Share

บทที่ 426

Aвтор: จิ้งซิง
“ได้ยินแล้วหรือยัง?”

เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปากอย่างเย็นชา “น้องรองของเจ้าเติบโตมาในวันนี้ ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ปรารถนาจะโบยบินออกไปข้างนอก เจ้ายังจะพูดอะไรแทนเขาอีก?”

“แต่ว่า...”

เวินฉางอวิ้นยังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในขณะนี้เวินจื่อเฉินได้ดึงเขาไว้

“พี่ใหญ่ พอแล้ว!”

เวินจื่อเฉินกัดฟันพูดว่า “ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากให้ข้าจากไป แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

ขณะที่เขาพูดประโยคสุดท้าย ความผิดหวังและความเจ็บปวดในสายตาของเขาได้ทิ่มแท่งหัวใจของเวินฉางอวิ้นอย่างลึกซึ้ง

ในชั่วพริบตานั้น เวินฉางอวิ้นดูเหมือนจะสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไป

เขาคอตกอย่างหมดแรง พลางหลับตาลง

“เอาล่ะ..ไปเถอะ ไปเถอะ...”

ไปเถอะ

เวินฉางอวิ้นพูดช้า ๆ ในน้ำเสียงแฝงความสะอื้นไว้

เขาขอร้องแกมบังคับ

ใช่แล้ว ตัวเขาเองก็ผิดหวังกับครอบครัวนี้มาก อย่าว่าแต่น้องชายที่ตื่นรู้ก่อนใคร

ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว อยู่ข้างนอกยังดีกว่าอยู่ในบ้านเสียอีก

ดังนั้นก็ช่างมันดีกว่า

ควรไปก็ไปเถอะ

“ท่านพ่อ ครั้งนี้ลูกจะขอร้องท่าน ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าลงโทษเขาเลย”

เวินฉางอวิ้นก้มหัวให้เวินเฉวียนเซิ่งพลางเอ่ยขึ้น

เวินเฉวียนเซิ่งมองไปที่ลูกชายคนโตของ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Заблокированная глава

Related chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 427

    “อืม ส่งน้องรองของเจ้าไป ตัวเองอยู่รับโทษ ความผูกพันพี่น้องพวกเจ้าช่างลึกซึ้งนัก”เวินเฉวียนเซิ่งหยิบแส้ขึ้นมาจากโต๊ะเขียนหนังสือ เดินไปหาเวินฉางอวิ้นทีละก้าว สุดท้ายก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา มองลงมาจากตำแหน่งสูงกว่า“ที่ผ่านมาพ่อสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดี”เวินฉางอวิ้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เขารู้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับอะไรต่อไป แต่เขาก็ไม่ปริปากบ่นเลยอย่างน้อยก็ส่งน้องรองไปแล้ว ต่อไปไม่ว่าจะโดนดุด่าหรือโดนทุบตี ก็มาลงที่ตัวเขาคนเดียวก็แล้วกันทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ความปวดแสบปวดร้อนก็ส่งลงมาที่ตัวเขาในทันใด“เพียะ!”เวินเฉวียนเซิ่งสะบัดแส้ใส่ตัวเขาอย่างไม่ปรานีเขามองดูลูกชายคนโตที่ทำให้เขาผิดหวังด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “แต่พ่อก็เคยสอนเจ้าว่า ให้ดูแลน้องชายน้องสาวของเจ้าให้ดี การสั่งสอนพวกเขาให้ดีก็เป็นหน้าที่ของเจ้าในฐานะพี่ชายคนโต แต่ตอนนี้เจ้าลองมองดูสิ คนนั้นคนนี้ปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นครอบครัวนี้อยู่ในสายตาอีกแล้ว นึกจะไปก็ไป ซ้ำยังกล้าโต้แย้งพ่ออีก นี่น่ะหรือสิ่งที่เจ้าสั่งสอน?”เวินฉางอวิ้นคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน นิ่งเงียบไม่พูดจาเวินเฉวียนเซิ่งเห็นเขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 428

    สุดท้ายเวินฉางอวิ้นก็ไม่ได้ถามออกไปเป็นเพราะได้ผ่านช่วงเวลาหลายวันนี้มา ที่จริงในใจเขาก็ได้คำตอบแล้วและเพราะคำตอบนั้น เขาถึงได้หลบซ่อน หลีกหนีมาตลอดแต่ตอนนี้เขาไม่อาจหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป“...ขอครับ ข้าเข้าใจแล้ว”ท้ายที่สุดเวินฉางอวิ้นก็ชักเท้าออกจากห้องหนังสือไป พร้อมรอยแผลหลายรอยบนหลังหลังกลับมาถึงเรือนเล็ก อันเซิ่งที่เห็นว่าบนตัวเขามีเลือดออกก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใด“คุณชายใหญ่นี่ท่านโดนอะไรมา?!”“ท่านรีบเข้ามานอนเร็วขอรับ บ่าวจะไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!”อันเซิ่งหันหลังกำลังจะออกไปตามคน“ไม่ ไม่ต้องตามหมอหรอก”เวินฉางอวิ้นหยุดเขา แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แค่แผลจากแส้ไม่กี่รอยเท่านั้น ไม่ต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เอายาในกล่องยามาทาสักหน่อยก็พอแล้ว”ในความคิดของเขา มันไม่ถึงขั้นต้องไปตามหมออะไรมาจริง ๆอย่างไรเสียเมื่อเทียบกับห้าสิบแส้ที่เขาฟาดน้องหญิงตนไปในคืนนั้น นี่แค่เล็กน้อยไม่กี่แส้ ไม่สลักสำคัญอะไรเลยจริง ๆแต่ในมุมมองของอันเซิ่ง กลับไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กเลยสักนิดก่อนหน้าบนตัวคุณชายใหญ่ยังไม่มีแผลเลยแท้ ๆ นี่ออกจากเรือนเล็กไปแค่ครู่เดียว ตัวเขาก็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 429

    จะว่าไปแล้ว เมื่อคืนตอนพบสมุดบัญชีเล่มนั้น หากเขาฉลาดกว่านี้สักหน่อย ไม่คืนมันกลับไปอย่างไร้สติ แต่เอามันมาเสียด้วยเลยก็น่าจะยิ่งดีเวินจื่อเฉินคิดเช่นนี้ แต่ความจริงแล้วจนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรจะจัดการกับสมุดบัญชีเล่มนั้นเช่นไรสิ่งที่ซ่อนอยู่ในสมุดบัญชีเล่มนั้น คือความลับระหว่างท่านพ่อกับสกุลหลานเขาได้รู้มาจากปากของพ่อบ้านสกุลหลาน ว่าท่านพ่อนิ่งดูดายในตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับฝั่งบ้านตาแต่ตอนที่เขาเห็นสมุดบัญชี สิ่งที่เขาสงสัยยิ่งไปกว่านั้นก็คือปีนั้นท่านพ่อคงไม่ได้แค่วางตัวเฉยเมยเป็นไปได้สูงว่าเขาทำอย่างอื่นลงไปด้วย และสมุดบัญชีเล่มนั้นก็อาจเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งดังนั้นหลังจากครั้งนั้น เวินจื่อเฉินจึงได้กลับไปยังห้องหนังสือของเวินเฉวียนเซิ่งอีกครั้ง หวังจะลอบขโมยสมุดบัญชีออกมาน่าเสียดายที่แผนการล้มเหลวทว่าโชคดีที่พี่ใหญ่รวมหัวช่วยเขากลบเกลื่อนไปได้แต่ตอนนี้เขาควรจะทำเช่นไรต่อดีเล่า?เวินจื่อเฉินที่เก็บความกลัดกลุ้มไว้ในใจถอนสายตากลับ และท้ายที่สุดก็ออกเดินทางไปยังภูเขาหนานด้วยใจกังวลเวินจื่อเฉินเพิ่งจากไปได้ไม่เท่าใด ก็มีเงาคนหลายร่างสะกดรอยตามเขาไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 430

    หลังจากที่เวินจื่อเฉินเก็บเสื้อผ้าและถุงเงิน พรวดออกจากป่าไป เป่ยเฉินหยวนก็เดินออกมาอย่างเนิ่บช้าเกาเย่าที่อยู่หลังเขาเดินไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปหยิบดาบใหญ่เล่มนั้นที่ปัดดาบบินออกไปในตอนแรก“ท่านอ๋อง เหตุใดเราไม่ลงมือกับองครักษ์ลับพวกนั้นไปเสียเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ ดูปวกเปียกเพียงนั้น คงสู้เราไม่ได้สักคน”เกาเย่ากล่าวอย่างภาคภูมิเป่ยเฉินหยวนเหลือบมองเขาอย่างเฉยชาความรังเกียจในแววตาของเขาทำให้เกาเย่าหุบปากในทันทีเอาเถอะ ในใจท่านอ๋องจะต้องรังเกียจที่เขาตัวใหญ่แต่สมองน้อยอีกแล้วเป็นแน่ฮึ!อย่าคิดว่าเขาดูไม่ออกเป่ยเฉินหยวนคร้านจะดุด่าเจ้าหมอนี่ เขาเพียงจับคางครุ่นคิดดูท่าแผนของอู๋โยวจะเป็นไปด้วยดี ตอนนี้เจ้ารองของสกุลเวินคงจะแตกหักกับบิดาของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว และเขาก็น่าจะทำอะไรบางอย่างลงไปด้วย มิเช่นนั้นเวินเฉวียนเซิ่งนั่นก็คงไม่ส่งองครักษ์ลับมาหยั่งเชิงเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เป่ยเฉินหยวนที่เป็นกังวลขึ้นมาทันใด จึงออกสั่ง “ช่วงนี้ส่งคนไปเพิ่มสักหน่อย จับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนเจิ้นกั๋วกง แล้วก็เฝ้าดูคนที่ลอบเข้าออกอารามสุ่ยเยว่พวกนั้นด้วย”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องโปรดวางใจ!”เรื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 431

    อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้จะทำอาหารที่เรือนน้องสาวเขาหรือ?เวินจื่อเฉินตั้งตัวไม่ติดไปชั่วขณะเขาหันขวับมองน้องสาวตัวเองทันทีกลับเห็นเวินซื่อพยักหน้าอย่างใจเย็น “ดีสิ เช่นนั้นคงต้องลำบากท่านอ๋องแล้ว”เป่ยเฉินหยวนยิ้มทันใด รับตะกร้าของป่ามาจากมือเวินซื่อ “เช่นนั้นท่านไปพักสักครู่ ข้าจะเอาวัตถุดิบเข้าไปจัดการเอง”พูดถึงจัดการ ความจริงก็เป็นแค่วัตถุดิบสดใหม่อย่างเห็ดป่า เยื่อไผ่ หน่อไม้เป็นต้นเขาทำท่าคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี อีกทั้งยังนำวัตถุดิบเข้าไปในห้องครัวเล็กของเวินซื่ออย่างเป็นธรรมชาติเวินซื่อหันหลังแล้วนั่งลงในลานบ้านเวินจื่อเฉินกลับยืนอยู่ด้านข้างด้วยความประหม่าเล็กน้อย หันมองทางห้องครัวเป็นระยะ“น้อง...อู๋โยว จะให้ท่านอ๋องไปทำอาหารจริงหรือ? คงจะไม่ค่อย...” ไม่ค่อยเหมาะสมเดิมทีเวินจื่อเฉินต้องการพูดอย่างนั้น แต่เมื่อหันไปเห็นใบหน้าใจเย็นของเวินซื่อ“มีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือ?”เวินซื่อเหลือบมองเขาอย่างเรียบเฉย “ที่นี่เป็นดินแดนบริสุทธิ์ของพุทธองค์ ส่วนข้าเป็นผู้ออกบวช ไม่มีสิ่งวุ่นวายมากมายขนาดนั้น”หากเป็นเมื่อก่อน เวินซื่ออาจจะใส่ใจอยู่บ้างเพราะเรื่องอย่าง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 432

    เวินจื่อเฉินบอกเล่าสิ่งที่ค้นพบทั้งหมด ในห้องหนังสือของเวินเฉวียนเซิ่งให้เวินซื่อฟังเมื่อได้ยินว่าสมุดบัญชีเล่มนั้นเกี่ยวข้องกับกิจการของสกุลหลาน แววตาของเวินซื่อเยือกเย็นทันทีนางรู้อยู่แล้วว่าเรื่องในตอนนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดานึกไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงนิ่งดูดายอะไรกัน เกรงว่าที่สกุลหลานต้องล่มสลาย ภายในนั้นคงมีฝีมือของบิดาตัวดีของนางซ่อนอยู่ด้วยเวินซื่อหลุบตาลง เก็บรวบความเย็นชาในแววตา“ตอนนี้สมุดบัญชีเล่มนั้นอยู่ที่ใด?”เวินซื่อเอ่ยถามเวินจื่อเฉินกล่าวอย่างละอายใจ “ตอนนั้นไม่ทันระวังจึงถูกพบเข้า ทำใหข้าไม่ทันได้นำสมุดบัญชีเล่มนั้นออกมาด้วย ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในห้องหนังสือของท่านพ่อ”แต่เมื่อพูดสิ่งเหล่านี้จบ เวินจื่อเฉินรีบเอ่ยต่อ “เจ้าห้ามกลับไปเอาเด็ดขาด ความเคลื่อนไหวสองครั้งที่ผ่านมาของข้า เป็นที่จับตามองของท่านพ่อแล้ว ตอนนี้เกรงว่าห้องหนังสือของท่านคงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ง่ายๆ ดังนั้นให้ข้าคิดหาวิธีดีกว่า เจ้าวางใจ ข้าต้องเอาสมุดบัญชีเล่มนั้นมาให้ได้”เวินซื่อได้ยินดังนั้นจึงมองเขา “ท่านคิดจะไปเอาเองหรือ?”เวินจื่อเฉินพยักหน้าเรื่องนี้เขาย่อมต้องไปอยู่แล้ว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 433

    เวินซื่อเม้มริมฝีปากแน่น น้ำเสียงยังคงราบเรียบ “ดูเขาทำไม ข้าไม่เป็นห่วงหรอกว่าเขาจะเป็นอย่างไร”เป่ยเฉินหยวนหัวเราะพร้อมปลอบ “เอาละ ท่านไม่ได้เป็นห่วง ข้าเป็นห่วงเอง”“ตอนนี้ข้าอยากเห็นเหลือเกิน ว่าสีหน้าของเจิ้นกั๋วกงผู้นั้นจะน่าอัศจรรย์เพียงใด”ความลับที่ซุกซ่อนมาหลายปี นึกไม่ถึงว่าจะถูกลูกชายสองคนเปิดโปงหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้สืบทอดที่เขาบ่มเพาะมาด้วยตัวเองหากบอกว่าไม่ทำอะไรเวินฉางอวิ้น เกรงว่าจะเป็นการโกหกด้วยความอำมหิตของเวินเฉวียนเซิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทำสิ่งใดเลยต้องดูว่าเขาจะใจร้ายกับลูกชายคนโตมากเพียงใด“สองวันนี้ข้าสะสางงานในมือพอสมควรแล้ว เตรียมตัวให้ดี ถึงเวลาข้าจะมาสอนท่านฝึกวรยุทธ์แล้วนะ”ทั้งสองคนตกลงกันตั้งแต่แรก เพียงแต่การเดินทางไปลู่โจวทำให้เสียเวลาไปมาก หลังกลับมาเป่ยเฉินหยวนมีงานมากมายต้องจัดการ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาว่างแต่ตอนนี้ดีขึ้นมาก เป่ยเฉินหยวนจึงตรึกตรองเรื่องเวลา“ได้ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนวางใจเถอะ ข้าเตรียมพร้อมนานแล้ว”เวินซื่อยิ้มจางๆหลังจากทั้งสองเรียกจู๋เยวี่ยกับเสี่ยวหานมากินอาหารพร้อมกัน เป่ยเฉินหยวนจึงกลับไปคืนนี้เวินซื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 434

    ตอนเช้าหลังจากเรียนเสร็จแล้ว ม่อโฉวซือไท่ให้เวินซื่อเข้าไปในเมือง“หากอยากเรียนสิบสามเข็มประตูผี ต้องเตรียมเข็มพิเศษก่อนหนึ่งชุด ไปหาช่างหลี่ทางตะวันออกของเมือง เจ้าบอกเขาว่ามาจากอารามสุ่ยเยว่ เขาจะรู้เองว่าควรทำสิ่งใดให้เจ้า”“เจ้าค่ะ”จากนั้นหลังเวินซื่อกินอาหารกลางวันเสร็จ พาเสี่ยวหานลงเขาไปพร้อมกันทั้งสองอาศัยเกวียนของพวกชาวบ้าน หลังผ่านไปสองชั่วยามจึงถึงเมืองหลวงหลังเข้าเมือง เวินซื่อกับเสี่ยวหานมุ่งหน้าไปทางตะวันออก หาร้านของช่างหลี่จนพบบ้านของช่างหลี่ไม่ใช่ร้านตีเหล็กทั่วไป ภายในยังมีงานฝีมือประณีต อย่างเงินกับทอง หยกก็มี กลับกลายเป็นงานเหล็กที่มีน้อยที่สุดหลังเวินซื่อเดินเข้าไป มองเห็นช่างหลี่ทันทีเพราะภายในร้านมีเขาแค่คนเดียว“ขอถามหน่อย ใช่ช่างหลี่ ประสกหลี่หรือไม่?”ฉางเสี่ยวหานเอ่ยถามแทนเวินซื่อเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง ช่างหลี่ที่เดิมทีกำลังงีบหลับ รีบลืมตาตื่นขึ้นมาทันที“อ้อ ใช่ใช่ ข้าก็คือช่างหลี่ ท่านทั้งสองต้องการซื้อสิ่งใดหรือ?”เมื่อช่างหลี่พูดจบก็สังเกตเห็นชุดสีฟ้าทะเลบนตัวเวินซื่อหลังประหลาดใจเขาชะงักเล็กน้อย “หรืออาจารย์น้อยท่านนี้เป็นคนขอ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status