“ลงไปได้แล้ว อย่าตุกติกล่ะ ฉันบอกได้เลยว่าไม่ปล่อยเธอง่ายๆแน่” เปลวตะวันบอกหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านสองชั้นเล็กๆหลังหนึ่ง
พราวชมพูมองลอดกระจกรถออกไปสำรวจดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง ดูจากความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวหน้าบ้านดวงเดียวแล้วเธอก็พอจะประเมินได้ว่าที่นี่มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น
“ลงมาสิ ฉันไม่บ้าขนาดพาเธอมาฆ่าที่นี่หรอกน่ะ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มดุ แววตาบ่งบอกความหงุดหงิดเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมลงจากรถจนเขาต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูเชื้อเชิญ
“ต้องให้เอาพรมแดงมาปูด้วยไหมถึงจะลงมาได้น่ะฮะ”
“พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องขู่ตะคอกกันเลย” พราวชมพูบ่นแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่พอใจ สีหน้าแววตาเธอหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย จะยิ้มหวานๆยั่วๆเหมือนไอ้วันที่เชื้อเชิญฉันขึ้นเตียงก็ได้ฉันไม่ว่า”
“ลองมาเป็นฉันสิ คุณจะรู้ว่ามันน่ายิ้มหรือน่าหงุดหงิด เอ๊ะ!” ปลายเสียงอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็กระชากแขนเธอแล้วบีบแรงๆจนร้าวระบมไปหมด
“นี่คุณคำว่าอ่อนโยนกับสุภาพสตรีน่ะสะกดเป็นไหม”
“ไม่! แต่ถ้าเธอจะถามว่าฉันจับกดแล้วดันเป็นไหมฉันบอกเลยว่าคล่อง”
“อี๋!! ไอ้หมอบ้า ไอ้คนลามก”
“คนบ้า คนลามกก็เคยจกเธอจนครางเร่าๆทั้งคืนมาแล้วจำไม่ได้เหรอ”
พราวชมพูแทบเต้นเร่าๆ เธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าสาดเขาให้ยับ เขามันหน้าไม่อายนอกจากจะจิตใจทรามแล้วยังหยาบกระด้างยิ่งกว่าพวกกุ๊ยข้างถนนเสียอีก
“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งชักดิ้นชักงอตอนนี้เลย เก็บแรงไว้ดิ้นพล่านๆตอนฉันชำระความกับเธอดีกว่า มานี่!” ว่าแล้วเปลวตะวันก็ฉุดกระชากลากดึงคนร่างระหงให้ปลิวตามไปติดๆ
พราวชมพูไม่อาจต้านแรงได้ ถ้าไม่ห่วงลูกน้อยในครรภ์เธอสาบานได้เลยว่าไม่มีวันยอมให้หมอสุดเถื่อนนี่คุกคามแต่เพียงฝ่ายเดียวแบบนี้แน่
“นั่งลง” เขาสั่งแต่พราวชมพูยังคงยืนเฉย
เปลวตะวันจึงจับไหล่แบบบางออกแรงกดให้เธอนั่ง
พราวชมพูค้อนให้วงใหญ่ก่อนนั่งลงบนโซฟากลางโถงบ้านอย่างไม่เต็มใจนัก
ตุ้บ!
“เอาคืนไป”
พราวชมพูมองธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งที่เขาโยนลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนเงยหน้ามองเขาอย่างคาดไม่ถึง ความทรงจำอันเร่าร้อนระหว่างเขาและเธอในค่ำคืนนั้นผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวขึ้นมาอย่างหักห้ามไม่ได้ ในช่วงท้องเหมือนจะมีเกลียวคลื่นขมวดม้วนเป็นระลอก
“แล้วก็จำเอาไว้ฉันไม่ใช่ผู้ชายขายกล้วยห่วยๆอย่างที่เธอว่า”
พราวชมพูหน้าม้าน เธออายแสนอายกับถ้อยคำต่อว่าของเขาและความก๋ากั่นของตัวเอง หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่เลือกตอบโจทย์ข้อนี้ด้วยตัวเลือกนี้เด็ดขาด แต่ในเมื่ออะไรๆมันเลยเถิดมาจนป่านนี้เธอจะทำอะไรได้
“คุณพูดอะไรของคุณฉันไม่เข้าใจ” เธอยังคงเฉไฉทำหน้าใสซื่อ
เปลวตะวันเห็นสีหน้าท่าทางเจ้าหล่อนแล้วต่อมหมั่นไส้ก็ทำงานฉับพลัน ความกรุ่นโกรธที่มีมากอยู่แล้วยิ่งเพิ่มทวีขึ้นอีกเท่าตัว
“สมองขี้เลื่อยขี้ลืมแบบเธอคงต้องทบทวนให้ครบจบทุกกระบวนท่าก่อนสินะถึงจะระลึกได้” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มกายลงเท้าแขนกับพนักโซฟากักกั้นตัวเธอไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง
พราวชมพูมองเขาแววตาเลิ่กลั่กหวาดหวั่นว่าเขาจะทำตามปากว่าจริงๆ
“ว่ายังไง พอจะจำอะไรได้บ้างไหม ถ้าไม่ได้ฉันจะได้ช่วยทบทวนความจำ”
“จำได้! จำได้แล้ว ฉันไม่ใช่คนสมองเสื่อมที่จะจำอะไรไม่ได้” พราวชมพูร้องบอกออกไปด้วยความตกใจ
ใช่! เธอตกใจเพราะมั่นใจว่าเขาจะทำอะไรอย่างปากว่าแน่นอน ถึงจะไม่เคยรู้จักนิสัยใจคอ แต่ก็พอเดาได้จากการเผชิญหน้ากันร่วมชั่วโมงที่ผ่านมา
“ก็ดี! จำได้ก็ดี จะได้ชำระความง่ายๆไม่ต้องเท้าความให้มาก” เขาว่าแล้วก็ฉกวูบส่งปลายจมูกฝังลงตรงพวงแก้มนวลรวดเร็ว
พราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวหวีดเบาๆพร้อมกับใช้มือยันดวงหน้าคมคร้ามให้ออกห่างทันที
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายที่คุณนึกจะทำอะไรก็ทำได้นะ” เธอแหวใส่
เปลวตะวันหัวเราะแล้วยอกย้อนเยาะหยัน
“แล้วคืนนั้นที่ลากฉันขึ้นเตียง เร่งเร้าเร่าๆ ไม่เรียกใจง่ายจะเรียกอะไร”
“คุณ!” พราวชมพูจุกอกพูดไม่ออก ยิ่งเห็นแววเหยียดหยันในดวงตาดำสนิทยิ่งกว่าคืนเดือนมืดของเขาแล้วเธอก็ได้แต่ขบเม้มปากแน่น
“ไม่ได้เรียกว่าใจง่ายแต่เรียกว่าไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่สินะ”
“มันจะหยาบมากเกินไปแล้วนะ ด่ากันขนาดนี้ไม่ระคายปากเลยหรือไง”
“พูดความจริงเข้าหน่อยทำเป็นรับไม่ได้”
“ถ้าฉันไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่ คุณมันก็มั่วยิ่งกว่าผู้ชายขายตัวเหมือนกันนั่นแหละ โอ๊ย! เจ็บนะ” พราวชมพูหวีดเบาๆ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันยุ่งดวงหน้าสวยเหยเกบ่งบอกความเจ็บปวดเมื่อถูกมือแกร่งบีบต้นแขนสองข้างแรงๆราวกับคีมเหล็กคีบ
“ถ้าด่าฉันอีกทีฉันไม่ปรานีเธอแน่ๆจำไว้”
“คนเลวๆอย่างคุณเป็นหมอได้ยังไงกัน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”
“ฉันเลือกเลวเฉพาะบุคคลเท่านั้นแล้วบังเอิญเธอคือคนโชคดีคนนั้นเสียด้วยสิพราวชมพู”
“อย่าคิดว่าจะขู่ได้ตลอดไปนะ ฉันบอกไว้เลยว่าฉันไม่กลัวคุณสักนิด แล้วถ้าฉันออกไปจากที่นี่ได้ฉันก็ไม่ปล่อยให้คุณลอยนวลเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้ออกไปเลย อยู่จนแก่ตายเสียที่นี่แหละ”
“คุณจะมากักขังหน่วงเหนี่ยวกันแบบนี้ไม่ได้นะ”
“หึๆคนอย่างฉันไม่เคยรู้จักคำว่าไม่ได้เสียด้วยสิ”
พราวชมพูถอนหายใจ เธอเบื่อการต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว เธอเหนื่อยและเครียดเกินกว่าเจ้าตัวน้อยจะรับไหว อีตาหมอบ้านี่ก็ไม่คิดสงสารกันบ้างเลย
“คุณต้องการอะไร”
“ชำระความกับเธอไง”
“โอเค! ได้สิ ลองบอกมาสิว่าคุณต้องการอะไร ฉันต้องทำยังไงถึงจะพอใจแล้วเลิกวุ่นวายกับฉันเสียที”
เปลวตะวันหรี่ตามองคนถาม เห็นเธอเลิกคิ้วมองมาสีหน้าเหนื่อยหน่ายก็ขัดใจ
“อย่ามาใช้สายตาแบบนั้นกับฉันนะ”
“คุณนี่นะ จะลีลาท่ามากไปถึงไหนกัน อยากได้อะไรก็บอกมา หรือว่าอยากได้มากกว่านั้น” ไม่ถามเปล่าเจ้าตัวยังใช้สายตาชี้ไปยังเงินปึกย่อมที่เปลวตะวันโยนลงบนโต๊ะนั่นอีก
คนจงใจติดตามเจ้าหล่อนเพื่อสะสางความคับแค้นใจถึงกับโมโหจัด
“อย่ามาหยามกันให้มากนักแม่ตัวดี”
“อะไรของคุณ ฉันก็แค่พูดความจริง ไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่ใช่ เห็นคุณลีลาท่ามากฉันก็นึกว่าคุณกระดากไม่กล้าบอกตรงๆ”
“หุบปากนะพราวชมพู ถ้าหยามฉันอีกคำเดียวล่ะก็...”
“ให้ตายสิ หมาบ้านฉันยังขู่เอาๆไม่เท่าคุณเลยคุณนี่มัน...”
พราวชมพูพูดได้เท่านั้นก็ต้องนิ่วหน้าหวีดลั่นเมื่อเปลวตะวันคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนสองข้างของเธอแล้วบีบหนักๆแรงๆ
“โอ๊ย! เจ็บนะ ถนัดนักเรื่องทำร้ายร่างกายเนี่ย”
“ก็เธออยากพูดมากทำไม บอกให้หุบปากก็ยังจะเห่า”
“ฉันไม่ใช่หมานะ”
“ฉันก็ไม่ใช่หมา แต่ถ้าเธอบอกว่าฉันเป็นหมา เธอก็เป็นหมาเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะสมสู่กันได้ยังไงล่ะจริงไหม”
“อ๊ายยย!! ไอ้หมอบ้า ไอ้หื่น ไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้...”
“ด่าสิ ด่าอีกคำเดียวฉันจะทำให้จบครบทุกคำด่าเลยสาบานได้”
เขาขู่ตะคอกและพราวชมพูก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆไม่กล้าหลุดคำด่าว่าออกไปตามใจนึกคิด อย่างน้อยเวลานี้เธอควรดึงสติและใช้ความฉลาดเข้าสู้ จะได้ไม่พลาดท่าเสียรู้คนหัวหมออย่างเขา
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป