามีตรวจสอบจะไม่ดีกว่าหรือ” หยวนจื่อหัวเราะเสียงดังทีเดียว และเอ่ยอย่างหยามหมิ่นเถียนลู่ฟาง “เจ้ายังมีสติดีหรือไม่ แน่นอนเจ้าเข้าหอกับเทียนเอ๋อร์ แต่นั่นเป็นเพ
เถียนลู่ฟางทั้งโมโห ทั้งฉุนเฉียว แต่แรกนางมั่นใจว่าคงเข้ามาที่หอบรรพชนเพียงสองสามชั่วยาม แต่ตอนนี้เกือบสามวันแล้วที่ถูกกักบริเวณ แต่หากกล่าวให้ถูกต้อง นางถูกขังเสียมากกว่า กระนั้นหนันฮูหยินยังมีความเมตตาอยู่บ้าง ด้วยมีข้าวสวยกับน่องไก่ส่งมาให้ทางช่องเล็กๆ เพียงวันละหนึ่งครั้ง ภายในหอบรรพชนนี้อากาศเย็น ไม่ร้อน ทว่าบรรยากาศชวนให้นางหวาดกลัวมิน้อย ตกกลางคืนมีเสียงสุนัข และเงาแมวดำวิ่งไปมา แม้ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เถียนลู่ฟาง ทั้งเครียด และยากควบคุมตนไม่ให้คิดมากไม่ได้ เมื่ออยากออกไปข้างนอก เสียงของคนที่ยืนเฝ้าประตูก็ตอบว่า หากไม่มีคำสั่งหยวนจื่อ ให้ไฟไหม้หอบรรพชน เถียนลู่ฟางก็มิอาจก้าวออกไป “มารดาคนสกุลหนันเถิด... ข้าเป็นถึงฮูหยินห้า ไป ไปเชิญสามีข้า มารับกลับเรือนเดี๋ยวนี้” เถียนลู่ฟางร้องโวยวายอย่างคนขาดสติอยู่นานทีเดียว กระทั่งมีกลิ่นธูปหอมจัดลอยเข้าจมูก นางเลยผ่อนคลายลงก่อนจะค่อยๆ หมดสติไป กระทั่งนางรู้สึกว่าลำคอแห้งผาก ทั้งยังวิงเวียนศีรษะมาก ไป๋รั่วรั่วจึงเข้ามาด้านใน พร้อมกาน้ำชา “ฮูหยินห้า...” อีกฝ่ายเรียกนาง แล
หญิงสาวขยับร่างกายบนฟูกหนาหนุ่ม และยามนี้ละอายใจยิ่งนัก เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยไปหมด พออยากขยับร่างกาย ก็รู้สึกว่าร้าวไปทั้งร่าง นางตกเป็นของหนันจิ้งโหย่ว...แน่นอน เขาไม่ใช่สามีที่นางแต่งเข้าสกุลหนัน “ท่านย่ำยีข้า หญิงสาวไม่ได้โวยวาย แต่เอ่ยอย่างเจ็บปวด” หนันจิ้งโหย่วมองนาง มองแล้วอมยิ้ม ไม่ได้ยั่วล้อ แต่มองอย่างชัดเจนว่าพึงใจที่ตนได้ร่วมรักกันอย่างสุดเหวี่ยงกับสตรีผู้นี้ “ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าเป็นภรรยาข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ส่วนเสี่ยวเทียน ให้เขาเป็นน้องสามีจึงจะถูกต้องที่สุด มิอย่างนั้น เจ้าคงเป็นสตรีประหลาด ที่อยากให้เด็กน้อย ใช้มือ และลิ้นเล็กๆกับกลีบบุปผาหวานฉ่ำนั่น” ชายหนุ่มกล่าวจบประโยค นางก็ตบใบหน้าเขาไปเต็มแรง “สตรีแซ่เถียน บอกรักผู้อื่นเช่นนี้หรือ” “ทะ ท่านทำให้ข้าอับอาย จากนี้ ข้าจะสู้หน้าผู้อื่นได้อย่างไร” “หมายความถึง!” “ข้าเป็นสะใภ้เล็กคุณชายห้า หากทำเรื่องผิดศีลธรรม มิแคล้วต้องถูกลงโทษสถานหนักหรอกหรือ” “เสี่ยงฟาง หากเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูดแล้วใครจะรู้ว่า เราเป็นผัวเมียกัน” หญิงสาวเหลืออดแล้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเป็นเรื่องบังเอิญที่สุดวิสัย หาไม่แล้วก็เพราะโชคชะตาลิขิตไว้เช่นนั้นเอ ว่าแต่ หนันจิ้งโหย่วผู้นี้ เหตุใด ยิ่งมองหน้าเขา นางก็คุ้นเคยอย่างประหลาดเขาเป็นชายชั่วช้าจริงๆ หรือว่า เป็นนางที่ติดค้างบางอย่างต่อเขา จนเขามาไล่คิดดอกเบี้ยราคาสูงลิบกับนาง กล่าวถึงฝ่ายสกุลหนัน มีอิทธิพลทางด้านการค้าและยังเป็นสกุลขุนนางบู๊อีกด้วยและเป็นใต้เท้าหนันผู้ล่วงลับหาใช่คนที่ใครจะกล้าต่อกรด้วย เขาไม่ขาว และก็ไม่เป็นสีเทา กระนั้นกล่าวได้ว่า มือเขาเปื้อนเลือดไม่น้อยและยังมีลูกชายที่ไม่ได้เรื่องกับอดีตฮูหยินที่ล่วงลับผู้หนึ่ง ฝ่ายนั้นก็คือหนันจิ้งโหย่ว แต่เดิมหลังจากมารดาเสียชีวิต เขาก็ออกท่องยุทธภพ รับใช้ทางการบ้างเป็นครั้งคราว โดยตำแหน่งของเขาสูงถึงเป็นแมวหลวงฮ่องเต้ คอยทำงานสืบสวนลับๆ เกี่ยวกับคนในราชวงศ์ รวมถึงขุนนางกังฉิน และสืบข่าวต่างแคว้น ป้องกันการก่อกบฏ สุดท้ายเขาหายสาบสูญไป ซึ่งเชื่อกันว่า เขาถูกคนฝ่ายกฎบลอบสังหาร เนื่องจากสืบข่าวลับๆ หลายอย่างที่เป็นภัยใหญ่หลวงต่อคนกลุ่มดังกล่าว และการหายตัวไปของเขา ได้เข้าทางหนันฮูหยิน นางใช้เรื่องนี้ฮุบสมบัติทั้งหมดให
บาปกรรม บาปกรรม... ลงมาจากเขา เดินทางไกลหลายร้อยลี้เพื่อหวังได้เงินสามร้อยตำลึงเปิดเหลาไว้ให้ชาวยุทธ์มาลิ้มรสชาติอาหาร โดยการเข้าไปเป็น สะใภ้สกุลหนันสักสามสี่เดือน จากนั้นนางก็จะใช้เล่ห์กลรีดไถเงินเพิ่มอีกสักหน่อย ก่อนหายสาบสูญไปจากสกุลหนันที่เป็นพวกหน้าซื่อใจคด ทั้งยังงมงาย เรื่องไสยศาสตร์ มีความเชื่อเกี่ยวกับการทำนายโชคชะตา จนเป็นเหตุให้เกิดงานแต่งของเด็กชายวัยแปดขวบ กับเจ้าสาวสุดสวยสกุลเถียน หากไม่ใช่เถียนหลิงหลิงโฉมงามแสนบอบบาง หากเป็นเถียนลู่ฟาง ผู้ที่เก่งกล้า แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายเถียนลู่ฟาง ต้องอับอายอย่างหนัก จนอยากเอาหัวโม่งพื้นดินตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด นางหลงกลผู้ชายที่หลงเหลือเพียงป้ายวิญญาณ อีกทั้งถูกเขาข่มขู่ ให้ทำเรื่องชั่วร้าย สิ่งนั้นก็คือ เล่นบทบาทคบชู้กับวิญญาณจอมปลอม พร้อมกับเปิดโปงความชั่วร้ายของหนันฮูหยิน และหากนางขัดขืน จะต้องรับโทษอันใด คำพูดอีกฝ่ายย้อนเข้ามาในหัว “ข้าจะลักหลับเจ้า และเรียกบุตรให้มาอยู่ในครรภ์สักสองสามคน!” วิญญาณจอมปลอมของหนันจิ้งโหย่วข่มขู่นางไว้อย่างนั้น ยามนี้ ส่วนที่นางรักษาเอาไว้เพื่อบุรุษที่คู่ควรกำ
โปรย....อ๊ะ! นางร้องเสียงหลงไฉนทวนเล็กสั้น ของเด็กน้อยผู้เป็นสามีวัยแปดขวบถึงขยายใหญ่ได้เพียงนี้แล้วลิ้นสากร้อนนั้นก็เช่นกัน ประหนึ่งมีดสั้นที่จ้วงแทงทั้งปากบน ปากล่างของนางจนซาบซ่านยากจะอดกลั้นเสียงครวญครางได้บัดซบ! เข้าหอคืนแรก นางคงมิแคล้วคงขาดใจตายด้วยมีดสั้นอันพลิ้วไหว ทั้งจั๊กจี้และสากร้อนนี้!แนะนำเรื่อง นางขึ้นเกี้ยวเพื่อแต่งงานกับเด็กแปดขวบ เพื่อหวังขโมยของล้ำค่าในสกุลสามี แต่ไฉนจึงหลงกลวิญญาณจอมปลอมของพี่สามี กระทั่งถูกตบตีด้วยมีดสั้น และทวนทอง อย่างเร้าร้อนซาบซ่านสยิวใจ “อ๊ะ! นางร้องเสียงหลง เหตุใด ทวนเล็กสั้นของเด็กน้อยผู้เป็นสามีวัยแปดขวบถึงขยายใหญ่ได้เพียงนี้ แล้วลิ้นสากร้อนก็เช่นกัน ประหนึ่งมีดสั้นที่จ้วงแทงทั้งปากบน ปากล่างของนางให้ซาบซ่านยากจะอดกลั้นเสียงครวญครางได้ บัดซบ! เข้าหอคืนแรก นางคงมิแคล้วคงขาดใจตาย ด้วยมีดสั้นอันพลิ้วไหว ที่แสนจั๊กจี้และสากร้อนนี้ ! กระนั้น เถียนลู่ฟางก็มิใช่คนเบาปัญญา ในเมื่อเจ้าบ่าวนางเยาว์วัย เขาคงมิอาจพานางขึ้นสวรรค์ได้ แน่แล้ว คนผู้นี้ ย่อมเป็นหนันจิ้งโหย่ว บุรุษที่หลอกลวงผู้อื่น และเหลือเพียงป้าย
ระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมพ่อตา หรือแม้แต่ไปเมืองหลวงเพื่อรายงานสิ่งต่าง ๆ กวนเฉินหลางอาศัยในรถม้ากับอวิ๋นมู่หลัน แทนการขี่ม้า และบ่อยครั้งที่เขาจะบอกให้รถม้าเคลื่อนตัวช้า ๆ มิหนำซ้ำชายหนุ่มยังหิวบ่อย ของที่เขาต้องการกินล้วนเป็นอาหารของเด็ก ๆ กับผลไม้รสหวานจัด “ถังหูลู่ข้าเบื่อแล้ว ขอเป็นน้ำตาลปั้น แล้วก็พุทราเชื่อม” เขาตะโกนบอกหลิวตงที่อยู่ด้านนอก พออีกฝ่ายเตรียมกลับเข้าไปในตลาดที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน กวนเฉินหลางก็ตะโกนขึ้นว่า “กลับรถม้า ข้าอยากได้ขนมเปี๊ยะแล้วก็ลูกอมบ๊วย หากไม่เลือกด้วยตัวเองไฉนจะถูกใจ!” อวิ๋นมู่หลันหัวเราะจนได้ นางเห็นสายตาสามีเมื่อเขาพูดถึงของหวานก็น่าชมและชวนให้หมั่นไส้ “เหตุใดฮูหยินถึงมองข้าเช่นนั้น” “ข้าอดดีใจไม่ได้ที่ท่านพี่เจริญอาหาร ทั้งยังชวนผู้อื่นกินไม่หยุดปาก หากเราไปถึงเมืองหลวง คงต้องตัดชุดใหม่ให้มากสักหน่อย ดูแล้วยามนี้ท่านพี่คงอึดอัดมิน้อย” “เอ ฮูหยินหมายความเยี่ยงไร” กวนเฉินหลางถาม มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบมะยมเชื่อมโรยน้ำตาลเข้าปาก “ก็... ตั้งแต่ออกจ
อวิ๋นมู่หลันนึกเสียดายเหลือเกิน ในขณะกวนเฉินหลางถูกเมิ่งถูจับตัวไว้หลังจากเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากปูม่วงก้ามหนาม เขาควรได้ รับการลงโทษให้หนักกว่านี้ และจะดีมากหากฝ่ายนั้นสามารถทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของนางตายด้าน ไม่ต้องมีพละกำลังล้นเหลือยามขึ้นเตียง “อา... ฮูหยิน ห่างกันหนึ่งปีเต็ม เหมือนข้าได้พบดรุณีน้อย แสนบริสุทธิ์ เจ้างามหมดจดทุกส่วน ผิวเนียนนุ่ม จุดหวานล้ำก็เป็นสีชมพู!” คำชื่นชมเขาแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย และอวิ๋นมู่หลันขัดเขินจนหน้าแดงระเรื่อ มือไม้นางอ่อนไปหมด และสามีนางเป็นแมวหรอกหรือ ไฉนเดี๋ยวใช้ลิ้นสาก ๆ โลมเลียกลีบฉ่ำหวาน สลับการส่งแรงดูดล้ำลึก จนนางดิ้นพล่านอย่างเผลอไผล ลิ้นของเขาช่ำชอง และดูเหมือนคลั่งรักนางหนักจนชวนให้ตื่นตระหนก! ส่วนมือใหญ่ ๆ นั้นนวดเฟ้นหน้าอกอวบสวยที่เด้งไหวรองรับสัมผัสที่ซ่านสยิว กวนเฉินหลางมีนิ้วมือยอดเยี่ยม ทั้งยังลงแรงสม่ำเสมอพลอยให้นางซ่านใจจนความหวานในแอ่งเนื้อนิ่มซึมเอ่อไม่หยุด “ฮูหยิน ไม่อยากลองกระทำสิ่งแปลกใหม่บางหรือ ขี่ม้าก็แล้ว ท่าสุนัขหรือให้ข้าอุ้มเจ้าก็ทำได้ยอดเยี่ยม เราจะได้ปลดปล่
อวิ๋นมู่หลันมองคนตัวโตในชุดเกราะ และมือหนึ่งนั้นอุ้มอี้เหยาเอาไว้ ท่าทางเขาเก้ ๆ กัง ๆ คงเพราะไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน แต่แสดงให้เห็นว่าเอ็นดูและห่วงใยลูกชายคนเล็กของนางเพียงใด ฝ่ายอี้เหยาก็ช่างรู้ความ ปกติไม่ใช่คนมักคุ้นคนแปลกหน้า แต่เด็กน้อยในยามนี้อมยิ้มอยู่น้อย ๆ ดวงตามีประกายแจ่มใส คอยมองบิดาราวกับนิยมในความสง่างามและกล้าหาญ ทั้งที่ร่างกายกวนเฉินหลางแผ่ไอเย็นออกมา ผู้ใดเห็นแล้วไฉนจะไม่ครั่นคร้าม “ท่านพี่... เหยาเอ๋อร์ คงเพลียแล้ว ส่งมาให้ข้าเถิด” นางเอ่ยพร้อมพยายามจับตัวลูกชายอีกคนให้ออกมาพบผู้เป็นบิดา แต่อี้หยางเข้าไปหลบอยู่ในกระโปรงนาง พอจะจับตัวเขาก็ร้องโวยวายสลับการข่มขู่ นิสัยเช่นนี้นาน ๆ จะเกิดขึ้น “มะ… ไม่! ขะ… ไม่ไป!” “โอ้ ฮูหยิน เด็กอีกคนนั้น เจ้ายังไม่ได้คลอดเขาออกมาหรอกหรือ” กวนเฉินหลางถามแล้วจึงหัวเราะร่วน ลูกชายคนโตของเขาดูเหมือนไม่อยากพบหน้าคนเป็นบิดา ช่างพิลึกดีแท้ “ปกติก็ร่าเริง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด หยางเอ๋อร์ถึงหลบหน้าท่านพี่เช่นนี้” กวนเฉินหลางมองภาพตรงหน้าและชอบใจ เขามีบุตรชายสองคน ต่อไปนี้คงมีหล
Komen