“ขอโทษนะเบบี๋ มามี้ต้องพาหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วแหละ ถ้ามีโอกาสเราอาจได้กลับมาอยู่บ้านของเราหลังนี้นะ”
พราวชมพูลูบท้องเบาๆทะนุถนอมแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องตรงไปยังโถงใหญ่กลางบ้านที่ด้านข้างเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ยกสัมภาระขึ้นรถ หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง
“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณพราวชมพู”
“โธ่! คุณหมอนั่นเองนึกว่าใคร ทำเอาตกใจหมด ฮ่าๆๆ แหม...ตามมาดูคนไข้ถึงบ้านเลยนะคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไรคุณหมอไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
พราวชมพูหัวเราะแก้เก้อพยายามทำใสซื่อตีหน้ามึนเหมือนคนไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกัน
เปลวตะวันเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งนัก คอยดูเถอะเขาจะสั่งสอนเจ้าหล่อนให้หลาบจำที่บังอาจลบเหลี่ยมคนอย่างเขา หน้าตาก็สวยดูฉลาดแต่ไม่น่าตาถั่วมาว่าเขามั่วๆว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย
“คุณเป็นคนไข้ของพี่ป่าน ผมเป็นหมอรับผิดชอบดูแลต่อก็ต้องมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้สบายดี เห็นพยาบาลบอกว่า...คุณกังวลเรื่อง...”
“ไม่ค่ะ ไม่กังวลเลย ไม่แล้ว ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันสบายดีจริงๆนะคะ” พราวชมพูรีบแทรกขัดเสียงหลง เธอไม่ประสงค์ได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เธอต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ เธอเริ่มได้กลิ่นของภัยที่กำลังจะคุกคามแผ่กระจายมาจากเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่นั่น
เปลวตะวันฟังแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน พราวชมพูเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจพยายามคิดหาทางชิ่งตลอดเวลา
“แล้วนั่นจะไปไหนครับ ดูเร่งรีบจัง” เปลวตะวันหรี่ตามองอย่างจับผิด พราวชมพูสะดุ้งที่เขาถามย่างรู้ทัน เธอพยายามแก้ตัวพัลวัน
“เอ่อ...อ๋อ...จะไปต่างจังหวัดค่ะ ตอนแรกแพลนไว้จะไปตั้งแต่บ่ายแต่เหมือนจะไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปสักที ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วก็ไปได้แล้วค่ะ”
“ก็ดี! สบายแล้วก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ไปขึ้นรถ เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็ตรงเข้าคว้าข้อมือเล็กออกแรงดึงเบาๆร่างระหงก็ปลิวหวือตามไปติดๆ พราวชมพูหวีดลั่นด้วยความตกใจ เธอแหวใส่เขาอย่างไม่เกรงกลัวอีกต่อไป
“เอ๊ะ! นี่คุณ คุณมาฉุดกระชากฉันทำไม ปล่อยนะ” คนตั้งแง่พยายามฝืนต้านไม่ยอมเดินตาม แต่แรงเขามีมากกว่าเธอมากนักบวกกับเธอพะวงกลัวจะกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ พราวชมพูจึงไม่อาจฝืนต้านแรงฉุดดึงนั้นได้
“นี่คุณปล่อยนะ คุณจะมาฉุดกระชากฉันตามใจแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ลากขึ้นเตียงยังทำมาแล้ว แค่นี้ทำไมจะไม่ได้ฮึ” เปลวตะวันหันมาดุ ดวงตาเขาวาววับดูน่ากลัว
พราวชมพูเห็นแล้วก็ได้แต่ชะงักกึก มองเขานิ่งงัน พอเจอสวนกลับเหมือนเจอหมัดกระซวกเข้ากลางท้องหนักๆแบบนี้เธอก็จุกไปชั่วขณะได้เหมือนกัน
“นั่งนิ่งๆ อย่าคิดหนี ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนเข้าใจไหม” เขากำกับเสียงเข้ม
พราวชมพูได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเมื่อหมอเปลวตะวันที่แสนสุภาพกลายร่างเป็นผู้ชายแสนร้ายกาจ น้ำเสียงของเขาดุเข้ม แววตาดุดันราวกับเป็นคนละคน เขาตรงหน้าในตอนนี้ไม่เหลือเค้าของ ‘หนุ่มโฮสต์ทรงเสน่ห์’ ตามที่เธอเข้าใจในค่ำคืนนั้นสักนิด
ส่วนเปลวตะวันพอจับเจ้าหล่อนยัดใส่รถและขู่บังคับแล้วก็ย้อนไปคว้าเอาสัมภาระของเธอโยนขึ้นท้ายรถแล้วกลับมาเข้าประจำที่คนขับ
พอประตูรถปิดปุ๊บ สตาร์ตเครื่องปั๊บเขาก็ขับรถออกตัวรวดเร็วและแรงตามความเคยชิน
“เอ๊ะคุณนี่! ขับให้มันดีๆหน่อยสิ” พราวชมพูหันมาแหวใส่อย่างลืมตัวเมื่อรถทรงสปอร์ตคันโก้ออกตัวกระชากอย่างแรงจนหัวเธอแทบทิ่ม มือน้อยเคลื่อนเข้าประกบตรงท้องน้อยด้วยความพะวงตามสัญชาติญาณ
เปลวตะวันปรายตามองเห็นมือของเธอทาบอยู่ตรงนั้นก็ระลึกสติได้ ความคิดอยากเอาคืนให้สาสมกับความคับแค้นใจมากมีจนเขาลืมไปเสียสนิท
“หึๆ ห่วงอะไรนักหนา แค่นี้เด็กนั่นคงไม่ใจเสาะจนหลุดออกมาหรอก”
“อย่ามาพูดถึงลูกฉันแบบนั้นนะ”
“พูดเรื่องจริงจะโวยวายทำไมนะ” เปลวตะวันหัวเสีย
พราวชมพูจ้องเขาเขม็งราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“จอดรถเลยนะ ถ้าไม่จอดฉันจะเปิดกระจกรถแล้วกระโดดลงไปเอาให้คนตราหน้าคุณไปทั้งบางเลยเชียว”
“กล้าก็เอาสิ”
พราวชมพูขบกัดริมฝีปากแน่นด้วยความคับแค้นใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ เธออยากฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆแล้วโยนให้แร้งกาจิกกินให้สิ้นแต่ที่ทำได้ก็เพียงสะบัดหน้าหันกลับมานั่งนิ่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถด้านตัวเอง สองมือก็กุมหน้าท้องลูบเบาๆปลอบประโลมกลัวลูกน้อยหวั่นวิตก
“กลัวอะไรนัก ไม่ดีเหรอถ้าเกิดเด็กนั่นหลุดขึ้นมาจริงๆเธอก็ไม่ต้องมานั่งลำบากลำบนเลี้ยงดูหลังขดหลังแข็ง”
“ปากเสีย! อย่ามาแช่งลูกฉันนะ”
“ไม่ได้แช่ง แต่ฉันพูดเรื่องจริง”
“คุณนี่มันใจยักษ์ใจมารจริงๆ เสียแรงเป็นถึงหมอแต่ไม่น่ามีความคิดชั่วๆแบบนี้”
เอี๊ยดดดด!!
“ว้าย!” เสียงหวีดลั่นด้วยความตกใจดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเบรกรถดังสนั่นจากการเบรกกะทันหัน
พราวชมพูหันขวับมาตวาดใส่อย่างคนโมโหจัด
“จะฆ่ากันให้ตายเลยหรือไง”
“อยากว่าฉันใจยักษ์ใจมาร ฉันก็จะเป็นยักษ์มารให้สมใจเธอไงล่ะ”
“ฉันไปทำอะไรให้ถึงตามมาจองเวรกันแบบนี้ หรือคุณกลัวว่าฉันจะไปเรียกร้องอะไรจากคุณ ฉันบอกแล้วไงว่า...”
“หุบปากเถอะ พูดมากรำคาญ”
“คุณนั่นแหละหยุด แล้วก็ฟังให้ชัดๆ ฉันไม่มีวันยอมให้คุณมาทำร้ายลูกฉันแน่ๆ”
“นี่แม่คุณหยุดกล่าวหาฉันเสียๆหายๆได้แล้ว ถึงฉันจะอยากบีบคอเธอให้ตายคามือแต่ฉันก็ไม่ใจร้ายขนาดทำลายชีวิตบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องหรอกน่า”
“แล้วคุณมาตามรังควาญฉันทำไม”
“มาชำระความไง”
“เรื่อง??”
“หึๆท่าทางเธอก็เป็นคนฉลาดนะ เรื่องแค่นี้ไม่น่าโง่”
พราวชมพูอ้าปากค้าง เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นหมอ เขาน่าจะเป็นพวกกุ๊ยเสียมากกว่า
“อยากด่าฉันก็ด่าสิ รออะไร ด่าแล้วก็เตรียมพร้อมรับผลของมันด้วยล่ะ เพราะฉันไม่ปล่อยให้ใครมาด่าฟรีๆแน่”
พราวชมพูมองคนขู่คำรามด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เสียดายที่ดันไปเสียท่าเสียตัวให้เขา เธอหน้ามืดตามัวเห็นเขาเป็นหนุ่มโฮสต์ทรงเสน่ห์ที่เธอนัดหมายไว้ได้อย่างไร เธอว่าเธอเลือกแล้วเชียว แต่ดันไปคว้าคนผิดมาเข้ากรรมวิธีผลิตลูกเสียได้
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป