เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์กลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ปรียากรเผลอยิ้มออกมา เมื่อคิดว่าบางทีอาจเป็นคนที่กำลังคิดถึงทุกลมหายใจย้อนกลับมาเพราะเป็นห่วง แต่รอยยิ้มนั้นกลับหายวับไปในไม่กี่วินาทีต่อมา
“คุณปูนคะ ป้าเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”
หญิงสาวแอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของตนไว้ ไม่ได้คิดจะสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนออกปากอนุญาตให้แม่บ้านเข้ามาได้
“อุ๊ย! ตายจริง”
คนมาใหม่ถึงกับอุทาน หน้าร้อนวาบๆ เมื่อเห็นสภาพห้องนอนของเจ้านายสาวที่มีเสื้อผ้าชุดชั้นในกระจายเกลื่อนที่พื้น คนไม่โง่คงเดาไม่ยากว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และเจ้านายทั้งสองคงจะ ‘จัดหนัก’ ใช่เล่น ถึงทำให้คนที่ปกติตื่นแต่เช้า ถึงขั้นนอนซมจนลุกไม่ขึ้นเช่นนี้
“ป้าคะ พี่ซีล่ะคะ”
“ออกไปทำงานแล้วค่ะ ป้าเห็นคุณปูนยังไม่ลงมาสักทีเลยเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ”
“แล้วก่อนไปทำงานพี่ซีพูดอะไรบ้างไหมคะ” เธอถามอย่างคาดหวัง
ลึกๆ เธอก็แอบคิดตามประสาคนช่างฝัน ถ้าเขารู้ว่าเมื่อคืนคือครั้งแรกของเธอ และเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้ทั้งตัวและหัวใจเธอไป จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหมนะ อย่างน้อยความโกรธเกลียดในใจจะลดลงไปบ้างหรือเปล่า
“ไม่ได้พูดอะไรนี่คะ” คำนั้นทำให้ใจคนฟังห่อเหี่ยว น้ำตาพานจะไหล ไม่มีอะไรเปลี่ยน เขาก็ยังคงเป็นเขา เป็นพี่ซีที่ใจร้ายกับเธอได้คงเส้นคงวา พรหมจรรย์อันมีค่าของเธอไม่อาจเปลี่ยนใจสามีตัวเองได้
“อ้อ! จริงสิ แต่คุณซีฝากถุงยานี่มาให้คุณนะคะ บอกว่าให้คุณรีบทานทันทีที่ตื่น”
“ยา...ยาอะไรหรือคะ” ปรียากรจ้องถุงยาในถาดตาวาวอย่างใจชื้น
หรือว่าเขาจะเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นไข้เพราะเรื่องเมื่อคืน แค่คิดหัวใจก็พองโตขึ้นร้อยเท่า รีบคว้าถุงยามาเปิดออกดูอย่างตื่นเต้น แต่ทว่าพอได้เห็นยาที่ฉัตรินฝากมาพร้อมกับกระดาษโน้ตลายมือของเขา ใบหน้าสวยก็ถอดสีฉับพลัน
ยาคุมฉุกเฉิน...
‘กินซะ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอ’
ราวกับถูกทุบหัวด้วยไม้หน้าสามหนักๆ หญิงสาวอ่านทวนคำในกระดาษแผ่นนั้นถึงสามรอบ จนตัวชาดิก ริมฝีปากซีดสั่น มือกำยาที่เขาอุตส่าห์ให้มาแน่นจนเกือบแหลกคามือ ก่อนจะแค่นหัวเราะเสียงขมปร่าออกมา
ฮึ ไม่อยากมีลูกกับเธอ เลยไปมีลูกกับแฟนเก่าแทนงั้นเหรอ ผัวเฮงซวยเอ๊ย...
“คุณปูนคะ...” แม่บ้านวัยกลางคนร้องเรียกเจ้านายสาวด้วยความเป็นห่วง
“ป้าเอาออกไปเถอะค่ะ ปูนไม่หิว อยากนอนพัก” เจ้าของห้องข่มเสียงบอก แต่อีกฝ่ายกลับมีอาการอึกอักไม่ทำตามที่บอกเสียที
“มีอะไรอีกหรือคะ”
“คือ...” สีหน้าคุณแม่บ้านดูอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนลำบากใจ
“คุณซีเธอสั่งไว้น่ะค่ะ ว่าให้ป้าดูจนกว่าคุณจะกินยาให้เรียบร้อยก่อนถึงจะไปได้ค่ะ”
ปรียากรเม้มริมฝีปากแน่น ตาลุกวาวมองยาคุมในมือราวกับเห็นใบหน้าดุดันของใครบางคนจ้องตอบกลับมา ตัวไม่อยู่ ยังอุตส่าห์ส่งตัวแทนมาทำให้เธอเจ็บได้อีก เชื่อเขาเลย
“งั้นป้าก็ไปบอกเขานะคะว่าปูนกินแล้ว”
“แต่ถ้าคุณซีรู้เข้า...” การโกหกเจ้านายไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะกับฉัตรินที่เวลาโมโหขึ้นมาเหมือนพายุร้าย
“ป้าไม่ต้องกลัวนะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ปูนรับผิดชอบเรื่องนี้เองค่ะ” หญิงสาวตัดบทเสียงเรียบนิ่ง แต่อีกฝ่ายก็ยังหันรีหันขวางไม่ยอมออกไปเสียที มือเรียวสวยเลยแกะยาทั้งสองเม็ดออกจากแผงและส่งเข้าปากก่อนคว้าแก้วน้ำมาดื่มตามตัดความรำคาญไป
“กินแล้วค่ะ ฝากไปบอกพี่ซีด้วยแล้วกันนะคะ”
คุณแม่บ้านแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้จะไม่รู้ว่ายาที่เอามาให้เป็นยาอะไร แต่คิดว่าหากเป็นฉัตรินให้มาก็คงไม่มีอันตรายกับหญิงสาวตรงหน้า
“งั้นป้าออกไปก่อนนะคะ ถ้าคุณปูนต้องการอะไรก็เรียกได้นะคะ”
“ค่ะ”
ปรียากรรับคำ รอจนอีกฝ่ายหายลับไปจากห้อง หญิงสาวจึงหันไปคว้าทิชชูที่ตรงหัวเตียงมาก่อนจะคายสิ่งที่ตนอมซ่อนไว้ใต้ลิ้นออกมา ตาจ้องยาทั้งสองเม็ดในมือ ก่อนที่จะคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะหยัน
ไม่อยากมีลูกกับปูนงั้นหรือ หึ งั้นก็รอรับของขวัญจากเมียคนนี้แล้วกันนะคะพี่ซี...
ในเมื่อความรักที่มีให้ใช้มัดใจเขาไม่ได้ งั้นก็ลองดูว่าเธอจะใช้เลือดเนื้อเชื้อไขของเขามัดหัวใจอีกฝ่ายไว้ได้ไหม ไม่รักเธออย่างน้อยก็ต้องรักลูกบ้างล่ะ ปรียากรกดยิ้มมุมปากอย่างหมายมาด
เป็นความรู้สึกที่สุดแสนจะพิเศษเกินกว่าจะหาคำบรรยายใดๆ มาบอกได้ ในวินาทีที่ผิวกายอ่อนบางได้สัมผัสกับไออุ่นจากอกของพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ฉัตรินรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวนี่คือลูกของเขา ลูกที่เขาเกือบพลั้งทำลายด้วยทิฐิอย่างร้ายกาจ แต่มาวันนี้เขาสามารถเสียสละทุกสิ่งที่มีเพื่อให้คนในอ้อมอกนี้มีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะให้ได้น่าเสียดายที่แม่ของเจ้าตัวน้อยยังไม่ฟื้น หาไม่เธอคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นลูกน้อยของเราในวันนี้หลังจากครบเวลาที่กำหนด ทารกน้อยก็ถูกอุ้มใส่รถเข็นสำหรับเด็ก เพื่อไปให้นมก่อนจะพาไปหาคุณแม่ที่ห้องพักฟื้นโดยปกติฉัตรินไม่ใช่คนรักเด็กหรืออินอะไรกับเด็กมาก่อน แต่ทว่าหลังจากที่มีลูก ชายหนุ่มกลับกลายเป็นคุณพ่อลูกอ่อนที่ใจบางเสมอเวลาที่ได้เจอหน้าเจ้าตุ๊กตาน้อยๆ ที่ชื่อน้องปูเป้“ไงคะลูกพ่อ ทักทายคุณแม่หน่อยสิลูก”เสียงสองก็มา เขาได้แต่ขำตัวเอง อย่าให้ใครที่บริษัทมาได้ยินเลยว่าท่านประธานทำเสียงแบบนี้ คงสิ้นความยำเกรงกันก็คราวนี้แต่ช่างประไร ใครสน ลูกเขาออกจะน
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวทั้งสองฝ่ายรวมถึงเพื่อนสนิทของหญิงสาวอย่างจนิตา ที่คอยมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของคนที่เคยใจร้ายกับเพื่อนเธอมาสารพัดอย่างสงสารแกมสมน้ำหน้า ที่กว่าเขาจะรู้ว่าตัวว่ารักก็เกือบต้องสูญเสียปรียากรและลูกสาวไปตลอดกาลเสียแล้วยังดีที่เบื้องบนยังให้โอกาสแก้ตัว แต่ก็นับเป็นบทเรียนและบททดสอบชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัสเอาการทีเดียวเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เขากลับมาจากบริษัท และเข้าไปเยี่ยมลูกสาวที่ห้อง NICU หรือห้องผู้ป่วยทารกแรกเกิดระยะวิกฤตเหมือนเช่นทุกวัน พออัดคลิปเสร็จและได้ข่าวดีว่าลูกสาวตัวน้อยจะได้ออกจากตู้อบแล้วในอีกสองวันข้างหน้า ชายหนุ่มจึงเก็บข่าวดีนี้มาบอกแม่ของลูกที่ห้องพักฟื้นของเธอ“ปูนจ๋า...วันนี้พี่มีข่าวดีมาบอกด้วยนะ”เขาชินเสียแล้วกับการต้องพูดเองเออเองคนเดียวให้เธอฟัง ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รับรู้เรื่องราวอะไร นอกจากนอนหลับ“น้องปูเป้ ลูกสาวของเราจะได้ออกจากตู้อบวันมะรืนนี้แล้วนะ ดีใจไหม” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงชื่อของลูกรัก ชายหนุ่มต้องมีรอยยิ้มเสมอปูเป้ ที่แปลว่า ตุ๊กตา ในภาษาฝรั่งเศสที่เขาเป็นคน
ความรักเป็นเช่นนี้เอง...ให้ได้ทุกอย่างกระทั่งชีวิต ขอเพียงคนที่รักปลอดภัยทำไมนะ เขาถึงเพิ่งมาเข้าใจในวันที่เกือบสายเพียงคิดว่าต้องเสียเธอกับลูกไปต่อหน้าต่อตา แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อยังไง ให้ตายแทนเสียยังดีกว่า ต้องอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอกับลูก!เพียงคิด หัวใจก็ปวดหนึบ มันมึนมันชาไปหมด“ตั้งสติไว้ลูก ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เขาไม่ใช่แค่ลูกเมียแก แต่ในนั้นก็ลูกสาวและหลานสาวของพ่อกับแม่เหมือนกัน หายใจลึกๆ เข้าไว้ อะไรจะเกิดเราต้องยอมรับให้ได้” คุณเกรียงไกรเตือนสติจนิตาหน้าเสียในฐานะหมอเธอยอมรู้ดีกว่าใคร แม้จะเคยผ่านความเป็นความตายมานักต่อนักบอกได้คำเดียว เคสนี้ยาก เอาแค่แม่หากผ่าตัดสำเร็จ โชคดีอาจฟื้น แต่โชคร้ายอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ไหนจะเด็กที่คลอดอีกล่ะ หกเดือนเศษตัวยังเล็กนัก หากโชคดีรอดก็อาจต้องอยู่ในตู้อบอีกนานเท่าไหร่ยังไม่รู้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับจะรอดในสภาพไหน สมบูรณ์ หรือไม่ต่างหากยากเกินไป ยากจริงๆทุกนาทีที่ผ่านไปช่างบีบหัวใจคนที่รอ นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ประตูจะเปิดอีกครั้ง พร้อมกับตู้อบที่มีทารกร่างเล็กน
ปรียากรได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ถามต่อ ในเมื่อเธอกับ ฉัตรินจบกันไปนานแล้ว เธอก็ไม่อยากยุ่ง เขาจะมีใครใหม่ หรือคบใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา“อุ๊ย!” หญิงสาวเผลออุทาน เมื่อมีแรงเตะเบาๆ จากภายในท้อง ที่พักนี้มักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่คนเป็นแม่กำลังคิดมาก หรือไม่ก็คิดถึงพ่อของลูก“ตัวแสบของแม่ อย่าเตะแรงนักสิลูก แม่เจ็บนะ” ปรียากรบอกน้ำตาคลอ เธอชอบคุยกับลูกในท้องเสมอ สายใจความรักถูกถักทอในหัวใจเธอพร้อมกับสมานรอยแผลที่พ่อของลูกเคยทำให้เจ็บมาก่อนการดึงดันที่จะแต่งงานกับเขา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้จะต้องหย่ากัน เขาก็ยังอุตส่าห์ให้ลูกน้อยกับเธอมาเป็นรางวัลในความทุ่มเทที่สูญเปล่านั่นวันนี้เธอหันกลับมารักและทุ่มเทให้กับเจ้าตัวน้อยในท้องแทน“คิดถึงพ่อเขาล่ะสิ ไม่เป็นไรนะคะ ถึงหนูไม่มีพ่อ แต่แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเลยนะ อยากพบหน้าหนูเร็วๆ จัง”หญิงสาวลูบท้องกลมของตัวเองอย่างมีความสุข ดวงตาคู่งามมองไปด้านหน้าที่สัญญาณไฟจราจรเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว“เอาล่ะ กลับบ้านเรานะลูกนะ”เธอว่าพ
ชีวิตเขามันโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะชายหนุ่มนอนก่ายหน้าผากมองเพดาน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปไกล ทั้งๆ ที่เขาเป็นฝ่ายเรียกร้องที่จะหย่ากับเธอด้วยตัวเองมาตลอด แต่พอได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มีความสุขกับสิ่งที่ได้มาสักนิดคิดถึง...คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้ง พร้อมกับใบหน้าหวานของใครคนนั้นที่มักจะมาก่อกวนในใจในยามที่เผลอ ตอนแรกเขาใช้การทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหวังให้ความคิดถึงที่มีหายไป แต่มันก็ไม่ค่อยได้ผล พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ หัวใจก็ลอยกลับไปหาคนที่ไม่สมควรคิดถึงทุกทีอยากรู้นัก เธอจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่านะความคิดของเขามีอันต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นผ่านไปทางบ้านใหญ่ของพ่อแม่ ร่างสูงจึงเด้งตัวผึ่งไปที่หน้าต่างห้องทันทีรถเก๋งสีขาวแล่นเข้ามาจอดเทียบ พร้อมกับที่พ่อแม่เขาลงจากรถ แต่แล้วหัวใจที่เคยเฉยชาก็กลับเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าสดใสเปิดประตูตามลงมา เพื่อช่วยลำเลียงสิ่งของที่ซื้อออกจากท้ายรถให้ฉัตรินสะดุดลมหายใจตัวเองทันใด เมื่อเห็นใบหน้าหวานส่งยิ้มให้พ่อแม
คุณโฉมฉายขมวดคิ้ว ก่อนหันไปสบตากันกับสามีอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอดีตแคนดิเดตลูกสะใภ้ ที่วันนี้มาในชุดคลุมท้องแบบสวยทันสมัย“แล้วนี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ หรือมีใครเป็นอะไร เมื่อกี้รัญเห็นคุณปูนเพิ่งเดินออกไป หรือว่า...”“พวกเราพาหนูปูนมาฝากท้องน่ะจ้ะ”คุณโฉมฉายชิงตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้ หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนตอนที่เคยคบกับลูกชายของเธอเลย ในสายตาอีกฝ่ายมักมองเห็นแต่ลูกชายของเธอคนเดียว โดยไม่สนใจคนรอบข้างกระทั่งผู้ใหญ่ที่ยืนหัวโด่ในฐานะพ่อแม่ของคนที่เธอหมายปอง สวยก็จริงอยู่ แต่จริตมารยาทในการเข้าหาผู้ใหญ่สอบตก เมื่อเทียบกับปรียากรแล้วยังห่างชั้น“อ้าว คุณพ่อคุณแม่ก็มาด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันเห็น” คนพูดยกมือไหว้แผล็บ ก่อนส่งยิ้มหวานปะเหลาะพ่อแม่ของชายหนุ่ม“จ้ะ แล้วนั่นหนูท้องได้กี่เดือนแล้วจ๊ะ”รัญชิสาหน้าถอดสีเมื่อได้ยินคำถามแสลงหู แต่ก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป“รัญท้องได้สี่เดือนกว่าแล้วค่ะคุณแม่”“แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ พ่อของเด็กไม่มาด้วยหรือจ๊ะ&