"เรียกผมว่าหลินเยว่ก็พอ"หลินเยว่เอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย"หมอเทวดาหลิน ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน ก็คงไม่เท่ากับได้เจอท่านต่อหน้า""ผมไม่เคยคิดเรื่องอายุของท่านเลย แต่ไม่คิดเลยว่าท่านจะยังดูเด็กขนาดนี้""เป็นฮีโร่ตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่เลยจริงๆ !"หลี่เฉิงเฟิงชื่นชมเขาอย่างระมัดระวัง"อืม"หลินเยว่ตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชาผู้คนต่างหอบหายใจฟู่ๆ สูดอากาศเย็นๆ เข้าไปด้วยความหวาดหวั่นทั้งเมืองเจียงไหวนี้ ถ้าหากมีคนรับใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับหลี่เฉิงเฟิงแล้วล่ะก็ กลัวว่าคงจะถูกจับลากลงไปในทะเลสาบเพื่อเป็นอาหารปลาไปตั้งนานแล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงได้กล้าอวดดีขนาดนี้ไม่นึกเลยว่าหลี่เฉิงเฟิงจะไม่โกรธเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าคนนี้ต้องเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ถึงได้อวดดีแบบนี้"ท่านหมอเทวดาหลิน เชิญขึ้นรถเลยครับ พวกเราค่อยไปคุยกันบนรถ"หลี่เฉิงเฟิงผายมือออกไปและทำท่าทางเชื้อเชิญหลินเยว่ไม่ได้พูดอะไร เขาถือกระเป๋าด้วยสองมือและหันหน้าเดินไปขึ้นรถลินคอล์นหลิวอวี้ฉินและอีกสองคนที่ขับรถออกมาจากประตูทางเข้า กลับถูกกลุ่มคนชุดดำมาขวางทางเอาไว้"ด้านหน้าเกิดเรื่องอะไร เป็นใครกันทำไมถึงได้ใหญ่โตหรูห
"ในเวลาที่เหมาะสม เราจะได้พบกันเอง"พูดจบ หลินเยว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป หลังจากนั้นเขาก็นำโทรศัพท์มือถือคืนให้กับหลี่เฉิงเฟิง"อึก..."หลี่เฉิงเฟิงกลืนน้ำลายอย่างจริงจังถ้าหากเขาได้ยินไม่ผิด หมอเทวดาหลินท่านนี้กำลังข่มขู่ว่าจะหักขาของราชาแห่งเหลียงโจว!และราชาแห่งเหลียงโจว ก็ดูขี้ขลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพูดมาขนาดนี้...ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ต้องมีสถานะที่ไม่รู้ว่าสูงกว่าราชาเหลียงโจวมากไปตั้งเท่าไหร่เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยปรมาจารย์มังกร ตัวตนจริงๆ นั้นเป็นแค่หมอจริงๆ เหรอไม่นาน รถก็ขับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตระกูลหลี่ไม่ได้อยู่ใจกลางเมือง แต่อยู่ในเขตใกล้ๆ ชานเมืองที่นี่อยู่ใกล้กับภูเขาชิงหลง บอกได้เลยว่าเป็นทิวทัศน์ภูเขาและสายน้ำสวยงามตระการตา เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยมากๆคฤหาสน์ตระกูลหลี่สร้างขึ้นบนยอดเขา และครอบคลุมพื้นที่หลายสิบไร่มีภูเขาและสายน้ำล้อมรอบ เป็นทำเลทองตามหลักฮวงจุ้ยคนของตระกูลหลี่ก็มารวมพล ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าทั้งหมดแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรผู้นำถึงได้จัดการแบบนี้ แต่ได้ยินมาว่าคนใหญ่คนโตมาถึง พวกเขาแต่ละคนจึงต้องมาเตรียมความพร้อมขบวนรถหรูหรา ค่
หลินเยว่เพิ่งจะถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงไออย่างหนักออกมาจากภายในห้อง“แค่ก แค่ก แค่ก...”หลังจากตามหลี่เฉิงเฟิงผลักประตูเปิดเข้าไปในห้อง กลิ่นฉุนที่เกิดจากการผสมระหว่างยาสมุนไพรจีนกับน้ำยาฆ่าเชื้อ กระทบเข้าหน้าเขาอย่างจังภายในห้องนอนขนาดเกือบหนึ่งร้อยตารางเมตรนี้ เต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่หลากหลาย พยาบาลสวมชุดป้องกันและหน้ากากอนามัยที่ใช้เฉพาะในทางการแพทย์คอยบันทึกข้อมูลจากอุปกรณ์อยู่ตลอดเวลาสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ เปรียบได้กับในห้องไอซียูของโรงพยาบาล ยังไงอย่างงั้นเลย!ชายชราร่างซูบผอมที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น บนศีรษะสวมหน้ากากออกซิเจน และบนร่างกายถูกเสียบด้วยหลอดฉีดยาต่าง ๆ เต็มไปหมดถ้าไม่ได้มีเสียงไอออกมาบ้างเป็นครั้งคราว คนที่เข้ามาคงต่างพากันคิดว่าชายชราได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบแล้วแน่นอนหลังจากเข้ามา หลินเยว่คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยยาดีราคาแพงเหล่านั้นวางเกลื่อนอยู่ข้างเตียงของชายชราถั่งเช่ามูลค่าหลายหมื่นบาท แต่เมื่ออยู่ที่นี่กลับเหมือนขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดเป็นกองตามมุมถนนโสมซึ่งปกติหาไม่ได้ง่าย ๆ ทั่วไป ก็เหมือนกับผักกาดขาวธรรมดา ที่ถูกมัดซ้อน ๆ กันเป็นชั้
“ทำเหมือนตัวเองฉลาด!” หลินเยว่ส่ายหัว“คุณพูดอะไร?”“ยาลูกกลอนโสมอะไรไร้สาระของคุณนี่ นอกจากจะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณท่านเลยสักนิดแล้ว กลับจะยิ่งทำให้ร่างกายของคุณท่านทรุดลงเร็วขึ้นไปอีกด้วย” หลินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกเมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของจางเค่อหมิงก็คร่ำเครียดลงทันที“อาหารสามารถสุ่มกินไปเรื่อยได้ แต่คำพูดไม่สามารถพูดไปเรื่อยได้นะ!”“ถ้าหากว่ายาลูกกลอนโสมทั้งสิบชนิดของผมไม่มีประสิทธิภาพ คุณท่านจะยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”หลินเยว่มองไปยังจางเค่อหมิงที่พูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ และตอบกลับอย่างนุ่มนวลว่า “แนวความคิดของคุณที่นำยาสมุนไพรจีนมากับผสมผสานกับเทคนิคการแพทย์ตะวันตกถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ว่า ผิดที่คุณวิเคราะห์อาการผิดพลาด!”“ไม่ว่าจะเป็นโสมหรือว่าบัวหิมะ หรือแม้แต่ตังกุยซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวยาเสริม ทั้งหมดล้วนแต่เป็นยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกายสูง คนไข้ทั่วไปกินแล้วจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”“แต่ทว่า ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณท่านค่อนข้างอ่อนแอจนถึงขีดสุด ยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการบำรุงมากเหล่านี้ สำหรับเขาแล้วมีพิษมากกว่าสารหนูหลายเท่า!”
หลินเยว่หยุดลงเข็ม แล้วหันกลับไปมองเห็นเพียงหลี่เฉิงเฉียงทายาทอันดับสองของตระกูลหลี่ ค่อย ๆ เดินเยื้องกรายจากนอกห้องเข้ามา“น้องรอง นี่นายกำลังทำอะไร?”หลี่เฉิงเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ “หมอเทวดาหลินกำลังจะรักษาคุณพ่อ ทำไมนายต้องมาขัดจังหวะ?”“พี่ใหญ่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะ แต่ว่ามีคนที่สามารถรักษาคุณพ่อได้ดีกว่า” หลี่เฉิงเฉียงพูดอย่างภาคภูมิใจ“คนรักษาที่ดีกว่า?” หลี่เฉิงเฟิงถามกลับอย่างแปลกใจ“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้ ผมคิดว่าหมอเทวดาหกนิ้วเหมาะสมที่จะรักษาคุณพ่อมากกว่า”หลังจากที่หลี่เฉิงเฉียงพูดจบ เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวทุกคนถึงพบว่า ด้านหลังของหลี่เฉิงเฉียงยังมีชายชราผมสีเงินท่านหนึ่งยืนอยู่ชายชราสวมเสื้อคลุมยาว รูปร่างต่ำเตี้ยเล็กน้อย แต่มีท่าทางสง่าน่าเลื่อมใส“หมอเทวดาหกนิ้ว เสี้ยวไท่เจิน?”“เป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์ที่แม้แต่อาจารย์แพทย์ทั้งหลายยังต้องยอมรับในฝีมือการรักษาของเขา!”“มีเขาอยู่ ชายแซ่หลินก็ไม่มีค่าแล้วน่ะสิ?”เมื่อได้ยินชื่อเสี้ยวไท่เจิน จางเค่อหมิงซึ่งแต่เดิมยืนอยู่ตรงมุมก็เปลี่ยนทีท่า ราวกับว่าได้เห็นคนช่วยให้รอดแล้วเขาก้
เขาหยิบกล่องขึ้นมาแล้วเดินจากไปทันที โดยไม่มีท่าทีลังเลใจเลยแม้แต่น้อย!“น้องรอง นายนี่มันพูดจาเหลวไหลหาเรื่องจริง ๆ เลย”“ทำหมอเทวดาหลินโกรธและเดินออกไปแล้ว ทีนี้ใครจะมารักษาคุณพ่อ?”เมื่อเห็นหลินเยว่หันหลังและเดินออกไปแล้วจริง ๆ หลี่เฉิงเฟิงก็เริ่มกังวลขึ้นมาทันทีเขาใช้ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ไปไม่น้อย ถึงขั้นยอมติดหนี้บุญคุณมหาศาล เพื่อไปอ้อนวอนขอร้องราชาแห่งเหลียงโจวผู้ยิ่งใหญ่ให้ช่วยพูดให้ทุ่มเทและพยายามอย่างมาก กว่าจะเชิญหลินเยว่ให้ลงมาจากเขาได้สุดท้ายนอกจากอาการของชายชราจะยังไม่ได้รับการรักษาแล้ว ยังทำให้คนอื่นขุ่นเคืองใจไปอีกจ้าวฉีคังราชาแห่งเหลียงโจว เป็นบุคคลสำคัญที่แม้แต่หลี่ฉางคงคุณปู่ตระกูลหลี่ยังต้องกุลีกุจอไปต้อนรับเขา!“พี่ใหญ่ บางทีราชาแห่งเหลียงโจวก็มีมองพลาดไปบ้าง”“และอีกอย่าง เมื่อพูดถึงทักษะทางการแพทย์ท่านผู้อาวุโสเสี้ยวก็มีความสามารถโดดเด่นอยู่ในระดับแนวหน้า”“ชายคนนั้น แม้แต่คุณสมบัติเด็กถือรองเท้ายังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ!”หลี่เฉิงเฉียงเดิมทีก็ไม่ได้สนใจหลี่เฉิงเฟิงอยู่แล้วเขามีแผนบางอย่างอยู่ในใจถ้าหากหมอเทวดาที่เขาเชิญมาสามารถรักษาคุณพ่อให้หายได้ ถ้าอย่
เมื่อเห็นว่าร่างกายของชายชราค่อย ๆ ฟื้นตัว หลี่เฉิงเฟิงก็เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เมื่อเห็นฉากนี้ แต่ละคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ และต่างชื่นชมในทักษะทางการแพทย์ของเสี้ยวไท่เจินไม่หยุด“คุณท่านหลี่อาการป่วยจนเข้าขั้นระยะสุดท้ายแล้ว แต่ภายใต้การรักษาของผู้อาวุโสเสี้ยว ก็สามารถพลิกชีวิตกลับขึ้นมาได้ในพริบตาเดียว ทักษะทางการแพทย์นี้สุดยอดมากเลยจริง ๆ!” “ผมนายจางคิดว่าตัวเองก็เป็นแพทย์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ว่าต่อหน้าผู้อาวุโสเสี้ยวแล้ว ไม่ควรค่าที่จะเอ่ยถึงเลยสักนิด!”“......”“......”เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากทุกคนรอบตัว เสี้ยวไท่เจินก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากแต่อย่างไรก็ตาม เขากลับโบกมือแล้วพูดว่า “การรักษาโรคและช่วยเหลือผู้คน เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวลาก่อน ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากในซูหางที่ต้องการให้ข้ารักษา”หลี่เฉิงเฟิงเมื่อได้ยินว่าเสี้ยวไท่เจินบอกว่าจะไป ก็รีบชวนให้เขาอยู่ต่อทันทีและพูดว่า “ท่านผู้อาวุโสเสี้ยว ท่านรักษาคุณท่านให้หายดีได้ นั่นก็นับว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งต่อตระกูลหลี่ของพวกเรา”“รีบสั่งให้คนไปจองชั้นดา
ยังจะมากล้าแช่งคุณท่านอีก คงไม่รู้จริง ๆ ว่าความตายสะกดยังไง น่าจะรู้ว่าการมีเรื่องกับตระกูลหลี่ของพวกเรา นั้นก็เหมือนกับขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปสู่ประตูนรกแล้ว!”กลุ่มคนของตระกูลหลี่ที่เดิมทีติดตามเสี้ยวไท่เจินอยู่ด้านหลัง ก็เริ่มดุด่าว่าทอหลินเยว่อย่างเสีย ๆ หาย ๆ ขึ้นมาทันที“คุณหลี่ มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นแล้วค่ะ!”“อยู่ ๆ ร่างกายของคุณท่านก็เริ่มทรุด ตอนนี้สัญญาณชีพของท่านลดลงแล้ว!”“หากสถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป เกรงว่าคุณท่านจะไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้วค่ะ!”ในขณะเดียวกัน จางเค่อหมิงที่เฝ้าดูชายชราอยู่ในห้อง ก็รีบวิ่งออกมาอย่างทุลักทุเล“อะไร?”สีหน้าของหลี่เฉิงเฟิงเปลี่ยนไปอย่างมาก เขามองตรงไปที่เสี้ยวไท่เจิน “ผู้อาวุโสเสี้ยว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เสี้ยวไท่เจินที่ตอนแรกยังภูมิใจอยู่ จู่ ๆ หน้าก็ซีดขึ้นมาทันทีเขาแสร้งทำเป็นสงบและพูดว่า “คุณหลี่ อย่าเพิ่งตกใจไป เดี๋ยวข้าลองฝังเข็มอีกครั้ง”“มันสายเกินไปแล้ว ด้วยสภาพตอนนี้ของคุณท่าน เกรงว่าจะไม่สามารถอยู่ต่อได้แม้แต่สิบนาที” จางเค่อหมิงกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินดังนั้น เสี้ยวไท่เจินก็หน้าซีดทันทีสิบนาที?เหมือนกับที่ชายแซ่หลินกล่