ปลายฝนนั่งเงียบไปตลอดทาง เธอไม่สนใจสิ่งที่ธามถามหรือแม้แต่พูดกับเธอ ตอนนี้เธออยากให้ถึงคอนโดเร็ว ๆ เพื่อออกห่างจากผู้ชายคนนี้ให้มากที่สุด
"เลี้ยวซ้ายจอดตรงเซเว่นนะ ฉันจะซื้อของหน่อย"ปลายฝนโกหกเรื่องจะซื้อของ เธอแค่อยากลงจากรถก่อน แต่เหมือนเจ้าของรถจะจับได้ "ไม่อยากอยู่กับฉัน ถึงขนาดหลอกว่าจะซื้อของเลยเหรอ" "นี่นาย!!!หยุดพูดมากสักที ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว" เสียงหวานตวาดเขาออกไปอย่างเหลืออด คนอะไรจะเดาใจเธอถูกไปหมดทุกอย่างขนาดนี้ ยิ่งเขาทำแบบนี้เธอจะยิ่งกลัวเขามากขึ้น "ฉันจะไปส่งให้ถึงคอนโด" "เอ๊ะ!!! บอกว่าไม่ต้อง ฉันอยากเดินออกกำลังกาย" "เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นคนโกหกใครไม่เก่ง ยิ่งเธอพูด ฉันก็ยิ่งอ่านความคิดเธอได้" ปลายฝนปิดปากลงในทันที จากที่จะอ้าปากด่าเขาอีก แต่เธอกลัวว่าเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ขับรถช้าขนาดนี้ เหมือนเขาจะแกล้งเธอมากกว่า เพราะเมื่อเธอหันไปมองก็เห็นเขาผิวปากอย่างอารมณ์ดี มันยิ่งทำให้เธอไม่พอใจเขา เมื่อรถจอดสนิทตรงหน้าคอนโดของปลายฝน ประตูรถข้างคนขับก็ถูกเปิดออกทันที แต่คนขับก็เปิดประตูเดินตามเธอลงมาด้วย“นี่นายกลับไปได้แล้ว จะเดินตามฉันเข้ามาทำไม” “ฉันก็แค่อยากส่งเธอให้ถึงหน้าลิฟท์ หรือเธออยากให้ฉันขึ้นไปส่งที่ห้อง” คนตัวเล็กหยุดเดินเมื่อถึงหน้าลิฟท์ เธอหันหน้าไปมองเขาตรง ๆ“นายไม่ต้องใจดีเกินเหตุกับฉันขนาดนี้ มันทำให้ฉันขนลุก” “เธอรู้หรือเปล่าในขณะที่เธอพูด ดวงตาที่เธอมองฉันมันไม่ได้รังเกียจเหมือนคำพูดเธอเลยนะ”ธามขยับเดินเข้าหาเธอเรื่อย ๆ จนลิฟท์เปิดออกพอดี ทำให้เธอและเขาเดินเข้าลิฟท์ไปพร้อมกัน โดยที่เธอถอยหลังจนชิดผนังลิฟท์ด้านใน “ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะน่าแกล้งขนาดนี้ อาการที่เธอเป็นอยู่เธอเป็นตอนอยู่ใกล้ฉันหรือเปล่า” ปลายฝนตาโตตกใจไม่คิดว่าเขาจะอ่านความรู้สึกเธอได้ขนาดนี้ อีกอย่างตอนนี้เราสองคนอยู่ใกล้กันมากด้วย ใกล้จนเธอได้กลิ่นตัวเขาแบบที่เธอได้กลิ่นในรถของเขา ความรู้สึกร้อนวูบวาบแล่นปราดไปทั่วร่างอีกครั้ง เธอรู้แล้วว่าเขากำลังแกล้งให้เธอเผยบางอย่างออกไป แต่เธอเองก็ควบคุมมันไม่ได้เลย ขืนให้เธออยู่แบบนี้ มีหวังเขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าที่เขาพูดมานะมันคือเรื่องจริง ติ้ง! เสียงลิฟท์เปิดออกแต่ไม่ใช่ชั้นที่เธออยู่ มันคือชั้นสูงสุดของลิฟท์เพราะเธอไม่ได้กดเลขชั้นตั้งแต่แรก“ถอยไปนะ ฉันจะกดเลขชั้น” “อยู่ชั้นไหน?” “ฉันจะกดเอง”มือเล็กพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่างจากเธอ แต่ก็ไม่เป็นผลอีกเหมือนเดิม “บอกเลขชั้นมา ไม่งั้นเราสองคนก็อยู่กันแบบนี้แหละ” “ชั้นหก”มือหนาเอื้อมไปกด แต่ร่างกายของเขาไม่ได้ขยับออกไป คนตัวเล็กเลยจำใจต้องยืนหายใจรดต้นคอเขาอยู่แบบนี้ จนลิฟท์เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เธออาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดตัวออกมาอย่างเร็ว และรีบเดินออกจากลิฟท์ทันที ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาลอยมาจากในลิฟท์แต่เธอไม่คิดหันไปมองอีกแล้ว รีบเดินให้ถึงห้องตัวเองเร็วที่สุด พร้อมทั้งเปิดและปิดประตูด้วยความเร็ว ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงนอนหงายทันที มือเล็กยกขึ้นมาจับตรงอกข้างซ้ายของตัวเอง ก็พบว่าใจเธอเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ และสะบัดหัวไล่ใบหน้าของธามออกไปจากหัวเธอ ทำไมเขาเอาแต่วนเวียนอยู่ในความคิดของเธอแบบนี้ เธอไม่ชอบเขาไม่ใช่เหรอ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทำไมเธอถึงเหมือนจะรู้สึกบางอย่างกับเขา ทุกอย่างในความรู้สึกมันเหนือความควบคุมไปหมด ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเธอดังอีกครั้ง ปลายฝนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ เป็นแชทกลุ่มของพวกเธอสามคน เมื่อเปิดอ่านก็เป็นเพื่อนสองคนที่ส่งข้อความมาถามอาการของเธอ มิลลิ: มึงถึงคอนโดหรือยัง คาเทียร์: อาการดีขึ้นบ้างไหม เธอไม่รู้จะตอบเพื่อนไปว่าอย่างไร เพราะเอาจริง ๆ เธอไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย มันเป็นอาการที่เธอไม่สามารถบอกใครได้ เธอไม่ได้ป่วย แต่ที่ต้องกลับมาคอนโดก่อน เพราะเธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ต่างหาก ปลายฝน: กูถึงแล้ว กำลังจะนอน เมื่อพิมพ์แชทบอกเพื่อนเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ หวังให้ความเย็นของน้ำทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มของเธอสงบลงได้บ้าง “มึงไปไหนมาไอ้ธาม แม่ง!!! กลางวันมึงก็ไม่เว้นเหรอว่ะ” ธามที่กลับมาจากไปส่งปลายฝนที่คอนโด ก็ถูกปอร์เช่ซักทันที เพราะบอกเพื่อนว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่เขากลับหายไปเป็นชั่วโมง จนเข้าเรียนสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง “กูไม่อยากถามมึงแบบนี้นะ แต่มึงไม่ได้ตามปลายฝนออกไปใช่ไหม” เขาไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อน แต่ยิ้มออกมา พลันก็นึกถึงใบหน้าสวยของคนที่เขาเพิ่งไปส่ง ปลายฝนไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาชอบ แต่เธอเป็นคนน่าแกล้ง ยิ่งเธอแสดงออกว่าไม่อยากเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เขากลับยิ่งอยากเข้าใกล้เธอมากเท่านั้น ปอร์เช่ที่นั่งจ้องหน้าเพื่อนสนิทอยู่ ถึงธามจะไม่ตอบคำถามที่เขาถาม แต่แค่ยิ้มแบบนั้นออกมา เขาก็รู้คำตอบทันที ในสายตาเขาปลายฝนเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งที่เพื่อนเขาไม่ควรไปยุ่ง เธอไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงคั่นเวลาของใคร “คืนนี้ออกไหมว่ะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน” ธามจงใจเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นเพื่อนนั่งจ้องหน้าเขาตาแทบไม่กระพริบ ตอนนี้เขาไม่มีคำตอบเรื่องที่กำลังทำอยู่ให้เพื่อน เขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตามไปส่งปลายฝนเหตุผลคืออะไร คงแค่อยากแกล้งให้เธอหน้าแดงเล่น ๆ เพราะยิ่งอยู่ใกล้เธอ เขาก็เหมือนเจอเรื่องสนุกเรื่องหนึ่ง หลังจากอาบน้ำจนความคิดฟุ้งซ่านหายไป ปลายฝนก็เอาหนังสือเรียนออกมาอ่าน การเรียนเป็นสิ่งที่เธอทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจมาตลอด เธอจะมาวอกแวกเพราะเรื่องอื่นไม่ได้ การที่เธอไม่ได้จดแลคเชอร์วิชาเรียนวันนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเหมือนเธอกำลังทำผิดกฎที่ตั้งไว้กับตัวเอง พอคิดถึงตรงนี้ หน้าคนเป็นแม่ก็ลอยมา ถึงท่านจะไม่เคยบังคับเธอไม่ว่าเรื่องอะไร แต่เธอก็รู้สึกผิดกับแม่อยู่ดี พ่อกับแม่เป็นฝ่ายซัพพอร์ตสิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนทำเสมอ พี่น้องของเธอทุกคนล้วนได้เรียนและทำในสิ่งที่รักทั้งสิ้น รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เกิดมาในครอบครัวนี้ นิ้วเรียวกดโทรออกหาคนเป็นแม่ รอไม่นานเสียงหวานของแม่ก็รับสายเธอ (ว่าไงคะ? ปลายฝนของแม่) “หนูคิดถึงแม่ค่ะ เสาร์นี้จะกลับบ้านพร้อมพี่กายนะคะ” (เรียนหนักหรือเปล่า ทำไมเสียงลูกไม่สดใสเลยคะ) “เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ ได้ยินเสียงแม่แล้วหายเลยค่ะ” (อยากให้แม่กับพ่อไปหาไหม พ่อก็บ่นอยู่นะว่าลูกไม่ค่อยกลับบ้าน ชวนแม่จะไปหาหนูอยู่เลย) ก็จริง...ที่เธอไม่ได้กลับบ้านเกือบเดือนแล้ว ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไร แต่เธอยุ่งกับทำรายงานหลายวิชาที่อาจารย์สั่งพร้อม ๆ กัน “ขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงนะคะ ตอนนี้หนูเคลียร์งานเสร็จเกือบหมดแล้วค่ะ ต่อไปจะกลับบ้านทุกอาทิตย์เลยดีไหมคะ” (ดีค่ะ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย อย่าหักโหมอ่านหนังสือจนดึกดื่นนะ พักผ่อนเยอะ ๆ และกินข้าวให้ตรงเวลาด้วย) “ค่ะ หนูจะทำตามแม่ทุกอย่าง หนูรักแม่นะคะ”1ปีผ่านไป ปลายฝนคลอดลูกชายคนที่สองได้เจ็ดเดือนแล้ว ธามตั้งชื่อว่าน้องธีม คนนี้ใบหน้าถอดแบบปลายฝนออกมาทุกอย่าง ทำให้เป็นที่รักของคนเป็นปู่ที่ขยันมาหาหลานชายเช้าเย็น ส่วนคนเป็นย่าที่เตรียมเปย์หลานสาวในท้องของเธอที่ตอนนี้อายุครรภ์ได้สามเดือน เพิ่งจะได้รู้เพศเมื่อวานว่าเป็นผู้หญิง ธามก็บอกคุณหมอว่าให้ทำหมันทันที เพราะเขาไม่อยากให้เมียท้องอีกแล้ว “ตกลงไม่เอาอีกแน่นะ”ลินดาถามลูกเขย ที่กำลังนั่งพูดคุยกับสามีของเธออยู่ “ไม่เอาแล้วครับแม่ ผมไม่อยากให้ฝนเจ็บอีก” “ก็ไหนว่าอยากมีห้าคนเหมือนแม่ไง”ลินดาแกล้งหยอกเย้าธาม จำได้ว่าปลายฝนเคยบอกว่าเขาอยากมีลูกห้าคนเหมือนครอบครัวเธอ แต่ทว่าเมื่อเห็นเมียเจ็บจากการคลอดก็ทนไม่ได้ ถ้าปลายฝนไม่ขอว่าอยากมีลูกสาวสักคนคงไม่ยอมให้ท้องอีก “ฝนมีได้ค่ะ แต่ธามไม่ยอม” “ตอนแม่นะ แม่คลอดธรรมชาติสองคนนะคือธันเดอร์กับสกาย ที่เหลือสามคนแม่ผ่าคลอดหมด” “ฝนยอมรับเลยว่าแม่เก่งมากที่ท้องได้ถึงห้าคน” “ห่วงร่างกายตัวเองบ้างเหอะ เวลาฝนท้องแล้วอารมณ์แปรปรวนทุกที” ธามอดที่จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อคืนเขาต้องนั่งปลอบใจเธอร้องไห้ทั้งคืนจนไม่ได้นอน สาเหตุของการร้องไห้คือกลัวตัว
อุแว้! อุแว้! "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับลูกรัก"คุณพ่อมือใหม่อุ้มลูกชายคนแรกไว้ในอ้อมกอดทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง ส่วนคนเป็นแม่ตอนนี้กำลังนอนพักอยู่ที่เก้าอี้แบบเอนนอน ปลายฝนเหนื่อยมาทั้งวัน กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน ธามเลยให้เธอได้นอนพักบ้าง แต่ทว่าพอลูกชายร้องเท่านั่นแหละ คุณแม่ยังสาวก็ตื่นทันที "ธามเอาลูกมาให้ฝน สงสัยจะหิว" ชายหนุ่มอุ้มลูกชายวัยแปดเดือนส่งให้ปลายฝน ที่เดินอุ้ยอ้ายเพราะกำลังท้องลูกชายคนที่สองเข้าเดือนที่สี่แล้ว หลังจากเรียนจบธามก็ขอปลายฝนแต่งงานทันที แต่งงานได้สองเดือนกว่าเธอก็ท้องลูกชายคนแรกคือน้องธีโอ พอคลอดปุ๊บรักษาแผลจนหาย เขาก็จับทำลูกคนที่สองทันที "นั่งแบบนี้ถนัดหรือเปล่า ธามว่าไปนั่งที่โซฟาดีกว่า"เสียงลูกชายเงียบทันทีเมื่อได้กินนมจากเต้า แต่ทว่าเขามองท่าทางทุลักทุเลของเมียแล้วเป็นห่วง เธอเองก็ท้องอยู่ด้วยแล้วต้องอุ้มลูกชายที่จ่ำหม่ำแบบนั้นก็กลัวว่าเธอจะปวดหลัง "ไม่เป็นไร ฝนนั่งได้" ฟอด!!! ปลายฝนก้มลงหอมแก้มลูกชายแรงเพราะความหมั่นเขี้ยว เธอมองตัวน้อยที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่อยู่ในท้องอย่างภูมิใจ "อีกไม่กี่เดือนธีโอจะเป็นพี่แล้วนะครับ ดีใจหรือเปล่าครับ" "หลั
กลับจากทริปดูดาว ธามก็พาปลายฝนไปพบครอบครัวตามที่เขาบอกจริง ๆ ตอนแรกเธอประหม่ามาก เพราะท่าทางของพ่อเขาดูเป็นคนดุ แต่ทว่าเมื่อได้พูดคุยก็พบว่าท่านเป็นคนหน้าดุแต่ใจดี ส่วนแม่เขาก็ชวนเธอคุยจนทำให้เธอรู้สึกคลายความตื่นเต้นลงไป แถมยังบอกให้ธามพาเธอไปกินข้าวกับท่านบ่อย ๆ "บอกแล้วว่าแม่ธามต้องชอบฝน" ไม่มีอะไรดีใจไปกว่าการที่คนที่เรารักทั้งสองคนเข้ากันได้อีกแล้ว มันเหมือนได้ปลดล็อคคลายความกังวลทุกอย่าง คณะบริหารธุรกิจ วันนี้เป็นวันแรกตั้งแต่เปิดตัวที่ธามกับปลายฝนเดินควงกันเข้ามาที่ตึกคณะ สายตาของทุกคนจับจ้องคู่รักที่กำลังอยู่ในความสนใจ ตอนแรกลงจากรถคนตัวเล็กก็ตื่นเต้นมาก แต่ทว่าเขาจับมือเธอไว้เหมือนปลอบใจ ทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น "ฝากไว้ก่อนนะ ตอนเที่ยงมารับ"ธามพาปลายฝนมาส่งที่สองสาว มิลลิและคาเทียร์ "แหมพอเปิดตัวแล้วก็หวานกันมากเลยนะ"มิลลิเอ่ยแซวพร้อมทำสีหน้าหมั่นไส้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน "แล้วก็ไม่ต้องฝากนะ ยังไงเพื่อนฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว" ธามยิ้มก่อนจะเดินไปหาปอร์เช่ที่นั่งรอเขาอยู่ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาของธาม ทำให้ปอร์เช่ยิ้มแซว "มีความสุขจังนะมึง" "อิจฉากู ก็หาแฟนสักคน เวลากูไ
หลังจากนอนดูดาวกันจนอากาศเริ่มหนาวเย็นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ธามก็ชวนปลายฝนเข้ามาในเต็นท์ ซึ่งปลายฝนก็รีบมุดผ้าห่มเข้าไปทันที "หนาวเหรอ?" "อืม...ขนลุกไปหมดเลย" "เวลาหนาว มันมีกิจกรรมทำให้อุ่นอยู่นะ"แววตาคมเปล่งประกายความเจ่าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขยับตัวขึ้นมาคร่อมเธอไว้ "แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน"เธอยังมีท่าทีลังเล ทั้งที่ก็เริ่มมีความต้องการขึ้นมาเหมือนกัน "ฝนก็อย่าครางดังสิ"มือหนาของเขาดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเธอออก ก่อนจะลูบไล้ไปตามตัวหญิงสาว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองจูบอันแสนหวานให้เธอ ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับอากาศหนาวเหน็บยามดึก "อืม"เสียงทุ้มครางในลำคอถูกใจรสจูบของเธอ ก่อนที่เขาจะเอามือสอดเข้าไปในเสื้อไหมพรมของเธอ บีบเค้นเต้าอวบทั้งสองข้าง เมื่ออารมณ์วาบหวามเริ่มครอบงำ ริมฝีปากจึงผละออกจากกัน สองมือช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกจนหมด ธามขึ้นทาบทับบนลำตัวเปลือยเปล่าของเธอทันที เขาใช้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอระหงของเธอ กดจูบเน้นย้ำทุกจุดจนขึ้นรอยแดงเป็นวงกว้าง ปลายฝนหลับตาพริ้มอย่างซ่านสยิว ภายในกายเธอร้อนวูบวาบกับสัมผัสนั้น มือเล็กลูบไล้แผ่
ทั้งสองคนมาถึงอุทยานแห่งชาติตาดหมอกในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง แค่เข้าเขตธรรมชาติอากาศก็เย็นสบายทันที การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรมากนัก รถยนต์สามารถเข้ามาจนถึงลานกว้างของอุทยานได้เลย ตรงจุดกางเต็นท์เป็นลานกว้าง มีคู่รักหลายคู่กำลังช่วยกันกางเต็นท์ ธามเลือกจุดที่ห่างจากคนอื่นพอสมควรจนปลายฝนอดแซวไม่ได้ "ตกลงตั้งใจมาดูดาวแน่นะ" "ธามคิดเผื่อฝนนะ กลัวฝนครางเสียงดัง"เขาเข้ามากระซิบริมหูเธอ "ใครบอกว่าจะทำ ฝนตั้งใจมาดูดาว" "จริงเหรอ รอดูคืนนี้แล้วกันนะ" เขายักคิ้วล้อเลียนเธอ ส่วนเธอก็ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา ผู้ชายอะไรหลงตัวเองที่สุด เต็นท์ที่เขาเตรียมมาเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ที่นอนได้8-9คน เขาเอาเบาะเป่าลมขนาด3.5ฟุตมาด้วย มีหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย เรียกได้ว่าสบายเหมือนนอนอยู่ที่บ้านเลยด้วยซ้ำ "ดูสิ...ธามเตรียมพร้อมขนาดนี้ คงไม่ได้มานอนจับมือกันหรอกนะ" "คิก คิก แล้วก็มาว่าฝนหมกมุ่น ตัวเองอ่ะหนักกว่าเขาอีก" “มีน้ำตกด้วยนะ อยากไปหรือเปล่า” ปลายฝนทำท่าอึกอัก ก่อนเข้ามาตรงจุดกางเต็นท์เธอแอบเห็นทางไปน้ำตกที่ต้องเดินเท้าเข้าไป บอกตรง ๆ ในชีวิตนอกจากเดินทางไกลตอนเรียนลูกเสือ เนตรนารี เธอก็ไม่เคย
“เฮียคิดว่าตอนนี้ลูกของเราไม่ได้ไปค้างห้องเขาเหรอคะ หัดอยู่กับความเป็นจริงซะบ้างนะคะ ตัวเองก็ใช่ว่าเมื่อก่อนจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่าให้ลินต้องพูดนะ” “อะไรกัน แค่เฮียห่วงลูก ก็กลายเป็นคนผิดแล้วเหรอ” “ไม่ได้ว่าเฮียผิดเลยนะคะ แค่อยากให้เฮียยอมรับความจริงค่ะ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก อีกหน่อยปลายฟ้าอีกคน ถึงวันนั้นเฮียไม่อกแตกตายเหรอคะ ทำใจค่ะ” “ลินดา จะว่าเฮียไปถึงไหน” เมื่อเห็นว่าตัวเองเผลอพูดมากเกินไป ก็เข้าไปกอดออดอ้อนคนเป็นสามีทันที เป็นวิธีที่เธอใช้ได้ผลมาตลอดและคิดว่าครั้งนี้ก็คงไม่พลาดเหมือนกัน เพราะทันทีที่เธอเข้าไปออดอ้อนเขา พายุก็ยิ้มออกมาทันที “เฮียห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกเจอคนไม่ดี” “ลินเข้าใจค่ะ แต่ความรักมันบังคับได้ที่ไหนกัน ในเมื่อลูกเรารักเขาไปแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้คือทำใจและปล่อยให้ลูกได้เผชิญด้วยตัวเองนะคะ เราเป็นพ่อแม่มีหน้าที่แค่ซัพพอร์ตความรู้สึกของลูกเท่านั้นแหละคะ” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่านไปด้วยดี หลังทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันอีกสักพัก ธามก็ขอตัวกลับโดยมีปลายฝนเดินมาส่งที่รถ“ธามไปนะ” “ขอบคุณมากนะ ที่ธามอดทนและพยายามกับเรื่องวันนี้” “ขอบคุณทำไม ธามเต็มใจทำให้อยู่แล้ว” ปล