แชร์

บทที่ 391

ผู้เขียน: จิ้งซิง
ถึงอย่างไรผู้เฒ่าหลานก็เคยเป็นพ่อบ้านของสกุลหลานมาก่อน ย่อมมีความฉับไวในบางแง่มุมอยู่แล้ว หลังจากสังเกตเห็นท่าทีของเวินซื่ออย่างรางเลือน ในขณะที่เวินซื่อกำลังเตรียมตัวออกเดินทางกลับมาที่อารามสุ่ยเยว่ในวันนั้น เขาก็ยื่นสิ่งของอย่างหนึ่งให้เวินซื่อ

“คุณหนูน้อย บ่าวเกิดในสกุลหลาน เติบโตในสกุลหลานมาชั่วชีวิต ตายก็อยากตายเพื่อสายเลือดของสกุลหลาน ดังนั้นคุณหนูน้อยได้โปรดรับของสิ่งนี้ไว้ ให้โอกาสบ่าวสักครั้ง ให้บ่าวได้ตายเพื่อท่าน”

ผู้เฒ่าหลานมีอายุมานานแล้ว แล้วมีปัญหาอะไร?

เขายังสามารถทำให้ตัวเองได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง เพื่อสกุลหลาน และเพื่อคุณหนูน้อย

เวินซื่อมองไปที่สัญญาขายตัวที่ยื่นมาจากมือของเขา

นางหลุบตาลงเล็กน้อย “ลุงหลาน ท่านคิดดีแล้วหรือ?”

ผู้เฒ่าหลานหันไปมองที่ดินกุยอวิ๋นผืนนั้น ความรู้สึกคะนึงหาพรั่งพรูเข้ามาในดวงตาทั้งสองของเขา จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองเวินซื่ออีกครั้ง เหมือนกับที่เคยมองนายท่านของเขาในตอนนั้น พลางเอ่ยอย่างจริงจัง “บ่าวคิดดีแล้ว ชั่วชีวิตนี้บ่าวจะจงรักภักดีเพียงสกุลหลานเท่านั้น แม้ว่าพวกคุณชายใหญ่จะเป็นสายเลือดของคุณหนูใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนของสกุลหลาน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 392

    “นี่ น้องสี่ น้ำหล่อเลี้ยงของรากไม้แห้งที่ท่านให้มาสามารถทำลายแปลงสมุนไพรของเวินซื่อ ทำให้นางไม่สามารถเพาะปลูกได้อีกจริงหรือ?”“แน่นอน”เวินอวี้จือเชิดคางขึ้นกล่าวอย่างจองหอง “น้ำหล่อเลี้ยงของรากไม้แห้งเป็นสิ่งที่ข้าอ่านมาจากตำราพิษของหมอปีศาจราชันพิษ มีคนเพียงไม่กี่คนที่รู้จักของสิ่งนี้ เว้นแต่ว่าหมอปีศาจราชันพิษจะมาถอนพิษด้วยตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครช่วยแปลงสมุนไพรเหล่านั้นของเวินซื่อได้เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินจื่อเยวี่ยก็โล่งใจได้ในทันที“ถ้าอย่างนั้นก็ดี คราวนี้สั่งสอนบทเรียนแก่เวินซื่อให้เต็มที่ ครั้งนี้สิ่งที่พวกเราจัดการก็คือแปลงสมุนไพรของนาง ไม่ใช่คนของนาง ต่อให้นางคาดเดาได้ว่าพวกเราเป็นคนทำ ก็ทำอะไรเจ้ากับข้าไม่ได้”“ถึงอย่างไรต่อให้พูดออกไป เรื่องนี้ก็สามารถยืดหยุ่นได้เวินจื่อเยวี่ยแสยะมุมปาก กล่าวอย่างดูถูกเวินอวี้จือยิ้มเล็กน้อยเช่นกัน “นางไม่กล้าทำอะไรหรอก ไม่แน่ว่าอาจจะขอร้องพวกเราเพื่อแปลงสมุนไพรเหล่านั้นในที่ดินกุยอวิ๋นก็ได้ ถึงเวลานั้นก็ให้นางคุกเข่าสารภาพผิดต่อหน้าน้องหกอย่างสาสม เช่นนี้ถึงจะสามารถชดเชยความเจ็บปวดที่น้องหกได้รับในวัง”“ท่านสมกับที่เป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 393

    เช้าตรู่ พวกเขายังไม่ทันตื่น เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือก็ถูกเวินเฉวียนเซิ่งดึงขึ้นจากเตียง“เกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อ?”“ซี้ด หนาวจัง ท่านพ่อ ท่านให้ข้าไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะ!”“ยังจะใส่เสื้อผ้าอีก ใส่อะไรหนักหนา! หน้าตาของจวนเจิ้นกั๋วกงกำลังจะถูกพวกเจ้าทำลายหมดสิ้นแล้ว!”เวินเฉวียนเซิ่งผลักเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือออกไปเมื่อมาถึงประตูจวนเจิ้นกั๋วกง ทั้งสองก็เห็นเวินฉางอวิ้นยืนอยู่ที่ประตูเป็นอันดับแรก“พี่ใหญ่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจในสถานการณ์เวินฉางอวิ้นเหลือบมองพวกเขาสองคน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้าเดินออกมาดูเอาเองเถอะ”ในขณะที่เขาพูดเช่นนี้ เวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าจาง ๆ“นี่มันกลิ่นอะไรเนี่ย?”เวินจื่อเยวี่ยปิดจมูกแล้วเดินออกไปข้างนอก ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง รูม่านตาก็หดตัวลงทันที โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง“นี่เป็นฝีมือของใคร?!”“ใครกันช่างรนหาที่ตาย บังอาจสาดเทสิ่งของแบบนี้ใส่จวนเจิ้นกั๋วกงของเรา!”เวินจื่อเยวี่ยแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว เขาปิดจมูกพลางตวาดลั่น แต่เขาในเวล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 394

    “เจ้ายังกล้าโต้เถียงอีก!”เวินเฉวียนเซิ่งพูดแล้วก็ยกมือขึ้นอีก ขณะที่กำลังจะตบปากเวินจื่อเยวี่ยเป็นครั้งที่สาม เวินฉางอวิ้นก็ยื่นมือออกไปห้ามเขาไว้“พอแล้วท่านพ่อ”เวินฉางอวิ้นผลักเวินจื่อเยวี่ยออกไปข้าง ๆ หลังจากมองเวินเฉวียนเซิ่งแวบหนึ่ง ก็ทิ้งประโยคหนึ่งไว้อย่างเฉยชา...“ไม่ว่าท่านจะทำท่าทำทางอย่างไร ชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งนี้ก็เหม็นโฉ่สุดขีดเหมือนอุจจาระที่อยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูบานนี้แล้ว”หลังจากที่เขาพูดจบ ก็ยกเท้าขึ้นมาจากอุจจาระเหล่านั้นเดินออกไป จากนั้นก็ขึ้นรถม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเวินจื่อเยวี่ยนึกไม่ถึงว่าเวินฉางอวิ้นจะพูดจาเช่นนั้นนี่มันเลยเถิดยิ่งกว่าที่เขาโต้เถียงเล่นสำบัดสำนวนเมื่อครู่เสียอีก ดูหน้าบิดาสิ ดำทะมึนเป็นหมิ่นหม้อแล้วสุดท้ายเวินเฉวียนเซิ่งก็ยังแบกกลิ่นอุจจาระจาง ๆ เข้าไปในวังเพื่อเข้าเฝ้าเช่นเดียวกับเวินฉางอวิ้น ส่วนเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือถูกเวินเฉวียนเซิ่งกักขังไว้ในบ้านชั่วคราว รอให้เขากลับมาก่อนค่อยจัดการไอ้สารเลวสองคนนี้พอเช้าตรู่ เหตุการณ์ที่ประตูจวนเจิ้นกั๋วกงก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างรวดเร็วซ้ำยังกลายเป็นเรื่องขบ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 395

    เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนเป็นลมไปเพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็โมโหจนกระอักเลือดมาแล้วครั้งหนึ่ง หมอบอกให้เขาระมัดระวังอารมณ์ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว ต่อไปห้ามตื่นเต้นจนเกินไปผลปรากฏว่าหลายวันที่ผ่านมาได้เป็นลมไปแล้วสองครั้งเพราะความตื่นเต้นจริง ๆบวกกับเรื่องที่ประตูใหญ่จวนเจิ้นกั๋วกงของเขาถูกสาดอุจจาระเหม็นเน่าติดต่อกันสิบวันแพร่กระจายจนผู้คนรู้กันไปทั่วดังนั้นฮ่องเต้น้อยจึงให้เขาพักผ่อนอยู่ในบ้านให้เต็มที่อย่างรู้ใจ ให้เขาพักหยุดงานอีกสักสองสามวัน“ท่านพ่อโมโหหญิงสารเลวอย่างเวินซื่อจนเป็นลมไปจริงหรือ?”เมื่อเวินเยวี่ยได้รู้ข่าวคราว ก็รีบลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันทีสาวใช้เซียงเหอพยักหน้าเล็กน้อย “เรียนคุณหนู เป็นเช่นนี้จริง ๆ”“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หลายวันมานี้ข้างนอกเสียงดังหนวกหูจะแย่ พี่สามพี่สี่ก็ไม่รู้จักมาเยี่ยมข้าบ้าง”ตอนนี้เวินเยวี่ยยังคงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นหลายวันมานี้จึงไม่ได้ออกไปนอกเรือนเล็กมากนัก และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้างนอกแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือไม่ได้มาเยี่ยมนางหลายวันแล้ว หัวใจของนางก็ตื่นตัวขึ้นมาทันทีเพราะข่าวล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 396

    หลังจากเก็บกวาดความระเนระนาดมามากเกินไป บัดนี้หากเวินเฉวียนเซิ่งต้องการทำให้สถานการณ์สงบขึ้น ก็ต้องจัดการกับลูก ๆ ของเขาให้ดียังต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย มิฉะนั้นหากพลั้งเผลอเมื่อใดอาจจะมีคนไหนวิ่งออกไปหาเรื่องให้เขาอีกก็เหมือนกับเวินจื่อเยวี่ยเวินเฉวียนเซิ่งเองก็คาดไม่ถึง เขาเพิ่งโมโหจนเป็นลมไป เวินจื่อเยวี่ยก็วิ่งออกไปอีกแล้ว!”ตอนที่ได้รู้ข่าว เวินเฉวียนเซิ่งแทบจะลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจจากอาการป่วยใกล้ตาย เดือดดาลเป็นอย่างมาก “ยังไม่รีบไปค้นหาอีก จับไอ้คนไม่เป็นโล้เป็นพายนั้นกลับมา! ถ้าเขาไม่กล้ากลับมา ก็หักขาทั้งสองของเขาแล้วลากกลับมา!”พ่อบ้านยิ้มเจื่อน ๆ ทันทีแม้ว่าท่านกั๋วกงจะพูดเช่นนี้ แต่พวกเขามีหรือจะกล้าทุบตีขาของคุณชายสามจนหักโชคดีที่เวินเฉวียนเซิ่งนึกอะไรขึ้นได้อย่างฉับพลัน จึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ไม่ ช้าก่อน ไปหาฉางอวิ้น ให้เขาไปพาตัวน้องชายไม่เอาถ่านของเขากลับมา!”นับตั้งแต่องครักษ์ลับของจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกวาดล้างในครั้งนั้น พวกที่ได้รับการฝึกฝนในจวนเหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเวินจื่อเยวี่ยเลยเขาต้องการออกไปข้างนอก ไม่มีใครห้ามเขาได้โดยเฉพาะอย่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 397

    “พลั่ก!”เวินจื่อเฉินทนฟังต่อไปไม่ไหว ชกเข้าไปที่ใบหน้าเวินจื่อเยวี่ย“ท่าน...!”เวินจื่อเยวี่ยที่ถูกต่อยก็โกรธมากเช่นกัน หันกลับมาตอบโต้กลับเวินจื่อเฉินทันทีทั้งสองคนอยู่ในกรงเหล็กนั้น สถานที่แคบ ๆ แม้แต่จะซ่อนตัวยังไม่ได้ หมัดแล้วหมัดเล่า แต่ละหมัดประเคนใส่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างไร้ความปรานีไม่นานก็ตีกันจนใบหน้าฟกช้ำดำเขียวสถานการณ์ทางนี้รุนแรง แต่ทางด้านนั้นเวินซื่อกลับไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเขา ก้มหน้าก้มตาปรุงยาสมุนไพรในมืออยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งพวกเขาสู้กันจนเหนื่อย เวินซื่อก็ปรุงยาในมือเสร็จแล้วไม่ใช่ยาเม็ด แต่เป็นยาน้ำที่มีกลิ่นแปลกประหลาดมากขวดหนึ่งหลังจากบรรจุเรียบร้อยแล้ว นางก็ลุกขึ้นยืนเดินออกไปถึงด้านนอกกรงเหล็ก กวาดสายตาผ่านเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ยทีละคน“ซี้ด”เวินจื่อเยวี่ยแสยะมุมปาก เจ็บปวดจนเขาต้องอ้าปากหอบ จากนั้นเขาก็จับกรงเหล็กมองไปยังเวินซื่อที่อยู่ข้างนอกพลางเอ่ยขึ้น“เวินซื่อ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าแค่ต้องการแก้แค้นข้าที่ทำลายแปลงสมุนไพรของเจ้า ใครใช้ให้ข้าตกอยู่ในมือของเจ้าในตอนนี้เล่า ข้ายอมแล้ว พูดมาเถอะ เจ้าต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 398

    ทุกครั้งที่มีหลานชายหรือหลานสาวถือกำเนิด สกุลหลานจะส่งของขวัญมาให้เช่นเดียวกับการมอบที่ดินที่กุยอวิ๋นให้กับเวินซื่อ พี่ชายทั้งสี่ของนางก็ได้รับที่ดินของพวกเขากันหมดเพียงแต่เวินซื่อเป็นหลานสาวคนเล็กเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงมอบภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นเพิ่มให้อีกแห่งหนึ่งในมือของเวินซื่อเยวี่ยก็คือที่ดินผืนใหญ่ในเขตชานเมืองที่มีชื่อว่าที่ดินสือไห่ชาติก่อนเวินเยวี่ยอยากได้ที่ดินเหล่านั้นในมือของพวกเขามาตั้งนานแล้วท้ายที่สุดแล้วที่ดินเหล่านั้นก็ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษจากสกุลหลาน เป็นที่ดินที่มีมูลค่ามากที่สุด ตราบใดที่ไม่ถูกทำลายหรือละทิ้งโดยตั้งใจ ต่อให้ปล่อยไว้เฉย ๆ ก็ยังคงเป็นภูเขาทองภูเขาเงินที่สามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายชีวิตแบบพวกเขาที่ครอบครองทุกอย่างมาตั้งแต่เกิดทำให้เวินเยวี่ยอิจฉาจนกลัดหนองอยู่ภายในใจการไม่แย่งชิงมาไว้ในมือมันเป็นไปไม่ได้เลยดังนั้นนางจึงเป็นคนแรกที่ขอให้เวินจื่อเยวี่ยและคนอื่น ๆ ช่วยนางแย่งชิงที่ดินที่กุยอวิ๋นและภัตตาคารเฟิ่งอวิ๋นไปจากมือของเวินซื่อ ต่อมาก็เกลี้ยกล่อมจนเวินจื่อเยวี่ยและคนอื่น ๆ ต่างมอบที่ดินในมือของแต่ละคนให้หลังจากได้รับมา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 399

    เวินจื่อเฉินอดทนกับกลิ่นที่ไม่ชวนดมนั้น ช่วยประคองเวินจื่อเยวี่ยที่หมดสติขึ้นมา ถ่างดวงตาของเขาออกดู พบว่าเขาเหมือนจะไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแค่สลบไปเท่านั้นแต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมตัวเขาถึงไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย?หรือว่าน้องห้าจงใจเลี่ยงเขา?ภายในใจของเวินจื่อเฉินเกิดความดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อครู่ตอนที่น้องห้าสาดยาน้ำใส่ ได้สาดไปที่ร่างกายของน้องสามเท่านั้นจริง ๆดังนั้นก็หมายความว่า ในใจของน้องห้าคิดกับเขาแตกต่างออกไปบ้างใช่หรือไม่?เวินจื่อเฉินเพิกเฉยต่อชายเสื้อเปียกชุ่มที่อยู่ข้างลำตัวโดยสิ้นเชิง เพียงนึกถึงการคาดเดาอย่างคลุมเครือนั้นและแอบดีใจอยู่เงียบ ๆ……ในอีกด้านหนึ่ง เวินซื่อก็ไม่รู้ว่าเวินจื่อเฉินที่อยู่ในมิตินั้นยังคิดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่หลังจากนางออกมาจากมิติแล้ว ก็บำเพ็ญเพียรอธิษฐานสวดมนต์ขอพร ทั้งยังปลูกสมุนไพรตามปกติสิ่งที่ไม่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายก็คือ มีคนมาจากจวนเจิ้นกั๋วกงแต่เพียงสอบถามเหล่าซือไท่ที่อารามสุ่ยเสว่เท่านั้น ว่าเห็นคุณชายสามของพวกเขาหรือไม่ หลังจากได้คำตอบว่า “ไม่เห็น” ก็กลับไปแต่โดยดีเหล่าซือไท่ของอารามสุ่ยเยว่ก็ไม่ได้พูดโกหกจริง

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status