หลังจากที่เอาศพออกไปแล้วทุกคนก็พากันออกไป เหลือแค่เหม่ยหลินกับถิงถิง ทั้งสองเพียงสบตากันในความเงียบที่มีเพียงเสียงแอร์กำลังทำงานอยู่ จนกระทั่งเหม่ยหลินเป็นคนพูดขึ้น
“คงต้องเปลี่ยนที่พักแล้วล่ะ”
“ปกติคุณพักที่นี่หรือเปล่า”
“พักสิ มันสะดวกเวลามีงานเร่งด่วน”
“งั้นก็พักที่นี่ก็ได้นะ”
“เราต้องเปลี่ยนที่พัก เพราะตอนนี้ยังไว้ใจอะไรไม่ได้”
“แล้วคุณลุงหยางรู้หรือเปล่าว่า เออ คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
“พ่อเป็นคนฝึกพี่มาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”
ถิงถิงกรอกตามองบน “ก็จริง”
“ไปกันเถอะ”
“ตอนนี้เลยหรือคะ” ถิงถิงถามเสียงตื่น
“นายจินถังไม่ชอบตีงูให้หลังหัก” แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสีดำและของใช้บางอย่างติดมือ แล้วเดินออกไป ถิงถิงรีบสาวเท้าตาม
“จะทิ้งห้องไปแบบนี้เลยหรือคะ” ความสงสัยของเธอยังไม่หมด
“ไว้เป็นหน้าที่ของหนานซิง” คำพูดตัดจบของเหม่ยหลิน ทำให้ถิงถิงย่นจมูกใส่ตามหลัง
“เราจะไปพักที่ไหน” ในขณะที่ถามถิงถิงก็ก้มหน้าก้มตาก้าวยาว ๆ เพื่อให้ทันคนด้านหน้า แต่ระหว่างนั้น อีกคนก็หยุดกึกเพราะถึงประตู
“โอ้ะ!” ถิงถิงอุทานเมื่อหัวโขกกับแผ่นหลังของเหม่ยหลินโดยไม่ทันตั้งตัว
เหม่ยหลินเจ็บจี้ด แต่เพียงนิดเดียว เธอก็หันมาพูดใส่หน้า “เดินไม่มองทางแบบนี้ คิดว่าจะรอดไหม”
“หา...แค่เดินเนี่ยนะ”
“จำไว้ เวลาเดินไม่ว่าที่ไหน สายตาต้องไว และสิ่งที่ควรจำคือไว้ใจได้ แค่ ‘ตัวเอง’ ” ประโยคหลังย้ำใส่หน้า
ถิงถิงหน้าถอดสี “แล้วแบบนี้จะใช้ชีวิตปกติยังไง”
เหม่ยหลินไม่ตอบแต่เปิดประตูออกไป ถิงถิงรีบเดินตามและพบว่าด้านหน้าประตูลิฟต์ยังมีบอดี้การ์ดยืนรออยู่เกือบสิบคน
“จัดเก็บให้เรียบร้อย” เหม่ยหลินสั่ง แล้วตรงไปยังลิฟต์ที่ตอนนี้ได้เปิดรอเธออยู่แล้ว
“ครับ”
คนทั้งหมดโค้งคำนับและแยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งต้องติดตามเธอไปทุกที่ อีกกลุ่มกลับเข้าไปในห้องเพื่อเก็บกวาดความเรียบร้อย
“เป็นคุณหนูใหญ่นี่ก็ดีเนอะ...” น้ำเสียงติดประชด
เหม่ยหลินชายตามองคนพูด แล้วถามกลับ “อยากลองเป็นบ้างไหมล่ะ”
“เหอะ...”
“หรือจะเป็นอย่างอื่นดี...”
“ดูแล้วว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง” ถิงถิงปรามาส
“แน่ใจ?”
ดวงตากลมใส หากเต็มไปด้วยความแน่วแน่จ้องหน้าคุณหนูจอมเอาแต่ใจนิ่ง โดยแขนข้างหนึ่งค้ำไปที่กำแพงลิฟต์
ถิงถิงหน้าร้อนวาบเมื่อสัมผัสถึงความใกล้ชิด และสายตาที่มองเหมือนกำลังเร่งเร้าอะไรสักอย่างจากตัวเธอ หากประตูลิฟต์เปิดเสียก่อน...
รถลีมูซีนสีดำคันใหญ่ ขับออกจากบริเวณห้างสรรพสินค้า และตรงไปยังถนนที่เชื่อมต่อกันในพื้นที่เกือบร้อยไร่ ที่แบ่งโซนเป็นที่พักอาศัย มีทั้งโรงแรม และสำนักงานต่าง ๆ อยู่ภายในพื้นที่นั้น
ถิงถิงยังคงนั่งเงียบ แต่มีชำเลืองมองคนที่นั่งข้าง ๆ เป็นบางครั้ง และตอนนี้เธอดูออกว่าใบหน้าที่เคยฉาบเรียบไร้อารมณ์เริ่มเปลี่ยนไป และดูไม่สนใจคนรอบข้างอย่างเธอ จนเกิดความน้อยใจขึ้นมาครามครัน...
“จะพูดอะไรก็พูดมา...”
คนที่ถิงถิงคิดว่านั่งไม่สนใจใครเอ่ยขึ้น โดยเธอไม่แปลกใจเลยที่การกระทำของเธอโดนจับได้ ...จากที่รู้สึกน้อยใจก็หายทันที
“เชื่อแล้วค่ะ ว่าคุณลุงหยางฝึกมาเองกับมือ” เธอชื่นชมกึ่งประชด
"ก็ฝึกให้ทุกคนเหมือนกัน แต่ไม่รับกันเองหรือเปล่า"
"เถอะ..." เธอไม่ชอบการอยู่ในกฎระเบียบ มันอึดอัด หายใจไม่ออก อีกอย่างเธอเกลียดความรุนแรง ในวงการค้าที่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม และบางครั้งจบด้วยการนองเลือด ซึ่งเธอเพิ่งเห็นมาจัง ๆ กับตา "อยากชมตัวเองว่ามีความสามารถเหนือกว่าคนอื่นก็พูดมาเถอะ"
เพราะรู้ว่าทั้งตระกูลมีไม่กี่คนที่หูตาจมูกสัมผัสได้ไว และเก่งเชิงการต่อสู้ ด้วยมือเปล่าและการใช้อาวุธ ในขณะที่พ่อของเธอเป็นผู้ชายแท้ ๆ ยังเก่งไม่เท่าลูกสาวทั้งสองของลุงหยาง!
“ทำไมต้องประชด... เป็นห่วงก็พูดมาสิ ว่าเป็นห่วง...”
เหม่ยหลินแกล้งยั่ว เพราะรู้อยู่เต็มอก ว่าคุณหนูคนสุดท้องศักดิ์ศรีค้ำคอตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นคงญาติดีกับเธอไปนานแล้ว คนอะไรแค้นฝังหุ่น!
“คนเก่งอย่างคุณหยางเหม่ยหลินมีอะไรให้คนอื่นห่วงด้วยหรือคะ”
เหม่ยลินยังไม่ทันได้ต่อปากรถก็จอดอยู่หน้าโรงแรมห้าดาว ก่อนที่เธอสองคนจะลงจากรถ ชายชุดดำก็วิ่งกรูกันออกมายืนเข้าแถวเรียงหน้ากระดาน
ถิงถิงถึงกับไม่อยากลง และอาการของเธอทำให้เหม่ยหลินดูออก
“ไม่ชอบให้คนมายืนออ ก็รีบลงรีบเข้าที่พัก ก็ไม่เห็นคนพวกนี่แล้ว” ถิงถิงย่นจมูกใส่แล้วลงไปยืนหน้าตึงเคียงคู่กัน
“มีข่าวอะไร...” เหม่ยหลินถามเมื่อหนานซิงก้าวออกมายืนตรงหน้าของเธอ
“เจอคุณนลินแล้วครับ”
“จริงเหรอ เธอเป็นไงบ้าง” สีหน้าของเหม่ยหลินดูมีความหวังและชีวิตชีวาขึ้น
“คุณหนูใหญ่ไปดูเองดีกว่าครับ”
หนานซิงพูดจบก็รีบเดินนำไปก่อน เหม่ยหลินจึงเดินไป หากแต่ถิงถิงยังยืนอยู่กับที่
“ถ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ก็ได้นะ พี่จะได้ให้คนยืนเฝ้า สิบคนพอไหม...”
ถิงถิงจิกตาค้อน เลือกเดินตามไป
ส่วนบอดี้การ์ดที่เหลือทิ้งระยะห่างให้เจ้านายพอสมควรก่อนจะเดินตามไป
ผู้ใหญ่อีกสองคนยกมือขึ้นมาสัมผัสที่แขนของทั้งคู่แทนคำพูด ซึ่งถิงถิงและเหม่ยหลินรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ผู้ใหญ่ทั้งสองแสดงออกมา ทั้งคู่ยกมือไหว้อีกครั้ง โดยถิงถิงปราบปลื้มจนน้ำตาเออเรื่อ ด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าอาจมีญาติบางคนไม่เห็นด้วยกับความรักของเธอกับเหม่ยหลิน แต่ทุกคนกลับยิ้มยินดี โดยเฉพาะภรรยาใหญ่ทั้งสองของคุณลุงหยาง ซึ่งท่านไม่แม้จะพูดให้เสียความรู้สึก...เมื่อผู้ใหญ่เดินกลับที่พักไปแล้ว เหลือแค่หนุ่มสาววัยไล่เลี่ย ก็เข้ามาแสดงความยินดีและหยอกเย้า ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยตอนเป็นเด็กที่ต่างคนต่างมีความซนและใสซื่อต่อกัน แต่เมื่อโตขึ้นต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเองและแยกตัวไปทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ความคุ้นเคยกลายเป็นความห่างเหิน แต่ใจลึก ๆ ทั้งหมดก็ยังหวังดีและเป็นกำลังใจให้กันโดยไม่ต้องแสดงตัว...งานช่วงเย็นพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้าวิวท้องฟ้าไล่แสงสีส้มตัดกับน้ำทะเล ทุกคนต่างเก็บภาพนั้นไว้ ด้วยความสนุกสนาน โดยเจ้าสาวทั้งคู่ยืนอยู่บนแท่นเพื่อแลกเปลี่ยนคำมั่นสัญญารักที่มีให้กัน ท่ามกลางหาดทรายขาว และมหาสมุทรสีฟ้าเข้มตัดกับขอบฟ้ากว้างที่อยู่เคียงข้างเป็นสักขี
ถิงถิงยิ้มรับ จากนั้นเธอก็โดนโอบรั้งให้ยืนขึ้น รอรับจูบดูดดื่มของคนตัวโตที่ส่งมอบมา จากนั้นเหม่ยหลินจัดการพาร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะรสจูบของตนให้ลงไปนั่งอยู่ในอ่างเคียงคู่กัน แล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบซุกไซร้ซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของกันและกัน จนกระทั่งถิงถิงถูกจับกดให้นอนราบลงไป โดยเหม่ยหลินยกขาเรียวของถิงนั้นให้พาดไปกับขอบอ่างทั้งสองข้าง จนเห็นเนินอวบอูมสีเรื่องามสล้างตรงหน้าแจ่มชัดจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอเธอไม่รีรอให้เวลาเดินไปโดยเปล่าประโยชน์ ก้มลงไปหาเนินอวบอิ่มที่แย้มโชว์กลีบกุหลาบงาม โดยการส่งลิ้นอ้อนพริ้วเข้าไปทักทายตามช่องแยกที่ปริ่มน้ำ ดูดกลืนกลิ่นความหวานนั้นอย่างไม่เกี่ยงงอน“อ่าส์ ซีดส์...” ถิงถิงแอ่นสะโพกร่อนรับ พร้อมเสียงร้องคราง ในขณะที่มือยกขึ้นมาจับเส้นผมของคนที่ก้มหน้าคลุกอยู่ตรงกลางกายสาว และเผลอกดศีรษะนั้นลงไปด้วยความกระสันเหม่ยหลินไม่อยากให้ถิงถิงถึงฝั่งฝันในตอนนี้ จึงยืดเวลาโดยถอนปลายลิ้นออกมา คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมามองคิ้วขมวด ทำหน้าแปลกใจเหม่ยหลินกระตุกยิ้มร้ายส่งให้ จากนั้นถิงถิงก็ทิ้งศีรษะลงที่เดิม เมื่อนิ้วเรียวเริ่มขยับและสัมผัสอยู่ตรงเนิน ลู
การไถ่โทษของเหม่ยหลินทำให้ถิงถิง ไม่มีโอกาสได้เปิดปากเถียง เมื่อทั้งมือทั้งริมฝีปากปากตะปบเข้ามาอย่างเสือตะครุบเหยื่อ โดยมือข้างหนึ่งปลดเสื้อผ้าที่เปียกน้ำของถิงถิงไปด้วย ส่วนมืออีกข้างจับต้นคองามเพื่อไม่ให้รอรับจังหวะจูบที่โน้มลงไปหาสัมผัสจูบนั้นนุ่มนวลและรุนแรงไปตามความปรารถนา ในขณะที่ลำตัวและเท้าพากันประคองเข้าไปในห้องน้ำกายเปลือยเปล่าแนบชิด ลูบไล้นัวเนีย ประหนึ่งคนอดอยากปากแห้ง ร้างราเรื่องอย่างว่ามานานนับปี...ความสุขกระสันเพลิดเพลิน กับความหวานล่ำของกันและกัน จนแผ่นหลังกระแทกไปกับฝาผนังห้องน้ำ จนคนแนบชิดรับรู้ถึงความสั่นสะเทือน แต่เจ้าตัวที่โดนทับกลับไม่รู้สึกรู้สา หรืออยากหยุดการกระทำของตัวเองเป็นถิงถิงเสียเองที่รู้สึกจุกแทน เพราะสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่สัมผัสกันอยู่จนเกิดความกังวล ความรู้สึกหวาบหวามหยุดชะงักเป็นห่วง กลัวว่าถึงตอนนั้นคนพี่จะรู้สึกเจ็บทีหลัง“หือ...” เธอส่งเสียงเตือนออกจากลำคอ แต่คนคลั่งรักยังไม่ถอนริมฝีปากหรือผละออกห่าง สุดท้ายใช้นิ้วจี้ไปที่เอวคอดของเหม่ยหลิน“อุ๊!” เธอสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมมองใบหน้าหวานสีเรื่อเป็นเครื่องหมายคำถาม“
“ตอนหนูเข้าห้องน้ำพี่ยังหลับลงเลยนี่คะ”“ตอนนั้นหนูอยู่ในห้องน้ำ... แต่ตอนนี้หนูอยู่ข้างนอก จะให้หลับลงได้ยังไง... ปะ เรากลับกันเถอะ แดดก็ร้อนเดี๋ยวผิวเสียหมด”“หนูทากันแดดมาอย่างดีเลยค่ะ” คนดื้อบอกสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับยกแขนเรียวขึ้นมาให้ดูอีกเหม่ยหลินกรอกตามองบน“ถึงจะทาแล้วก็เถอะ... ปะกลับที่พัก” เดินเข้ามาดึงแขนเรียวที่เจ้าของมีทีท่าจะเดินไปต่อ แต่โดนสะบัดออกพร้อมคำปฏิเสธ“ไม่เอา!” จนฝามือที่จับไว้หลวม ๆ หลุดออกเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว ถิงถิงก็ออกวิ่ง พร้อมกับตะโกนบอก “อยากให้กลับ ก็จับให้ทันสิคะ”เหม่ยหลินยกมือขึ้นเท้าสะเอว มองหญิงสาวร่างบาง ที่ตอนนี้เหมือนเด็กน้อยวัยสามขวบอยากได้เพื่อนเล่น ด้วยดวงตาหมายหมาด...หากตรงหน้าเปรียบเป็นเหยื่อ ผู้ล่าอย่างเธอจะไม่ปล่อยใหเหยื่อ เป็นอิสระสักวินาทีเดียว“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม...” เหม่ยหลินกัดฟันปั้นปาก จ้องร่างบางที่สาวเท้าวิ่งออกไปอย่างไม่รอ “คิดว่าจะหยุดแค่จับหรือไง” เธอเปรยขึ้นด้วยความมันเขี้ยว จากนั้นก็พุ่งตามออกไปในขณะที่ถิงถิงหันกลับมาดู ก็เห็นว่าเหม่ยหลินกำลังวิ่งไล่ตามมาใกล้ถึง เธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาพร้อมกับหลบฝ่ามือที่
ผ่ามือเรียวที่ดันอยู่บนหน้าอกก็ถูกดึงออกมาฟาดไปบนไหล่คนหื่นหนัก ๆ “เนี่ย ระวังเหอะ จะหมดแรงคาอกหนูสักวัน” พูดข่ม คนอายุห่างเกือบ10ปีเหม่ยหลินยิ้มร่า สายตาท้าทาย “เคยมีสักครั้งไหมล่ะ”“เนี่ย หากยังไม่ไปอาบน้ำ แล้วกลับมานอนพักผ่อนเอาแรง...” สายตาและน้ำเสียงเป็นห่วงมากกว่าติเตียนเหม่ยหลินถอนหายใจ แกล้งทำหน้างอ “ใจร้าย...”“หวังดีค่ะ” ถิงถิงย้อนสายตาเต็มไปด้วยผู้ชัยชนะคนโดนสกัดทำได้แค่ส่งสายตาคาดโทษ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนตามที่เด็กดื้อได้พูดไว้ เพราะหลังจากนี้คงไม่มีเวลาได้พักสายตาเต็มตื่น จนกว่างานทุกอย่างจะผ่านพ้นไป...แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเด็กดื้อยังแผงฤทธิ์ไม่หยุด!เวลาผ่านไป...เหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาของเธอมองตรงไปยังเตียงนอน แต่พบว่าถิงถิงไม่ได้อยู่บนเตียงเพื่อนอนพักผ่อนไปด้วยกัน“ถิงถิง...” เธอเรียกหา “เด็กดื้อ... หายไปไม่บอกไม่รออีกแล้วนะ” บ่นคนให้เป็นห่วงเมื่อไม่มีถิงถิง เหม่ยหลินก็ไม่มีใจทำอะไร นอกจากเดินหาไปทั่วบ้านพักหลังใหญ่แต่ก็ไม่เจอ ใจเริ่มกังวล ตัดสินใจเดินกลับมาในห้องนอนและเห็นว่าชุดลำลองของตนถูกจัดวางไว้ให้ จึงรีบหยิบ
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ห่วงความรู้สึก ห่วงการถูกมองจากคนในสังคมที่คนพี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะบางสังคมและผู้ใหญ่บางคน ยังไม่ยอมรับเรื่องรักเพศเดียวกัน“เรื่องนี้ พี่พร้อมมาทั้งชีวิตแล้วล่ะ...ว่าแต่ห่วงตัวเองเถอะ พร้อมหรือยังฮึ?” คำถาม มาพร้อมสายตากรุ่มกริ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาซ้ำยังยกยิ้มมุมปากถิงถิงทำหน้าเมื่อย อยากสั่งห้ามว่าอย่าไปทำหน้าทำตาออกอาการแบบนี้กับใคร!“พะพร้อมอะไร... ชุดเหรอ เรียบร้อยแล้วไง ก็ไปเลือกพร้อมกัน”ถิงถิงเสียอาการจนเสียงแกว่ง ทำเป็นเฉไฉตอบความหมายเป็นอย่างอื่น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดในแง่ไหน...สายตาออกชัด ซึ่งทุกครั้งที่เห็นสายตานี้ อดเสียววาบช่องท้องไม่ได้“แน่เหรอ ว่าที่พี่ถาม หนูเข้าใจว่าเรื่องชุด?” สายตาของเหม่ยหลินยังวาบหวามเปล่งประกายถิงถิงหน้าฉาบสี เขินจนอยากหมุดหน้าหนี เถอะ!คนผีทะเล ยังจะมาขยี้จี้ถามได้อีก“ว่าไง ฮึ?”ทำเสียงเยิ้มหวาน ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจเอาคำตอบ หากแต่อยากแกล้งให้อีกฝ่ายเขิน ซึ่งภาพนั้นมันน่ามองน่ารัก จนถอนตัวถอนใจไม่ได้อีกแล้วถิงถิงจิกตาค้อน หื่นได้ทุกทีสิน่า... “ไม่พูดด้วยแล้ว” เสียงนุ่มสะบัด จากนั้นหมุนตัวพาหน้าฉาบสี