เหล่าแมลงพิษนับไม่ถ้วนกวาดไปทั่วถนนสายนี้อย่างเงียบงัน จากนั้นภายใต้คำสั่งนายหญิงของพวกมัน ก็สังหารพ่อค้าขายหมูเพชฌฆาตเหล่านั้นจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวเมื่อผู้คนจากร้านค้าอื่นได้ยินเสียงและออกมาดู ก็เห็นศพเรียงรายบนถนน ทุกคนต่างตกใจจนขวัญกระเจิงทันทีไม่ใช่เพราะหวาดกลัวเมื่อเห็นศพแต่เป็นเพราะกว่าสิบศพนั้นตายอย่างน่าสยดสยองเกินไปหากจะเรียกว่าศพ สู้เรียกว่าซากกระดูกจะเหมาะกว่าเลือดเนื้อบนนั้นถูกแทะจนพรุนเกือบหมด ร่องรอยที่เหลืออยู่ยิ่งทำให้ซากกระดูกนั้นดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งและสิ่งที่ทำให้น่าประหลาดใจที่สุดคือ ซากกระดูกของพวกเขาล้วนถูกสับออกเป็นท่อน ๆเหมือนกับการขายเนื้อหมู ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนแผงขายเนื้อหมูของพวกเขาเองตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ทว่าเนื้อหมูที่เคยอยู่บนแผงกลับหายไปหากเวลานี้มีผู้ใดอยู่ในป่าทิศตะวันออกนอกตลาดการค้าชายแดน คงจะเห็นกองดินเล็ก ๆ กองหนึ่งโผล่ขึ้นมาใหม่ที่นั่นและหน้ากองดินเล็ก ๆ นั้นมีคัมภีร์สวดส่งวิญญาณเล่มหนึ่งวางอยู่โดยมีก้อนหินเล็ก ๆ ทับไว้......หลังจากจัดการพ่อค้าขายหมูบนถนนหมูเรียบร้อยแล้ว หลานซื่อก็พาพวกเขากลับโรงเตี๊ยมตลอดเส้นท
นางได้รับสารที่อวิ่นซิงส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วบอกว่าตรงแผงขายเนื้อหมูที่หัวมุมถนนมีสิ่งผิดสังเกตนางจึงพาเล่อตุนและเสี่ยวหานเดินมาพอมาถึงสายตาของนางก็สะดุดเข้ากับหนึ่งในประกาศมากมายที่แปะอยู่บนกำแพงข้างแผงขายเนื้อหมูเจ้านี้ ม่านตาของนางหดรัดลงในทันใดนี่คือ...ภาพเหมือนของนางหรือ?!สายตาของนางพลันมองไปยังบรรทัดอักษรต่างถิ่นที่อยู่ใต้ภาพเหมือนนั้นแม้นางไม่เข้าใจ แต่อวิ่นซิงกลับสามารถแปลความหมายให้นางได้เมื่อนางฟังจบ สีหน้าของนางก็ขรึมลงฉับพลันแทนที่จะเรียกว่าภาพเหมือนของนาง สู้เรียกว่าประกาศจับของนางจะดีกว่าสิ่งที่วาดไว้ในภาพ คือโฉมหน้าของนางตอนไปช่วยท่านปู่หลินและท่านลุงหลินที่อำเภอหลินเจียงผู้ที่เคยเห็นการแต่งกายของนางในครั้งนั้นและยังสามารถออกประกาศจับในดินแดนชาวต่างเผ่าแห่งนี้ได้ หลานซื่อแทบจะนึกถึงบุคคลหนึ่งขึ้นมาในทันใด...อ๋องชางแห่งราชสำนักต่างถิ่น ชางชิงหลานและยังเป็นนายเก่าของอวิ่นซิงด้วย[ชางชิงหลานอยู่ที่นี่หรือ?]หลานซื่อเอ่ยถามอวิ่นซิงโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับสัมผัสคลื่นอารมณ์ของมันอย่างถี่ถ้วนอย่างไรเสียก็เป็นนายเก่า เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่ออวิ่นซิง
“เล่อตุ้น ไปกันเถอะ”ให้เล่อตุ้นจัดการรายนี้เรียบร้อย ผลของการเชือดไก่ให้ลิงดูนั้นชัดเจนว่าดีมากหลานซื่อเหลือบมองแผงขายเนื้อหมูตรงหัวมุมถนน ก่อนจะเรียกเล่อตุ้นให้ออกไปจากที่นี่ด้วยกันพวกพ่อค้าขายหมูจากแผงอื่นทำได้เพียงมอง “เหยื่อ” เดินผ่านถนนสายนี้ที่พวกเขาอยู่ไปตาปริบ ๆ แต่ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือขัดขวางยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการล้างแค้นให้พ่อค้าขายหมูที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมผู้นั้นเลยจนกระทั่งหลานซื่อกับพวกเดินผ่านไปแล้ว ถึงมีพ่อค้าขายหมูซึ่งคับข้องใจนักเปิดปากพูดกับพ่อค้าขายหมูอีกแผงหนึ่งด้วยภาษาชาวต่างเผ่าว่า “เจ้าสอง จะปล่อยหมูสองสามตัวนั่นไปอย่างนี้หรือ?”“ก็ใช่น่ะสิ กว่าจะมาที่ทั้งนุ่มทั้งอวบมาหลายตัว แถมยังมาหาเองถึงที่”“ถ้าปล่อยให้พวกเขาเดินผ่านถนนหมูของเราไปโดยที่ร่างกายยังครบสามสิบสองล่ะก็ คนที่ถนนแกะไม่หัวเราะจนท้องแข็งก็แปลกแล้ว!”เมื่อมีคนหนึ่งทนไม่ไหวเอ่ยปากขึ้น พ่อค้าขายหมูคนอื่น ๆ ก็พากันโผล่หน้าจากหลังแผงขายเนื้อหมูอย่างอดใจไม่ไหว มีบางคนมองตามทางที่หลานซื่อกับพวกจากไปด้วยความเสียดายและละโมบ“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า?”พ่อค้าขายหมูที่ถูกคนอื่นเรียกว่า “เจ้าสอง” ปัก
สุนัขชั่วร้ายกำลังแทะกระดูกชิ้นใหญ่ที่อยู่กับปาก เคี้ยวส่งเสียงดังพลางจ้องมองหลานซื่อกับพวกที่ก้าวเข้ามาในถนนสายนี้ด้วยดวงตาแดงก่ำ“หมาไม่เอาไหน กินของในชามยังไม่พอ ยังอยากได้มื้อใหญ่เพิ่มอีกงั้นหรือ?”ผู้ที่จ้องมองหลานซื่อกับพวกเช่นเดียวกับสุนัขชั่วร้าย ยังมีพ่อค้าขายหมูที่เพิ่งสับกระดูกชิ้นใหญ่เสร็จและกำลังเล่นมีดทำครัวในมือเมื่อเห็นหลานซื่อกับพวกมองมาทางเขา เขาก็แสยะยิ้มทันที พวงแก้มใหญ่สั่นไหว ดูเป็นรอยยิ้มที่มีเจตนาแอบแฝงประมาณหนึ่ง“มองอะไร ขืนมองอีกทีข้าจะเชือดพวกเจ้ามาเป็นกับแกล้มเหล้าเสียเลย”สีหน้าของเสี่ยวหานพลันขรึมลงทันทีแต่นางยังไม่ทันโวยวาย หลานซื่อที่อยู่ด้านหน้าก็ก้าวเท้าเดินต่อไปแล้วเสี่ยวหานได้แต่ถลึงตาใส่พ่อค้าขายหมูผู้นั้น ก่อนรีบตามหลานซื่อไป“คุณหนูเจ้าคะ เรารีบไปจากที่นี่เถิด ผู้คนบนถนนสายนี้ดูไม่ค่อยปกติเลย”พอเสี่ยวหานพูดจบ เวินฉางอวิ้นที่เดินตามหลังมาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพยักหน้าตาม อยากเกลี้ยกล่อมให้หลานซื่อไปจากตรงนี้เสียเพราะอย่างที่เสี่ยวหานว่าไว้ บนถนนสายนี้ยังมีแผงขายเนื้อหมูแบบเดียวกับพ่อค้าขายหมูผู้นั้นอีกสิบกว่าเจ้าและแผงขายเนื้อ
“ไม่ใช่อย่างนั้น...”เวินฉางอวิ้นเอ่ยคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงแผ่วระดับต่ำสุดหลานซื่อเพียงจ้องเขาเช่นนั้นบรรยากาศเงียบงันไปครู่หนึ่ง เสียงของเวินฉางอวิ้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ในน้ำเสียงของเขาเจือความสั่นเครือเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าต้องการหลบหน้าเจ้า เพียงแต่กลัว... กลัวว่าจะทำทำร้ายถูกเจ้า”“ทำร้ายถูกข้าหรือ?”หลานซื่อยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงความเย้ยหยัน “เช่นนั้นท่านก็คงประเมินตัวเองสูงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือใครก็ตาม เรื่องคราวก่อนจะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแน่”เวินฉางอวิ้นไม่เอ่ยสิ่งใด ได้แต่จ้องมองนางนิ่ง ๆหลานซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อีกอย่างวันนั้นที่ข้าให้คนไปช่วยท่านก็เพียงแค่เอ่ยปากไปอย่างนั้นเอง หากเป็นคนอื่น ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน”เมื่อได้ยินคำนี้ เวินฉางอวิ้นกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย“ข้ารู้ดี ความจริงแล้วน้องห้าจิตใจดีงามมาตลอด”ทันทีที่ได้ยินคำชมว่า “จิตใจดีงาม” จากปากเวินฉางอวิ้น สีหน้าของหลานซื่อพลันขรึมลงในชั่วพริบตานางเห็นท่าทางเช่นนี้ของเวินฉางอวิ้น ในใจพลันบังเกิดโทสะที่ไม่อาจจางหายอย่างไม่มีสาเหตุ “เอ่ยคำชวนคลื่นไส้เช่นนี้ต
เวินฉางอวิ้นจะเลือกหนทางใดเล่า?เขาไม่อาจเลือกทางใดได้เลย“ข้าต้องบอกน้องห้า ให้นางระวังแผนการอันชั่วร้ายทั้งหมดของท่านแน่”เวินฉางอวิ้นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยียบเย็น“แน่นอน ข้าก็บอกแล้วว่าจะไม่ขัดขวางเจ้า”เวินเฉวียนเซิ่งทำท่าทีมิใส่ใจแม้แต่น้อยแต่ยิ่งเวินฉางอวิ้นเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งเต็มไปด้วยความระแวดระวังเขาเพียงปรายตามองเวินเฉวียนเซิ่งลึกซึ้งคราหนึ่ง ก่อนหันกายจากไปจากตรงนี้ทว่าเขามิได้ทำตามคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งที่ให้ไปหาหลานซื่อ หากแต่ก้าวออกไปจากโรงเตี๊ยมโดยไม่เหลียวหลังเมื่อเห็นเงาร่างเวินฉางอวิ้นลับหายไปที่ประตู เวินจื่อเยวี่ยก็ขมวดคิ้วมองไปยังเวินเฉวียนเซิ่ง“ท่านพ่อ นี่พี่ใหญ่เขาจะไปทำอะไรท ท่านไม่ได้บอกให้เขาไปหาเวินซื่อหรอกหรือ?”เหตุใดกลับเดินออกไปข้างนอกเล่า?เขาจึงเอ่ยถามว่า “ให้ข้าไปตามพี่ใหญ่กลับมาดีหรือไม่? คงยังไปได้ไม่ไกลนัก”เวินเฉวียนเซิ่งชายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็พอ ส่วนเขา? หากรู้สถานการณ์ ก็ย่อมรู้ว่าควรกระทำสิ่งใด”หากไม่รู้สถานการณ์เล่า?เวินจื่อเยวี่ยเผลอตั้งคำถามเช่นนี้ในใจโดยไม่รู้ตัว?แน่นอนว่าหาได้คำตอบจากเวิน