ตอนที่ 3
~10ปีผ่านไป~ เด็กน้อยอายุแปดขวบในวันนั้นตอนนี้เธอได้โตเป็นสาวแล้ว ทานตะวันในวัย18ปีสูง167ซม.หนัก45กก. รูปร่างผอมเพรียว หน้าตาจิ้มลิ้มประกอบกับผิวขาวๆของเธอยิ่งทำให้เธอดูน่ามองมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนเธอจะเป็นที่น่าสนใจให้กับหนุ่มๆวัยรุ่นในโรงเรียนมากพอสมควร ตอนนี้เด็กสาวเดินอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนเนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว สักพักได้ยินเสียงรถยนต์เหยียบเบรกลากยาวกระทันหันดังเอี๊ยดดด!! และเสียงบีบแตรรัวๆตามมาเนื่องจากมียายแก่ๆคนหนึ่งจะเดินข้ามถนน จนทำให้รถยนต์สุดหรูที่ขับมาทางตรงต้องเหยียบเบรกกะทันหัน “คุณยาย!!!” ทานตะวันตะโกนขึ้นมาสุดเสียงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปพยุงยายแก่ๆพาแกเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ด้วยความน่ารักและใจดีของเธอจึงทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในรถยนต์คันหรูได้เผลอยิ้มบางๆออกมากลบเกลื่อนความโกรธที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ “สวย...น่ารักจัง” ธาราธรพูดออกมาเบาๆคนเดียวเมื่อได้เห็นความน่ารักและมีน้ำใจของเด็กสาวที่กำลังพยุงคุณยายแก่ๆข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก่อนเขาจะขับรถมุ่งตรงไปที่ตลาดเพื่อจะซื้อของกินอร่อยๆไปฝากผู้เป็นแม่ “น้องตะวัน!!” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งตะโกนเรียกชื่อเธอขึ้นเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังเดินไปนั่งรอตรงป้ายรถประจำทางที่ประจำของเธอ ก่อนทานตะวันจะหันไปมองตามเสียงเรียกและเผยรอยยิ้มหวานออกมาด้วยความดีใจ “พี่ภู มาที่นี่ได้ยังไงคะ” “วันนี้แม่ดาวานให้พี่มารับตะวันน่ะ พอดีลุงวิรัตน์แกขับรถไปรับน้องขิมที่กรุงเทพฯ พี่เองก็มาทำธุระในเมืองพอดีเลยถือโอกาสแวะมารับน้องตะวันด้วยเลย” ภูผาพูดขึ้นและมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู ภูผาแอบชอบทานตะวันมานานแล้ว ตั้งแต่เธอเป็นเด็กตัวเล็กๆจนกระทั่งตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว ภูผาคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่างตั้งแต่เด็กๆจนตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้วเขาก็ยังคอยช่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่างๆ จนถึงตอนนี้ภูผาเองยังไม่มีโอกาสได้บอกความรู้สึกกับเธอเพราะกลัวเธอจะปฏิเสธความรักของเขา เพราะตะวันเองรู้สึกกับเขาเพียงแค่พี่ชายเท่านั้น “วันนี้พี่ขิมกลับมาจากกรุงเทพแล้วหรอคะพี่ภู” “ใช่ครับ ไม่ใช่แค่น้องขิมนะที่กลับมา ไอ้เขื่อนก็มาด้วย แต่รายนั้นมันจะขับรถมาเองเห็นแม่ดาบอกว่ามันกลับไทยมาได้3อาทิตย์ล้ะแต่ยังไม่ได้กลับมาที่ไร่ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะมาวันไหน” “คุณเขื่อน กลับมาแล้วหรอคะ..?” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพูดขึ้นเบาๆถึงบุคคลที่สามที่ภูผาพูดถึง “ใช่แล้วค่ะ ทำไมน้องตะวันทำหน้าแบบนั้นละครับ น้องตะวันไม่ดีใจหรอที่ไอ้เขื่อนมันกลับมาแล้ว” ภูผาถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าหวานสดใสของเธอมีสีหน้าเจื่อนลงทันทีเมื่อพูดถึงธาราธร “เอ่อ...เปล่าค่ะ แล้วพี่ภูจะไปทำธุระที่ไหนต่ออีกรึเปล่าคะ หรือว่าจะกลับบ้านเลย?” “พี่ว่าจะเข้าไปตลาดซื้อของให้คุณแม่สักหน่อยน่ะ น้องตะวันไม่รีบใช่ไหมคะ?” “ไม่รีบค่ะ พี่ภูไปทำธุระได้สบายๆเลย แค่พี่ภูอุตส่ายมีน้ำใจมารับตะวันก็รู้สึกเกรงใจมากๆแล้วค่ะ” “จ้า งั้นเราไปตลาดกันเลยเนาะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน” “ค่ะพี่ภู” ชายหนุ่มกับเด็กสาวรีบขึ้นรถขับไปที่ตลาดทันที ภูผาแวะมาซื้ออาหารทะเลและอาหารสดนิดหน่อยตามที่ผู้เป็นแม่สั่ง และมีเด็กสาวตัวเล็กเดินตามหลังและคอยช่วยถือของ “เอาวางไว้ตรงนั้นเลยค่ะน้องตะวันเดี๋ยวพี่เก็บเอง” “ค่ะพี่ภู” “ขอบใจมากนะคะที่ช่วยพี่ถือของเยอะแยะเลย น้องตะวันอยากกินอะไรรึเปล่าคะ เดี๋ยวป๋าภูเลี้ยงเอง” ภูผาพูดขึ้นติดตลกชวนให้เธออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “งั้นตะวันขอเป็นน้ำมะพร้าวปั่นร้านโน้นนะคะพี่ภูผา” “แค่น้ำมะพร้าวปั่นเองหรอครับ ตะวันอยากกินอะไรอีกไหม?” “แค่นี้ก็พอแล้วค่ะพี่ภู” “โอเค งั้นรอพี่ตรงนี้แป้บนึงนะครับ เดี๋ยวพี่ไปสั่งน้ำมะพร้าวปั่นมาให้” พูดเสร็จชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก็เดินไปสั่งน้ำมะพร้าวปั่นมาให้เด็กสาวที่เขาแอบชอบทันทีตามที่เธออยากจะกิน ธาราธรแวะเดินซื้อของที่ตลาดนิดหน่อยก่อนจะเอาของมาเก็บที่ท้ายรถ พลันสายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวที่เขาเจอเมื่อก่อนหน้านี้ เธอกำลังนั่งยองๆหยอกล้อเล่นกับหมาจรจัดอยู่ข้างๆรถ ธาราธรได้แต่มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเพลินตา เธอช่างน่ารักและดูอ่อนโยนยิ่งนัก ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำกำลังจะก้าวเดินเข้าไปหาเด็กสาวผู้น่ารักอย่างลืมตัว แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเท้าและออกจากภวังค์ทันที เมื่อมีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดีเดินเข้ามาหาเธอซะก่อน “ไอ้ภู..!” ธาราธรได้แต่สบถชื่อของเพื่อนสนิทออกมาเบาๆ และสายตาคมกริบก็จ้องมองสองหนุ่มสาวคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิง “ได้แล้วครับ น้ำมะพร้าวปั่นหวานหอมชื่นใจ มีไอศครีมด้วยนะครับ” ภูผาพูดขึ้นพลางยื่นแก้วน้ำมะพร้าวปั่นให้กับเธอ “ขอบคุณค่ะพี่ภู” ทานตะวันส่งรอยยิ้มหวานให้คนตัวโตจนตาหยี จนภูผาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีหัวเธอเบาๆให้กับความน่ารักของเธอ ก่อนจะพากันขึ้นรถและขับออกไปช้าๆ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมกริบของอีกคนแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างไม่วางตา “นี่ไอ้ภูเป็นแฟนกับเด็กคนนี้หรอ...หึ่ นี่กูเกือบจะชอบแฟนเพื่อนแล้วหรอเนี่ย!!” ธาราธรพูดออกมาเบาๆคนเดียวพลันส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินขึ้นรถและขับออกไปเช่นเดียวกัน เมื่อทานตะวันมาถึงไร่ธาราธรแล้วเธอก็มุ่งตรงเข้าไปหาคุณนายดารินทร์ที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการทำอาหารเย็นในครัว “หนูกลับมาแล้วค่ะแม่ดา” เด็กสาวเข้าไปสวมกอดคุณนายดารินทร์จากทางด้านหลังอย่างรักใคร่ “มาถึงแล้วหรอลูก วันนี้ตาวิรัตน์แกไปรับพี่ขิมที่กรุงเทพเลยไปรับหนูไม่ได้ แม่เลยวานให้ตาภูไปรับหนูแทน” “ค่ะคุณแม่ ตอนนี้พี่ภูนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ หนูให้พี่กระปุกเอาน้ำออกไปเสิร์ฟให้เมื่อตะกี้ อีกสักพักก็คงกลับค่ะ” “ตายแล้วจะกลับได้ยังไงกันลูก หนูรีบไปชวนพี่ภูเขาอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านเราก่อนค่อยกลับสิลูก” “ค่ะแม่ดา” เอี๊ยดดดดด!! เสียงเหยียบเบรกลากยาวเสียงดังก่อนร่างสูงโปร่งกำยำของชายหนุ่มวัย28ปีจะก้าวลงจากรถอย่างคล่องแคล่ว พลันสายตาคมก็เหลือบไปเห็นรถยนต์คันหรูของเพื่อนสนิทที่ก่อนหน้านี้เขาเจออยู่ที่ตลาด แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาจอดอยู่ที่บ้านเขาได้ ธาราธรได้แต่นึกแปลกใจ “นี่รถไอ้ภูหนิ มันมาทำอะไรที่นี่อีก” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ และก็เจอเข้ากับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ตรงห้องรับแขก “ไอ้ภู!” “อ้าว เฮ้ย! ไอ้เขื่อน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะไม่บอกไม่กล่าวกันเลย ไหนแม่ดาบอกว่ามึงมาถึงแล้วแต่ทำธุระอยู่ที่กรุงเทพ ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้วะ?!” ภูผาพูดขึ้นอย่างแปลกใจที่จู่ๆเพื่อนของเขาก็กลับมาแบบไม่บอกไม่กล่าว “ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละ แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่” “อ้าว พูดเหมือนกูไม่เคยมาบ้านมึงงั้นแหละ นี่กูก็มาแทบจะทุกวันไม่เห็นจะแปลกตรงไหน มึงนั่นแหละตั้งแต่ไปเรียนที่โน่นก็ไม่ยักจะกลับมาบ้านเลยจนจะจบด็อกเตอร์อยู่ล่ะ กูนึกว่ามึงจะย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสซะแล้ว” “พี่ภูคะแม่ดาบอกว่าให้อยู่ทานข้าวก่อนค่อยกลับคะ...ค่ะ” ทานตะวันรีบวิ่งออกมาบอกภูผาด้วยความเร่งรีบโดยไม่คิดว่าจะมีบุคคลมาใหม่ยืนอยู่ด้วย ชายหนุ่มร่างสูงทอดสายตาคมกริบจ้องมองมายังต้นเสียงใสแจ๋ว และจ้องมองใบหน้าหวานของเด็กสาวที่เขาเจอเมื่อตอนเย็นอย่างไม่วางตา จนเด็กสาวต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบนั้นทันทีด้วยความประหม่า เมื่อภูผาเห็นธาราธรมองไปยังทานตะวันอย่างไม่วางตา จึงรีบพูดทำลายความเงียบนั้นขึ้นมาทันทีะ “เฮ้ยไอ้เขื่อน อย่าบอกนะว่ามึงจำน้องทานตะวันไม่ได้” “อะไรนะ เธอคือยัยเด็กน้อยตัวภาระครอบครัวฉันเองหรอ โตขึ้นเยอะเลยหนิ่” พูดจบเขาก็ไล่ระดับสายตามองเด็กสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ตอนนี้เด็กน้อยวัยแปดขวบในวันนั้น โตเป็นสาวสวยหน้าหวานจนเขาจำแทบไม่ได้ แต่สิ่งเดียวท่ี่เขาจำได้ไม่เคยลืมคือเขาเกลียดยัยเด็กนี่เข้าไส้ “สะ สวัสดีค่ะ คุณเขื่อน” ทานตะวันยกมือเรียวขึ้นไหว้ผู้เปรียบเสมือนพี่ชายอีกคนของเธอ แม้ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้จะไม่เคยมองเธอเป็นน้องสาวเลยก็ตาม แต่ทานตะวันเองก็ยังเคารพลูกชายของผู้ที่ขึ้นชื่อว่ามีพระคุณกับเธอเสมอ “หึ!!” เขื่อนแสยะยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะลากสายตามองเด็กสาวตรงหน้านี้อีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเคลื่อนสายตาคมมาหยุดอยู่ตรงริมฝีปากอวบอิ่มของเธอที่ตอนนี้กำลังขบเม้มริมฝีปากของตัวเองอยู่ด้วยความประหม่า ก่อนทุกคนจะหันไปตามเสียงเรียกของคุณนายดารินทร์ “ตาเขื่อน!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก ทำไมไม่โทรบอกแม่ก่อนแม่จะได้ทำกับข้าวที่ลูกชอบไว้รอ” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นพร้อมกับโผเข้าไปโอบกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ไม่ได้เจอกันนานเป็นเวลาหลายปี เพราะตั้งแต่ธาราธรไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสเขาก็ไม่เคยกลับมาเมืองไทยเลยเพราะเขาทำงาน และศึกษาเรื่องทำไวน์อยู่ที่นั่น เป็นเวลา10ปี และที่สำคัญเขาเอาแต่มุ่งมั่นตั้งใจเรียนจนจบปริญญาโทและกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก “กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์แม่ไงครับ แต่ผมซื้ออาหารสดมาเยอะแยะเลยนะครับเพื่อจะให้คุณแม่ทำกับข้าวอร่อยๆให้กิน ที่สำคัญผมมีของฝากจากฝรั่งเศสมาฝากคุณแม่และทุกๆคนด้วยนะครับ!” “น่ารักที่สุดเลยลูก” สองแม่ลูกต่างกอดกันกลมเกลียวด้วยความรักและคิดถึง “เอาล่ะๆ เย็นนี้อยู่ทานข้าวที่นี่นะภูผา แม่ทำกับข้าวเผื่อเยอะแยะเลยลูก แม่ขอบคุณภูผาด้วยนะที่วันนี้อุตส่าห์แวะไปรับทานตะวันให้แม่” “ไม่เป็นไรครับแม่ดาผมเต็มใจ ถ้าวันไหนลุงวิรัตน์ไม่ว่างไปรับน้องตะวันคุณแม่โทรบอกผมได้เลยได้นะครับ เพราะอีกไม่กี่เดือนน้องตะวันก็จะจบแล้วเดี๋ยวผมจะอาสาเป็นคนขับรถให้” ภูผาพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันทรงเส่นห์ ก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กสาวที่เขาแอบรักมาหลายปี ธาราธรเองได้แต่มองหน้าเพื่อนและจ้องมองทานตะวันอย่างไม่วางตา อีกทั้งยังพลันนึกในใจว่าทั้งสองคนคงจะแอบมีอะไรกัน และคงจะเกินเลยไปถึงไหนต่อไหนแล้วถึงได้ดูกระหนุงกระหนิงจับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมแบบนั้น และเมื่อคิดคนเดียวในใจก็พลอยทำให้เขาอารมณ์หงุดหงิดแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก “งั้นเดี๋ยวแม่ให้กระปุกกับแม่น้อมตั้งโต๊ะเลยแล้วกันนะลูก จะได้ทานข้าวกัน” “เดี๋ยวตะวันขอตัวไปจัดโต๊ะช่วยพี่กระปุกก่อนนะคะแม่ดา” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นเพราะไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้ในขณะที่มีสายตาคมกริบของอีกคนคอยแต่จะจดจ้องมองเธออยู่ตลอด และทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง “จ้ะลูก” หลังจากทุกคนรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วภูผาก็ขอตัวกลับทันที ส่วนตะวันก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวอ่านหนังสือต่อ และธาราธรเองก็เดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องนอนห้องเดิมของเขาเพื่อทำธุระส่วนตัวและพักผ่อนเช่นกันตอนที่ 47 (จบบริบูรณ์) ~ 4 ปีผ่านไป ~ “โสนน้อยเรือนงามของลุงภูผาอยู่ไหนน๊า… ไหนใครเอ่ยบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิงเอลซ่า วันนี้ลุงภูผาได้มาตั้งสามชุดแน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย” “ลุงภูผามาแล้ว…!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ ศุภรดา ศิรชล หรือน้องโสน (สะ-โหน) วัยสามขวบครึ่งรีบวิ่งแจ้นออกมาหาลุงภูผา ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มสาวน้อยชูขึ้นมาแนบอกด้วยความรักและเอ็นดู “ไหนชุดเจ้าหญิงเอลซ่าของโสนล่ะคะลุงภูผา” “หื้ม…ต้องหอมแก้มลุงก่อนนะคะถึงจะได้เห็นชุดสวย” ฟอด ฟอด!! “แก้มลุงภูผาหอมชื่นใจจังเลยค่ะ” “แหม๋…พอได้ยินเรื่องของฝากนี่รู้งานเลยนะลูก” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังออดอ้อนคุณลุงภูผา โสนติดลุงภูผาของเขามากเพราะมักจะคอยได้ของเล่น ของกิน และชุดสวยๆจากลุงภูผาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรเธอก็มักจะออดอ้อน และภูผาเองก็มักจะตามใจหลานสาวตัวน้อยๆคนนี้เสมอจนโสนเองได้ใจจนเคยตัว และภูผาจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญประจำบ้านศิรชลไปแล้ว “วันนี้พี่ภูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่นี่นะคะ” “ครับ” ทานตะวันและภูผานั่งคุยกันภายในห้องรับแขก ส่วนคุณนายดารินทร์ ท่านธีระและขิมเดินท
ตอนที่ 46 …1 เดือนต่อมา… ~วันแต่งงาน~ ขบวนขันหมากตั้งขบวนร้องเพลงแห่เสียงดังขับขานมาตั้งแต่ด้านหน้าของไร่ธาราธร ทุกคนสนุกสนานครื้นเครงต่างร้องเพลงขับขานดังก้องไปทั่วท้องถนน วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีของคู่บ่าวสาวป้ายแดง ธาราธรเดินขบวนขันหมากตามประเพณีไทยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในไร่องุ่นอันกว้างขวางที่จัดเตรียมงานไว้อย่างอลังการ แขกเหรื่อในงานต่างเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและกลุ่มเพื่อนๆของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ทั้งสองเชิญมา เจนจิราและเจตนิพัทธ์ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ตัวเจตนิพัทธ์เองจะอกหักและไม่ค่อยจะกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงมาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวเองแอบรักอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังมีภูผาที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนระหว่างเขากับธาราธรไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว ในเมื่อทานตะวันและเพื่อนของเขารักกัน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาก็ควรจะยินดีกับทั้งสองคน วัน
ตอนที่ 45 ธาราธรเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าคนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงนอน เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าทานตะวันที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม “นอนอย่างกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนะยัยตัวแสบ” ธาราธรบ่นเบาๆคนเดียวก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนเกลี้ยงเกลาของเธอเบาๆอย่างรักใคร่หวงแหนก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนาลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเบาๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำของใส่หรือเปล่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ธาราธรยังคงจูบริมฝีปากเธอเบาๆอย่างอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ” “ตื่นแล้วหรอ” “พี่เขื่อน...เข้ามาทำไมคะ” “พี่เอาไอ้นี่มาให้ตะวันตรวจน่ะ” ธาราธรยื่นที่ตรวจครรภ์ให้กับทานตะวันก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ “นี่มัน...ที่ตรวจครรภ์นี่คะ!” “ใช่ครับพี่อยากให้ตะวันลองตรวจดู!!” “ตรวจทำไมเหรอคะ?” “คุณแม่บอกว่าอาการที่ตะวันเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนตอนที่คุณแม่...ท้อง” “ทะ ท้องเหรอคะ” “อื้ม” “แล้วถ้าตะวัน ทะ ท้องขึ้นมาจริงๆ ตะวันจะเลี้ยงลูกได้ไหมคะ ตะวันจะ
ตอนที่ 44 ~ 2เดือนผ่านไป~ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ห้องอาหารของโรงแรมดัง อาทิตย์ต่อมาโซเฟียก็เข้ามาหาธาราธรที่ไร่องุ่นแต่ครอบครัวของธาราธรไม่มีใครต้อนรับเธอ โดยเฉพาะคุณนายดารินทร์ที่ขัดขวางทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้โซเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชายอีก จึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะผู้หญิงอย่างโซเฟียอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของธาราธรและทานตะวันที่ซึ่งกำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คุณนายดารินทร์เลยสั่งให้คนงานในไร่ห้ามโซเฟียเข้ามาภายในไร่ธาราธรเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยให้เข้ามาได้โทษคือไล่ออกสถานเดียว ทางด้านโซเฟียเองเมื่อรู้ว่าธาราธรกำลังจะแต่งงานกับทานตะวัน และตัวเธอเองแทบจะมองไม่เห็นทางไหนเลยสักทางที่จะสามารถแย่งเอาชายหนุ่มกลับมาได้ เพราะตอนนี้หัวใจของธาราธรมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อทานตะวันเพียงแค่คนเดียว โซเฟียเลยเลือกที่จะยอมถอยออกมาดีกว่าที่จะดันทุรัง ช่วงนี้ภายในไร่ธาราธรกำลังยุ่งๆเรื่องเตรียมงานแต่ง ทั้งตัวธาราธรและทานตะวันเองก็วุ่นวายกับการเลือกชุดเลือกการ์ดแต่งงานและถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งงานของเจ้าของไร่องุ่นที่กว้างขวางที่สุด
ตอนที่ 43 โซเฟียยอมลุกออกมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแต่ก็ยังไม่วายคอยเฝ้ามองดูคนสองคนที่กระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ค่อยชอบทานตะวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเกลียดเด็กคนนี้มากกว่าเข้าไปอีก ธาราธรเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก และที่เขาเปลี่ยนไปก็คงจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ ไหนจะท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจเด็กสาวนั่นอีก คงจะหลงเด็กคนนี้ไม่เบาเลยสินะ โซเฟียได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ “คงจะแอบแซ่บกันแล้วล่ะสิ!” โซเฟียพูดขึ้นเบาๆคนเดียวอย่างเหยียดๆ ธาราธรคอยตักอาหารจานโน้นทีจานนี้ทีให้กับคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ตอนนี้หน้าตาที่ดูเรียบเฉยจนดูเย็นชาของเธอมองจากดาวอังคารเขาดูออกว่าเธอกำลังโกรธเขา จากที่จะพาเธอออกมาหาอะไรทานกันข้างนอกเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป แต่กลับต้องมาเจอกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอเลยพลอยทำให้เสียบรรยากาศไปหมด “ตะวันอิ่มแล้วค่ะ” มือเรียวสวยรวบช้อนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ยอมมองหรือสบตากับคนตรงหน้า และเธอก็ไม่สนใจเขา “ทำไมอิ่มเร็วจังเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” “ตะวันทานไม่ลงค่ะ” “ตะวันโกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ตอนที่ 42 ธาราธรถอนตัวตนอันใหญ่โตของเขาออกจากร่องสวาทของเธอ ก่อนจะมองดูน้ำรักขาวขุ่นผลงานของตัวเองที่ไหลย้อนออกมาจากร่องรักของเธออย่างไม่วางตา เขาพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเองก่อนจะยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นใบหน้าหวานของเธอที่แดงซ่านด้วยความอายอย่างน่ารัก ก่อนคนตัวเล็กระรีบเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอาย “ไม่ต้องอายพี่หรอกเพราะร่างกายทุกส่วนของตะวัน…พี่เห็นมาหมดแล้ว” ‘บ้าจริง ทำไมหัวใจของเธอต้องเต้นแรง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มทุกครั้งที่เขาสัมผัส อีกทั้งเธอยังไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาได้เลย’ ทานตะวันได้แต่คิดในใจอย่างนึกอาย.. “ที่ผ่านมาตะวันเจ็บมากใช่ไหม?” “……” ทานตะวันไม่ตอบเธอทำได้แค่มองสบตาคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก ตอนนั้นเธออายุ8ขวบ เขาเองอายุ18ปี อายุของเขากับเธอห่างกัน10ปี เขาคิดแค่ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเด็กที่พ่อแม่รับมาอุปการะ เกลียดเพราะคิดว่าเธอจะมาเป็นภาระให้กับครอบครัว เกลียดเพราะกลัวเธอจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาและน้องสาวของเขา ทั้งที่เธอเองเป็นเด็กดี และน่ารัก