LOGINฮ่องเต้ ผู้โด่งดังในเรื่องความหื่นกระหายและไม่เคยพอเพียงกับสิ่งที่มีในวังหลัง มีสนมซ่อนตัวอยู่ในวังหลังอีกนับร้อยคน แต่คืนนี้ พระองค์กลับเปิดเผยความต้องการอย่างตรงไปตรงมา พระองค์ต้องการให้ภรรยาคนรักของแม่ทัพฉินเย่เหวินมาเป็นสนมของพระองค์อีกสักคน คำประกาศนี้ทำให้แม่ทัพฉินเย่เหวินรู้สึกเหมือนถูกฟาดฟันด้วยก้อนหินหนัก เขาไม่สามารถทนต่อความดูหมิ่นนี้ได้ เขาลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินออกจากงานเลี้ยงอย่างรวดเร็ว ดวงใจของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและความเจ็บปวด เมื่อกลับถึงบ้าน เขาพบภรรยาของเขากำลังรออยู่ในห้องนอน ดวงตาของเธอสว่างไสวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า เขาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เธอฟังด้วยความรู้สึกบอบช้ำ แต่ความตอบสนองของเธอกลับทำให้เขาตกตะลึง ดวงตาของเธอแสดงความตื่นเต้นและความต้องการที่จะเป็นสนมของฮ่องเต้ จนเธอสั่นเทาทั้งร่าง ฉินเย่เหวินพยายามอ้อนวอนขอให้เธออยู่เคียงข้างเขา แต่ความรักที่เขามีและความเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของเธอกลับถูกทำลายไปในพริบตา ภรรยาที่เขาเคยรักกลับเลือกที่จะไปเป็นสนมของฮ่องเต้ ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี นิยายแนว NC แบบจัดเต็ม
View Moreฉินเย่เหวิน ผู้บังคับการทหารที่เก่งกาจและมีชื่อเสียงโด่งดังไม่ว่าจะไปทำศึกที่แคว้นไหนเมืองใดก็สามารถนำชัยชนะกลับมาทุกครั้ง ขณะนี้เขาอยู่ในวัย 25 ปี และได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้บังคับการทหารระดับสูง งานเลี้ยงในวังหลวงที่จัดขึ้นในวันนี้เป็นการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่เพื่อเกียรติยศของเขา โดยมีฮ่องเต้หวังเจียเหอเป็นประธาน
ภายในห้องโถงใหญ่ของวังหลวง การจัดงานเต็มไปด้วยความหรูหราและสง่างาม ทุกมุมของห้องถูกตกแต่งอย่างประณีต ดอกไม้สดและโคมไฟทองคำส่องสว่างไปทั่ว เสียงดนตรีที่ไพเราะและการสนทนาของแขกผู้มีเกียรติทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความเคารพ
“ฉินเย่เหวิน ข้าดีใจด้วยจริงๆ ที่ไม่ทันไรเจ้าก็สามารถเลื่อนขั้นได้อีกแล้ว อีกประมาณสัก 10 ปี เจ้าก็จะสามารถขึ้นมาเป็นแม่ทัพได้อย่างไม่ยากเย็นนัก" ฮ่องเต้พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความชื่นชม ทรงยิ้มให้กับฉินเย่เหวินอย่างอบอุ่น ดวงตาของพระองค์สะท้อนถึงความภูมิใจและความพอใจในความสำเร็จของผู้บังคับการทหารหนุ่ม
ทางด้านฉินเย่เหวินเอง โค้งคำนับด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความเคารพและความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม"ขอบพระคุณองค์ฮ่องเต้ ข้าจะไม่หยุดยั้งความพยายามและจะทำงานให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงของพระองค์และแผ่นดิน"
การแสดงออกของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความจริงใจและความภาคภูมิใจในตำแหน่งใหม่ของเขา
"หึ หึ หึ เจ้าอยากขึ้นมาเป็นแม่ทัพหรือไม่? ไม่ต้องเสียเวลารอนานถึงสิบปีเลย"
ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนคนมีความลับ ในขณะที่เสียงของพระองค์เบาและแฝงไปด้วยการล้อเล่น มีเพียงฉินเย่เหวินและบุคคลใกล้ชิดเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดนี้
"ขอบพระคุณองค์ฮ่องเต้ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ท่านผิดหวัง ข้าพร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพียงแต่ท่านออกคำสั่ง"
สีหน้าของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความมุ่งมั่น เขารู้ดีว่านี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่เขาต้องใช้ทุกความสามารถและความภักดีเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อฮ่องเต้ ขณะเดียวกัน บรรยากาศรอบข้างยังคงเต็มไปด้วยความสุขและความคาดหวังในอนาคต ฮ่องเต้ ผู้อื้อฉาวในเรื่องความหื่นกระหายที่ไม่รู้จักพอ ได้แสดงความต้องการอย่างตรงไปตรงมา
พระองค์กล่าวกับฉินเย่เหวินอย่างเปิดเผย
"ฉินเย่เหวิน ข้าต้องสารภาพว่าได้รับความประทับใจอย่างลึกซึ้งจากภรรยาคนรักของท่าน เสน่ห์และความงดงามของนางนั้นมันเป็นภาพติดตาที่ข้าไม่มีวันลืมเลือน ข้าจึงขอให้ท่านมอบนางให้แก่ข้าเพื่อมาเป็นสนมของข้าอีกสักคน"
ฉินเย่เหวินรู้สึกโกรธเคืองฮ่องเต้หวังเจียเหออย่างถึงขีดสุด เมื่อต้องแลกภรรยาของตนเพื่อเลื่อนขั้นตำแหน่งและประหยัดระยะเวลาในการเป็นแม่ทัพ การเรียกร้องให้ยกภรรยาที่เขารักให้กับฮ่องเต้ถือเป็นการเหยียดหยามน้ำใจของเขาอย่างที่สุด"ท่านฮ่องเต้ ท่านเหยียดหยามน้ำใจของข้ามากเกินไปแล้ว สตรีนางนี้เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของข้า ข้าไม่สามารถยกนางให้ท่านได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ"
คำพูดของเขาสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความรู้สึกถูกดูหมิ่นอย่างรุนแรง ใบหน้าของฉินเย่เหวินแสดงออกถึงความเครียดและความโกรธที่เขาไม่อาจควบคุมได้ หลังจากนั้นเขาเดินทางออกจากงานเลี้ยงทันที แม้ว่างานนี้จะถูกจัดขึ้นเพื่อเขาเองก็ตาม
การเดินทางออกจากงานเลี้ยงของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเครียดและความผิดหวัง เขาไม่สามารถทนต่อการเหยียดหยามและการข่มขู่ที่เกิดขึ้นได้
เมื่อกลับถึงจวน เขาพบภรรยาของเขากำลังรออยู่ในห้องนอน ดวงตาของเธอสว่างไสวเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า
“ซูเหม่ยฉิง, ฮ่องเต้ชั่วนั่นมันต้องการให้เจ้ามาเป็นสนมของมัน!”
ความโกรธเคืองที่สะสมอยู่ในน้ำเสียงของฉินเย่เหวิน และสีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจและความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ต่อให้ความหวังและความฝันถูกทำลาย แต่เขาก็ยืนหยัดด้วยความภาคภูมิใจ
"ท่านพี่ ท่านพูดจริงๆ เหรอ? ฮ่องเต้สนใจข้าจริงๆ ใช่ไหม? ข้ากำลังจะได้เป็นสนมใช่ไหม?"
น้ำเสียงของซูเหม่ยฉิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่เกรงใจชายผู้อันเป็นที่รัก ความรู้สึกของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากความสงสัยเป็นความตื่นเต้น นางมองเห็นภาพอนาคตที่เต็มไปด้วยชีวิตที่สุขสบายซึ่งกำลังจะมาถึง การได้เป็นสนมหมายความว่า นางจะได้รับการยกย่องจากผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน และเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจและเกียรติยศ
ซูเหม่ยฉิงยิ้มกว้างในขณะที่จินตนาการถึงชีวิตใหม่ที่รอคอยอยู่ข้างหน้า ความคิดถึงการที่ผู้คนจะก้มหัวให้และการได้รับความสนใจจากฮ่องเต้ทำให้หัวใจของนางเต้นรัว นางเริ่มเห็นภาพตัวเองในฐานะของสนมที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากฮ่องเต้และได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างสูงส่ง
การตอบสนองของเธอกลับทำให้เขาตกตะลึง ดวงตาของเธอแสดงความตื่นเต้นและความต้องการที่จะเป็นสนมของฮ่องเต้ จนเธอสั่นเทาทั้งร่าง
"ไม่จริงใช่ไหม ซูเหม่ยฉิง เจ้าจะทิ้งข้าไปจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? พวกเราคบหากันมาตั้งแต่เด็กนะ"
แววตาของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความไม่เชื่อ เขาพยายามกล่าวขอร้องและอ้อนวอนเพื่อไม่ให้นางทิ้งเขาไป ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขากำลังจะพังทลายเมื่อเห็นคนรักของเขากลายเป็นเฉยชา
"ข้าต้องการชีวิตที่ดีขึ้น ข้าต้องการความสุขที่ไม่ต้องรอจนแก่ตาย กี่ปี กี่ชาติถึงท่านจะได้เป็นแม่ทัพกับเขา? หากท่านรักข้าจากใจจริง ท่านควรที่จะปล่อยข้าไปเถิด ข้าต้องการไปใช้ชีวิตที่สุขสบายยิ่งกว่าเดิม"
คำพูดของซูเหม่ยฉิงเต็มไปด้วยความมั่นใจและการตัดสินใจที่หนักแน่น นางมองไปยังอนาคตที่เปิดกว้างและเต็มไปด้วยโอกาสที่ดีขึ้น ซึ่งทำให้การตัดสินใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญและไม่สามารถย้อนกลับได้ นางไม่สามารถเห็นคุณค่าของความรักที่มีต่อ
ฉินเย่เหวินเหนือกว่าความสุขและความมั่นคงที่เธอจะได้รับจากการเป็นสนมของฮ่องเต้
เช้าวันต่อมา ฮ่องเต้ส่งรถม้ามารับซูเหม่ยฉิงถึงหน้าจวนอย่างไม่เกรงใจฉินเย่เหวิน ชายผู้อันเป็นสามีของนาง การกระทำนี้สร้างความตึงเครียดและความขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัด
ซูเหม่ยฉิงรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังในการได้เป็นสนมของฮ่องเต้ นางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะใช้ประสบการณ์ที่มีในเรื่องหลับนอนเพื่อดึงดูดและทำให้ฮ่องเต้หลงเสน่ห์นางไปนานๆ นางเห็นโอกาสนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่จะได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายและมีเกียรติ
ในขณะที่ซูเหม่ยฉิงกำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากจวน ความรู้สึกของฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโกรธ ร่างของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา
"หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ หากเจ้าแย่งผู้หญิงของข้าได้ ข้าก็สามารถแย่งผู้หญิงของเจ้าได้เช่นกัน!"
คำพูดของฉินเย่เหวินสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความโกรธที่เขามีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาพูดด้วยความมั่นใจและความตั้งใจที่จะตอบโต้และแก้แค้นความไม่ยุติธรรมที่เขาเผชิญหน้า การกระทำนี้บ่งบอกถึงความเสียใจและความมุ่งมั่นในการปกป้องความรักและเกียรติของตัวเอง
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ ประสบความเจ็บป่วยอย่างหนัก องค์ฮองเฮาหลี่หวงซินได้ตัดสินใจทุบกำแพงที่แยกตำหนักส่วนตัวของนางกับจวนของแม่ทัพฉินเย่เหวิน และสร้างพื้นที่ร่วมกันใหม่ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย นางได้แปลงตำหนักของนางให้กลายเป็นสถานที่ที่คล้ายหลุดออกจากโลกภายนอกพื้นที่ในตำหนักของนางถูกปกคลุมด้วยความลับและความเย้ายวนใจ ไม่มีข้อบังคับทางศีลธรรมมาขวางกั้น ความหลงใหลและความปรารถนาของนางกับแม่ทัพหนุ่มจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทุกวัน แม่ทัพฉินเย่เหวินจะมอบความเร่าร้อนและความพึงพอใจให้แก่องค์ฮองเฮาอย่างดุเดือด นางร้องครวญครางด้วยความสุขจนเต็มอิ่มเสียงครางจากองค์ฮองเฮาดังขึ้น "ท่านแม่ทัพ แรงอีก แรงอีก ข้าเสียวจนข้าจะไม่ไหวอยู่แล้ว" นางร้องออกมาด้วยความรู้สึกอันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความพอใจในขณะที่ภาพความรักอันร้อนแรงเผยออกมา ภายในตำหนักที่เปล่าเปลือยแห่งนี้ นางสนมจากตำหนักผีเสื้อยืนอยู่ด้วยความหลงใหลและชื่นชม การมองดูฉากนี้ราวกับเป็นการแสดงถึงความงดงามและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนางสนมราวกับถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์อันล้ำลึกของฉากที่พวกนางเฝ้าดู ร่างกายของพวกนางทั้งหมดรวม 100 ชีวิต นุ่งน้อยห่
หลังจากที่หวังเจียเหอ ฮ่องเต้ล้มป่วยและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตำหนักผีเสื้อซึ่งเคยเป็นสวนสวรรค์ของพระองค์ก็ขาดคนดูแล สถานที่นี้เต็มไปด้วยนางสนมร้อยกว่าคนที่มีลีลาในการร่วมรักที่สุดแสนจะร้อนแรงพวกนางถูกรวบรวมมาจากทั่วทั้งแผ่นดินไม่ว่าจะผิวพรรณหน้าตารวมไปถึงความหื่นกระหายของพวกนางนั้นนับว่าเป็นหนึ่งแม่ทัพฉินเย่เหวินได้เชิญนางสนมทั้งหมดให้ย้ายมาอยู่กับตนชายหนุ่มผู้มีพลังอำนาจมากที่สุดภายในเมืองหลวงแห่งนี้นั้นเป็นเขามีหรือที่พวกนางนั้นจะตอบปฏิเสธจวนของท่านแม่ทัพในยามนี้นั้นเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้งในกลุ่มนางสนมมีซูเหม่ยฉิงซึ่งเป็นอดีตภรรยาคนรักของแม่ทัพ ฉินเย่เหวิน นางได้กลับมาด้วยความเต็มใจเพื่อรับหน้าที่ในการดูแลแม่ทัพและรับผิดชอบในการให้ความสุขทางกายแก่เขา ซูเหม่ยฉิงมีลีลาที่เร่าร้อนและประสบการณ์อันลึกซึ้งจากอดีตที่ผ่านมา ความรักและราคะที่เคยมีต่อกันทำให้เธอเต็มใจและพร้อมที่จะรับภาระหนักในการรองรับความต้องการของชายผู้เป็นอดีตสามีของเธอคืนนี้ ซูเหม่ยฉิงได้เตรียมตัวอย่างดีด้วยการสวมใส่ชุดนอนบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวนใจของเธออย่า
แม่ทัพฉินเย่เหวินได้สร้างผลงานที่น่าจดจำอีกครั้งด้วยการปราบจอมโจรที่มีชื่อเสียง จึงได้รับการเลื่อนขั้นจากตำแหน่งแม่ทัพเป็น "แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง" การเลื่อนขั้นนี้เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนจากองฮองเฮาหลี่หวงซิน ซึ่งไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนด้านตำแหน่ง แต่ยังมอบจวนแม่ทัพหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่โตและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวินตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักขององฮองเฮาหลี่หวงซิน นางให้เหตุผลว่าการมีเขาใกล้ชิดจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากขึ้น เพราะเขาสามารถคอยปกป้องเธอและลูกได้ตลอดเวลา ความใกล้ชิดนี้ยังแสดงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใด ๆ ต่อการเลื่อนขั้นและการมอบจวนใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน เนื่องจากเขาตระหนักถึงความสำคัญและความสามารถของแม่ทัพหนุ่มในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของราชสำนักในช่วงกลางดึกของคืนหนึ่ง องฮองเฮาหลี่หวงซินได้แอบลอบเข้ามาภายในจวนหลังใหม่ของแม่ทัพฉินเย่เหวิน ความรู้สึกของนางที่ไม่อาจต้านทานความต้องการในใจ ทำให้นางตัดสินใจเดินทางจากตำหนักของตนไปยังจวนใหม่ของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักของนางเพียงไม่กี่ก้าวค่ำคืนนี้ช
แม่ทัพฉินเย่เหวินจ้องมองเรือนร่างของนางโจรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ท่อนเนื้อแข็งผงาดขึ้นมาด้วยความปรารถนา เขารู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ความคิดในใจเต็มไปด้วยภาพของนางที่ชัดเจนทุกอณู เนื้อหนังของนางที่อ่อนนุ่มและโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหลทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้บรรยากาศรอบกายเริ่มเปลี่ยนแปลง กลิ่นอายแห่งราคะค่อยๆ ลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ความต้องการในใจของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ทวีความรุนแรงขึ้น เขารู้ดีว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คือความพึงพอใจอย่างสุดขีดในเรือนร่างของนาง และไม่อาจหลบหนีจากเสน่ห์ที่นางมีต่อเขาได้เลยร่างกายของจอมโจรสาวเริ่มสั่นเทาด้วยความรู้สึกที่เธอไม่อาจควบคุมได้ เปลวไฟแห่งราคะกำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างของเธอ หลังจากที่ดื่มชาที่มีส่วนผสมปลุกอารมณ์เข้าไป ความร้อนรุ่มก็เริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย สายตาของเธอพร่ามัวด้วยแรงปรารถนา หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกจากอก ความคิดที่เคยเข้มแข็งและมุ่งมั่นของเธอถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่รุนแรง เธอรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในตั











