ตอนที่ 4
เช้าของวันใหม่ทานตะวันตื่นตั้งแต่เช้าอย่างเช่นทุกวัน เด็กสาวตัวเล็กตื่นมาเธอก็จะมาหมกมุ่นอยู่กับแปลงผักสวนครัวหลังบ้านที่เธอปลูกเองกับมือจนแทบไม่ต้องซื้อผักกินเลยทีเดียว เพราะเธอปลูกผักสวนครัวแทบจะทุกชนิดไว้ตรงพื้นที่หลังบ้าน ทานตะวันตื่นมารดน้ำในทุกๆเช้าและเก็บผักบางชนิดไว้สำหรับนำไปประกอบอาหารอย่างเช่นทุกวัน ธาราธรเองวันนี้ก็ตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ ร่างสูงเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียงห้อง ดวงตาคมทอดสายตามองออกไปข้างหน้าเขาก็เห็นเด็กสาวตัวเล็กกำลังรดน้ำต้นไม้และร้องฮำเพลงไปด้วย ทานตะวันปล่อยผมยาวสีดำขลับสยายลงมาถึงกลางหลัง ในเวลาที่เธอไม่ได้รวบผมแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นสาวและสวยมาก แม้เธอจะใส่เพียงแค่ชุดนอนลายการ์ตูนธรรมดาๆ แต่มันก็ทำให้เธอดูน่ามองจนชายหนุ่มเผลอลอบยิ้มให้กับท่าทางของเธอที่กำลังรดน้ำผักสวนครัวและร้องเพลงไปด้วยอย่างเพลินตา “บ้าไปแล้ว…ทำไมต้องยิ้มให้กับยัยเด็กบ้าตัวภาระคนนี้ด้วยไอ้เขื่อน!!” ธาราธรได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆพลางสลัดรอยยิ้มทิ้งไป แต่ก็ยังทอดมองไปยังเจ้าของร่างบางอย่างไม่วางตา “คุณหนูเดี๋ยวผมช่วยเองครับ...มา!!” นะนนท์ลูกชายของป้าน้อมแม่ครัวของที่นี่พูดขึ้น เมื่อเห็นตะวันกำลังยืดรดน้ำผักสวนครัวอยู่ นะนนท์กับตะวันสนิทกันพอสมควรเพราะอายุไล่เลี่ยกัน และทานตะวันเองก็นับถือนะนนท์เหมือนพี่ชายคนหนึ่งเช่นกัน “ไม่เป็นไรค่ะพี่นนท์อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วตะวันทำได้ค่ะ” “ไม่เป็นไรครับคุณหนู มาๆผมช่วยเองจะได้เสร็จเร็วๆ” ชายหนุ่มเข้าไปแย่งสายยางรดน้ำจากมือของทานตะวันมาเพื่อจะช่วยเธอรดน้ำผัก แต่ตะวันเองนึกอยากจะแกล้งนะนนท์เลยฉีดน้ำเข้าใส่ชายหนุ่มจนเปียกปอนไปทั้งตัว “นี่แน่ะๆ อยากช่วยนักใช่ไหมพี่นนท์ งั้นก็เปียกซะเลย ” ตะวันแกล้งฉีดน้ำเข้าใส่อีกจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว “คุณตะวัน ผมเปียกหมดแล้วนะครับ” ทั้งสองคนต่างแย่งกันฉีดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ก่อนเสียงทุ้มเข้มที่แฝงไปด้วยความดุดันจากบุคคลที่สามจะดังขึ้นทำให้ทั้งสองต่างหยุดชะงักไปทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” ธาราธรตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “พวกเธอเล่นอะไรกันเสียงดังน่ารำคาญ จนฉันต้องตื่น!!” “อะ เอ่อ ตะวันขอโทษนะคะคุณเขื่อน ตะวันลืมไปว่าคุณเขื่อนกลับมาแล้ว เลยพลอยเสียงดังจนทำให้รบกวนการนอนของคุณเขื่อน” ทานตะวันก้มหน้าก้มตาพูดขอโทษอีกคน โดยไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าและสบสายตาดุๆของเขา “นี่เธอพูดกับดินกับหญ้าหรือไง เวลาพูดกับฉันเธอต้องมองหน้า ไม่ใช่หลบหน้าหลบตาพูด!!” “คะ ค่ะ คุณเขื่อน” “เอ่อ กระผมผิดเองครับคุณเขื่อน อย่าไปโทษคุณตะวันเลย” นะนนท์พูดขึ้นเพราะไม่อยากให้เจ้านายต่อว่าทานตะวัน “นี่แกเป็นแฟนกับยัยนี่รึไงห๊ะ! ถึงได้ออกรับแทนกัน!” “ปะ เปล่านะครับคุณเขื่อน ผมกับคุณหนูเราไม่ได้เป็นอะไรกันครับ กระผมไม่กล้าแม้แต่จะคิดแบบนั้นหรอกครับ” “ดี!! เธอเองก็เหมือนกัน…เป็นผู้หญิงอะไรมาหยอกล้อกันกับผู้ชายแบบนี้ ถ้าเธอไม่อายก็ควรจะกลัวว่าแม่ฉันจะอับอายบ้างนะ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะคิดว่าแม่ของฉันเลี้ยงเธอไม่ดี!!” ธาราธรพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาไม่ชอบใจที่เห็นทานตะวันไปคุยและทำตัวสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนอื่น และก็ยังเป็นลูกของคนใช้ในบ้านของเขาแบบนี้ “ค่ะคุณเขื่อน” ทานตะวันตอบรับด้วยหน้าตาเศร้าๆ และเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น จนธาราธรเริ่มจะหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเธอขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเธอจะยังยืนบื้ออยู่อีกทำไมล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ หรือว่าชอบนักที่ยืนโชว์หุ่นให้ผู้ชายมอง” ธาราธรพูดจบก็ไล่ระดับสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้สภาพของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ชุดนอนที่เธอสวมใส่เมื่อเปียกน้ำทำให้แนบเนื้อมองเห็นรูปร่างของเธอชัดเจน ทานตะวันเมื่อได้สติจึงรีบใช้แขนโอบกอดตัวเองปิดบังหน้าอกเอาไว้ ก่อนร่างบางจะรีบหมุนตัวและวิ่งขึ้นไปบนบ้านทันที “ค่ะ!” ตะวันรีบวิ่งขึ้นมาบนบ้านไปด้วยความอับอาย เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้ และเธอเองก็ดันลืมคิดไปจริงๆว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่สวมใส่เพียงแค่ชุดนอนบางเบา แล้วยังต้องไปแกล้งฉีดน้ำใส่นะนนท์จนตัวเองต้องเปียกปอนไปด้วย เธอเองก็ทำตัวไม่เหมาะสมจริงๆ สมควรแล้วที่โดนต่อว่า ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทานตะวันจึงรีบกุลีกุจอเดินออกไปเปิดประตูให้คนข้างนอก “พี่ขิม!” ทานตะวันพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจที่ได้เจอบุคคลตรงหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นพี่สาวอีกคนของเธอ ก่อนจะโผเข้าไปโอบกอดด้วยความคิดถึง “เป็นยังบ้างไงจ้ะ น้องสาวพี่สบายดีไหม” “ตะวันสบายดีค่ะ พี่ขิมล่ะคะเป็นยังไงบ้าง” “พี่ก็สบายดีจ้ะ น้องตะวันโตขึ้นเยอะเลยนะทำเอาพี่จำแทบไม่ได้ และที่สำคัญตะวันสวยขึ้นมากๆด้วย” สองสาวกอดกันแน่นด้วยความคิดถึงและพูดคุยไถ่ถามสาระทุกข์สุกดิบกันต่ออีกสักพัก ก่อนจะพากันลงมาทานข้าวเช้ากันที่ห้องรับประทานอาหาร “มากันแล้วสาวๆ มาๆลูก พ่อกับแม่รอทานข้าวอยู่ เอ้ะ! แล้วนี่ตาเขื่อนยังไม่ลงมาอีกหรอคุณ ให้คนอื่นต้องรอตลอดเลยเจ้าลูกคนนี้” ท่านธีระพูดขึ้นเมื่อยังไม่เห็นลูกชายคนโตของบ้านลงมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเช้า “นั่นสิคะ ทำไมป่านนี้ยังไม่ลงมาอีก…ตะวันขึ้นไปตามพี่เขาหน่อยลูก ป่านนี้มัวทำอะไรอยู่ปล่อยให้คนอื่นเขารอเอาจนป่านนี้” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น “เอ่อ…ขะ ค่ะแม่ดา เดี๋ยวหนูขึ้นไปตามคุณเขื่อนให้ค่ะ” เด็กสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปตามอีกคนย่างเลี่ยงหลบไม่ได้ ถึงแม้ในใจจะกล้าๆกลัวๆเพราะเธอเองพอจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอมาตั้งแต่เด็กๆ และจนป่านนี้เธอเองก็พอจะรู้ว่าเขาก็ยังเกลียดเธออยู่ ทานตะวันเดินขึ้นมาชั้นบนและมุ่งตรงไปยังห้องของพี่ชายต่างสายเลือดอย่างหวั่นๆ เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูอยูาสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปเคาะประตูห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ทานตะวันยืนรอผู้เป็นเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้ แต่ก็ยังไร้เสียงตอบรับจากบุคคลที่อยู่ในห้อง ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเรียกอีกเป็นครั้งที่สอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ทุกอย่างยังคงเงียบ ทานตะวันเลยตัดสินใจเอี้ยวตัวหันหลังกลับ แต่ในระหว่างนั้นธาราธรได้เปิดประตูออกมาพอดี ก่อนมือหนาจะเอื้อมมากระชากแขนของเธอลากเข้าไปในห้องของเขา “โอ๊ย! ตะ ตะวันเจ็บนะคะคุณเขื่อน” น้ำเสียงพร่าสั่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากอิ่มด้วยความประหม่า ธาราธรเพิ่งจะอาบน้ำแต่เขาได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเลยต้องรีบออกมาก่อนในขณะที่ตนเองยังทำธุระส่วนตัวไม่เสร็จ ตอนนี้เขามีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวสอบอยู่หมิ่นเหม่ ทำให้ตะวันรู้สึกอายไม่น้อยที่เขาลากเธอเข้ามาในห้องทั้งๆที่ตัวเขาเองยังอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยแบบนี้ เด็กสาวได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “เธอมาเคาะห้องฉันทำไม!” ธาราธรอ่ยเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเด็กสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียดอย่างเอาเรื่อง “อ่ะ เอ่อออ..แม่ดาให้ ตะ ตะวันมาเรียกคุณเขื่อนลงไปทานข้าวเช้าค่ะ” เธอเอ่ยตอบโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา เธอจึงได้แต่ก้มหน้ามองพื้นตอบคำถาม “เงยหน้าขึ้นมามองฉัน ฉันไม่ชอบที่เวลาพูดกับใครแล้วอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองปลายเท้า!!” น้ำเสียงเข้มพูดเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็ยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นอยู่แบบนั้นด้วยความประหม่า “ฉันบอกให้เธอเงยหน้าขึ้นมา!!!” “ค่ะ ค่ะ คุณเขื่อน!” ตะวันจำใจเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับคนตัวโตกว่าด้วยความประหม่าและอับอาย เธอทำตัวไม่ถูกที่อีกฝ่ายแต่งตัวยังไม่เรียบร้อยและเปลือยท่อนบน ทำไมเขาถึงไม่อายเลยนะกลับเป็นเธอซะอีกต้องอายแทนเขา ทานตะวันได้แต่นึกคิดในใจ “คนใช้คนอื่นก็มี ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องเสนอตัวขึ้นมาตามฉัน เธอคิดจะอ่อยฉันหรอ?” น้ำเสียงขุ้นเคืองเอ่ยขึ้นพลางก้าวขาไปข้างหน้าช้าๆเพื่อเดินเข้าหาอีกคน ตะวันได้แต่ก้าวถอยหลังและพูดปฏิเสธในสิ่งที่เขาพูดอย่างร้อนรน “มะ ไม่ใช่นะคะคุณเขื่อน ก็แม่ดาใช้ให้ตะวันมาเรียก ตะวันก็ต้องมา ไม่ได้จะมา เอ่อ…อ่อยอะไรคุณเขื่อนเลยนะคะ” เด็กสาวรีบพูดปฏิเสธไปอย่างร้อนรนและพลันก้าวถอยหลังไปชนเข้ากับประตูห้อง ก่อนธาราธรจะเดินเข้าไปประชิดและใช้แขนอีกข้างค้ำประตูเอาไว้ ทานตะวันได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความกลัวจับใจ “อยู่ให้ห่างคนอย่างฉันเอาไว้ อย่ามาอ่อยฉัน จำไว้!!” ธาราธรก้มหน้าลงมากระซิบข้างๆใบหูของเธอ ก่อนตะวันจะใช้มือผลักหน้าอกแกร่งกำยำของเขาให้ถอยออกห่าง ก่อนจะรีบเปิดประตูวิ่งลงไปด้านล่างทันทีด้วยความตกใจกลัว…ตอนที่ 47 (จบบริบูรณ์) ~ 4 ปีผ่านไป ~ “โสนน้อยเรือนงามของลุงภูผาอยู่ไหนน๊า… ไหนใครเอ่ยบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิงเอลซ่า วันนี้ลุงภูผาได้มาตั้งสามชุดแน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย” “ลุงภูผามาแล้ว…!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ ศุภรดา ศิรชล หรือน้องโสน (สะ-โหน) วัยสามขวบครึ่งรีบวิ่งแจ้นออกมาหาลุงภูผา ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มสาวน้อยชูขึ้นมาแนบอกด้วยความรักและเอ็นดู “ไหนชุดเจ้าหญิงเอลซ่าของโสนล่ะคะลุงภูผา” “หื้ม…ต้องหอมแก้มลุงก่อนนะคะถึงจะได้เห็นชุดสวย” ฟอด ฟอด!! “แก้มลุงภูผาหอมชื่นใจจังเลยค่ะ” “แหม๋…พอได้ยินเรื่องของฝากนี่รู้งานเลยนะลูก” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังออดอ้อนคุณลุงภูผา โสนติดลุงภูผาของเขามากเพราะมักจะคอยได้ของเล่น ของกิน และชุดสวยๆจากลุงภูผาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรเธอก็มักจะออดอ้อน และภูผาเองก็มักจะตามใจหลานสาวตัวน้อยๆคนนี้เสมอจนโสนเองได้ใจจนเคยตัว และภูผาจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญประจำบ้านศิรชลไปแล้ว “วันนี้พี่ภูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่นี่นะคะ” “ครับ” ทานตะวันและภูผานั่งคุยกันภายในห้องรับแขก ส่วนคุณนายดารินทร์ ท่านธีระและขิมเดินท
ตอนที่ 46 …1 เดือนต่อมา… ~วันแต่งงาน~ ขบวนขันหมากตั้งขบวนร้องเพลงแห่เสียงดังขับขานมาตั้งแต่ด้านหน้าของไร่ธาราธร ทุกคนสนุกสนานครื้นเครงต่างร้องเพลงขับขานดังก้องไปทั่วท้องถนน วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีของคู่บ่าวสาวป้ายแดง ธาราธรเดินขบวนขันหมากตามประเพณีไทยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในไร่องุ่นอันกว้างขวางที่จัดเตรียมงานไว้อย่างอลังการ แขกเหรื่อในงานต่างเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและกลุ่มเพื่อนๆของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ทั้งสองเชิญมา เจนจิราและเจตนิพัทธ์ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ตัวเจตนิพัทธ์เองจะอกหักและไม่ค่อยจะกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงมาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวเองแอบรักอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังมีภูผาที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนระหว่างเขากับธาราธรไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว ในเมื่อทานตะวันและเพื่อนของเขารักกัน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาก็ควรจะยินดีกับทั้งสองคน วัน
ตอนที่ 45 ธาราธรเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าคนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงนอน เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าทานตะวันที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม “นอนอย่างกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนะยัยตัวแสบ” ธาราธรบ่นเบาๆคนเดียวก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนเกลี้ยงเกลาของเธอเบาๆอย่างรักใคร่หวงแหนก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนาลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเบาๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำของใส่หรือเปล่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ธาราธรยังคงจูบริมฝีปากเธอเบาๆอย่างอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ” “ตื่นแล้วหรอ” “พี่เขื่อน...เข้ามาทำไมคะ” “พี่เอาไอ้นี่มาให้ตะวันตรวจน่ะ” ธาราธรยื่นที่ตรวจครรภ์ให้กับทานตะวันก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ “นี่มัน...ที่ตรวจครรภ์นี่คะ!” “ใช่ครับพี่อยากให้ตะวันลองตรวจดู!!” “ตรวจทำไมเหรอคะ?” “คุณแม่บอกว่าอาการที่ตะวันเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนตอนที่คุณแม่...ท้อง” “ทะ ท้องเหรอคะ” “อื้ม” “แล้วถ้าตะวัน ทะ ท้องขึ้นมาจริงๆ ตะวันจะเลี้ยงลูกได้ไหมคะ ตะวันจะ
ตอนที่ 44 ~ 2เดือนผ่านไป~ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ห้องอาหารของโรงแรมดัง อาทิตย์ต่อมาโซเฟียก็เข้ามาหาธาราธรที่ไร่องุ่นแต่ครอบครัวของธาราธรไม่มีใครต้อนรับเธอ โดยเฉพาะคุณนายดารินทร์ที่ขัดขวางทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้โซเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชายอีก จึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะผู้หญิงอย่างโซเฟียอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของธาราธรและทานตะวันที่ซึ่งกำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คุณนายดารินทร์เลยสั่งให้คนงานในไร่ห้ามโซเฟียเข้ามาภายในไร่ธาราธรเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยให้เข้ามาได้โทษคือไล่ออกสถานเดียว ทางด้านโซเฟียเองเมื่อรู้ว่าธาราธรกำลังจะแต่งงานกับทานตะวัน และตัวเธอเองแทบจะมองไม่เห็นทางไหนเลยสักทางที่จะสามารถแย่งเอาชายหนุ่มกลับมาได้ เพราะตอนนี้หัวใจของธาราธรมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อทานตะวันเพียงแค่คนเดียว โซเฟียเลยเลือกที่จะยอมถอยออกมาดีกว่าที่จะดันทุรัง ช่วงนี้ภายในไร่ธาราธรกำลังยุ่งๆเรื่องเตรียมงานแต่ง ทั้งตัวธาราธรและทานตะวันเองก็วุ่นวายกับการเลือกชุดเลือกการ์ดแต่งงานและถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งงานของเจ้าของไร่องุ่นที่กว้างขวางที่สุด
ตอนที่ 43 โซเฟียยอมลุกออกมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแต่ก็ยังไม่วายคอยเฝ้ามองดูคนสองคนที่กระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ค่อยชอบทานตะวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเกลียดเด็กคนนี้มากกว่าเข้าไปอีก ธาราธรเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก และที่เขาเปลี่ยนไปก็คงจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ ไหนจะท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจเด็กสาวนั่นอีก คงจะหลงเด็กคนนี้ไม่เบาเลยสินะ โซเฟียได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ “คงจะแอบแซ่บกันแล้วล่ะสิ!” โซเฟียพูดขึ้นเบาๆคนเดียวอย่างเหยียดๆ ธาราธรคอยตักอาหารจานโน้นทีจานนี้ทีให้กับคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ตอนนี้หน้าตาที่ดูเรียบเฉยจนดูเย็นชาของเธอมองจากดาวอังคารเขาดูออกว่าเธอกำลังโกรธเขา จากที่จะพาเธอออกมาหาอะไรทานกันข้างนอกเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป แต่กลับต้องมาเจอกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอเลยพลอยทำให้เสียบรรยากาศไปหมด “ตะวันอิ่มแล้วค่ะ” มือเรียวสวยรวบช้อนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ยอมมองหรือสบตากับคนตรงหน้า และเธอก็ไม่สนใจเขา “ทำไมอิ่มเร็วจังเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” “ตะวันทานไม่ลงค่ะ” “ตะวันโกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ตอนที่ 42 ธาราธรถอนตัวตนอันใหญ่โตของเขาออกจากร่องสวาทของเธอ ก่อนจะมองดูน้ำรักขาวขุ่นผลงานของตัวเองที่ไหลย้อนออกมาจากร่องรักของเธออย่างไม่วางตา เขาพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเองก่อนจะยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นใบหน้าหวานของเธอที่แดงซ่านด้วยความอายอย่างน่ารัก ก่อนคนตัวเล็กระรีบเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอาย “ไม่ต้องอายพี่หรอกเพราะร่างกายทุกส่วนของตะวัน…พี่เห็นมาหมดแล้ว” ‘บ้าจริง ทำไมหัวใจของเธอต้องเต้นแรง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มทุกครั้งที่เขาสัมผัส อีกทั้งเธอยังไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาได้เลย’ ทานตะวันได้แต่คิดในใจอย่างนึกอาย.. “ที่ผ่านมาตะวันเจ็บมากใช่ไหม?” “……” ทานตะวันไม่ตอบเธอทำได้แค่มองสบตาคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก ตอนนั้นเธออายุ8ขวบ เขาเองอายุ18ปี อายุของเขากับเธอห่างกัน10ปี เขาคิดแค่ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเด็กที่พ่อแม่รับมาอุปการะ เกลียดเพราะคิดว่าเธอจะมาเป็นภาระให้กับครอบครัว เกลียดเพราะกลัวเธอจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาและน้องสาวของเขา ทั้งที่เธอเองเป็นเด็กดี และน่ารัก