ไศลาทำตามที่เอมิเลียว่า คือการแต่งตัวรอ และเก็บข้าวของที่จำเป็นที่สุด เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น นอกเหนือจากการทำตัวอย่าไม่ให้มีพิรุธ เมื่อถึงเวลา...หล่อนจะโทรมาเอง ประโยคเพียงแค่นั้นก็ทำให้พอจะเดาได้แล้วว่า เอมิเลีย มาดามแห่งตระกูลเรกาโด คงใช้ช่วงเวลาการประชุมนัดพิเศษของเหล่าอัลฟาวันนี้ เปิดช่องทางให้เธอหลบหนี ใจจริงก็รู้สึกผิด ไม่ใช่ไม่ย้อนคิดหรอก หากถูกจับได้ว่างานนี้ คนที่ช่วยเธอคือผู้หญิงที่มีอำนาจใหญ่โต แล้วผลจะเป็นยังไง
แต่ทว่า เธอ... การเอาตัวรอด และกลับไปในที่ที่ดีที่สุด มีแต่อิสระ รวมทั้งได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ใครล่ะจะไม่ต้องการ! หากโครทิส เวเดโน่ คือคนที่มีเมตตา รักเธอ และไม่มีความเห็นแก่ตัวจริง ย่อมเข้าใจตรงนี้อยู่แล้ว!
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงข้อความเข้า ไศลาหันขวับ ละสายตาจากสิ่งที่ทำแทบจะตะครุบดู เมื่อเห็นว่าเป็นเอมิเลีย จึงทำการเร่งรีบ รนรานเสียจนมือสั่น เธอเผลอยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินออกไป
แต่แล้ว....
“นายหญิงคะ “เดซี่กลับยืนถือถาดอยู่ตรงหน้า
“.....!!!”
“จะไปไหนหรือคะ เดซี่ทำของว่างมาให้ค่ะ”
“เอ่อ..ฉัน...”
หญิงสาวเกิดการตื่นตระหนกอยู่เป็นนิจ เกรงกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งที่แต่ก่อนการแถเถือกเอาตัวรอด เป็นอะไรที่ช่างถนัดนัก
“นายท่านบอกให้เดซี่อยู่เป็นเพื่อน กลัวนายหญิงจะเหงา ...”
ในขณะดูเหมือนเดซี่เอง ก็ไม่ได้โง่ตมอย่างที่คิดไว้
ตายล่ะ!
จะทำยังไงดีล่ะไศลา จะมาถูกจับได้โดยคนใช้ไม่ได้นะ
“เอ่อ... อะ อ่อ นายท่านสั่งให้คนมารับน่ะ บอกว่าวันนี้ที่บ้านคุณเรกาโด มีปาร์ตี้ตอนเย็น เธอจะไปด้วยไหมล่ะ?”
แน่นอน สมองอันเต็มไปด้วยเชื้อสิบแปดมงกุฏผสมกับการเอาตัวรอดเก่งของเธอ ไม่เคยปล่อยให้จนตรอกสักครั้ง ต่อให้ทางตันแค่ไหน สุดท้ายความไหลลื่นของความคิดราวกับสายน้ำก็พาเธอผ่านไปได้อยู่ดี
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ไศลาลอบยิ้ม หลังเอาชื่อเรกาโดมาแอบอ้าง แล้วสามารถทำให้สาวใช้หน้าสลดได้ ก่อนจะกำชับกระเป๋าเป้พยักหน้า
“งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวเขาจะรอนาน “รีบบึ่งออกมาจากตรงนั้นทันที
ภาวนาในใจ หวังว่าเจ้านายของหล่อน เมื่อมารู้ทีหลังว่าเธอหายไป คงไม่ไปลงที่หล่อนหรอกนะ ไศลาเดินตรงมายังรถแวนคันสีดำ ซึ่งจอดรออยู่ก่อน คาดว่าคงจะบอกบอดี้การ์ดหน้าประตูไปแล้ว ทางจึงโล่งไร้ใครระแคะระคาย มิหนำซ้ำยังก้มหัวให้อีกยามเธอเดินผ่าน จนกระทั่งเดินมาถึงหน้าประตู ไศลาห้ามใจไม่ได้ที่จะหมุนกลับไปมองใหม่ บ้านหลังนี้ กับห้องนอนนั้น... พลางทำหน้าสลดเล็กน้อย ถึงแม้ว่าการยืนอยู่ตรงนี้ จะทำให้ใจหายอยู่ก็ตาม แต่เพราะรถที่รอเธออยู่ด้านหลัง สามารถผลักดันให้เธอตัดใจได้ และบอกตัวเองว่า...ช่างมัน
....ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอสักหน่อย ....
“ลาก่อนนะ”
ร่างบางโบกมือหย็อยๆ พอเป็นพิธี ก่อนจะขึ้นรถไปพร้อมกับกระเป๋าใบเล็กที่มีเข้าของเพียงแค่พาสปอร์ตและเอกสารการเดินทาง จากนั้นต้องชะงักสีหน้า เมื่อพบว่า เรกาโด เอมิเลีย ไม่ได้มาด้วย พลันเร่งเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจ จนกระทั่งรถแล่นเลยมาไกล จึงจะตัดสินใจถาม
“มาดามไม่ได้มาด้วยหรือคะ”
“ใช่ครับ “คนขับรถมองทางกระจกหลัง พลางยิ้มให้
“อ๋อ.... เธอฝากบอกอะไรคุณมาบ้างไหม”
“ไม่นี่ครับ นอกจากสั่งให้ผมดูแลคุณให้ดี จนกว่าคุณจะได้ขึ้นเครื่อง”
“แค่นั้น?” เธอเลิกคิ้ว
“ครับ แค่นั้น”
“ขอบคุณค่ะ”
ไศลาเบือนหน้ามองไปทางกระจก ใช้ผากมนพิง ปล่อยความเงียบปกคลุมคนทั้งคู่ และใช้สมองที่ว่างเปล่าขาวโพลน เล็งความคิดไปยังที่อื่น แม้ว่าหลายครั้งต่อหลายครั้ง ที่สมองอีกด้าน ซึ่งฝังลึกกว่ากว่าอวัยวะส่วนอื่นๆ พยายามจะกล่อมให้เธอเปลี่ยนใจ สั่งให้ตริตรองอย่างถี่ถ้วนใหม่ ทว่าทุกครั้งที่เธอคิดมักจะกำจัด โดยการสลัดทิ้งเสมอ เปลี่ยนเป็นนึกถึงหน้าแม่ แล้วทุกอย่างมันจะดีเอง
“เอาล่ะ ไศลา ไอ้หมอนั่น มันก็เป็นแค่คนๆ นึง ที่เข้ามา แล้วเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
พร้อมกับตบหน้าอกเบาๆ ราวกับปลอบตัวเองไปด้วย จนกระทั่งถึง ...
“ขอบคุณนะคะ ขับรถดีๆล่ะ”
แล้วจึงบอกลาคนขับ ทว่า ดูเหมือนเขาจะงง เหมือนก่อนหน้าไปใช้สมองกับเรื่องอื่น
“ครับ?”
ไศลาลอบมองจากหน้ามาที่หูเขา พลางขมวดคิ้วเริ่มทะแม่งๆ เมื่อเห็นอะไรดำๆ คล้ายกับไมค์จิ๋ว ก่อนจะสลัดความคิดนั้นเป็นยิ้มให้ เร่งบอกลา
“ฉันปลอดภัยแล้ว ขึ้นเครื่องแล้วค่ะ ^^”
เธอยกมือไหว้คนมาส่ง ก่อนจะเดินขึ้นเครื่อง โดยไม่คิดจะเหลียวหลังกลับมามองอีก
ห้าชั่วโมงกับการประชุม ในห้องลับติดฟิล์มดำและแอร์เย็นฉ่ำ กว่าจะลงมติเป็นเอกฉันท์กันได้ เล่นเอาสมองราวกับกลไกทั้งห้าแทบรวนกันเลยทีเดียว ในขณะที่ทุกคนคลายเครียด ฝากแผ่นหลังของตัวเองพิงไว้กับเก้าอี้สูง ทว่า เขากลับเลือกที่จะลุกขึ้น เตรียมเดินออกมา
" เฮ้ย ไอ้เวด มึงรีบเหรอ?! "
คูดัสผงกหัวถาม ในขณะครูซัส แมททริก และซันดรู ทำได้แค่เพียงหรี่ตามอง พวกเขาคงหมดแรงหลงเหลือ แม้แต่จะขยับปากกันแล้ว
" แล้วมีอะไรต่ออีกไหมล่ะ " เวเดนผายมือ
" เฮ้ยนี่ กูว่ามึงเปลี่ยนไปมากนะ "
นั่นทำคูดัสแปลกใจ เปลี่ยนท่วงท่ามานั่งเต็มตัว เขาทำหน้าฉงนปนขำ
" เปลี่ยน? เออใช่ กูลืมโกนหนวด "
" ไม่ขำว่ะพวก "
" แล้วใครใช้ให้มึงขำ กูขอตัว " เวเดนชี้หน้าไม่จริงจังนัก ก่อนเตรียมหมุนตัวอีกระลอก
แต่แล้ว...
" ไปตอนนี้ก็ไม่ทันหร้อก.."
กลับต้องชะงักเพราะคำของเรกาโด เขายกมือขึ้นผสาน เป็นที่พึ่งให้ปลายคางได้ค้ำยัน ก่อนจะปลายตาขึ้นมอง สีหน้าเรียบเฉย บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า
" หมายความว่าไง? "
เวเดนขมวดคิ้ว จ้องมองทั้งหมดทีละคน หวังได้คำตอบ ในขณะคูดัสเอียงคอยักไหล่ แมททริกเลิกคิ้ว ส่วนซันดรู ยิ้มที่มุมปาก... เวเดนเตรียมจะถลาเข้าไปเค้นถาม เพราะเขาเป็นคนที่มีเลศนัยที่สุด ทว่ากลับถูกเรกาโดขัดไว้
" เมื่อคืน ไศลาโทรมาขอความช่วยเหลือจากเมียกู "
เขาชะงัก ยืนฟัง พร้อมหันไปทางคนพูด เรกาโดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง บิดขี้เกียจแล้วเล่าต่อ
" เรื่องจะกลับประเทศไทย" พร้อมสังเกตุท่าทางเวเดนไปด้วย
" ......."
มาเฟียหนุ่มทำได้แค่ยืนนิ่ง ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม ก้มหน้าลงเล็กน้อยเสมือนทวนคำบอกเล่า ไร้เสียโวยวายอย่างคนโกรธ มีเพียงสันกรามเท่านั้นที่ขบกันจนขึ้นปูด ก่อนจะเงยหน้าจ้องเรกาโดเขม็ง
" แล้วเมียมึงก็ช่วย? " เค้นเสียงถาม ลอดออกมาแค่ไรฟัน
" ใช่"
ในขณะคนถูกถามหันมาตอบ ราวกับไม่รู้สึกอะไร
" ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่หว่า เธอก็แค่อยากกลับไปอยู่ในที่ของเธอ เพราะรู้คำตอบของพี่ชายแล้ว "
"........"
ไม่ต่างกับคนอื่นที่นั่งปั้นปากพยักหน้าเหมือนจะเห็นด้วย ต่างกับเวเดนที่ตอนนี้ยืนแข็งทื่อ ไร้การตอบกลับ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงก็แต่เส้นสันลำคอ ที่มันปูดขึ้นเพราะถูกเขาขบกรามหนัก ท่าทีนี้ผู้ที่เห็นคนเดียวคงจะหนีไม่พ้นเรกาโด ส่วนคนที่เหลือเอาแต่นั่งอย่างใจเย็น เอนหลังอย่างเดียวไม่พอ ยังยกขาพาดโต๊ะด้วย หารู้ไม่หายนะกำลังจะมา เจ้าของบ้านเห็นอย่างนั้น จึงถ่างตาออก ทำท่ารุดตัวห้าม ทว่า....
" เห้ย เวดฟังกูก่อน..."
" เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมพวกมึงไม่บอกกู ห๊ะ!!! "
เหมือนจะไม่ทัน... กว่าจะรู้ตัวกันนั้น ก็พบว่า เก้าอี้ตรงหน้าถูกถีบปลิวไปแล้ว
โครม!!!
ทั้งกลุ่มแตกฮือ สามคนที่นั่งเรียงหากช้าอีกหน่อย หรือเบี่ยงหัวหลบไม่ทัน มีหวังงานนี้มีการนองเลือด เรกาโดทำเสียงจิ้จ้ะ มองตามร่างสูงที่เดินเร็วออกไป ไม่สนใจใครอีก ก่อนจะหันกลับมายักไหล่กับคนที่เหลือ ซึ่งยังมีความตกใจไม่หาย เกือบไปแล้วไหมล่ะ นานทีปีหนจะโกรธสักครั้ง มันจะประมาณนี้ ที่เหลือก็คงต้องปล่อยไป โกรธราวกับช้างตกมันแบบนี้ คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเป็นแน่
คฤหาสน์รับรองตระกูลโครทิส หลังมาเฟียหนุ่มบึ่งรถมาถึง พร้อมสีหน้าที่ขรึมสูงสุด ณ ตอนนั้น บริวารผู้จงรักภักดี และรู้ใจ ต่างพากันถอยกรูดหมดแล้ว เหลือก็แต่เดซี่ที่อยู่ในบ้าน กับบอดี้การ์ดเฝ้าประตูซึ่งถูกรวบตัวให้เดินตามมาด้วย เพียงแค่เขากระดิกนิ้วสั่ง ทุกคนจะไม่มีสิทธิ์พูด หรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เว้นแต่เขาจะถามเอง นั่นจึงเป็นที่มาของความมหาโหด สงครามเย็นท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ฉายาของเขา ที่ถูกผู้คนส่วนใหญ่กล่าวขาน
ใช่ หากลูกน้องสมควรตายไม่ว่าจะคดีทรยศหักหลัง หรือกบฏ ส่วนใหญ่แล้วกว่าคนวงในจะรู้เรื่องนั้น เขาได้ฆ่าลูกน้องไปก่อนแล้ว ไร้การสอบสวน ไร้การส่งเสียงอาละวาด
" บอกฉันมา ก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ไหน "
แค่เสียงถามเรียบๆ ไม่ได้ห้วนมาก ก็สามารถทำให้คนฟังขนลุกได้ มาเฟียร้ายไม่ได้จ้องหน้าด้วยซ้ำ ทว่าลูกน้องที่ยืนเรียงหน้ากระดาน รอการสอบสวนและลงทัณฑ์กลับก้มหน้าต่ำ มือผสาน ตัวสั่นสะท้าน
" ใครจะเริ่มก่อน เล่า! อย่าให้กูรอ "
" เดซี่ค่ะ "
ทว่า อารมณ์กรอบนอกของเขาใครจะรู้ มันต่างโดยสิ้นเชิงกับอารมณ์ข้างใน ที่ปั่นป่วนราวกับลาวา ทว่าเผยออกมาแค่ความนิ่ง ฉะนั้น หากมีการให้ต้องรอ หรือเสียเวลา อารมณ์ที่ว่า จะแปลพรรคกลายเป็นการทำร้ายร่างกายกันทันที สาวใช้ตัวสั่น แม้ว่าจะกลัว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ หล่อนต้องเร่งเล่า
" เดซี่เอาของว่างไปให้ค่ะ เห็นนายหญิงเดินออกมาพอดี กับกระเป๋าเป้สะพายที่ใช้อยู่บ่อยๆ "
ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหน้า เมื่อเห็นเจ้านายเงียบไป ทว่า...
" ฉันสั่งให้เธอหยุดเรอะ! " หล่อนจึงเล่าต่อ ด้วยน้ำเสียงที่ขรุขระกว่าเดิม
" ดะ เดซี่ถามแล้วค่ะว่าจะไปไหน เดซี่จะมาอยู่เป็นเพื่อน นายหญิงบอกว่า ที่คฤหาสน์ท่านเรกาโดมีปาร์ตี้ เลยสั่ง..คะ คนมารับ"
แต่แล้ว....
เพี๊ยะ!!
" อ๊ะ! ..."
หน้าทั้งหน้า หันไปตามแรงมือ พร้อมร่างบางร่วงหล่นลงพื้น เรียกได้ว่า ตบของเขา ทำเอาล้มทั้งยืนกันเลยทีเดียว ก่อนจะพยักหน้าจะชี้ไปที่ประตู เพื่อให้หล่อนเร่งออกไป ก่อนที่เขาจะยำเละไปมากกว่านี้ นี่คือการลงโทษ ด้วยสาเหตุไม่โทรมารายงาน หรือแจ้งข่าวต่อเขา ไม่มีไหวพริบ ไม่ฉุกใจคิด ก็เท่ากับว่าไม่ทำตามคำสั่ง เขายกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะหันมาหาบอดี้การ์ดอีกสองคน ที่ตอนนี้เริ่มอยู่ไม่ติด มือที่กุมต่ำ กับขาที่ถ่างออกเล็กน้อย มันกำลังขยับเขยื้อน บ่งบอกให้รู้ถึงความเกรงกลัวระดับสูงสุด เมื่อถึงตาของพวกเขา
" แล้วมึงล่ะ มีอะไรจะพูดไหม "
" รถคนนั้น คนขับรถบอกพวกเราว่า เขามาจากบ้านท่านเรกาโดครับ จะมารับนายหญิงผมสังเกตุที่สัญลักษณ์ เห็นว่าใช่ก็เลย....ขอโทษครับนาย "
" แล้วทำไมพวกมึงถึงไม่โทรมาบอก โทรศัพท์มีไว้ทำห่_อะไร ห๊ะ! "
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
เขากัดฟันกรอด ตะโกนสุดเสียงในประโยคทิ้งท้าย ก่อนจะหวดฝ่ามือหน้าหลัง ให้คนละที แล้วจึงชี้หน้า
" เดือนนี้ทั้งเดือน พวกมึงไปล้างคอกม้า"
" ครับ "
" ครับ"
อันที่จริงแล้ว เขาควรจะเอาเวลาที่เสียไปตรงนี้ ไปตามหาเธอน่าจะคุ้มกว่า แต่กลับเลือกมากำราบลูกน้องก่อน เพื่อให้หลาบจำ ซึ่งเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ที่สำคัญอย่างไศลา เขามั่นใจเธอไปไหนไม่รอดหรอก และอีกไม่นานเธอจะติดต่อกลับมาเอง ไม่ต้องตามให้เหนื่อย
ในดินแดนที่ร้อนระอุและมืดมิด ราวกับเป็นห้องแคบที่ค่อยกันกินลมหายใจ เขาเห็นผู้ชายสองคนกำลังปีนกำแพง ข้ามจากฝั่งมาอีกฝั่ง เสมือนหนีอะไรบางอย่าง หนึ่งในสองนั้นคือเขา ผู้ซึ่งกำลังมองดูอยู่ ในความรู้สึก ช่างตื่นเต้น แสนระทึกใจ ผู้ชายที่ว่าโยนตัวเองลงมาก่อน แม้นบนกำแพงนั้นจะเต็มไปด้วยกับดักที่พร้อมจะทำลายร่างตลอดเวลา ทว่าเขาหามีความเกรงกลัวไม่ ในขณะที่มีเส้นทางรอดกว่านี้ หลังเท้าเหยียบสู่พื้น ถ้าไม่หันกลับมาช่วยใครอีกคน ซึ่งยังติดอยู่บนกำแพง ' ส่งมือมาไอ้หนู'มือหนาเต็มไปด้วยเลือดแห้ง เลือดสด บาดแผลฉกรรจ์นับสิบแผลยื่นขึ้นเหนือหัว เด็กผู้ชายในความทรงจำเขา มองลงมาด้วยสายตาซาบซึ้ง ก่อนจะเม้มปาก ราวกับเก็บอาการอ่อนแอของความรู้สึก ที่กำลังจะกลั่นออกมาเป็นก้อนน้ำตา' พี่จะช่วยผมหรือครับ ' เขาเอ่ยถามเสียงสั่น' เออใช่ มึงยัดมาให้กู จนกูต้องติดร่างแหไปด้วย คงไม่สมควรจะช่วยมึง 'ส่วนเขาเองก็กัดฟันตะเพิดกลับไปไม่แพ้กัน กระนั้นก็ยังยื่นมือค้างเอาไว้' แต่กูทำไม่ได้หรอกโว้ย ส่งมือมา! เดี๋ยวก็ตายห่ากันหมดหรอก '' พี่เป็นใครกันแน่ ''ไว้ให้พ่อมึงมาตอบล่ะกัน 'หมับเขาพูดติดตลกในคำทิ้งท้าย ก่อนใช้จังหวะ
โครทิส เวเดโน่ พ่นควันบุหรี่ออกจากปากเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนทำลายไฟให้มอดโดยการยัดลงในที่เขี่ย หลังลูกน้องคนสนิทก้าวเร็วมาคำนับ รายงานเรื่องที่ไศลาจวนจะถึง" มาถึงแล้วงั้นเหรอ? ""อีกสิบนาทีครับนาย""พาเธอไปบ้านใหญ่""ได้ครับ"ก่อนเวเดนจะเดินสวนไปขึ้นรถ เพื่อเร่งจัดการปัญหาบางอย่างที่กำลังจะเกิดความยุ่งเหยิงขึ้น นั่นหมายความว่า เมื่อไศลามาถึงหญิงสาวจะต้องอยู่ลำพังร่างสูงในรถสปอร์ตสีดำสนิท นั่งเอนหลังกับพนักเบาะข้างหลัง ศีรษะแนบพิงไว้ พลางพ่นลมหายใจแรงทุกครั้งยามขยับท่า อันโค่ลูกน้องคนสนิท ทำหน้าที่ขับรถให้ในค่ำคืนนี้มองผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ สลับกับท้องถนน เพื่อมองพฤติกรรมของนายตัวเอง แล้วลอบยิ้ม สังเกตุดีๆ ว่านายไม่ได้หลับ"ติดกับเข้าแล้วสินะครับ"เวเดโน่หรี่เปลือกตาที่ปิดหวังพักผ่อนเท่านั้นขึ้น พลางพ่นหายใจไล่ความหงุดหงิด" พูดอะไรของมึง กูไม่เข้าใจ"" ผมรู้ ประโยคธรรมดาแบบนี้ นายเข้าใจดีที่สุด"" งั้นเรอะ แล้วออะไรล่ะวะ "แล้วกอดอกเปลี่ยนเป็นตะแคงข้าง แสร้งปิดเปลือกตาลงใหม่ ในขณะอันโค่เลิกคิ้วสูง สมน้ำหน้าตัวเองในใจที่อยู่ดีไม่ว่าดี แต่เพราะความอยากรู้ เขาจึงเอ่ยถามตามตรง" นายรักผู
ประเทศไทยหลังไศลาเหยียบลงพื้น สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับเธอคือรอยยิ้ม หญิงสาวลืมเรื่องราวทั้งหมด ราวกับไม่เคยอยู่ในความทรงจำมาก่อน เมื่อลงจากเครื่อง ร่างบางจึงเร่งเดินทางกลับบ้าน โดยการนั่งรถแท็กซี่ เพราะโทรหาน้องชายกับแม่ไม่ติด วันนี้แหละ เธอจะเค้นถามให้หมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่แล้ว...เมื่อถึง แล้วลงจากแท็กซี่ จูงกระเป๋าลากจนเกือบจะถึงหน้าบ้าน ปรากฏว่า..“ เห้ย..ไปไหนกันหมดอ่ะ “เธอพึมพำ แต่นั่นก็ไม่วายสาวเท้าต่อ เดินเร็วกว่าเก่า เร่งไปให้ถึง เพื่อจะเขย่าแม่กุญแจที่คล้องอยู่กับประตูรั้ว จากนั้นจึงทำการวางกระเป๋าลากไว้ ล้วงหาโทรศัพท์ลองโทรหาแม่สลับกับน้องชายอีกรอบ ทว่า...หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้“ อะไรกันเนี่ย “ดึงลงมาบ่น ก่อนจะเอาไปแนบหูใหม่ ทว่า ก็ยังเหมือนเดิมหมายแรกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้............หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อ................พอ!“ โอ้ย! “ไศลากระทืบเท้าระบายอารมร์หงุดหงิด ก่อนจะยืนเท้าสะเอว หันหน้าไปทางบ้าน คิ้วที่ขมวดเข้าหากัน บ่งบอกถึงความงงเป็นอย่างดี“ เอาวะ! ” พลางพ่นลมหายใจ เป็นการเตรียมพร้อมที่จะ...ปีน!“
ไศลาทำตามที่เอมิเลียว่า คือการแต่งตัวรอ และเก็บข้าวของที่จำเป็นที่สุด เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น นอกเหนือจากการทำตัวอย่าไม่ให้มีพิรุธ เมื่อถึงเวลา...หล่อนจะโทรมาเอง ประโยคเพียงแค่นั้นก็ทำให้พอจะเดาได้แล้วว่า เอมิเลีย มาดามแห่งตระกูลเรกาโด คงใช้ช่วงเวลาการประชุมนัดพิเศษของเหล่าอัลฟาวันนี้ เปิดช่องทางให้เธอหลบหนี ใจจริงก็รู้สึกผิด ไม่ใช่ไม่ย้อนคิดหรอก หากถูกจับได้ว่างานนี้ คนที่ช่วยเธอคือผู้หญิงที่มีอำนาจใหญ่โต แล้วผลจะเป็นยังไงแต่ทว่า เธอ... การเอาตัวรอด และกลับไปในที่ที่ดีที่สุด มีแต่อิสระ รวมทั้งได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ใครล่ะจะไม่ต้องการ! หากโครทิส เวเดโน่ คือคนที่มีเมตตา รักเธอ และไม่มีความเห็นแก่ตัวจริง ย่อมเข้าใจตรงนี้อยู่แล้ว!ติ๊ด ติ๊ดเสียงข้อความเข้า ไศลาหันขวับ ละสายตาจากสิ่งที่ทำแทบจะตะครุบดู เมื่อเห็นว่าเป็นเอมิเลีย จึงทำการเร่งรีบ รนรานเสียจนมือสั่น เธอเผลอยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินออกไปแต่แล้ว....“นายหญิงคะ “เดซี่กลับยืนถือถาดอยู่ตรงหน้า“.....!!!”“จะไปไหนหรือคะ เดซี่ทำของว่างมาให้ค่ะ”“เอ่อ..ฉัน...”หญิงสาวเกิดการตื่นตระหนกอยู่เป็นนิจ เกรงกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ ทั้งที่แต่ก่อนการ
ร่างเปลือยนอนหงาย หน้าอกกระเพื่อม บ่งบอกว่าเจ้าของนั้นแสนจะเหนื่อย ไศลากรอกตาไปมา หลังเสร็จกิจ และเขาคนนั้นออกไปจากตัวเธอแล้ว ความโล่งอกไม่ใช่เป็นการได้ปลดปล่อยธาราในตัวนั่น ทว่า มันคือการที่เธอนั้นผ่านคืนนี้ไปแล้วต่างหากจะทำยังไงต่อไปดี?เธอช้อนตามองร่างใหญ่ที่นอนอยู่เคียงข้าง มีท่อนแขนรองรับศีรษะทุยไว้ ดวงตากล้ำกลอกก่อนจะมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา จากนั้นจึงกระปริบถี่ หรี่ลงมาเหมือนเดิม จุดที่เห็นมันคือโคมไฟบนเพดานอันหรู เธอไร้คำตอบในตอนนี้ ไม่มีทางออกราวกับสมองตื้อพาลให้มืดมนไปหมด นั้นเป็นสิ่งที่กำลังร้องบอกเธอว่า...นอนเถอะ" เฮ้อ..."หญิงสาวพลิกตัวกลับไปกอดเขา คนที่หลับสนิท พลางใช้แก้มแนบแผงอกแกร่ง ที่เต็มไปด้วยไรขน ในขณะเธอเองก็สับสน' เวเดโน่... คุณกับฉัน เราช่างต่างกัน ชีวิตของฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ ฉันรู้..ฉันมาเพื่ออะไร 'ใช่ ในเมื่อรู้คำตอบแล้ว จะอยู่ต่อไปทำไมอีก?☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆ฟ้าสาง เวเดนตกใจตื่น พร้อมครึ่งท่อนบนผงกขึ้น ก่อนจะหันซ้ายหันขวา มองหาใครบางคน" ไศลา"ซ่า.. ซ่า...เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำจึงโล่งใจ ให้ตายเถอะ! เมื่อคืนเขาฝันร้าย เช้านี้ใจคอจึงไม่ค่อยดีนัก
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ไศลาหลับไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที เลยต้องจูลใหม่ทั้งหมด ร่างบางลืมตาตื่น ก่อนเบิกตะลึงเมื่อเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องของตัวเองแล้ว" ที่นี่มัน..."ริมฝีบางเฉียบขมุบขมิบ ฝ่ามือบางตะปบแก้มเนียนใส ตีแปะๆ สองสามทีจนแดงเป็นรอย ก่อนจะเบิกตากว้างหนักกว่าเดิม แล้วรีบกระโจนลงจากเตียง ไปโผล่อีกทีที่ห้องตัวเอง โชคดีหน่อย ที่เวเดนไม่ได้อยู่ในห้อง หรือบริเวณนั้น" ฟู่ววว"เธอพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก หลังปิดประตูลงสนิท และคราวนี้ไม่ลืมที่จะล็อคกลอนอย่างแน่นหนาด้วย ก่อนช้อนตามองไปรอบๆ เพื่อดูเวลา" จะหมดวันแล้วหรือนี่ "เธอห่อปากจู๋พร้อมขมวดคิ้ว ดวงตาคมกลอกไปกลอกมาคิดแผนเอาตัวรอด หลังนึกไปถึงดินเนอร์มื้อเย็น เพราะเดี๋ยวเขาต้องโผล่มา ไม่ก็ให้เดซี่มาตาม" ทำไงดี ทำไงดี คิดสิๆ อ่อ! นึกออกแล้ว ต้องป่วยสินะ โอเคตามนั้น "ว่าแล้วเธอก็ดีดตัวขึ้นบนเตียงทีนที ดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาปกปิด นอนตะแคงหันหลังให้ประตู โดยไม่คิดแม้จะเปิดไฟหรือแอร์" จงหลับ จงหลับ หลับต่อสิไศลา ตะกี้ยังง่วงอยู่เลย"และเพราะรู้อยู่เต็มอก ว่ามาเฟียอย่างเขาจะหลอกกันคงไม่ง่าย วิธีหลับจนเพลีย คือวิธีที่ดีที่สุด ตัวมันจะร้อนขึ้นม