ทางเดินกลับห้องช่างยาวนานเหลือเกินในค่ำคืนนี้ ลาริสาเดินเหม่อลอยตามแรงพยุงของส้ม หัวใจเธอไม่อาจรับรู้อะไรได้อีก ประตูห้องพักปิดลงอย่างแผ่วเบา ลาริสาทิ้งตัวลงบนเตียงเก่า ๆ ที่เธอเคยนั่ง เคยนอน เคยร้องไห้ คืนนี้ เธอไม่แม้แต่จะเหลือแรงจะถอนหายใจ ดวงตากลมโตที่เคยมีประกายแห่งชีวิต บัดนี้กลับมืดหม่นราวกับเทียนที่โดนพายุพัดดับ เธอกอดเข่าตัวเองแน่น... กอดตัวเองอย่างคนที่หลงเหลือแค่ตัวเปล่า ๆ และหัวใจที่พังทลาย พ่อ... ภาพของผู้ชายคนนั้นฉายชัดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มใจดีที่เคยยิ้มให้เธอทุกเช้า มืออบอุ่นที่เคยลูบผมเธอเบา ๆ ก่อนนอน "ลูกของพ่อ...เด็กดีของพ่อ..." เสียงกระซิบจากอดีตยังดังสะท้อนในหูเธอ แต่บัดนี้ ชายคนเดียวกันนั้น...กลับกลายเป็นปีศาจในเรื่องเล่าที่เธอเพิ่งได้รับฟังมา มือที่เคยปกป้องเธอ เคยทำลายชีวิตของผู้หญิงคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม อ้อมแขนที่เคยโอบเธอไว้แน่น เคยผลักคนบริสุทธิ์เข้าสู่นรกโดยไม่ลังเล "ไม่จริง..." ลาริสาพึมพำในลำคอ น้ำตาร้อนผ่าวไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอหลับตาแน่น พยายามลบล้างภาพบาดแผลเหล่านั้นออกไปจากหัวใจ พยายามเชื่อ...ว่าทั
การ์ดยังพูดต่อ สั้น กระชับ และกรีดลึกเข้าไปในใจเธอ "ทำงานเงียบ ๆ อย่าสร้างปัญหา" "ถ้ามีปัญหาอีก...เธอจะไม่ได้รับโอกาสครั้งที่สอง" จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ เหมือนไม่มีตัวตน ทิ้งให้ลาริสานั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนนักโทษที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้ใช้ชีวิตต่อไป...ในเรือนจำที่ไร้กำแพง เธอก้มมองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่บนตัก เหมือนกำความหวังที่แหลกสลายเอาไว้ในอุ้งมือ มีเพียงเธอเท่านั้น ที่ต้องแบกทุกอย่าง...และเดินหน้าต่อไปด้วยตัวเอง ... แม้จะยังไม่หมดอาการบอบช้ำ แต่ลาริสาก็กลับมาทำงานในโซนด้านนอกของคลับตามคำสั่ง เครื่องแบบใหม่สะอาดเรียบร้อย ช่วยกลบซ่อนรอยแดงช้ำที่ยังไม่จางหายได้เพียงบางส่วน เธอก้มหน้าก้มตาเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มไปตามโต๊ะ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ มีทั้งสายตาสงสัย สายตาเยาะเย้ย และสายตาเหยียดหยามอย่างเปิดเผย บางคนกระซิบกระซาบกับเพื่อนข้างตัว บางคนปรายตามองเธออย่างสมเพช ราวกับเธอเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่ไม่ควรโผล่มาในที่แห่งนี้อีก ลาริสารู้ดี...ทุกคำพูด ทุกแววตาเหล่านั้นล้วนแทงลึกเข้ามาในหัวใจ แต่เธอไม่ตอบโต้ ไม่แม้
กลิ่นน้ำมันเครื่อง และเบาะหนังที่ชื้นด้วยเหงื่อซึมทะลุขึ้นจมูกทันทีที่ลาริสารู้สึกตัวมือของเธอถูกมัดไว้แน่น ร่างถูกโยนไว้กับพื้นรถตู้ด้านหลังที่ปิดทึบ แสงเพียงเสี้ยวจากไฟท้ายสะท้อนผ่านรอยแตกของฝาปิดเก็บของเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม แต่เสียงที่ทำให้เธอเย็นเยียบยิ่งกว่า คือเสียงบทสนทนาของชายสองคนด้านหน้า“แน่ใจนะว่าเป็นลูกของท่านรัฐมนตรีจริง ๆ?”“เออสิวะ กูเห็นกับตา ไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่ๆ คนอย่างเธอ ส่งให้ฝั่งโน้นเขาจะจ่ายหนักกว่าเดิมแน่นอน”“ชายแดนเพื่อนบ้านใช่ไหม…ซ่องนั่นที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจน่ะ?”“ก็ที่นั่นแหละ จะได้จบ ๆ ไป ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวรัฐมนตรีมานั่งรับแขกอยู่ตรงนั้น”เสียงหัวเราะหยันดังตามมา ราวกับคำพูดนั้นเป็นแค่เรื่องตลกไร้ค่าของโลกใต้ดินเลือดในกายลาริสาเย็นเฉียบเธอแทบไม่รู้ว่าลมหายใจหลุดหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่คำว่า “ขายตัว” “รับแขก” “ชายแดน”แต่ละคำเหมือนมีดที่สลักลงกลางใจเธอหวาดกลัว ร่างกายสั่นราวกับไข้ขึ้นน้ำตาที่หลั่งลงมานั้น…ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เป็นความกลัวแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนกลัวว่าจะไม่มีใครตามหาเธอเจอกลัวว่าจะไม่มีวันกลับไปได้อีก...ภายในห้องแต่งตัว คลั
เสียงหัวเราะต่ำของชายตรงหน้าดังขึ้นมือหนาขยับต่ำลงเรื่อย ๆ พร้อมแรงกดที่ทำให้เธอแทบขาดใจ“ไม่! ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ!”เธอรวบแรงทั้งหมดคว้าขวดวิสกี้บนโต๊ะฟาดลงบนพื้นเสียงแก้วแตกกระจายข้างตัว เสี้ยววินาทีที่เขาชะงักเธอสะบัดตัวสุดแรง ผลักร่างใหญ่ของเขาออกกระชากชายกระโปรงแล้ววิ่งออกจากห้อง โดยไม่หันหลังกลับห้องทั้งห้องเหมือนแคบลงจนหายใจไม่ออกเสียงฝีเท้าดังสะท้อนในทางเดินมืดชื้นเหงื่อหัวใจของเธอเต้นรัวเหมือนกลองรบ แต่เธอไม่รู้ว่ากำลังวิ่งหนีอะไร หรือกำลังวิ่งเข้าสู่อะไร…ที่เลวร้ายกว่าเดิมโถงทางเดินมืดสลัว กลายเป็นเขาวงกตไร้ทางออกเสียงฝีเท้าของลาริสาดังก้องสะท้อนตามผนังหินเย็นเฉียบ กลิ่นอับชื้นของสถานที่ที่ไม่มีหน้าต่างเหมือนยิ่งบีบคั้นหัวใจให้แน่นขึ้นทุกวินาทีเธอไม่รู้ว่ากำลังหนีไปไหน…ไม่รู้ว่าเสียงฝีเท้าที่ได้ยินตามหลัง เป็นเสียงจริง หรือเป็นเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นจนแสบหูเธอเลี้ยวพรวดไปตามความรู้สึกจนกระทั่งโครม!ร่างของเธอชนเข้ากับบางอย่างแน่น หนัก และมั่นคงจนเธอสะบัดถอยหลังแทบไม่ทันแขนแกร่งคว้าเธอไว้ก่อนจะล้มกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ และไออุ่นของผิวเนื้อชาย…ห้อมล้อมเธอในช
ลาริสาไม่รู้ว่าความเงียบที่ปกคลุมระหว่างเขากับเธอนั้นกินเวลานานแค่ไหนเธอแค่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา หนังที่เย็นเฉียบแนบผิวแทบไม่ต่างจากเลือดในร่างของเธอในตอนนี้หัวใจเธอเต้นช้าลง…แต่ทุกจังหวะเหมือนมีมีดกรีดอยู่ภายในเธอคิดย้อนกลับไปในคืนที่มืดที่สุดในชีวิต คืนที่เธอถูกจับตัวขึ้นรถตอนนั้น เธอเชื่อว่าเธอกำลังจะตายหรือแย่กว่านั้น…เธอจะมีชีวิตอยู่ แต่ในสถานะที่ไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรีเธอจำคำพูดพวกนั้นได้แม่นน้ำเสียงเหยียดหยามของคนที่บอกว่าเธอจะถูกขายไปฝั่งชายแดน ไปอยู่ในซ่องเถื่อนที่ไม่มีใครตามหาเจอไปเป็นของเล่น...ในที่ที่กฎหมายเข้าไม่ถึง และคำว่ามนุษย์ก็ไม่มีความหมายแต่แล้ว…ในเช้าวันต่อมาเธอกลับลืมตาขึ้นมาในที่แห่งหนึ่ง ยังถูกคุมตัว แต่ไม่มีโซ่ ไม่มีเสียงหัวเราะต่ำ ไม่มีสายตาสกปรกที่จ้องจะกลืนกินเธอมีเพียงคำสั่งให้เปลี่ยนชุด แต่งหน้า ใส่หน้ากากและกลายเป็นเด็กเสิร์ฟเหล้าในคลับปิดที่หรูหราแต่ไร้อิสระตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทำไมชะตาที่เหมือนกำลังจะหล่นจากหน้าผาถึงได้เปลี่ยนทิศอย่างประหลาดแต่ตอนนี้…ทุกอย่างชัดเจนชายตรงหน้า คนที่ดึงเธอไว้จากขุมนรกคนที่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่กลั
หลังจากภานุวัฒน์กับพ่อสามารถหนีข้ามแดนไปได้เขาไม่เคยลืมไม่เคยลืมว่ามีใครคนหนึ่ง...ยอมเดินเข้ามาในไฟนรกเพื่อช่วยชีวิตเขาแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้อะไรเลย...และนั่นคือเหตุผลที่หลายปีต่อมาเมื่ออคินตกอยู่ในอันตรายกลางขบวนขนของเถื่อนเมื่อทุกคนทอดทิ้งเขาภานุวัฒน์ ในฐานะเด็กชายที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากอคิน จึงไม่มีวันยอมปล่อยให้ชายคนนี้ตายเหมือนหมาข้างทางเขาฝ่าแนวปืน ฝ่าอำนาจมืดเขาพาอคินกลับมา...แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองก็ตามหลังจากที่ธุรกิจของเขากับพ่อมั่นคงขึ้น เขาก็นำเงินมาลงทุนเปิดสถานที่แห่งนี้และมอบมันให้กับอคิน...อคินหลุบตาลงช้า ๆ เมื่อนึกถึงอดีตเหล่านั้นความขอบคุณ ความซาบซึ้งในใจ...ไม่เคยจางหายไปเลยตลอดชีวิตของเขาเขาเข้าใจดี ว่าหนี้บางหนี้...ไม่ต้องพูดแต่จะผูกมัดไว้จนวันสุดท้ายของลมหายใจและเพราะอย่างนั้น...ไม่ว่าภานุวัฒน์จะทำอะไรไม่ว่ามันจะขัดกับตรรกะ หรือทำให้เขาเดือดร้อนมากแค่ไหนเขาจะไม่มีวันหักหลังภานุวัฒน์อคินยิ้มจาง ๆ หันมามองคนที่เป็นมากกว่าคำว่าเพื่อน"ฉันเข้าใจ..."เสียงเขาแหบพร่า แต่แน่วแน่"เพราะถ้าไม่มีแกวันนั้น ฉันก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้เหมือนกัน"ภา
เวลาผ่านไปไม่นาน การ์ดในชุดดำเดินตรงมาหยุดที่หน้ากระจกที่ลาริสามานั่งก้มหน้าเงียบอยู่เขาไม่พูดพร่ำโยนถุงผ้าใบใหญ่ ๆ มาวางบนโต๊ะเครื่องแป้งจนฝุ่นฟุ้งกระจาย"เปลี่ยนชุดซะ" น้ำเสียงสั้น กระด้าง ไร้ความรู้สึกลาริสาเงยหน้าขึ้นอย่างสับสนการ์ดกระแทกคำอธิบายออกมาอย่างเย็นชา"ต่อไปนี้...เธอไม่ต้องเข้าไปในห้อง VIP อีก""ทำงานอยู่โซนข้างนอก เตรียมเครื่องดื่ม เสิร์ฟเหล้า แค่นั้น"พูดจบ เขาก็หมุนตัวจากไปทิ้งไว้เพียงถุงผ้าหนักอึ้ง กับความเงียบที่กดทับตัวเธอลาริสาก้มหน้ามองถุงผ้ามือบางสั่นนิด ๆ ขณะเปิดมันออกชุดใหม่ เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเรียบง่าย กับกางเกงขายาวสีดำไม่มีหน้ากากลูกไม้ ไม่มีเสื้อคอกว้าง ไม่มีกระโปรงสั้นเหนือเข่าเหมือนเมื่อก่อนมันคือชุดของพนักงานโซนด้านนอกจริง ๆ...ชุดที่อย่างน้อย จะไม่ต้องโดนแตะต้องโดยแขกอีกลาริสาเม้มปากแน่น รู้สึกเหมือนหัวใจบีบรัดอย่างแรงในขณะที่เธอยังซึมซับคำสั่งใหม่เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้นรอบตัว"ฮึ นึกว่าทำผิดแล้วจะโดนเตะออกซะอีก...""เส้นใหญ่นี่หว่า ได้ย้ายมาทำงานสบาย ๆ ข้างนอกแทน""อภิสิทธิ์พิเศษสำหรับคนหน้าตาดีสินะ..."เสียงกระซิบเหยียดหยันแทงทะล
ความเงียบปกคลุมทั่วห้องหลังบทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างภานุวัฒน์กับธีภพจบลงท่ามกลางความเงียบ...แต่ไม่ว่างเปล่าในห้วงความเงียบนั้นมีทั้งความเข้าใจ และภาระที่แต่ละคนแบกไว้ในเส้นทางที่ไม่อาจหันหลังคีรณัฐ ชายหนุ่มในชุดเชิ้ตเรียบเฉียบที่นั่งพิงพนักนิ่ง ๆ กระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เฉือนลึกในทุกถ้อยคำ"ฉันเอง...ก็คงต้องถอนตัวจากฝั่งธุรกิจแล้วเหมือนกัน"เพียงคำพูดเดียวบรรยากาศในห้องพลันตึงขึ้นอย่างยากจะอธิบายธีภพละสายตาจากแฟ้มในมือภานุวัฒน์หยุดมือที่กำลังขยับแฟ้มเอกสารทั้งสองไม่ถามซ้ำ เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจ เบื้องหลังหน้ากากผู้บริหารที่คีรณัฐสวมไว้ตลอดหลายปีคือเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษระดับสูง หนึ่งในผู้กวาดล้างขบวนการสกปรกในโลกมืดทั้งสารเสพติด อาชญากรรม และนักการเมืองที่ย่ำยีผู้บริสุทธิ์โดยเฉพาะ...ท่านรัฐมนตรี วิศรุต เกริกไกร เป้าหมายที่เขาเพ่งเล็งมาเนิ่นนานคีรณัฐหัวเราะเบา ๆ คล้ายไม่ยี่หระ"ถึงเวลาแล้วล่ะ...ต้องกลับไปทำในสิ่งที่ควรทำ"เสียงเขานิ่งและมั่นคงจนรอบห้องเหมือนจะอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆธีภพพยักหน้าเข้าใจไม่พูดมาก เพราะสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา ไม่ต้องการถ้อยคำฟ
การ์ดยังพูดต่อ สั้น กระชับ และกรีดลึกเข้าไปในใจเธอ "ทำงานเงียบ ๆ อย่าสร้างปัญหา" "ถ้ามีปัญหาอีก...เธอจะไม่ได้รับโอกาสครั้งที่สอง" จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ เหมือนไม่มีตัวตน ทิ้งให้ลาริสานั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เหมือนนักโทษที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้ใช้ชีวิตต่อไป...ในเรือนจำที่ไร้กำแพง เธอก้มมองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่บนตัก เหมือนกำความหวังที่แหลกสลายเอาไว้ในอุ้งมือ มีเพียงเธอเท่านั้น ที่ต้องแบกทุกอย่าง...และเดินหน้าต่อไปด้วยตัวเอง ... แม้จะยังไม่หมดอาการบอบช้ำ แต่ลาริสาก็กลับมาทำงานในโซนด้านนอกของคลับตามคำสั่ง เครื่องแบบใหม่สะอาดเรียบร้อย ช่วยกลบซ่อนรอยแดงช้ำที่ยังไม่จางหายได้เพียงบางส่วน เธอก้มหน้าก้มตาเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มไปตามโต๊ะ สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ มีทั้งสายตาสงสัย สายตาเยาะเย้ย และสายตาเหยียดหยามอย่างเปิดเผย บางคนกระซิบกระซาบกับเพื่อนข้างตัว บางคนปรายตามองเธออย่างสมเพช ราวกับเธอเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่ไม่ควรโผล่มาในที่แห่งนี้อีก ลาริสารู้ดี...ทุกคำพูด ทุกแววตาเหล่านั้นล้วนแทงลึกเข้ามาในหัวใจ แต่เธอไม่ตอบโต้ ไม่แม้
ทางเดินกลับห้องช่างยาวนานเหลือเกินในค่ำคืนนี้ ลาริสาเดินเหม่อลอยตามแรงพยุงของส้ม หัวใจเธอไม่อาจรับรู้อะไรได้อีก ประตูห้องพักปิดลงอย่างแผ่วเบา ลาริสาทิ้งตัวลงบนเตียงเก่า ๆ ที่เธอเคยนั่ง เคยนอน เคยร้องไห้ คืนนี้ เธอไม่แม้แต่จะเหลือแรงจะถอนหายใจ ดวงตากลมโตที่เคยมีประกายแห่งชีวิต บัดนี้กลับมืดหม่นราวกับเทียนที่โดนพายุพัดดับ เธอกอดเข่าตัวเองแน่น... กอดตัวเองอย่างคนที่หลงเหลือแค่ตัวเปล่า ๆ และหัวใจที่พังทลาย พ่อ... ภาพของผู้ชายคนนั้นฉายชัดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มใจดีที่เคยยิ้มให้เธอทุกเช้า มืออบอุ่นที่เคยลูบผมเธอเบา ๆ ก่อนนอน "ลูกของพ่อ...เด็กดีของพ่อ..." เสียงกระซิบจากอดีตยังดังสะท้อนในหูเธอ แต่บัดนี้ ชายคนเดียวกันนั้น...กลับกลายเป็นปีศาจในเรื่องเล่าที่เธอเพิ่งได้รับฟังมา มือที่เคยปกป้องเธอ เคยทำลายชีวิตของผู้หญิงคนอื่นอย่างโหดเหี้ยม อ้อมแขนที่เคยโอบเธอไว้แน่น เคยผลักคนบริสุทธิ์เข้าสู่นรกโดยไม่ลังเล "ไม่จริง..." ลาริสาพึมพำในลำคอ น้ำตาร้อนผ่าวไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอหลับตาแน่น พยายามลบล้างภาพบาดแผลเหล่านั้นออกไปจากหัวใจ พยายามเชื่อ...ว่าทั
เช้าวันใหม่ค่อย ๆ คลี่ตัวออกจากม่านหมอกแห่งความเหนื่อยล้า ลาริสาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาในห้องพักเล็ก ๆ อันเงียบสงัด เสียงขยับตัวแผ่วเบาทำให้เธอเห็นพี่ส้มที่พึ่งกลับมา จากการทำงานในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา เธอกำชายเสื้อตัวเองแน่น ก่อนจะกลั้นใจพูดเสียงแผ่ว "พี่ส้ม...ริสาขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?" พี่ส้มหันมา ดวงตาเปี่ยมความห่วงใย ก่อนจะก้าวมานั่งลงข้างเตียง กุมมือเธอไว้แน่น "มีอะไรจ๊ะ ริสา?"ลาริสาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆพยายามกลั้นไม่ให้เสียงสั่นจนเกินไป"เมื่อคืน...ริสาคิดทั้งคืนเลยค่ะ""ริสาอยากขอให้พี่ส้มช่วยถามคุณอคินให้หน่อยได้ไหมคะ ว่าริสาขอคุยกับเขาได้หรือเปล่า..."ส้มขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างลังเล"ริสาอยากบอกเขาว่า...ถ้าเขาต้องการเงินทองอะไร ริสาจะกลับไปขอจากพ่อมาให้""แค่ขอให้ริสาได้กลับบ้าน...ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ริสาก็ยอมค่ะ"คำพูดสุดท้ายของเธอเบาหวิวเหมือนกำลังฝากชีวิตไว้กับลมบาง ๆ ที่ลอยอยู่ในห้องส้มเงียบไปนาน...นานจนลาริสาใจหายวาบแต่สุดท้ายพี่สาวคนนั้นก็ลูบหัวเธอเบา ๆ"พี่ไม่รับปากนะจ๊ะ ริสา...แต่พี่จะลองถามให้"...ทั้งวันนั้น ลาริสาต้องอยู่แต่ในห้องตามคำสั่งเด็ดขาดของคุณภานุวัฒน
ภานุวัฒน์นั่งนิ่งอยู่คนเดียวในความเงียบที่เจ็บปวด ในหัวของเขา... ภาพคืนนั้นย้อนกลับมาชัดเจน ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ... ประตูบ้านถูกผลักเปิดออกอย่างแรง เสียงรองเท้ากระแทกพื้นไม้ดังลั่นไปทั่วทั้งตัวบ้าน พี่สาวของเขา พี่พลอย วิ่งเข้ามา น้ำตาท่วมเต็มสองแก้ม เสื้อผ้ายับย่น ใบหน้าขาวซีดด้วยความตื่นตระหนก “แม่...พ่อ...” เสียงสะอื้นจนแทบจับความไม่ได้ พ่อกับแม่ถลาเข้ามาหาเธอทันที พ่อจับไหล่พี่พลอยแน่น มือแม่สั่นเทาเช็ดน้ำตาลูกสาวพลางเอ่ยถามเสียงสั่น "เกิดอะไรขึ้นลูก...บอกแม่สิลูก..." แต่พลอยพูดไม่ออก มีเพียงเสียงสะอื้นสะท้านใจ มือบางจิกเสื้อของแม่แน่นราวกับจมน้ำ และแม่คือท่อนไม้สุดท้ายที่เธอเกาะไว้ สุดท้าย ในที่สุด... คำพูดที่ปิดกั้นหัวใจพี่พลอยก็หลุดออกมา เสียงเบาเหมือนลมหายใจ "หนู...ถูกท่านรัฐมนตรีทำร้าย..." โลกทั้งใบของครอบครัวพังครืนลงในเสี้ยววินาที พ่อ มือสั่นระริก ตาค้าง แม่ ทรุดฮวบลงกับพื้น ภานุวัฒน์ในวัยเด็ก ยืนแข็งค้างอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงที่ไม่มีวันลืม ... คืนนั้น พวกเขาพาพี่พลอยไปโรงพยาบาลทันที ผลการตรวจร่างกายระบุชัด มีร่องรอยการล่
คีรณัฐกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนบนหลังมือไม่รู้ว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นจากจุดไหนหลังเคลียร์พื้นที่และถอนกำลัง ทีมของเขากลับมายังฐานลับในเขตปลอดภัยเอกสารกองโตถูกโยนกระจายเต็มโต๊ะกลางห้องประชุม"รีเซ็ตทุกอย่างใหม่ ตั้งแต่เส้นทางการขนส่งจนถึงเจ้าหน้าที่ประจำด่าน"เสียงเขาเย็นเยียบ ราวกับมีน้ำแข็งเกาะแนบอยู่บนริมฝีปากคีรณัฐนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ ที่ถูกดัดแปลงจากห้องประชุมชั่วคราวภายในหน่วยภาคสนามแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่องสะท้อนแววตาคมเข้มที่ยังไม่ยอมลดละแม้เพิ่งผ่านค่ำคืนที่ไร้ความสำเร็จเขาทบทวนข้อมูลทั้งหมดซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เส้นทางขนส่ง จุดตรวจ หมายเลขทะเบียนรถต้องสงสัยแต่ทุกอย่างกลับสะอาดเกินไปสะอาด...เหมือนมีใครจงใจลบทุกหลักฐานออกจากสายตาเขา"มันเป็นไปไม่ได้..."เสียงพึมพำในลำคอแหบพร่ามือหนาไล่เช็กรายงานเล็กน้อยที่เข้ามาในระบบข่าวกรองของหน่วยพิเศษจนสายตาเหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารเล็ก ๆ ฉบับหนึ่งที่เพิ่งอัปเดตเข้ามา"เด็กหายตัวจากหน้าโรงเรียนอนุบาล – ฝาแฝดชายสองคน"หัวใจของคีรณัฐกระตุกวูบเขาคว้าแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่านแทบจะทันทีสองเด็กชาย อายุห้าขวบ หายตัวไปช่วงบ่าย ในเวลาใกล้เคี
ค่ำคืนคลี่ตัวลงอย่างเชื่องช้าความเงียบงันแผ่ซ่านไปทั่วห้องพักพนักงานเล็ก ๆ ชั้นล่างลาริสานอนนิ่งอยู่บนเตียงแคบ ๆ ราวกับร่างกายและหัวใจของเธอถูกกลืนหายไปกับความมืดส้มที่นั่งอยู่ข้างเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำค่อย ๆ เช็ดคราบน้ำตาที่แห้งติดข้างแก้มให้อย่างเบามือนิ้วมือของส้มสั่นน้อย ๆ ขณะก้มลงกระซิบเสียงแผ่ว"พักก่อนนะริสา...พักซะนะ"น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนจนเหมือนน้ำอุ่น ๆ รินลงกลางใจที่แตกร้าวแต่ความอบอุ่นเพียงชั่วขณะ ก็ไม่อาจไล่ความเย็นชืดในอกของลาริสาไปได้เมื่อพี่ส้มค่อย ๆ ลุกออกจากห้อง ปิดประตูเบา ๆ ทิ้งเธอไว้เพียงลำพังในความเงียบ...ลาริสานอนขดตัวอยู่บนเตียงเก่า ๆกอดตัวเองแน่นราวกับจะประคองเศษเสี้ยวสุดท้ายของหัวใจที่แตกร้าวไม่ให้สลายหายไปกับความมืดน้ำตาไหลพรากอย่างไม่มีเสียงไหลลงเปื้อนหมอนเปียกชื้น ดั่งความทุกข์ที่ซึมลึกจนไม่มีถ้อยคำใดจะเอ่ยออกมาได้ในความเงียบงัน...ใบหน้าของพ่อกับแม่ผุดขึ้นมาในความคิดเหมือนเงาสะท้อนพ่อคะแม่คะ...หนูเหนื่อยเหลือเกิน...หนูอยากกลับบ้าน...ตั้งแต่วันที่โดนลักพาตัวอย่างไร้ทางสู้ถูกขู่ ถูกยัดเยียดให้เผชิญหน้ากับความกลัวและความต่ำช้าในโลกที่เธอไม่รู้จักว
“อ๊ะ…!”เสียงหวีดเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสื้อเชิ้ตตัวบางบนร่างเธอก็ถูกกระชากจนขาดวิ่นดัง แคว่ก!เศษผ้าหลุดรุ่ย เผยผิวขาวซีดที่สั่นระริกใต้สายตาแข็งกร้าวของเขาริมฝีปากของภานุวัฒน์กดลงมาอย่างรุนแรงบดขยี้ทุกสัมผัสด้วยความโกรธที่สุมอยู่เต็มอกจูบของเขา...ไม่ใช่จูบที่อ่อนโยน ไม่ใช่ความโหยหามันคือการลงทัณฑ์ การลงโทษที่บาดลึกยิ่งกว่ามีด"ฮึก...อย่า...ขอร้องล่ะ..."เสียงอ้อนวอนของลาริสาสั่นพร่า น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินลงไม่หยุดเธอพยายามดิ้นหนี บิดกายขัดขืนสุดแรงเกิดแต่ยิ่งเธอดิ้น ภานุวัฒน์ยิ่งกระชับวงแขนแน่นขึ้นเขากดตัวเธอแนบแน่นกับโซฟาใช้ริมฝีปากขบเม้มลงที่ซอกคอขาวจนขึ้นรอยแดงเป็นจ้ำแรงกัดนั้น...ไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเมตตาเสียงสะอื้นของเธอดังสะท้อนในห้องแต่สำหรับเขาในตอนนี้...มันเหมือนเชื้อเพลิงที่ยิ่งสุมไฟแค้นในอกให้ลุกโชน"แกล้งทำเป็นใสซื่อเก่งนัก..."เสียงเขากระซิบชิดใบหูเธอเสียงต่ำลึกจนแทบเป็นเสียงคำราม"ถ้างั้น...ฉันจะดูให้เห็นกับตา ว่าเธอไร้เดียงสาจริง...หรือมันก็แค่เปลือกนอกหลอกลวง"คำพูดนั้นบาดลึกเหมือนมีดกรีดใจริมฝีปากร้อนชื้นของเขาเลื่
ลาริสาเปิดประตูเดินเข้าไปเสียงบานประตูไม้ปิดลงช้า ๆ ด้านหลังลาริสาเงยหน้าขึ้นมองความมืดสลัวตรงหน้าเพียงแสงไฟเพดานดวงเล็กที่เปิดสลัวไว้ ทำให้เห็นเพียงเงาราง ๆ ของชายคนหนึ่งที่นั่งทอดกายอยู่กลางห้องเขานั่งเอนหลังบนโซฟาหนังสีเข้มแสงบางเฉียบจากโคมไฟสาดเฉียงผ่านใบหน้าข้างหนึ่ง...เผยให้เห็นเสี้ยวหน้าคมเข้มที่นิ่งงันจนดูน่ากลัวหญิงสาวก้าวขาอย่างลังเลหัวใจเธอเต้นแรงจนน่ากลัวว่าจะได้ยินออกไปนอกอกเธอไม่รู้ว่าใครรอเธออยู่ข้างหน้าแต่สัญชาตญาณบอกได้เพียงอย่างเดียว...คน ๆ นั้นกำลัง "รอเธออยู่"ลาริสากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ก้าวเข้าไปใกล้ทีละก้าว ทีละก้าวและทันทีที่เธอเดินเข้ามาถึงระยะเพียงเอื้อม...แขนแกร่งที่เธอไม่ทันมองเห็นก็คว้าข้อมือเล็กของเธออย่างรวดเร็ว แล้วดึงร่างเธอขึ้นไปนั่งบนตักอย่างไร้ความลังเล"อ๊ะ!"เสียงหวีดเบา ๆ หลุดจากริมฝีปาก ก่อนที่สติจะตามทันกลิ่นกายชายคุ้นเคยแผ่กระจายร้อนระอุไปทั่วผิวเธอสายตาเธอเบิกกว้าง มองสบกับดวงตาสีฟ้าราวน้ำแข็งคู่นั้นภานุวัฒน์ อนันตรเวศน์เขากลับมาแล้ว...โดยไม่มีใครเตือนเธอเลยสักนิดแววตาของเขามืดดำจนเหมือนเหวลึก ไม่มีแสง ไม่มีความหวัง มีเพีย
ลาริสาเดินผ่านโถงทางเดินมืดมาที่ด้านหลังเพื่อล้างแก้ว เสียงส้นรองเท้าหนัก ๆ ก้องกังวานตามหลังเธอมาในทางเดินแคบ สะท้อนคล้ายกับเสียงหัวใจของลาริสาที่เต้นโครมครามอยู่ในอก เธอหันขวับไปตามสัญชาตญาณ... ตึง! ร่างสูงใหญ่ของการ์ดหนุ่มกระชากเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว มือสากกดปิดปากเธอแน่น ลมหายใจเขาร้อนฉ่า เป่ารดข้างแก้มอย่างจาบจ้วง "เงียบซะ..." เสียงกระซิบทุ้มต่ำเฉียดใบหูของเธอ "คืนนี้ฉันจะทำให้เธอร้องไม่หยุด..." ลาริสาตัวแข็งทื่อ แต่ผิวเนื้อกลับร้อนวาบจนขนลุกเกรียว แรงจากแขนแข็งแรงลากเธอเข้าไปในห้องเก็บของเล็ก ๆ เขาปิดประตูทันที เสียง "ปัง!" ของประตูดังกึกก้องในความเงียบ ภายในห้องเก็บของ เธอถูกผลักกระแทกกับผนังปูนแข็ง ร่างของหญิงสาวสั่นเทิ้ม อากาศในอกพร่องหายจนแทบหายใจไม่ออก มือหยาบกร้านลากช้า ๆ ไล่ตั้งแต่ลำคอ...ลงไปถึงต้นแขน ผิวเธอสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เสียงหอบกระเส่าของเขาแตะอยู่ที่ข้างใบหู ทำให้สติของเธอแทบพร่าเบลอ "อย่าเล่นตัวเลยน่า..." เสียงแหบพร่าเหมือนสัตว์นักล่าไล่ต้อนเหยื่ออ่อนแอ นิ้วแข็งแรงบังคับไล้ลงมาที่เอว... กดบังคับให้แผ่นหลังของเธอแนบแน่นกับแผ่นอกแข็