ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เขาไม่เห็นคนกลุ่มนี้อยู่ในสายตาเลย!“พี่รอง เรื่องนี้ควรจะทำยังไงกันดี”หลิวอวี้เฉิงมองไปยังหลิวอวี้เชาที่อยู่ข้างๆ สีหน้าเป็นกังวล ไม่พูดไม่จาสักคำ ในฐานะที่เป็นผู้รับช่วงต่อของครอบครัว หลิวอวี้เชาจึงต้องเป็นผู้ใหญ่และนิ่งสุขุมหลายปีมานี้ทุกครั้งที่ตระกูลหลิวพบเจอกับสถาการณ์ที่ยากลำบาก เขาย่อมมีวิธีในการแก้ไขเสมอฉะนั้น ในตอนนี้คงทำได้แค่ฝากความหวังที่จะช่วยหลานสาวออกมา เอาไว้กับเขาเท่านั้น“นายถามฉัน และฉันจะไปถามใคร”“ถ้ามีหนทาง ฉันคงไม่เอาแต่เงียบเหมือนเมื่อกี้นี้หรอก!”แม้ว่าหลิวอวี้เชาจะดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมรอบคอบ แต่ในตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าขึ้นมาเย่จ้าวเฟิงไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเรื่อง แต่บังเอิญไปยั่วยุเสี้ยวหยวนเป้าไอ้สารเลวคนนี้เข้าให้!ครั้งนี้ เขากลัวว่าเย่เข่อชิงจะท่าไม่ดีแล้วจริงๆ !“ตายแน่...ครั้งนี้พี่ต้องซวยแน่ๆ !”ตัวการก่อเรื่องอย่างเย่จ้าวเฟิง ตอนนี้กลับตัวสั่นเทานั่งยองๆ อยู่มุมด้านข้าง แม้แต่จะผายลมก็ยังไม่กล้าเขาเองก็ตระหนักขึ้นได้ว่าครั้งนี้ตัวเองนั้นได้เผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว!เสี้ยวหยวนเป้าที่กำลังแบกเย่เข่อช
“ตุ้บ!”หลิวอวี้ฉินคุกเข่าลงกับพื้น เอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าโศก “ขอร้องล่ะ ปล่อยลูกสาวของฉันเถอะ!”คราวนี้ เธอยอมเชื่อฟังแล้ว ไม่ได้พุ่งตรงขึ้นไปแล้วไม่อย่างนั้น ก็อาจจะถูกเสี้ยวหยวนเป้าถีบเข้าอีกครั้ง กลัวว่าชีวิตแก่ๆ นี้จะต้องตายอยู่ที่นี่“ช่วยด้วย มีคนไร้มารยาท!”เย่เข่อชิงก็ตะโกนร้องเสียงดังสุดเสียงขึ้นมาคนมากมายอยู่ในห้องโถง เธอหวังว่าจะดึงดูดความสนใจของคนรอบข้าง ให้เสี้ยวหยวนเป้าไม่กล้าที่จะอวดดีเช่นนี้“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดจะทำอะไร แต่ว่าฉันขอเตือนเธอไว้เลยว่าอย่าเปลืองแรงไปเสียเปล่าๆ”“ในเขตพื้นที่ซูหางนี้ ยังไม่มีใครกล้าสู้กับฉันเป้าเหย่”เพียงแค่นึกถึงฉากที่มีผู้หญิงสวยๆ มาปรนนิบัติใต้หว่างขาของเขา เสี้ยวหยวนเป้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะหยาบคายขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น เย่เข่อชิงก็จมอยู่กับความสิ้นหวังแขกที่อยู่ในร้านอาหารเหล่านั้น ไม่มีใครสักคนที่ยืดมือออกมาอย่างกล้าหาญแม้ว่าจะมีแขกที่ไม่รู้เรื่องอยากที่จะเข้ามาห้าม แต่ก็ถูกคนข้างขวางเอาไว้ และชี้ให้เห็นถึงฐานะของเสี้ยวหยวนเป้า“หรือว่า ไม่มีคนช่วยฉันได้แล้วจริงๆ เหรอ”เย่เข่อชิงจนปัญญา รอยน้ำตา
ถ้าหากว่าไอ้หมอนี่อยากตาย ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องไปขัดขวาง“ที่คุณบอกหรือว่าจะเป็น...คนนั้น”ในสมองของเสี้ยวหยวนเป้า จู่ๆ ก็ปรากฏให้เห็นร่างที่แสนธรรมดาของหลินเยว่“ก็นับว่านายไม่ได้โง่มาก”“ในเมื่อรู้แล้ว ก็รีบปล่อยเธอไปซะ!”ฉินอวิ๋นคงโบกไม้โบกมืออย่างร้อนใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสี้ยวหยวนเป้าก็วางเย่เข่อชิงลงมา ตบเบาๆ ที่ใบหน้ามนของเธอ “แม่สาวน้อย ถือว่าเธอโชคดี ครั้งหน้าถ้าเจอกันอีกล่ะก็ โชคอาจจะไม่ดีแบบนี้!”“ไม่ใช่ว่าผมกลัวเขา แต่เห็นแก่หน้าตาของคุณชายรองฉิน”“ถ้ามีโอกาส ผมจะต้องวัดกันสักหน่อย ว่าไอ้หมอนั่นมันจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว!”พูดจบ เสี้ยวหยวนเป้าเงยหน้าขึ้นมองฉินอวิ๋นคงอย่างมีความหมายลึกซึ้งครู่หนึ่ง และหมุนตัวออกไปจากศาลาเทียนเซียง“คุณชายรองฉิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณ คุณมากนะคะ!”เย่เข่อชิงที่เพิ่งกระโดดออกมาจากปากเสือได้ เธอตกใจจนวิ่งเข้าไปหาฉินอวิ๋นคงฉินอวิ๋นคงที่เบี่ยงตัวหนี ฝืนยิ้มเอ่ยขึ้น “เรื่องเล็กน้อย ถ้าจะให้พูดผมก็ได้รับความไว้วางใจมาอีกที!”เมื่อเห็นท่าทางหลบหนีของเขา เย่เข่อชิงไม่เพียงแต่ไม่ดีใจ เธอกลับรู้สึกว่าฉินอวิ๋นคงเป็นสุภาพบุรุษมากๆ“คุณชายร
หลังจากที่ออกมาจากศาลาเทียนเซียง เสี้ยวหยวนเป้าก็ตรงเข้าไปนั่งบนรถเมอร์เซเดสเบนซ์-มายบัค ที่จอดอยู่ข้างทาง“เฮงซวยแม่งจริงๆ เลย!”“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอ้หมอนั่นมาห้ามไว้แล้วล่ะก็ คืนนี้กูคงจะมีความสุขไปแล้ว”หลังจากที่ขึ้นไปบนรถ ปากของเสี้ยวหยวนเป้าก็ก่นด่าไม่หยุด ด้วยสีหน้าเสียดาย“พี่เป้า ทำไมพี่ถึงได้โกรธขนาดนี้”น้องชายคนเล็กหวังเฉียงที่ทำหน้าที่ขับรถแทนเขา มองเห็นสีหน้าของเสี้ยวหยวนเป้า จึงได้ถามหยั่งเชิงไปหนึ่งประโยค“อะไรที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องซุ่มสี่สุ่มห้าถาม ตั้งใจขับรถของแกไป!”เสี้ยวหยวนเป้าจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าโหดร้ายค่อนข้างน่ากลัวหวังเฉียงที่เห็นสถานการณ์ก็หดหัวลง กล้าจุกจิกเสียที่ไหนกัน จากนั้นเขาจึงได้ติดเครื่องรถในทันทีการที่สามารถขับรถแทนเจ้านายได้ จะต้องเป็นบุคคลที่สนิทไว้ใจแน่นอนว่าเขารู้พฤติกรรมของเสี้ยวหยวนเป้ามากกว่าคนอื่นๆในตอนนี้ถ้าเกิดไปกระตุกต่อมโมโหของพี่ใหญ่เข้า กลัวว่าจะถูกตีเอาในยามค่ำคืน มายบัคขับอยู่บนท้องถนนด้วยความรวดเร็วภายใต้แสงไฟที่ส่องแสงสะท้อน สายตาของเสี้ยวหยวนเป้าวูบไหวนั่งอยู่บนรถและนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัน
“แม่งเอ๊ย ไอ้สารเลวตัวไหนเป็นคนทำ”“ถ้ามีฝีมือนัก แกก็ออกมาดวลกับฉัน ลอบกัดกันแบบนี้จะไปมีความสามารถอะไร!”เสี้ยวหยวนเป้าเงยหน้ากวาดตามองไปรอบๆ สีหน้าท่าทางโหดเหี้ยม ดูเหมือนจะโกรธเอาเสียมากๆ“ปัง...”“ปัง...”“ปัง...”ไม่รอให้เขาพูดจบ เสียงระเบิดก็พลันดังขึ้นอีกหนึ่งชุดด้วยความที่เสี้ยวหยวนเป้าเป็นศูนย์กลาง ไฟส่องทางในระยะห้าสิบเมตรก็ทยอยระเบิดทีละดวงในเวลาไม่กี่อึดใจ บริเวณรอบๆ ก็ตกอยู่ในความมืดมน“ใครกำลังเล่นละครตบตาอยู่กันแน่!”มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย ทำให้เสี้ยวหยวนเป้าอกสั่นขวัญแขวนดวงทั้งสองข้างของเขาเบิกกว้าง กวาดสายตาไปรอบๆ ไม่หยุด ต้องการที่จะหาคนที่อยู่เบื้องหลังของหลอกผี“นายกำลังกลัวอะไรอยู่”น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาทางด้านหลังของเสี้ยวหยวนเป้าชั่วพริบตาเสี้ยวหยวนเป้าก็รู้สึกถึงความหนาวเย็น จิตวิญญาณความรู้สึกจากท้ายทอยพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าเขาหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว เงาร่างคนที่เลือนรางไม่รู้ว่ามาปรากฏอยู่ด้านหลังของเขาตั้งแต่เมื่อไรคนคนนี้ ที่โผล่มาโดยฉับพลันก็คือหลินเยว่!เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคน เสี้ยวหยวนเป้าก็ไม่ได้กลัวถึงขนาดนั้น
คฤหาสน์อวิ๋นหู เมืองเจียงไหว"หลินเยว่ นายเซ็นใบหย่าฉบับนี้ให้ฉันเถอะ""นายเองก็รู้ว่าฐานะของนายในตอนนี้ ไม่คู่ควรกับประธานเย่เลยสักนิด""เพราะว่าท่านประธานเย่สงสารนาย ก็เลยให้ค่าชดเชยนายไปไม่ใช่น้อยๆ บ้านหนึ่งหลัง รถหนึ่งคัน สิทธิ์ในการถือหุ้นของบริษัท แล้วก็เงินยี่สิบห้าสิบล้านบาท""รับค่าชดเชยพวกนี้ไปซะ ไม่ว่าผู้หญิงแบบไหนนายก็หาไม่เจอหรอก"หญิงสาวในชุดเครื่องแบบสำนักงาน พูดฉอดๆ ไม่หยุดอยู่ใกล้ๆ กับชายหนุ่มรูปร่างของเธอค่อนข้างดูดี ขาเรียวยาวทั้งสองข้างถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีดำภายใต้กระโปรงขาสั้น หน้าตาสะสวย และสวมแว่นตากรอบสีดำ ดูเหมือนเธอจะเป็นหญิงสาวหัวสมัยใหม่ชายหนุ่มที่สวมผ้ากันเปื้อนคาดไว้ที่เอว กำลังล้างจานด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกคิ้วคมราวกับเล่มดาบ และดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว ลายเส้นโครงหน้าที่ชัดเจนของเขา แลดูเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งมากถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้นหล่อ แต่อย่างน้อยหน้าตาของเขาก็ไม่ทำให้คนรังเกียจนัก"หลินเยว่ นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง""การแต่งงานในครั้งนี้ ถึงนายไม่อยากจะหย่านายก็ต้องหย่า!"เมื่อเห็นหลินเยว่ที่ดื้อรั้น หญิงสาวก็พลันโมโหเป็นอย่างมากหลินเยว่วาง
สิ้นเสียงลง หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆหญิงสาวคนนี้สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รูปร่างสูงโปร่งเกินกว่าใคร และบวกกับหน้าตาก็ยิ่งสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเธอมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาโตมีพลัง คิ้วเข้มสวยราวกับภูเขาห่างไกล ริมฝีปากเล็กๆ แดงระเรื่อฟันด้านในเรียงกันราวเมล็ดน้ำเต้าสวมกระโปรงยาวสีม่วง ขับบุคลิกที่สูงส่งของเธอให้โดดเด่นออกมา แขนขาวราวกับรากบัวที่ปรากฏให้เห็น ยิ่งส่องประกายทำให้ผู้คนประทับใจหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ ราวกับว่าได้เดินออกมาจากภาพวาดเมื่อเปรียบเทียบกับเฝิงซานซานแล้ว ดูหม่นหมองไร้สีสันไปในพริบตาถึงแม้ว่าตอนนี้หลินเยว่จะมองเห็นเธอ แต่เขาก็ยังรู้สึกใจเต้นโครมครามพวกเขาทั้งสองคนเคยมีความสุขแสนหวานร่วมกัน ทว่าตอนนี้..."ประธานเย่คะ คุณไม่ต้องคุยอะไรกับเขามากมายหรอกค่ะ ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเลยค่ะ"เฝิงซานซานเอ่ยเตือน"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ"เย่เข่อชิงพยักหน้าเฝิงซานซานอึกๆ อักๆ ทำได้แค่ยืนอยู่ด้านข้างและจ้องมองไปยังหลินเยว่อย่างดุดัน ราวกับว่าเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและหดหู่เย่เข่อชิงมองชายคนนี้ ทุกอย่างในอดีตที่ผ่าน
"กล่องเหรอ"เย่เข่อชิงพยายามที่จะย้อนคิดกลับไปในที่สุดเธอก็นึกออก ตอนที่แต่งงานหลินเยว่ได้นำกล่องหวายเรียบๆ กล่องหนึ่งมาด้วยจริงๆเพราะเหตุนี้น้องชายเธอเย่จ้าวเฟิง จึงได้หัวเราะในความบ้านนอกของหลินเยว่ต่อหน้าเขา บอกว่าเขาข้ามเวลามาจากสมัยโบราณรึยังไง"นั่นเป็นสิ่งของของคุณ คุณมีสิทธิที่จะควบคุมมันอยู่แล้ว"เย่เข่อชิงเอ่ยขึ้น"ได้ งั้นผมก็ไม่มีข้อเรียกร้องอะไรอื่นอีกแล้ว"หลินเยว่กดบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้งเย่เข่อชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้น "หลินเยว่ ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ว่าฉันเองก็มีความลำบากใจของฉัน หวังว่าคุณจะเข้าใจ""ผมเข้าใจ"หลินเยว่หยิบปากขึ้นมาเซ็นชื่อลงบนใบหย่าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเย่เข่อชิงเมื่อเห็นดังนั้น ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาแต่ว่า ทันใดนั้นเธอก็มีความรู้สูญเสียอย่างรุนแรงการแต่งงานระหว่างทั้งสองคน ต้องจบลงแบบนี้แม้ว่ามันจะไม่ยุติธรรมกับชายคนนี้เลย แต่สำหรับตระกูลเย่แล้ว นี่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด"ถ้าคุณรู้สึกเสียดาย ก็กลับมาหาฉันได้ทุกเมื่อ ฉันยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ ฉันรักษาคำพูดตลอด"พูดจบ เย่เข่