"ไอมิว มึงขอพระแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ!?" โอโซนที่นั่งหลังพวงมาลัยเผลอร้องออกมาเสียงหลง เมื่อได้ฟังเพื่อนสาวเล่าในที่สิ่งที่เพิ่งจะขอพรไปไม่กี่นาทีที่ผ่านมา โดยสเปกที่เพื่อนขอนั้นบนโลกนี้น่าจะมีคนเข้าข่ายอยู่ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ แล้วในสิบเปอร์เซ็นต์ก็มีเมียกันห้าเปอร์เซ็นต์ไปแล้ว
"ก็มึงบอกเองว่าให้บอกให้ละเอียด กูผิดตรงไหน" ที่เธอชอบก็ต้องคนประมาณนั้น ถ้าดวงคนจะได้ อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าห้าเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่ยังไงก็ต้องได้มาสักคน
และแน่นอนว่าหากบุญหล่นทับส่งคนตรงทุกอย่างที่อยากได้จริง ๆ เธอจะปักใจหลงรักเขาหัวปักหัวปำไปเลย
"กูก็ไม่คิดว่าสเปกมึงจะสูงขนาดนั้น ตาย ๆ ชาตินี้จะมีผัวไหมเนี่ย" มิวสิคยักไหล่ไม่ยี่หระ เธอไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้ามีตามนั้นจริง ๆ ก็ดี แต่ถ้าไม่ก็คงต้องหาวิธีใหม่สู้กับคนเป็นแม่ต่อไป ยังไงเธอก็ไม่ยอมหมั้นกับตาแก่ที่ไหนก็ตามที่คนเป็นแม่หามาให้หรอก
"ยัยโซนขับอะไรของแกเนี่ย!!" อยู่ ๆ รถบีเอ็มคันหรูก็เซไปมาจนซินดี้และมิวสิคพากันหาที่เกาะ คนที่นั่งหลังพวงมาลัยอย่างโอโซนก็ค่อย ๆ ชะลอรถช้า ๆ เพราะสาเหตุนั้นไม่ได้มาจากการขับรถที่ไม่ดี แต่เหมือนจะเป็นเพราะปัจจัยอื่นจากภายนอกที่ทำให้รถเหมือนจะเสียการทรงตัวและไม่สามารถควบคุมทิศทาง จนสุดท้ายรถก็หยุดนิ่งด้วยโอโซนที่เหยียบเบรกแล้วจอดข้างทาง
โอโซนตีไฟฉุกเฉิกแล้วทั้งสามก็ไม่รอช้ารีบลงจากรถแล้ววนดูความผิดปกติทั้งสี่ด้านรอบตัวรถ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ล้อหลังข้างซ้ายที่เหลือลมอ่อนหรือเรียกว่าไม่มีลมแบนสนิทไปกับถนนเลยก็ว่าได้
"OMG ลูกชายแม่!!" โอโซนถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นลูกชายที่รักมากเกิดอาการป่วยขึ้นมากระทันหัน ทั้งที่ดูแลรักษาประคบประหงมมาเป็นอย่างดีแต่สุดท้ายก็มายางรั่วเอาข้างทางหลังพ้นทางลัดแล้วเจอถนนใหญ่มาไม่กี่นาที
"กูว่าเพราะเส้นทางลัดของมึงแน่ ๆ" มิวสิคว่าแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะพวกเธอเลือกเส้นทางที่รู้สึกใกล้กว่าและรถติดน้อยกว่า แน่นอนว่าไม่ใช่ทางสายหลักที่หลายคนใช้จนบางทีก็อาจจะมีของแหลมคมพอที่จะทำให้รถยางแบนจากเส้นทางนั้น
"เอาเถอะ ก็ยังดีที่พ้นถนนเปลี่ยวเส้นนั้นมาแล้ว" อย่างน้อยตรงนี้ก็ยังมีรถผ่านไปผ่านมาไม่ได้น่ากลัวเหมือนถนนเส้นนั้น แต่ต่อไปก็ต้องคิดว่าจะเอายังไงต่อ เพราะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งมีแต่สาว ๆ ที่เก่งแค่ขับรถอย่างเดียวก็ยิ่งรู้สึกเคว้งขึ้นมายังไงไม่รู้
"เอายังไงดีวะ" ซินดี้ถามเพื่อนอีกสองคนที่แววตาว่างเปล่าไม่ต่างกัน
"กูลองโทรหาไอพี่กันย์ดู แต่ถ้าพวกมึงมีใครที่ดีกว่านี้ กูแนะนำว่าโทรไปเลยไม่ต้องรอ" เพราะอย่างไรแล้วคนอื่นน่าจะดีกว่าพี่รหัสของเธออยู่แล้ว
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…
นั้นไงที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยสักนิด ตอนจะขอความช่วยเหลือบ้างก็ติดต่อไม่เคยจะได้ มิวสิคจึงเลิกโทรแล้วเดินกลับมาหาเพื่อนอีกสองคนที่ยืนรอ
"ไม่รับสาย"
"พี่เซนต์ไปดูงานต่างจังหวัดว่ะ" เซนต์คือพี่ชายแท้ ๆ ของซินดี้ แน่นอนว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเธอด้วย นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้วพวกเธอก็ไม่รู้จักผู้ชายที่พอจะไว้ใจและพึ่งพาได้แล้ว
หลังจากที่กำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามจะปรึกษาหาทางออก อยู่ ๆ ก็มีรถเฟอร์รารี่สีดำเงาชะลอความเร็วแล้วตีไฟเลี้ยวจอดข้างทางก่อนหน้ารถของโอโซนไกลออกไป แต่เพียงเท่านั้นเขายังไม่ดับรถ รถคันหรูใส่เกียร์ถอยหลังแล้วถอยกลับมาจอดใกล้ ๆ ทำให้พวกเธอสามคนพยายามเพ่งมองคนมาใหม่ ก่อนที่เขาจะดับรถแล้วเปิดประตูรถลงมาแต่ยังไม่หันกลับมา
"ใครวะ?" ทั้งสามต่างพากันขมวดคิ้วจ้องมองเจ้าของแผ่นหลังที่สวมชุดปฏิบัติการหรือเสื้อช็อป ซึ่งคือช็อปคณะวิศวกรรมศาสตร์มหา'ลัยเดียวกันกับพวกเธอ
"เชี่ย…" ขณะที่เจ้าของแผ่นหลังนั้นหมุนตัวกลับมาทั้งโอโซนและซินดี้ก็อุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เว้นแต่มิวสิคที่ยืนจ้องนิ่ง ๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถหรูคันนั้นคือคนคนเดียวกันกับคนที่เดินชนจนเธอตัวปลิวที่ผับเมื่อคืน
"กูว่าพระแม่ทำงานแล้ว~" โอโซนกระซิบกระซาบเอ่ยกับซินดี้เสียงเบา เพื่อไม่ให้มิวสิคได้ยินแล้วหันมาแวดใส่ เนื่องจากรู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนกำลังอารมณ์ขึ้นต่อจากเหตุการณ์เดิมที่เคยเกิดขึ้น
"ไอหน้าหล่อที่เดินชนฉันเมื่อคืน นายมาทำไม!?"
"ฮะ ฮ้ะ!?" เพื่อนสนิททั้งสองพากันเบิกตากว้าง ถ้าเธอได้ยินไม่ผิดเพื่อนที่กำลังเหวี่ยงใส่คนที่ทำกับเธอไว้กำลังใช้สรรพนามที่ใช้เรียกเขามันรู้สึกแปลก ๆ ชอบกล เหมือนจะเอาเรื่องแต่ก็ชมเขาไปในตัว
"ตกใจอะไร ก็หล่อจริงแต่นิสัยแย่!" มิวสิคไม่วายที่จะหันมาอธิบายกับเพื่อนสาวที่ยืนงง เขาหล่อจริงอันนี้ไม่อยากเถียง แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขาทำไว้จึงหันหน้าไปเอาเรื่องเหมือนเดิม
"เธอพูดกับคนที่ตั้งใจจะมาช่วยแบบนี้เหรอ?" ชายหนุ่มในเสื้อช็อปกระตุกยิ้มแล้วเลิกคิ้วเรียงยาวขึ้นสูง ถูกใจสรรพนามที่เธอใช้ไม่น้อยเลย
"ช่วยเหรอ ใครขอให้นายช่วย เรื่องเมื่อคืนนายยังไม่ขอโทษฉันเลยนะ!"
"ฉันอธิบายทีละข้อนะ หนึ่งคือเมื่อคืนเธอเป็นคนลุกขึ้นมาชนฉันเอง สองคือไม่มีใครขอให้มาช่วยแต่แค่เห็นเพื่อนร่วมทางกำลังลำบากเลยอยากจะช่วย"
"มันจริงอย่างที่เขาว่านะมึง เมื่อคืนมึงก็ลุกไปชนเขาจริง ๆ" โอโซนดึงแขนเพื่อนรักเพื่อให้เธอตั้งสติ ความจริงเธอก็เห็นเต็มตาว่าเขาเดินมาของเขาดี ๆ มีแต่เพื่อนของเธอที่อยู่ ๆ ก็ลุกพรวดพราดไม่มองทางแล้วดันไปชนเขาล้มตึงไปเอง
"ยัยโซนมึงเข้าข้างเขามากกว่ากูเหรอ" มิวสิคจ้องเพื่อนตาเขียวปั๊ด ทว่ามันไม่จบแค่นั้นเมื่อซินดี้เองก็เอากับเขาด้วย
"ฉันเป็นพยานได้นะแก แกน่ะผิด แล้วยังโวยวายใส่เขาอีก"
"ยัยซิน!!" มิวสิคกระฟัดกระเฟียดใส่เพื่อนทั้งสอง อาจจะเป็นเรื่องจริงแต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่เพื่อนจะต้องพูดต่อหน้าเขา
"เอาเถอะ...ในเมื่ออยากให้ขอโทษก็จะขอโทษให้" คนโวยวายหันมากอดอกสบตากับคนพูด
"ขอโทษครับ…พอใจหรือยัง?" สุดท้ายคนที่พาลใส่เขาไปทั่วก็ยอมสงบแล้วพยักหน้าให้ เธอแค่ต้องการแค่นั้น และเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการมันก็จบแล้วหยุดโวยวายอีก
"หึ..." โจเซฟหัวเราะในลำคอเบา ๆ จะกี่ครั้งเธอก็ยังดื้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ยังคงพยศเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เจอ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะปราบเธอภายในหนึ่งเดือนไม่ได้
"แล้วตกลงรถเป็นอะไรครับ?"
"อ๋อ น่าจะยางรั่วค่ะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน" คนที่ตอบคือโอโซน แม้จะโดนถลึงตาจากมิวสิคไม่ยอมให้รับการช่วยเหลือ แต่เวลานี้เธอต้องขัดใจเพื่อนเพราะมันอาจจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่จะช่วยพวกเธอไว้ก็ได้
"พี่ขอดูหน่อย"
"ทางนี้ค่ะ" มิวสิคที่กำลังจะเดินไปขัดถูกซินดี้ล็อกแขนเอาไว้ให้ยืนนิ่ง ๆ
"อะไรของมึงเนี่ย ไว้ใจเขาเหรอถึงยอมให้ช่วย" ร่างสวยจึงหันไปแวดใส่เพื่อนที่กันท่าไม่ให้เธอเข้าใกล้เขา
"แล้วมึงมีทางที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ พี่เขาก็ดูเป็นคนดีออก มึงนั้นแหละอคติ"
"สร้างภาพน่ะสิ หน้าแบบนี้เหรอคนดี ปล่อยเลยนะ" ในที่สุดเธอก็สะบัดแขนหลุดจากปราการของซินดี้ แล้วปรี่ตรงไปหาโอโซนและผู้ชายที่ไม่เชื่อใจที่กำลังพากันไปดูล้อหลังรถที่ยางแบน
"นายกลับไปได้ละ พวกเราไม่ได้อยากให้นายช่วย" มือบางกระชากแขนเขาออกมาให้ห่างจากเพื่อนสนิทอีกคน แล้วกล่าวเสียงเรียบไม่ต้องการรับความช่วยเหลือทุกอย่างที่มาจากเขา แม้เรื่องที่เกิดจะจบไปแล้วแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะเชื่อใจเขาขึ้นมา
"แล้วแต่แล้วกัน ป่านนี้อู่ซ่อมรถก็คงพากันปิดหมดแล้ว ถ้าอยากทิ้งรถหรูไว้ข้างทางแบบนี้ก็...ตามใจ"
"ไม่ได้นะมึง กูไม่ยอมปล่อยลูกชายกูไว้ตรงนี้แน่" โอโซนเถียงขึ้นมาทันควัน นี่มันลูกชายลูกรักอันดับหนึ่งของเขาเลยนะ จะปล่อยทิ้งไว้ข้างทางแล้วตัวเองก็กลับบ้านไปนอนสบายใจได้ยังไงกัน
"มึงให้พี่เขาช่วยเถอะ พี่เขามีเพื่อนเปิดอู่อยู่ เขาให้คนมาลากรถกูได้" โอโซนกระพริบตาบอกเพื่อนปริบ ๆ เพื่อรถของเธอแล้วยังไงก็ต้องทำทุกอย่างให้ลูกชายอยู่รอดปลอดภัย
"..." มิวสิคยืนเงียบไปชั่วขณะ ปรายสายตามองคนที่ยืนนิ่ง ๆ และไร้อารมณ์
จนกระทั่ง...
"เออ ๆ ก็ได้ ตามเพื่อนนายมาสิ" ท้ายที่สุดโอโซนก็ผุดยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด โจเซฟจึงหมุนตัวเดินออกไปแล้วยกโทรศัพท์ต่อสายหาเพื่อนสนิทในทันที
"พี่โทรหาเพื่อนแล้วนะ สักพักคงมาถึงแล้ว อู่มันอยู่แถวนี้ ๆ" ชายหนุ่มพูดจบก็ปรายมองคนที่ยืนกอดอกแล้วหันไปไม่ยอมมองหน้าค่าตา แต่ก็ต้องผละออกมาก่อนเมื่อมีคำถามขึ้นมาจากเพื่อนของเธอที่เป็นเจ้าของรถ
"ขอบคุณนะคะ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอ?"
"โจเซฟครับ เรียกพี่เซฟก็ได้"
"โอโซนนะคะ ส่วนนี่ก็ซินดี้ ส่วนยัยขี้เหวี่ยงนั้น…"
"มิวสิค" เจ้าของชื่อหันขวับมองผู้ชายที่พูดชื่อเธออกมาก่อนจะทำการแนะนำ ทำเอาโอโซนและซินดี้ต่างมองหน้ากัน เช่นเดียวกับมิวสิคที่เดินมาถึงเขาแล้วทำหน้าสงสัยเหมือนกัน
"รู้จักชื่อฉันได้ยังไง?"
"ไอเซฟ!" ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถาม โจเซฟก็ต้องหมุนตัวกลับไปมองก่อนจะเห็นเปเปอร์เพื่อนสนิทเจ้าของอู่ที่โทรตาม และตามมาถึงโลเคชั่นที่เพิ่งส่งไป