"เป็นยังไงบ้างล่ะเจ้าอิง ไปอยู่ที่โน่นมาสี่ปีคิดถึงเมืองไทยบ้างหรือเปล่า"
"คิดถึงค่ะคุณท่าน ที่อเมริกาหนาวก็หนาว อาหารก็อร่อยสู้เมืองไทยไม่ได้เลยสักนิด หนูกินข้าวทีไรก็ไม่อร่อยเลยค่ะ คิดถึงแต่กับข้าวฝีมือยายทุกวัน"
"ถึงว่าสิเธอถึงได้ผอมเหลือแต่กระดูกแบบนี้"
"โหคุณท่านขา ก็ระหว่างอยู่ที่โน่นหนูต้องรับจ็อบเดินแบบด้วยนี่คะ เลยต้องคอยรักษาหุ่นกันนิดหนึ่ง ขืนหนูอ้วนเป็นหมูไปก็คงไม่มีใครจ้างหนูกันพอดี"
อิงรดาพูดไปยิ้มไปเสียงดังเจื้อยแจ้วในขณะที่นั่งตอบคำถามผู้มีพระคุณ ทันทีที่กลับมาถึง พอวางกระเป๋าได้ ยายนางก็บอกให้เธอรีบเข้ามากราบคุณกนกวรรณเลยทันที บอกว่าท่านมีเรื่องรบกวนอยากขอให้เธอช่วย ซึ่งมันแน่นอนว่าอย่างไรเสียเธอก็คงไม่มีทางปฏิเสธ เพราะชีวิตเธอ ถ้าหากไม่มีหญิงสูงวัยสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตอนนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน ฉะนั้นแล้วหากมีทางใดที่จะทำให้เธอสามารถทดแทนพระคุณของท่านได้บ้างแล้วล่ะก็ ขอให้บอกอิงรดามาเถอะ
"มีแฟนหรือยัง"
"คะ คุณท่านถามว่าอะไรนะคะ"
พูดคุยกันยังไม่ทันสามสี่ประโยค อยู่ๆคุณกนกวรรณก็ถามแบบนั้นขึ้นมา จากที่กำลังนึกอยากจะเล่าถึงชีวิตการทำงานขณะที่อยู่ทางโน้นให้หญิงสูงวัยทั้งสองได้ฟังเสียหน่อย พอได้เจอคำถามแบบนี้เข้าไป ก็ทำเอาอิงรดานั้นงงจนหน้าตาเลิกลั่ก
"ฉันถามว่า เธอน่ะมีแฟนหรือยัง แล้วที่กลับมาเนี่ยเธอได้หอบพวกหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวใส่กระเป๋ากลับมาบ้างหรือเปล่า"
"เอ่อ..ไม่มีสักคนเลยค่ะคุณท่าน ถึงแม้จะเห็นว่าหนูสวยๆแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาจีบเลยค่ะ สงสัยผู้ชายพวกนั้นคงจะคิดว่าหนูมีแฟนแล้วกันหมดแล้ว เลยไม่มีใครกล้าจีบ" คนตอบแสร้งยิ้มตาหยี แม้ว่าความเป็นจริงแล้วนั้นตัวเองจะเข้าขั้นนางแบบตัวท็อปที่ถูกเหล่านายแบบตามจีบขณะที่อยู่ทางโน้นจนต่อยกันมาแล้วก็เถอะ แต่อิงรดาก็ไม่ได้อยากเล่าถึงประเด็นนี้นัก
"ไม่มีก็ดี ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้เข้าเรื่องเลย"
อิงรดาหันหน้ามองซ้ายแลขวายิ่งงงกับคำพูดของผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านไปใหญ่ ไม่รู้ว่าคุณกนกวรรณมีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไรกันแน่ที่ทำให้ท่านถึงกับหน้าเครียดได้ขนาดนี้ แต่กระนั้นก็ยังถามออกไปเสียงเบา
"คุณท่าน มีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"อิง ฉันพูดกับเธอตรงๆเลยนะว่าฉันมีเรื่องต้องการอยากขอร้องให้เธอช่วย แต่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่ขอ เธอจะพอที่จะช่วยฉันได้จริงๆหรือเปล่า"
อิงรดาเงยมองสบตาคุณกนกวรรณที่กำลังมองมายังเธอด้วยสีหน้าจริงจัง ลึกๆภายในท่านคงกำลังจะเครียดมาก หากแต่ว่าอิงรดาก็ยิ่งเครียดกว่า เมื่อจนกระทั่งวินาทีนี้ก็ยังคงไม่รู้เลยว่าสิ่งที่คุณกนกวรรณอยากขอร้องให้ตนเองช่วยนั้นมันคือเรื่องอะไร
"คุณท่านมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็บอกหนูมาเถอะค่ะ ชีวิตหนูมาได้ไกลขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณท่านให้โอกาสตั้งแต่ยอมอนุญาตให้ยายเลี้ยงหนู ป่านนี้หนูก็คงเป็นได้แค่ลูกหมาข้างถนนตัวหนึ่งเท่านั้น"
"ฉันคิดว่าตาเจตน์เป็น เกย์"
"อะไรนะคะ!" อิงรดารีบย้อนถามไปทันควันทันทีที่คุณกนกวรรณพูดจบ เพราะว่าใจก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูในสิ่งที่พึ่งจะได้ยินมา จิรายุน่ะหรือเป็นเกย์ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน จำได้ว่าก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อ จิรายุที่เธอเห็นก็ยังเป็นผู้ชายปกติดี บางทีที่ต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องให้ชายหนุ่ม พวกข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่ได้ดูมีอะไรแปลกไปตรงไหน
"เธอคงไม่อยากเชื่อหูใช่ไหมล่ะ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่เชื่อเถอะ เมื่อเดือนก่อนฉันแอบตามไปดูตาเจตน์ที่ใต้มา เจ้านั่นนอนถอดเสื้อผ้ากอดกันกับผู้ชายบนเตียง"
"คุณพระ!" แม้ว่าจะพยายามอุทานออกไปเสียงเบาแต่กระนั้นอิงรดาก็ยังถึงกับต้องยกมือขึ้นมาทาบเอาไว้บนหน้าอกและอีกข้างก็ปิดปากตัวเองที่กำลังอ้าค้างเอาไว้ เพราะต่อให้นึกยังไง เธอก็ยังคงนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าจิรายุนั้นมีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศ
ยิ่งนึกย้อนเลยไปตั้งแต่เด็กจนโต เธอก็เห็นเขาใช้ชีวิตปกติเยี่ยงชายชาตรีทั่วไป มีเตะบอล เล่นกีฬา ไหนจะเสื้อผ้าการแต่งตัว ไม่มีมุมไหนเลยสักนิดที่จิรายุจะหลุดแสดงออกมาว่าตัวเองเบี่ยงเบน
"ช่วงหลังๆมานี่ตาเจตน์มักจะมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ตาเจตน์มันบอกกับฉันว่าพ่อหนุ่มคนนั้นน่ะคือลูกชายเจ้าของฟาร์มมุกเพื่อนมัน ทีแรกฉันก็ว่ามันดูแปลกๆยังไงชอบกล อีกคนดูออกจะมาดเเมน แต่ทำไมถึงได้ชอบไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่ออก..สาว
นี่พูดตรงๆเลยนะว่าการที่ตาเจตน์มันจะไปมีเพื่อนเป็นเพศที่สามสี่ห้าอะไรพวกนี้น่ะฉันไม่ว่า แต่เธอลองคิดดูว่าถ้าหากจะให้ตาเจตน์มันเป็นแบบเขาด้วย บอกตามตรงว่าฉันก็ยังรับไม่ได้
ใจฉันอยากให้ตาเจตน์มันได้มีลูกมีเต้า อย่างน้อยก็เพื่อเอาไว้ได้สืบสกุล เธอลองคิดดูว่าโรงงานที่สร้างๆกันมาทุกวันนี้น่ะใหญ่โตขนาดไหน ขืนตาเจตน์มันเป็นแบบนั้นไป แล้วใครจะสืบทอดกิจการโรงงานต่อ ลูกเต้าฉันก็ไม่มี"
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ตอนนี้อิงรดาคิดว่าตัวเองพอที่จะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างบ้างแล้ว สิ่งที่เธอสงสัยว่า จิรายุที่ดูแมนๆจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปได้อย่างไรนั้น หรือว่าความจริงแล้ว เขาอาจจะเป็น..ฝ่ายรุก ไม่ใช่ฝ่ายรับอะไรแบบนั้นหรือเปล่า ท่าทางเขาถึงได้ออกแมนมาตลอดจนไม่มีใครสงสัย ยิ่งพอได้ลองคิดย้อนทบทวนกลับไป อิงรดาก็อยากจะตบเข่าฉาดเมื่อหาข้อสรุปได้ว่าจิรายุอาจจะเป็นแบบนั้นจริง เพียงแค่ว่าเธอไม่รู้และไม่เคยได้สังเกตเห็นก็แค่นั้นเอง
"แล้วคุณท่านอยากให้หนูช่วยยังไงเหรอคะ" คราวนี้อิงรดาถามออกไปอย่างหวั่นๆ
"เธอช่วยพยายามแยกตาเจตน์ออกจากคู่ขาของมันให้ฉันหน่อยสิ คอยเป็นหูเป็นตาให้ฉัน รายงานสิ่งที่ตาเจตน์ทำทุกอย่าง ฉันอยากให้หลานชายของฉันได้แต่งงานมีครอบครัว ไม่ใช่ให้ตระกูลมาตรวิจิตราของฉันต้องมาจบลงตรงเจ้าเจตน์นี่ พูดแล้วฉันก็ปวดหัว" คุณกนกวรรณพูดไปก็ทำท่าบีบขมับ เมื่อยิ่งพูดไปคุณกนกวรรณก็ยิ่งเครียด และเธอเองก็ยิ่งเครียดตาม
"คือว่าคุณท่านใจเย็นๆก่อนนะคะ หนูว่าเรื่องนี้มันอาจจะยังมีทางออกอื่นอีกได้"อิงรดาพยายามบอกให้หญิงสูงวัยนั้นใจเย็นๆ แม้ว่าใจของตัวเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าอีฝั่งเลยแม้แต่น้อย
"มันจะไปมีทางไหนได้อีกล่ะ พูดตามตรงเลยนะว่าฉันเองก็มองไม่เห็นทาง นอกเสียจากว่าให้ตาเจตน์มันได้แต่งงานมีครอบครัวให้รู้แล้วรู้รอดไปเท่านั้นแหละ"
พอคุณกนกวรรณพูดมาถึงตรงนี้อิงรดาก็นึกอยากเอามือยกขึ้นปิดหน้าร้องไห้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพราะเธอเองก็รู้สึกว่าปัญหาที่คุณกนกวรรณพูดมาและต้องการแก้ไขนั้นชักจะใหญ่เกินความสามารถของเธอจริงๆ
"ตกลงอิงจะช่วยคุณท่านใช่ไหมลูก คุณท่านท่านกลุ้มใจกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน เดือนนี้ทั้งเดือนก็ไม่เป็นอันทำอะไร จะพูดกับคุณเจตน์ไปตรงๆเลยก็ไม่กล้า" นิตยาผู้เป็นยายยกมือขึ้นลูบศรีษะหลานสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเครียดพอๆกัน
"แต่หนูก็ยังไม่รู้เลยนะจ๊ะยายว่าจะไปแยกคุณเจตน์กับคนรักของเขาให้ออกจากกันได้ยังไง เพราะยิ่งถ้าเกิดว่าเขาสองคนรักกันมากจริงๆนั่นก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก"
"งั้นเอาแบบนี้ไหมล่ะ ถ้าเธอแยกตาเจตน์ออกจากแฟนมันไม่ได้ งั้นฉันขอแค่อย่างเดียว ทำให้ตาเจตน์ยอมมีลูกเสีย แค่มันยอมมีทายาทไว้สืบสกุล ฉันก็จะยอมทำเป็นปิดหูปิดตาไว้ให้ก็ได้"
หนักกว่าเดิมเสียอีกแฮะ ขนาดว่าให้แยกจิรายุออกจากคนรักของเขาเธอก็ยังเครียดแล้ว นี่เรื่องยังลามไปไกลถึงขนาดที่ว่าต้องทำยังไงให้จิรายุยอมมีลูก
"แล้วคุณท่านจะให้คุณเจตน์ไปมีลูกกับใครล่ะคะ ในเมื่อถ้าคุณเจตน์..เป็นเกย์ หนูว่าเรื่องนั้นมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา"
"เรื่องได้ไม่ได้มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน แต่มันเป็นปัญหาของตาเจตน์ ถ้าถึงที่สุดแล้ว ตาเจตน์มันจะไปทำยังไง จะใช้วิธีไหนก็เรื่องของมัน ขอแค่ให้ตาเจตน์ยอมมีทายาท อนาคตกิจการโรงงานของฉันจะได้ไม่ต้องจบลงที่แค่ตาเจตน์ เธอต้องช่วยฉันให้ได้นะอิง มันอาจจะฟังดูใจร้าย แต่ฉันมองไม่เห็นทางอื่นแล้วจริงๆ จับตาเจตน์แยกกันกับแฟนมันเสีย หรือไม่ก็ทำให้สองคนนั้นมีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเลิกกันไปเลยก็ได้ เธอทำเพื่อฉันหน่อยได้ไหม ฉันขอร้องล่ะนะอิง"
"หนู คือหนูจะลองพยายามทำดูนะคะคุณท่าน"
"หนูท้องจริงๆด้วยค่ะคุณเจตน์""อะไรนะ นี่พูดจริงหรือเปล่าอิง""สองขีดชัดเจนขนาดนี้โกหกได้ด้วยเหรอคะ"อิงรดาชูแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่ปรากฎสัญลักษณ์สองขีดที่อยู่ในมือชููยื่นให้จิรายุดู ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เธอมีอาการแปลกๆ เอาแต่เวียนหัวหงุดหงิดวิงเวียนเป็นว่าเล่น ดึกๆดื่นๆก็ชอบตื่นลุกขึ้นมาหาอะไรกินทั้งที่นอนหลับไปแล้ว จนจิรายุเองยังเคยแอบแซวว่าสงสัยเธอคงจะท้องแล้วแน่ๆยิ่งพอได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน รายนั้นก็ชอบจับเธอกินทั้งเช้าและค่ำ บางทีดึกดื่นค่ำมืดกว่าจะได้หลับได้นอนก็ปาไปเกือบค่อนคืน ทั้งทีเธอเองก็บอกไปแล้วว่าให้เขาเพลาๆลงหน่อย งานแต่งก็ยังไม่ได้จัด กว่าจะถึงฤกษ์ก็ต้องรออีกตั้งสองเดือนถึงจะถึงวันที่คุณกนกวรรณหาเอาไว้ให้ เธอเลยกลัวว่าป่านนั้นตัวเองจะได้ท้องโย้ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน"เย้!ในที่สุดลูกพ่อก็มาสักที แบบนี้ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าจิรายุก็มีน้ำยา นึกว่าจะต้องอับอายขายขี้หน้าคนแถวนี้เสียแล้วว่าฉันทำลูกไม่เป็น"จิรายุกระโดดเย้วๆอยู่สามสี่ทีก็วิ่งกลับมาอุ้มเธอขึ้นหมุนไปรอบๆ อิงรดาอดขำไม่ได้ที่จิรายุยังจำได้อยู่ว่าเธอแกล้งล้อเขาว่าอะไร เพราะตั้งแต่ที่ตั้งใจมีอะไรกันไปแบบไม่มีกา
"แกต้องรับผิดชอบยายอิง"นั่นคือคำประกาศิตที่คุณกนกวรรณพึ่งจะประกาศออกไป อิงรดายังคงนั่งก้มหน้าโดยมีจิรายุหลานชายของเธอนั่งจับมือไว้ คงจะเป็นเพราะว่าเด็กนั่นกลัวทำให้เธอและผู้เป็นยายผิดหวังเสียใจ จึงไม่กล้าเงยหน้าสบตา หากแต่ว่าความจริงเป็นอย่างไร คงจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้อยู่เต็มอก นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังคงส่งนักสืบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของอดีตสามีที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือ นันที อดีตแม่บ้าน ด้วยความที่ยังคงรักและเป็นห่วง บวกกับที่เธอได้ข่าวมาว่าพักหลังมานี้อดีตสามีสุขภาพไม่ค่อยจะดีนักและออกไปไหนไม่ค่อยได้ ทำให้ฝ่ายหญิงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่ และไม่ได้ใส่ใจดูแลอดีตสามีของเธออย่างที่ควรจะเป็น จนอดีตสามีของเธอรู้เข้าก็เริ่มตรอมใจ เธอเองด้วยความที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี บอกตามตรงก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เลยยังแอบดูแลให้ความช่วยเหลือในฐานะเพื่อนเก่า โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากบอกให้ใครรู้แต่พอสืบไปสืบมา นอกเหนือจากเรื่องสามี ความจริงบางอย่างที่เธอได้รับรู้เพิ่มมาอีกอย่างด้วยก็คือ พ่อหลานชายตัวดี ยังคงติดต่อคบหากับเอมมิกาลูกสาวของนันที
ไม่ใช่แค่อิงรดาที่หน้าเหวอ แต่เอวารินที่โทรมาอยู่ในสายก็หน้าเหวอตกใจไปตามๆกัน แถมฝ่ายนั้นยังจะถามจิรายุซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกต่างหาก จนได้ฟังคำตอบรอบที่สองของจิรายุไป ทำเอาอิงรดาถึงกับต้องรีบแย่งโทรศัพท์มือถือที่ถูกจิรายุแย่งไปคืนกลับมา'น้องแอลฟังไม่ผิดหรอกครับ พี่บอกว่าอิงเป็นแฟนพี่ หรือว่าจะเอาให้ชัดๆเลยก็คือ อิงเป็นเมียพี่ครับ'"คุณเจตน์พูดแบบนั้นกับคุณแอลไปได้ยังคะ""ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อฉันพูดความจริง หรือเธอจะเถียงอีกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"จิรายุหน้ายุ่งคิ้วยุ่งสวนกลับคนตัวเล็กทันทีที่เธอแหวมา ก็จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ ยอมทนเห็นแฟนตัวเองถูกคนอื่นจีบเฉยๆอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ตามอย่างนั้นเหรอ คงไม่ใช่เขาล่ะ คอยดูเถอะ นี่ขนาดยังไม่ได้คบกันออกหน้าออกตาเขายังหวงเธอขนาดนี้ วันไหนที่มีโอกาสได้ประกาศความเป็นเจ้าของขึ้นมา รับรองว่าอิงรดาจะไม่มีทางได้เหลียวมองใคร"แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนี่คะ"อิงรดาน้ำเสียงอ่อนลง แถมยังทิ้งตัวนั่งลงไปบนเตียงราวกับว่าหมดอะไรตายยาก ในเมื่อตอนนี้เธอเองไม่สามารถแสดงสิทธิ์ในการครอบครองเขาได้ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานะความสัมพันธ์ระหว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก้องอยู่ภายในห้องครัว ยิ่งอิงรดาส่งเสียงกระเส่าครวญครางออกมาเท่าไหร่ เเรงกระแทกที่ถูกส่งไปก็ยิ่งมีมากเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทันที่ผละออกจากริมฝีปากหวานได้ สายตาคมของเขาก็ก้มจ้องลงมายังจุดสอดประสาน อิงรดามองภาพจิรายุซี๊ดปากหน้านิ่วที่เกิดจากการกระทำร่วมกันของเขาและเธอก็เกิดความเสียวซ่านบวกกับความอาย จิรายุเองก็เลือกที่จะมองสลับกันบนล่าง ใบหน้างดงามที่กำลังเสียวซ่านของอิงรดา สลับกับจุดเชื่อมประสานกลางกาย"อ่าส์ แน่นดีมากๆเลยอิง ได้มองหน้าเธอสลับกับมองนมไปด้วยแบบนี้ ขยับแค่ไม่กี่ทีฉันก็เกือบจะเสร็จแล้ว""แน่ใจเหรอคะว่าคุณเจตน์มองแค่หน้าหนูแล้วก็มองนม หนูเห็นว่าคุณเจตน์ชอบมองลงไป..ข้างล่าง""ก็อันนั้นฉันก็อยากเห็นไงว่าร่างกายของเราสองคนเข้ากันได้ดีมากแค่ไหน ว่าแต่เธอยังเจ็บอยู่อีกหรือเปล่า""ไม่เจ็บแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่..เสียว"อิงรดายิ้มหวานตาหยี พร้อมกับใบหน้ายู่ยี่แล้วจึงแลบลิ้นน้อยๆออกมา พอจิรายุเห็นเข้าก็รีบตามเข้าไปประกบดูดปากอย่างไว ในขณะที่สะโพกแกร่งยังคงซอยขยับเรียกเสียงครางหวานๆ อิงรดาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จิรายุมอบให้ จนเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเป็นที
"แล้วคุณเจตน์กับพี่เอม เอ่อ คบกันมานานแล้วเหรอคะ""อื้ม เป็นสิบปีแล้ว แต่ก็คบๆเลิกๆ บางทีเลิกกันไปปีสองปีแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ตัดเอมออกไปจากชีวิตจริงๆไม่ได้บางทีก็อาจจะเป็นเพราะว่า เราเป็นคนแรกของกันและกัน""คุณเจตน์กับพี่เอม เป็นคนแรกของกันและกัน" อิงรดาเผลอพูดย้ำซ้ำคำนั้นออกมาเสียงเบา ราวกับว่าสิ่งนั้นกำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่ลึกๆ ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆน้อยๆสามสี่ทีเพื่อไล่เอามวลน้ำตาที่กำลังทำท่าว่าจะเอ่อทะลักขึ้นมา กระนั้นถ้าหากตอนนี้เขาได้จ้องมองเข้ามาในดวงตาก็คงจะเห็นได้ถึงร่องรอยความแดงของมัน"เธอหึงฉันเหรออิง น้อยใจฉันอยู่หรือเปล่า""ปละ เปล่านี่คะ""แต่ถ้าเธอจะบอกว่าหึงแทนคำว่าเปล่า คำนั้นมันอาจจะทำให้ฉันดีใจมากกว่าก็ได้นะ"จิรายุเองก็มองมาที่เธอตาละห้อยสร้อยเศร้า ทั้งในใจก็ยังเอาแต่ครุ่นคิดว่าความรู้สึกที่อิงรดามีต่อตนเองนั้นจะใช่ความจริงหรือเปล่า หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่เว้าวอนว่าขอให้เธอชอบเขาจริงๆ เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากแล้วว่า เขาชอบเธอ"คุณเจตน์ อยากให้หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆเหรอคะ""อื้ม อยาก เพ
'ถ้าเธออยากจะยกเลิกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้ก็ได้ แต่ระหว่างนี้ห้ามกินยาคุมฉุกเฉินเด็ดขาด รอจนกว่าประจำเดือนจะมา ถ้าประจำเดือนมาเธอก็รอดตัวไป แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องมาตกลงกัน'อิงรดานั่งเหม่อกับข้อเสนอแกมคำสั่งล่าสุดของจิรายุอยู่ที่บริเวณใต้ร่มไม้หน้าบ้านอย่างหมดไร้ซึ่งหนทางและไม่เข้าใจเลยว่าจิรายุจะบังคับเธอไปทำไม ในเมื่อการมีลูกกับเธอนั้นก็ไม่ได้ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เพราะการที่เธอยอมตกลงทำเรื่องอะไรกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เริ่มแรกเลยนั้นก็คือความต้องการของคุณกนกวรรณต่างหาก บวกกับความสงสารและแอบมีเขาเข้ามาอยู่ในใจ ด้วยความที่อยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ เลยทำให้เธอยอมรับปากอะไรออกไปแบบนั้น การที่เธอยินยอมที่จะปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาได้เข้ามาเจริญเติบโตในร่างกายของเธอได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า เธอรักเขา แล้วเขาล่ะ รักเธอก็ไม่ได้รัก ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ผิดเพศผิดปกติอะไรเสียหน่อย ทำไมถึงต้องรั้งเธอไว้ด้วยเรื่องแบบนี้ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าแค่นี้เธอก็เจ็บเจียนตายอยู่มะรอมมะร่อแล้วภายใต้ความทึบของม่านกรองแสงผืนยาวบนชั้นสอง เรือนร่างสูงใหญ่ยืนเอียงตัวพิงบานกระจกหนามองทะลุผ่านเงาสะท้อนออกไปยังด้านนอก เพื