ตึกสูงชั้นที่ 20 ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ตึกนี้เป็นศูนย์รวมบริษัทฯตรวจสอบบัญชีใหญ่โต เป็นบริษัทฯที่มีแต่คนอยากเข้ามาทำงาน เพราะเป็นองค์กรที่ใหญ่และมั่นคงรวมคนเก่งๆ ไว้มากมาย เอ่ยชื่อขึ้นมาคนในแวดวงสำนักงานตรวจสอบบัญชีเป็นต้องรู้จักกันทั่วไป
“พาย ไหวไหม นี่ไม่สบายหรือเปล่า พี่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว อาการไม่ดีเลย”
“ไม่สบายนิดหน่อยค่ะพี่กรอง พอดีเมื่อวานตากฝน ปวดหัวนิดหน่อยเหมือนจะมีไข้ด้วยค่ะ”
“งั้นรีบไปหาหมอเถอะ ไม่ต้องห่วงงาน รายงานการประชุมเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เสร็จแล้วค่ะพี่กรองเหลืองบการเงิน เดี๋ยวพายส่งให้นะคะ แล้วพายก็จะขอลางานครึ่งวันด้วยนะคะพี่กรอง”
“ไปๆ รีบไปเถอะ เดี๋ยวฝนจะตกอีก ช่วงนี้ฝนตกบ่อย คนไม่สบายกันเยอะเลย”
“ขอบคุณพี่กรองมากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณหัวหน้างาน แล้วรีบเก็บเอกสารบนโต๊ะ เก็บกระเป๋าเตรียมตัวไปหาหมอ”
นางสาวไพลิน กิจษานุรักษ์ หรือพาย หญิงสาวเจ้าของรูปร่างที่สูงถึง 170 เซนติเมตร ไพลินเรียนจบปริญญาตรีด้านบัญชี เรียนจบปุ๊ปก็สมัครมาทำงานที่นี่ และทำเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน ไพลินสวยเรียบร้อย นิสัยดีนิ่งๆ ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร ไม่ค่อยชอบแต่งตัว แต่งหน้าเพียงแต่น้อยไม่ฉูดฉาด ถึงไม่แต่งก็ยังสวยมาก คิ้วที่ดกดำหนาเป็นรูปเรียวสวย จมูกโด่งผิวที่ขาวอมชมพูยิ่งทำให้เธอเด่น เครื่องหน้าของเธอสวยเหมือนแม่ เสียดายที่แม่ของเธอมาด่วนจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เธอไม่ได้คิดว่ามีปมด้อยอะไรเพราะยายของเธอเลี้ยงดูและสั่งสอนมาอย่างดี
คนที่ไม่สนิทจะมองว่าเธอหยิ่ง ไม่หรอกจริงๆ แล้วเธอไม่ค่อยอยากยุ่งกับใครมากกว่าชอบอยู่ของเธอเงียบๆ ไม่ค่อยวุ่นวายกับใคร ทำงานเงียบๆ ของเธอคนเดียว ขยัน ประหยัด ใช้ชีวิตเรียบง่าย ใจเย็นและมีเหตุผล เช้ามาทำงาน เย็นกลับบ้าน บ้านที่หมายถึงคอนโดที่พ่อเธอซื้อไว้ให้เป็นรางวัลเมื่อครั้งที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
แม่ของเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่ชั้นประถมหก แม่เสียได้ไม่นาน พ่อเธอก็แต่งงานใหม่กับนักธุรกิจหญิงและมีลูกติดมาด้วยหนึ่งคน เป็นน้องเธอหนึ่งปี นั่นหมายถึงเธอมีแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยง เหมือนเป็นธรรมเนียมแล้วที่แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงมักไม่ถูกกัน ทั้งแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงไม่ชอบหน้าเธออย่างแรง สาเหตุแรกคือเธอสวย เรียนเก่ง และพ่อเธอก็รักเธอมาก
ยายเป็นข้าราชการครูเกษียร เมื่อพ่อเธอแต่งงานใหม่ ยายจึงรับเธอไปเลี้ยง ไพลินก็เติบโตมาได้ดังใจของยายนัก ถึงยายจะรับไพลินมาดูแล พ่อเธอก็ส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ทุกเดือน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แต่แค่ไม่ได้อยู่ด้วยแค่นั้นเอง และเธอเองก็ไม่ยอมไปอยู่กับพ่อ ถึงเธออยากจะไปยายก็ไม่ให้ไปแน่นอน ตั้งแต่เล็กชีวิตเธอก็มีแต่ยาย สิ้นเดือนพ่อก็โอนเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่ายเดือนละสามหมื่น ไม่รวมค่าเทอม ยายให้เธอเก็บฝากธนาคารทั้งหมด
สายสมรกับสายทิพย์แม่เลี้ยงและน้องเลี้ยงของเธอขี้อิจฉาเหมือนกัน สายทิพย์อายุน้อยกว่าเธอสองปี นิสัยเหมือนแม่ แต่งตัวเก่ง ไม่สวยแต่แต่งตัวเป็น ทำให้ดูดี ไม่ชอบไพลินเลยคอยยุแยงใส่ร้ายเรื่อยมากีดกันไม่ให้ พ่อมาหาเธอ แต่พ่อก็ไม่ค่อยเชื่อฟังแม่เลี้ยงเธอนัก ถ้าพ่อมาดูงานแถวที่เธอทำงาน ท่านจะนัดเธอออกมากินข้าวด้วยกันเสมอ
นอกจะโอนเงินรายเดือนให้เธอใช้แล้ว บางเดือนยังมีพิเศษให้ เหมือนเป็นการชดเชย ที่หนีไปมีครอบครัวใหม่ ทุกครั้งไพลินปฏิเสษตลอด แต่ไม่เคยได้ผลยังไงพ่อก็โอนให้เธออยู่ดี ปีไหนที่บริษัทฯของพ่อมีกำไร เธอกับยายเหมือนได้โบนัส หุ้นส่วนได้เท่าไหร่ ยายกับเธอก็ได้เท่านั้น เพราะสาเหตุนี้ที่ทำให้แม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงของเธอไม่พอใจมาก ที่พ่อคอยดูแลเธอกับยายดีเกินไป แต่พ่อไม่สนใจ
ตั้งแต้เด็กไพลินเรียนที่ต่างจังหวัดจนจบชั้นมัธยม เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลได้ และเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หญิงสาวเลือกเรียนบัญชี เป็นความชอบส่วนตัว เธอพักอาศัยอยู่ที่โคนโดคนเดียวตลอดมา เสาร์อาทิตย์กลับบ้านหายาย ปิดเทอมก็กลับไปดูแลยาย ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ของเธอที่เหลือเพียงคนเดียว ส่วนใหญ่ไพลินเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถโดยสารสาธารณะ พ่อเห็นว่าเธอลำบากเกินไป ท่านซื้อรถเก๋งคันเล็กๆ ให้ ไพลินไม่อยากได้ เธอไม่อยากเป็นขี้ปากของแม่เลี้ยง
สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะพ่อเธออยากซื้อให้ หญิงสาวขับกลับไปไว้ที่บ้านยาย เพิ่งจะมาเริ่มเอามาใช้เมื่อช่วงที่ทำงาน แต่ไม่ได้ขับไปทำงาน เอามาจอดไว้ที่คอนโด เย็นวันศุกร์ขับกลับบ้านไปหายาย เช้าวันจันทร์ขับกลับมาทำงาน และจอดไว้อย่างนั้น อาทิตย์ไหนกลับบ้านก็ขับกลับ เป็นแบบนี้ตลอดมา
ไพลินอยู่ในชุดยูนิฟอร์ม กระโปรงสีกรมท่าทรงสอบเลยเข่า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน เสื้อสูทแขนยาวสีเดียวกับกระโปรง สวมรองเท้าส้นสูง สะพายกระเป๋าหนังแบรนด์ไทย ปล่อยผม เริ่มมีอาการคัดจมูกพร้อมปวดกระบอกตา เริ่มปวดหัว เป็นอาการของคนป่วย ข้างล่างตึกมีคลินิก เห็นทีต้องได้ฉีดยาแน่ๆ เธอไม่ชอบเวลาป่วย ไพลินจะมีปัญหาเวลาไม่สบาย จะมีอาการคิดถึงแม่คิดถึงพ่อ รู้สึกว่าเหมือนถูกทอดทิ้ง มีอาการร้องไห้ และอีกช่วงที่มีอาการแบบนี้คือ ช่วงที่เธอเป็นประจำเดือน เพื่อนร่วมงานจะรู้ดี วันไหนที่เห็นไพลินนั่งซึมน้ำตาไหล วันนั้นคือหญิงสาวเป็นประจำเดือน เป็นอันว่ารู้กัน และห้ามคนปลอบด้วย เพราะยิ่งปลอบยิ่งร้องหนักกว่าเดิม หนึ่งวันผ่านไป อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นแต่วันแรกจะหนักหน่อย
ยังไม่เที่ยงเลย ทำไมคนรอใช้ลิฟต์เยอะจัง ไพลินเดินเข้าไปต่อแถว เธอไม่เคยลงมาเวลานี้ ปกติเพื่อนๆ ที่ทำงานจะสั่งข้าวมากิน หรือไม่ก็ทำเองแล้วใส่กล่องข้าวมากินกันหลายๆ คนอร่อยดี วันไหนเบื่อก็ลงไปกินที่ร้านอาหาร บ่อยครั้งที่เธอทำกับข้าวแล้วใส่ปิ่นโตที่เอามาจากบ้านห่อมากินที่ทำงาน ไพลินต้องล้วงยาดมที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาดม และย้ายตัวเองไปหาที่นั่งบริเวณใกล้ๆ นั้น ถ้าเธอยืนต่อมีหวังได้ล้มทั้งยืนแน่ๆ
“ยาย มีอะไรเหรอคะทำไมโทรมาเวลานี้ ไม่สบายรึเปล่า” ไพลินตกใจปกติยายเธอไม่โทรมาช่วงนี้นี่นา
“พายเหรอลูก พอดียายไม่ค่อยสบาย อาทิตย์นี้พายช่วยกลับบ้าน มาพายายไปหาหมอหน่อยได้ไหมลูก”
“ยายจ๋า ยายรอพายนะ นี่พายกำลังจะกลับคอนโด เดี๋ยวพายเช็คก่อนว่าคลินิคแถวบ้านเรามีไหม พายไปถึงเราจะไปหาหมอกันเลย ยายรอไหวไหม เอาแบบนี้ดีกว่าพายเรียกรถโรงพยาบาลมารับยายดีกว่านะคะ แล้วเดี๋ยวพายรีบไปหายายที่โรงพยาบาล ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพายโทรหาชมพูให้จัดการเอกสารรอที่โรงพยาบาล ยายรอรถโรงพยาบาลอยู่ที่บ้านแป๊ปเดียวนะคะ”
ไข้กำลังขึ้น ไพลินรีบโทรหารถโรงพยาบาล ประสานงานให้ไปรับยายที่บ้าน หน้าลิฟต์คนเริ่มน้อยแล้ว หญิงสาวรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ ระหว่างนั้นคุยสายกับเพื่อนที่เป็นพยาบาลตลอดเวลา จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอฝากเพื่อนให้ดูแลยายให้ หญิงสาวถอนหายใจหลังจากที่ประสานงานกับโรงพยาบาลเรียบร้อย นึกในใจขอให้ที่คลีนิคคนไม่เยอะจะได้ไม่ต้องรอนาน
"ยายขา พายโทรบอกชมพูแล้วนะคะ พอยายไปถึงโรงพยาบาลเดี๋ยวชมพูจะออกมารับ แค่นี้ก่อนนะคะยาย พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"
“สวัสดีค่ะพี่กรอง คือว่าพายจะขอลางานต่ออีกสักสองวันค่ะพี่ พอดียายไม่สบายค่ะ”
“ไม่เป็นไรเลยพายรีบไปดูยายเถอะไม่ต้องห่วงเรื่องงาน ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วนี้ได้ไปหาหมอรึยัง”
“พายขอบคุณพี่กรองมากนะคะ ลิฟต์เพิ่งมาค่ะคนเยอะมาก กำลังจะไปคลีนิคหมอค่ะ สงสัยจะไข้หวัดค่ะพี่กรอง แค่นี้ก่อนนะคะพี่กรองพายถึงคลินิคแล้ว”
กว่าไพลินจะได้พบหมอ เธอก็เกือบจะไม่ไหว ปวดร้าวไปทั้งตัว น้ำมูกเริ่มมา แถมปวดกระบอกตามาก ตัวเริ่มร้อน ทรมานจังเลยคิดถึงบ้านคิดถึงยาย ห่วงก็ห่วงแต่ตัวเองก็จะเอาตัวไม่รอด ต้องแข็งใจนั่งรอหมอ เธอไม่อยากย้ายไปคลีนิคอื่น กลัวว่าตัวเองจะเดินทางไม่ไหว ต้องเข้มแข็งไว้พาย ยายรอเธออยู่ นึกถึงพ่อบอกพ่อเรื่องยายไม่สบายดีไหมนะ ไม่ดีกว่าเพราะถ้าโทรบอกพ่อ ภรรยาใหม่ของพ่อก็ต้องรู้ สู้ไม่บอกดีกว่า ยายคงไ่ม่เป็นอะไรมาก และในที่สุดเธอก็ได้พบหมอ หลังจากนั่งรอมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เป็นอะไรที่ทรมานมาก
“คุณไพลิน ต้องพักผ่อนให้มากๆ นะคะ เดี๋ยวหมอฉีดยาให้หนึ่งเข็ม และรับยาไปทาน ช่วงนี้ต้องพักผ่อนอยู่บ้านนะคะ หมอจะออกใบรับรองแพทย์ให้ เป็นอาการของไข้หวัดใหญ่
“ไข้หวัดใหญ่เลยเหรอคะคุณหมอ”
“ใช่ค่ะ โรคนี้กำลังระบาด คนเป็นกันเยอะมาก”
ไพลินกินยาที่หมอให้แล้ว รีบออกจากคลีนิคเพื่อเรียกรถกลับไปคอนโดทันที โชคดีที่คอนโดของเธออยู่ใกล้ตึกที่ทำงาน ไม่ต้องเดินทางไกลนัก แต่เพราะอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ ทำให้ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถึงคอนโด รถเยอะ คนเยอะ ทำให้การเดินทางล่าช้า กว่าจะถึงคอนโดก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงทั้งๆ ที่ก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก
ทันทีที่กลับถึงคอนโดไพลินรีบโทรหาเพื่อนที่เป็นพยาบาลอีกครั้ง สอบถามอาการของยาย โล่งใจที่ยายถึงมือหมอเรียบร้อยและไม่เป็นอะไรมากแค่อาการอ่อนเพลีย หมอให้นอนโรงพยาบาลดูอาการหนึ่งคืน ไพลินคุยกับยาย บอกยายว่าตัวเองเป็นไข้หวัดใหญ่ หากพรุ่งนี้อาการดีขึ้นแล้ว จะรีบเดินทางไปหายายทันที ยายบอกเธอด้วยซ้ำว่าไม่ต้องกลับบ้านก็ได้ รักษาตัวให้หายดีก่อนอาทิตย์หน้าค่อยกลับ แต่ไพลินยืนยันว่ายังไงก็ต้องกลับเพราะตั้งใจไว้แล้ว
ไพลินสะดุ้งตื่นกับเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น นาฬิกาบอกเวลาตีสอง ตั้งใจฟังว่าเสียงเคาะห้องใคร อยู่โรงแรมเป็นแบบนี้ กลางค่ำกลางคืนอาจจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องข้างๆ หรือข้างห้องอาจจะเมาก็ได้ ฟังไปฟังมาเหมือนเสียงดังที่หน้าห้องเธอ หญิงสาวตกใจแดนไทยมาเคาะห้องเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตายโหงข้างห้องมิด่าแล้วเหรอเนี้ย“คุณมาทำอะไรป่านนี้คะ ไม่ต้องเคาะแล้วค่ะ ชาวบ้านชาวช่องเขาจะด่าเอา”“ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รับสาย ปล่อยให้ฉันเคาะประตูตั้งนาน”“ฉันหลับค่ะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย” ไพลินยังงัวเงียเดินไปเปิดไฟกลางห้องหน้าตาของเธอเวลานี้เหนื่อยหน่ายมาก เพิ่งหลับไปสมองและร่างกายเธอต้องการพักผ่อน แต่เวลานี้คืออะไร อยู่ๆ แดนไทยก็มาปรากฏตัวที่นี่อะไรของเขา มีเรื่องด่วนอะไรกัน“ทำไมไม่ชาร์ตโทรศัพท์ แล้วจะได้ยินไหมเวลามีคนโทรมา” แดนไทยค้นหาสายชาร์ตจัดการเรียบร้อย“จะมีไว้ทำไมโทรศัพท์ มีแล้วไม่ใช้ไม่ต้องมีดีกว่ามั้ง ถ้าเธอรับสาย ฉันก็ไม่ต้องมาที่นี่”“ไพลิน” เขาหันกลับมาอีกทีหญิงสาวก็นอนตะแค
รถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน เลิศวัฒนากิจ ไพลินพยายามปรับอารมณ์ ทำได้ดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา การมีสติทำให้เธออยู่ได้ในทุกสถานการณ์และใช้มาตลอด“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า พี่ดา”“คิดถึงจังเลยหนูพายสบายดีนะลูก” คุณดรุณีเข้ามากอดไพลิน“สบายดีค่ะคุณป้า”“ดีใจนะหนูพาย ป้าเขาลงมือทำกับข้าวเองเลยนะ” คุณทัตเทพทักทายไพลิน“มาน้องพายคิดถึงจังเลย นี่พวกเราคุยกันอยู่นะว่าจะไปเยี่ยมน้องพายที่บ้าน พ่อบอกว่าจะไปหาดูที่ดินแถ้วบ้านน้องพายจ๊ะ ปีหน้าว่าจะไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว”“เหรอคะ เรื่องที่ทางนี่พายไม่รู้เลยค่ะ ปกติก็อยู่แต่บ้าน”“ไม่เป็นไรหรอกลูก ลุงกับป้าแค่จะรบกวนช่วงที่ไปดูที่ดิน จะแวะพักที่บ้านหนูพายสักคืนสองคืนแค่นั้นแหละ เห็นว่าเสาร์ อาทิตย์ หนูพายกลับบ้านใช่ไหมลูก”“เอ่อ....ค่ะ” ไพลินจำต้องตามน้ำผู้ใหญ่พูดขนาดนี้แล้วจะปฎิเสธได้ยังไงระหว่างที่ทุกคนทักทายพูดคุยกัน มีอีกคนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ท่าทางสบายใจมากกว่าใคร หลังจากนั้นไพลินก็เหมือนหล
ท่าทางที่ไพลินกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยฝีมือการทำของแดนไทยนั่นทำให้คนทำแอบยิ้มอย่างพอใจ “ขอบคุณนะคะ ฉันขอตัวไปทำงานต่อ ไม่ช่วยล้างนะคะขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณเขา และกลับไปทำงานเหมือนเดิม นั่งทำงานต่อกระทั่งสามทุ่ม แดนไทยยังไม่เข้ามาด้านใน เขารักษาสัญญาปล่อยให้เธอทำงานอย่างสบายใจ เวลาที่มีสมาธิหญิงสาวทำงานได้เยอะมาก“ไงหิวเหรอ” แดนไทยเงยหน้ามองคนที่เดินออกมาจากห้อง เขาเดาว่าไพลินหิว”หญิงสาวไม่ตอบ แต่เดินผ่านเขาเข้าไปในห้องครัว ได้กลิ่นขนมปังปิ้งทาเนยไม่นานหญิงสาวก็ยกขนมปังปิ้งและนมออกมาวางที่ตั่งใกล้ๆ ที่แดนไทยนั่งทำงาน“ฉันทำมาเผื่อค่ะ ตอบแทนที่คุณทำกับข้าวให้ฉันกิน เนยเยอะนิดนึงนะคะฉันชอบ คุณจะกินแยมไหมคะมีสัปปะรดกับสตรอเบอรรี่ แยมหม่อนก็มีนะคะอันนี้ฉันทำเอง เป็นหม่อนในสวน”แดนไทยไม่ตอบเขาพยักหน้าอย่างเดียว“ทำงานเหรอคะ งั้นฉันแบ่งไว้ให้นะคะ ฉันจะเข้าไปทำงานต่อ”แดนไทยติดคุยงานทางเมลกับลูกค้าต่างประเทศ ได้แต่เพียงพยักหน้าให้ไพลินเขานั่งทำงานต่อ เที่ยงคืนแดนไทยเก็บโน๊ตบุ๊ค เข้าไปใน
บ้านสวนเวลาสี่ทุ่มสิบนาที ไพลินที่กำลังนั่งวาดรูปเหมือนของลูกค้าต่างประเทศเพลินต้องตกใจกับเสียงแตรรถ พร้อมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวมองหาโทรศัพท์ เธอแทบจะไม่ได้พกติดตัวเพราะอยู่บ้านตลอด ไม่ได้ติดต่อใคร คุยกับลูกค้าแค่ทางเมลเท่านั้น“สวัสดีค่ะ”“ไพลินฉันเอง ลงมาเปิดประตูรั้วให้หน่อย”“คุณมากับใครคะ”“ทำไม จะไม่ให้ฉันเข้าบ้านเหรอ นี่กี่ทุ่มแล้วไพลิน อย่าใจดำนักเลยฉันเหนื่อย”ไพลินวางโทรศัพท์ไว้ที่เบาะ ลงไปเปิดประตูรั้วบ้าน เธอเหมือนจะลืมเขาไปแล้วจู่ๆ เขาก็โผล่มา คราวนี้มีเรื่องอะไรอีก เขามาแบบนี้ เธอจะได้ทำงานแบบมีความสุขไหม หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอด ก่อนที่จะไขกุญแจรั้วปล่อยให้รถเขาเข้ามาจอดด้านใน“สวัสดีค่ะ” ไพลินยกมือไหว้คนที่เพิ่งลงมาจากรถแดนไทยรับไหว้เขามองไพลินไม่วางตา ถ้าอีกฝ่ายสังเกตจะเห็นว่าดวงตาของเขาเป็นประกายฉายแววดีใจออกมาชัดเจนมาก“ส่งมาค่ะฉันช่วยถือ” ไพลินยื่นมือไปรับสัมภาระของเขาที่ขนลงจากรถเต็มสองไม้สองมือ“ส่งกุญแจมา เดี๋
แดนไทยหายออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า เขาแวะไปที่สำนักงานทนายความ เซ็นเอกสารให้คุณอำพล เข้าบริษัทฯเพื่อจัดการงานและประชุมช่วงบ่ายเขาแวะไปที่คอนโดนั่งดื่มอยู่คนเดียว อยู่ตรงไหนก็คิดถึงแต่ไพลิน หัวใจวุ่นวายไปหมด เวลาอยู่ใกล้ไพลินเขาก็เป็นอีกอารมณ์ทั้งหมั่นไส้หมั่นเขี้ยวอยากพูดคุยด้วย อยากพูดดีๆ ด้วย แต่ปากเขามันไม่ดีคอยแต่จะพูดแดกดัน พยายามจะทำให้ใจเย็นๆ แต่ก็ยากทุกครั้ง หงุดหงิดในใจ อะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมดทุกอย่างจริงๆ หรือบางทีเขาต้องเริ่มทำสมาธิ หัดสวดมนต์ใหม่เพื่อที่จิตใจจะได้สงบลงบ้าง แต่นั่นแหละที่เขาร้อนรุ่มเพราะกิเลสตัณหา ซึ่งมันน่าจะยากถ้าใช้ธรรมะเข้าข่ม ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครเลยจริงๆ ถ้าไพลินมีใจให้เขาบ้างสักนิดก็คงดี นึกย้อนหลังไปที่เขาทำไม่ดีไม่น่าใจร้อนเลย ถ้าจะรอให้ไพลินคิดที่จะมีใคร เขาคงรอไม่ไหวหรอกเข้าใจว่าไพลินเพิ่งจะโต แต่ผู้หญิงบางคนก็แต่งงานเร็วนี่นา บางคนยังเรียนไม่จบก็แต่งแล้ว บางจบเรียนจบรับปริญญายังไม่ได้ทำงานด้วยซ้ำก็แตงงานเลย แต่ไพลินมีแต่งานๆ อย่างเดียว และตั้งใจว่าจะยังไม่มีใคร แบบนี้น่าจะยากกว่าจะเจอคนถูกใจ แต่ก็ไม่แน่ถ้าบังเอิญหญิงสาวเจอคนถูกใจจริง ก็
ตีห้าของวันใหม่ไพลินตื่นเช้าทำกับข้าวใส่บาตรตามปกติเธอใส่บาตรคนเดียว ด้วยความรีบเธอลืมกรวดน้ำ แต่ไม่เป็นไรหรอก ยายเคยสอนไว้ว่า การกรวดน้ำไม่ได้ทำให้ใครได้บุญ บุญสำเร็จด้วยใจของเราแล้ว การกรวดน้ำถือเป็นกุุศโลบาย เธอจำได้ จริงๆ ยายอธิบายมากกว่านี้เจ็ดโมงเช้าทั้งสองคนกินข้าวเช้าด้วยกันเสร็จแล้ว ไม่นานช่างเข้ามาทำการติดเหล็กดัดและมุ้งลวด ช่างเข้ามาทำงานหลายคนมาก บ่ายสามโมงทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ไพลินโอนจ่ายค่าแรงทั้งหมดเพราะไม่อยากให้แดนไทยจ่าย“อะไรคะ” ไพลินรับกระดาษจากแดนไทยมาหนึ่งแผ่น เธอก้มหน้าอ่านเอกสารนิ่งๆ“เอกสารชุดนี้เธอเก็บไว้หนึ่งชุด และภายในหกเดือนที่เธอทำงานที่บริษัทฯฉันจะไม่มาวุ่นวายกับเธออีกสบายใจได้ ทุกอย่างคุณอำพลจะเป็นคนคุยกับเธอ ส่วนเอกสารในกล่องนี่เดี๋ยวจะมีพนักงานมารับไป ช่างทำงานเสร็จแล้วฉันจะกลับเลย ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะมาวุ่นวายอีก เสื้อผ้าและของใช้ฉันเก็บหมดแล้ว”“ขอบคุณสำหรับสัญญา ฉันไม่ส่งนะคะ” ไพลินยกมือไหว้เขาแดนไทยหิ้วกระเป๋าลงบันไดไป ไม่นานไพลินลงไปปิดประตู้รั้วหน้าบ้าน รู้สึกสบายใจ พรุ่งนี้ไปทำบุญที่วัดแล้วกวาดลานวัดดีกว่าหญิงสาว เดินชมสวนด้วยความสบายใจสั