บทที่ 2
ช่วงค่ำของฟาร์มหอยนางรม อากาศของภาคใต้มักร้อนชื้นจนตัวเหนียวเหนอะ ร่างเล็กเดินลัดเลาะกระทั่งถึงบ้านพักคนงานถัดไปข้างในสวนยาง เป็นบ้านพักที่สร้างขึ้นอย่างง่ายเป็นหลัง กระจัดกระจายอยู่ทั่วภายในสวน
ขณะออกมายังแว่วเสียงแม่และแม่น้า หรือเมียอีกคนของพ่อโต้เถียงกันเพียงเรื่องใครจะได้ไปออกงานในเมืองวันพรุ่งนี้
ใจเด็กสาวแสนเบื่อหน่าย รู้สึกราวเป็นคนนอกตลอดเวลา ไม่เป็นที่ต้องการของบ้าน
ชื่อบัว แท้จริงแล้วชื่อมาจากชื่อของบัวผุดที่เป็นดอกไม้ประจำจังหวัด หากแต่บัวผุดเป็นเพียงพืชกาฝากที่อยู่บนรากของต้นเถาและมีกลิ่นเหม็นมาก
เท้าเล็กเตะก้อนหินก้อนเล็กขณะเดินไปก็เฝ้าครุ่นคิดไปด้วย แม่บอกว่ายามเธอเกิดเป็นวันที่แม่รู้เรื่องของน้าแขไขพอดี ทำให้แม่ต้องการแกล้งพ่อจึงตั้งชื่อของเธอว่าบัวผุด
แต่โชคยังเข้าข้างที่ยายบอกพ่อให้ไปเปลี่ยนชื่อเธอที่อำเภอจนกลายมาเป็นบุษยาที่แปลว่าดอกบัวเหมือนกัน
ก๊อก ก๊อก
มือเล็กเคาะประตูเก่าบ้านหลังเล็กของพี่แทน บ้านหลังนี้แยกมาจากบ้านของป้าพรพิศ ข้างในมีเพียงห้องเดียวและห้องน้ำอยู่ถัดออกไปด้านนอก
“ทำไมต้องล็อคประตูด้วยคะพี่แทน”
เสียงเล็กเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อร่างสีเข้มเปิดประตูออกมา เขาก้มลงมองสาวร่างเล็กกว่าสวมชุดนอนแบบกางเกงขายาวเสื้อเชิ้ตสีชมพู
“ใส่ขายาวมาก็เปื้อนหมด กลับไปเปลี่ยนชุดก่อนนอนด้วยนะ”
เธอเบ้ปากล้อเลียนเขาด้านหลัง นั่งลงที่โต๊ะแล้ววางสมุดปากกาที่เตรียมมา
“ไหนดูสิ ทำไมลายมือถึงไม่พัฒนาเลยบัว”
บุษยาไม่ใส่ใจ ตาหวานคมจดจ้องร่างสีเข้มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว มีกลิ่นหอมของสบู่และกลิ่นบางอย่างที่ทำให้ใจสาวน้อยเต้นรัว
“พี่แทน เพื่อนหนูเล่าให้ฟังว่าเห็นพี่แทนไปกับปิ่น เด็กห้องสอง”
เธอจ้องใบหน้าสีคล้ำแดงเข้มขึ้นต่อหน้า เขายังก้มหน้าดูสมุดไม่ตอบอะไร
“เพื่อนบอกว่าซ้อนมอไซกันไปยังป่าสวนยางหลังบ้านของเพื่อนบัวเอง”
บุษยายังจ้องจับผิดขณะที่เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือสีคล้ำเปิดหนังสือสั่นเล็กน้อย หน้าแดงก่ำกว่าเดิม
“แล้วเพื่อนก็ตามไปแอบดู เห็น...”
“พอ ๆ นี่ไปเรียนหนังสือหรือไม่มัวคุยนินทาอะไรกัน”
พสุธารีบลุกขึ้นหยิบถ้วยขนมหวานที่แม่พรพิศเตรียมไว้ให้บุษยาโดยเฉพาะ บัวลอยไข่หวานอุ่นร้อน ตัวเม็ดทำด้วยฟักทองนึ่งและเผือก เขาวางถ้วยลงตรงหน้าสาวน้อยหวังว่าของกินคงหยุดคำถามที่กำลังหลั่งไหลออกมา เขารู้นิสัยของบุษยาดี ถ้าอยากรู้สิ่งใดเธอมักวนเวียนถามไม่หยุดจนกว่าจะได้คำตอบที่ต้องการ
หน้าเล็กยิ้มกว้างหยิบช้อนขึ้นตักบัวลอยใส่ปาก รสชาติไม่หวานมากติดเค็มนิดหน่อยน้ำกะทิเข้มข้น เธอสามารถกินเจ้าสิ่งได้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องกินข้าว
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองนั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้เธอ เลื่อนสมุดคัดลายมือของบุษยาขึ้นดูอีกครั้ง
“ดูสิ ตัวโย้เย้ขนาดนี้”
“ก็บัวคิดว่าทำไมบัวต้องมัวเขียนลายมือให้สวยด้วย ในเมื่อบัวมีพี่แทนที่เขียนสวยอยู่แล้ว”
เขาเอี้ยวหน้ามองพรางส่ายหน้า ใบหน้าเล็กอมยิ้มทั้ง ๆ ที่มีบัวลอยเต็มปาก เธอละมือจากถ้วยชี้นิ้วไปยังอักษร ฒ
“เนี่ย เขียนยากสุด ทำไมต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากด้วย”
“งั้นก็คัดสักสองหน้า อ้อ แล้วนี่วิชาคณิต”
ตอนนี้บุษยาเริ่มหน้าจ๋อยใช้มือเกลี่ยขนมไปมาในถ้วย
“พี่ว่าเรื่องคัดลายมือให้บัวเอากลับไปคัดที่ห้อง ส่วนค่ำนี้เรามาติวคณิตศาสตร์ก่อนดีกว่า”
เขาเลื่อนหนังสือมาใกล้แล้ววงสมการที่บุษยาทำผิดจากนั้นจึงหยิบกระดาษเปล่าออกมาเขียน บุษยามองลายมืองดงามของพสุธาอย่างหลงใหล แม้ว่าเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น แต่ความหนักแน่นของน้ำหมึกและการตวัดหางกลับชัดเจน มั่นคง สมกับเป็นตัวเขา
ขณะกำลังมองมือของพสุธากลับคิดได้ว่า เธอลืมคำถามก่อนหน้านี้จึงเอี้ยวหน้าจ้องเด็กหนุ่มอีกครั้ง
มองจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากที่หนาผิดไปจากคนไทย เผลอเอื้อมมือออกไปแตะริมฝีปากล่างของพสุธา
“บัว!! ทำอะไร!”
เขาผงะออกทันที หันตัวกลับมาสบตาหวานคมรีที่กำลังเยิ้มเล็กน้อยจากอาการง่วงงุน ผมดกหนาปกหน้าผากกลมเกลี้ยง จมูกโด่งเรียวเป็นสัน และปากกว้างเย้ายวน เด็กหนุ่มเผลอไผลมองนานเกินไปจนหัวใจเต้นกระหน่ำ รีบลุกขึ้นแสร้งหยิบน้ำ
“ทีหลังอย่าแตะตัวพี่อีก บัวโตแล้วไม่ใช่เด็ก”
บุษยามองตามร่างแกร่ง แล้วจึงซบหน้าลงบนโต๊ะพลางนึกไปถึงเรื่องวันนี้ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง
“แต่กลับปิ่น พี่จูบเธอ และพี่ยังเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรงอีกด้วย”
ตึก!!
มือสีเข้มกระแทกแก้วน้ำเสียงดังด้วยความตกใจ เขานึกไม่ถึงเลยว่าตำบลนี้ช่างเล็กแคบขนาดนี้ เด็กสาวที่ชื่อปิ่นเมื่อเย็น เธอเป็นลูกสาวของชาวประมงในหมู่บ้านถัดไป ผิดไปจากเด็กสาวที่นั่งอยู่กลางห้อง ที่สูงส่งเกินเอื้อม
“ถ้าจะแก่แดดขนาดนี้ก็ไม่ต้องมาที่ห้องพี่อีกเลย”
ตาหวานคมน้ำตาคลอเบ้ามองพี่แทนเปิดประตูห้องคาไว้ รอเธอเดินออกไปด้วยสีหน้าเอาเรื่อง สาวน้อยวางช้อนลงอย่างแรงกระแทกลำตัวขึ้นจากเก้าอี้
“งั้นบัวจะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีก”
“บัว!!”
เสียงเข้มตะโกนดังตามหลัง ทันเห็นน้ำตารื้นขึ้นจากนัยน์ตาคมพลันใจอ่อนยวบ ใครใช้ให้เขาหลงรักลูกสาวของนายหัวจนสุดใจขนาดนี้
ปึก!! บ้าจริง!!
มือแกร่งทุบลงขอบประตูยืนมองร่างเล็กเดินแกมวิ่งไปสุดสายตาแล้วจึงค่อยปิดประตูห้องลงกลอน มองกองหนังสือที่ยังกางอยู่บนโต๊ะจึงเก็บรวบรวมไว้ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดักที่ชานบันไดหลังบ้านเพื่อส่งหนังสือคืน
พี่แทนบ้า!! ปึก ปึก!!
บุษยากดหน้าคมหวานจมไปในหมอนใบใหญ่ มือน้อยทุบเตียงทั้งสองข้างด้วยความช้ำใจ ใจของเด็กสาวร้อนรนหึงหวงเมื่อได้ยินข่าวลือ เธอนอนพลิกร่างกลับมาอีกครั้งเอี้ยวหน้ามองโคมไฟของขวัญวันเกิดที่พี่แทนซื้อมาให้เมื่อปีที่แล้ว
โคมไฟเซรามิครูปคนแคระและสโนว์ไวท์ที่เจาะรูเป็นพรุนแล้วมีหลอดไฟดวงเล็กสีนวลอยู่ข้างใน เวลาแสงลอดออกมาจากโคมปรากฎแสงเป็นวง ๆ ส่องประกายตามผนังเพดาน เธอจำได้ว่าวันนั้นเธอถูกใจมากจนกระโดดกอดเขาแน่น
ตั้งแต่เด็กจนโตเธอพบเห็นแต่หน้าพี่แทนมากกว่าใบหน้าของพ่อตัวเองเสียอีก เธอเดินตามติดตั้งแต่เริ่มจำความได้ ช่วงก่อนสิบขวบเธอยังวิ่งทโมนอยู่รอบตัวเด็กหนุ่มยามเขาดึงเชือกหอยขึ้นจากกระชัง
ใจเด็กสาวไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเชิงชู้สาวมันเริ่มขึ้นขึ้นเมื่อไร เธอรู้แค่ว่าทุกครั้งยามเธอทุกข์ใจ เธอจะมีพี่แทนอยู่ข้าง ๆ เสมอ
ตั้งแต่ต้นปีมานี่ เธอเริ่มรู้สึกได้ว่าพี่แทนเองก็เปลี่ยนไปมาก เขาระวังตัวมากขึ้นเมื่ออยู่กับเธอ ไม่แตะเนื้อต้องตัว ไม่ค่อยพาเธอซ้อนจักรยานอีกแล้ว
แล้ววันนี้เธอได้ยินว่าเขาไปติดใจหญิงสาวคนอื่นหลายคน แต่คนชื่อปิ่นเป็นคนแรกที่เธอได้ยินว่าเขาถึงขนาดจูบและลูบคลำด้วย
ใบหน้าหล่อเถื่อนอย่างลูกครึ่งผิวสีลอยเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ สาวน้อยวัยสิบเจ็ดปีอย่างบุษยาต้องการเอื้อมมือไปคว้ามากอดไว้เหลือเกินแต่ทำไม่ได้
ต้องการบอกพี่แทนเหลือเกินว่าเธอรักพี่แทนมากขนาดไหน
พี่แทน
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง