“คุณเห็นพวกเราเมื่อกี๊”
ภิณไลย์ญาเหลียวมองคนข้าง ๆ ขณะกัดฟันแน่น เสี้ยวหน้าคมคายของเขามีรอยยิ้มที่หญิงสาวรู้สึกชังมันอย่างที่สุด มันเป็นรออยยิ้มแห่งชัยชนะและทับถม
“ใช่...ผมเห็นทุกอย่าง เห็นละครฉากใหญ่ที่นางเอกถูกคนรักของเธอเขี่ยทิ้งเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ซึ่งเหมาะสมและคู่ควรกัน...เอ...ผมควรจะเรียกผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นว่าเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้มันจะเหมาะสมดีหรือเปล่า”
“และละครฉากนี้ก็มีคุณ คนไร้ความรักและหัวใจเป็นคนจัดฉาก...อย่างนั้นสินะคะ!”
“ใช่!” นิโคลัสหันขวับมายังหญิงสาวนัยน์ตาเข้มคลั่ก “ผมชอบละครโศกนาฎกรรม ยิ่งนางเอกถูกทารุณและพบกับความต้องผิดหวังถึงขนาดเจ็บช้ำจนตายผมก็ยิ่งชอบ!”
“คุณมันโรคจิต วันหนึ่งคนเลือดเย็นอย่างคุณต้องพบกับความเสียใจเหมือนละครที่คุณจัดฉากให้คนอื่นต้องเจ็บเจียนตายนั่นล่ะ”
“ผมจะรอวันนั้น แต่คิดว่ามันคงไม่มีวันมาถึง แต่ตอนนี้ผมว่าคุณโทรกลับไปที่บ้านจะดีกว่า...โทรกลับไปหาแม่ของคุณ บอกท่านว่าไม่ต้องรอ”
“หมายความว่ายังไง...ไม่ต้องรอ”
“เพราะคุณอาจจะไม่ได้กลับไปหาท่านอีกนาน”
“นิโคลัส...พูดให้ชัดสิคะ คุณลากฉันออกมาจากงานออโต้โชว์แล้วคุณกำลังจะพาฉันไปไหน”
เขาเหลือบมองหญิงสาวเล็กน้อยซึ่งเป็นจังหวะไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี นิโคลัสออกรถ ใบหน้าคมเข้มที่เคียดขึ้งดูเหมือนเยือกเย็นลงแต่หญิงสาวรู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่ต่างจากภูเขาไฟที่ดูเหมือนสงบแต่ความร้อนยังคุกรุ่นและพร้อมปะทุตลอดเวลา
“ผมยังไม่บอกอะไรคุณตอนนี้ และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาคาดคั้นผมด้วย”
“ฉันไม่ได้คาดคั้นคุณนะคะ...นิโคลัส...ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าทำอย่างนี้ได้ไหม คุณจะแกล้งฉันไปถึงไหน ถึงยังไงฉันก็ไม่มีวันชนะคุณอยู่แล้ว”
“ยอมรับแล้วเหรอเนเน่ว่าคุณเอาชนะผมไม่ได้ หึ! เมื่อกี๊คุณยังปากดีกล้าสาปแช่งผม แต่ก็...โอเค...ถือว่านี่เป็นคำร้องขอจากคนหมดหนทาง ผมจะพาคุณไปฮาวาย”
“ฮาวาย!”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น แค่ฮาวาย ปกติพวกที่ทำงานอย่างคุณต้องเดินทางบ่อยอยู่แล้วและมันก็ไม้ได้อยู่นอกแผ่นดินอเมริกาเสียหน่อย”
“ใช่ค่ะ...คุณพูดถูกว่ามันอยู่ในอเมริกา แต่ถ้าคุณพาฉันไปที่นั่นแล้วใครจะคอยดูแลน้องชายของฉันกันล่ะคะ เขาเป็นคนไข้ที่ยังอาการหนัก ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่อย่างอนาถาไม่ได้หรอกค่ะ”
“คิดว่าการที่ผมจ่ายเงินถึงสามล้านดอลล่าห์สำหรับการรักษาน้องชายของคุณมันยังไม่พอเพียงสำหรับการรักษาคนไข้อย่างดีที่สุดอย่างนั้นเหรอ มันยอดเยี่ยมกว่าประกันถูก ๆ ที่คนชั้นล่างอย่างพวกคุณทำตั้งไม่รู้กี่เท่า เขาจะได้รับการดูแลจากพยาบาลพิเศษตลอดการรักษาจนกว่าจะหายดี”
“แต่ว่า...”
“โทรกลับไปหาแม่คุณแล้วไม่ต้องมาร้องขอหรือต่อรองอะไรกับผมทั้งนั้น!”
นิโคลัสตัดบทอย่างเด็ดขาดด้วยการโยนสมาร์ทโฟนของเขาลงบนตักหญิงสาวที่พยายามกดกลั้นตัวเองถึงที่สุด ภิณไลย์ญากำหมัดแน่น เธอก้มลงมองสิ่งที่เขาโยนให้เหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของขว้างอาหารใส่อย่างไม่ใยดี หญิงสาวทั้งหมดกำลังใจและเจ็บปวดแต่เธอต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างไม่อาจเลี่ยง
ทำไมเขาถึงได้แสดงความชิงชังรังเกียจเธอมากขนาดนี้ ทุกคำพูดของนิโคลัสไม่เคยแยแสใยดี มีแต่จะบีบบังคับและเหน็บว่าให้เจ็บช้ำยิ่งกว่ายาพิษที่เขาทิ่มแทงมันลงไปในเลือดเนื้อทะลุเข้าไปถึงกระดูกนั่นเลยทีเดียว หญิงสาวค่อย ๆ หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาทั้งน้ำตาหยดไหล เธอต่อสายหามารดาที่รอคอยอยู่ที่บ้าน รอฟังกระทั่งได้ยินเสียงตอบรับกลับมา
“แม่คะ...เนนะคะ...ค่ะ...เนอาจจะยังไม่ได้กลับบ้าน...ค่ะ...ผู้จัดการส่งเนไปทำงานที่...ฮาวายค่ะ...แล้วเนจะส่งเงินกลับไปให้แม่นะคะ...ค่ะ...ใช่ค่ะ...ฮาวาย”
การเดินทางไปยังเกาะฮาวายพร้อมกับนิโคลัสด้วยเครื่องบินส่วนตัวของเขาเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสำหรับภิณไลย์ญา พริตตี้แสนสวยที่ต้องถอดคราบเงาของการเป็นสาวประจำรถโชว์เพื่อแลกกับการเป็นลูกหนี้ที่เธอไม่เต็มใจแต่ก็เพื่อช่วยรักษาไว้ซึ่งชีวิตของน้องชาย ตลอดการเดินทางที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงเธอไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีแม้แต่น้อยจากเจ้าหนี้ที่ทั้งดุดันและเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก นิโคลัสแทบไม่คุยกับเธอ ก็แน่อยู่แล้ว เขาจะอยากคุยอะไรกับผู้หญิงที่ตัวเองเหยียดหยามว่าทั้งชั้นต่ำ ไร้สกุลและเหมาะควรจะอยู่ห่างจากน้องชายของเขาให้ไกลที่สุด เขาทำสำเร็จ ฉุดเธอออกจากชีวิตของคริสต์และเหวี่ยงของไร้ค่าเช่นเธอออกนอกวงโคจรชีวิตของน้องชายจนห่างไกลชนิดที่เรียกว่าทำยังไงคริสต์ก็หาเธอไม่เจอนับจากนี้ นิโคลัสคงหวังพาเธอไปอยู่ในที่ที่คริสต์จะไม่ได้พบเจอจวบจนกระทั่งถึงวันแต่งงานของเขากับลาริสา ลูกสาวนัธุรกิจที่คู่ควร
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั