"ตื่นแล้วเหรอ..?"
เสียงทุ้มต่ำราบเรียบแต่นุ่มลึกเอ่ยขึ้น เสี่ยวหนานเบิกตากว้าง เมื่อหันไปพบชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มในชุดชนบทเรียบง่ายกำลังมองเธอด้วยสายตานิ่งสงบ ทว่าแฝงความรู้สึกผิดปนตึงเครียด
เขาไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือโกรธเคือง ประหนึ่งว่าเขากำลัง...ทำใจเสียมากกว่า
"เอ่อ..."
"เมื่อคืน...เราถูกวางยา พี่จะรับผิดชอบเธอเองเสี่ยวหนาน" ถึงเขาจะเอ่ยช้าแต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ
"อะ...อะไรนะ!?"
เสี่ยวหนานโพล่งออกมา น้ำเสียงสั่นพร่า ถอยกรูดจนแผ่นหลังชนหัวเตียงแล้วรีบตรวจดูเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ก็พบว่าทุกอย่างยังปกติ ชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าเข้ามาใกล้ เพียงแต่ลุกขึ้นนั่ง หันหน้าเข้าหาเธออย่างสงบ
มันเกิดอะไรขึ้น ใครวางยา? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? และ... ทำไมเขาถึงดูแน่ใจนักว่าต้องรับผิดชอบเธอ? แล้วปฏิทินข้างกำแพงที่บอกว่าตอนนี้เป็นปี 1983 นั่นหมายความว่ายังไง?
"เธอจำพี่ได้ไหมเสี่ยวหนาน พี่ชื่อโจวสือซาน...ลูกชายบ้านโจว"
เสียงหัวใจเสี่ยวหนานดัง ตึ๊ก ตึ๊ก ตึ๊ก ในหัวเต็มไปด้วยคำถามและความงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"เสี่ยวหนาน! เสี่ยวหนาน! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!"
ก่อนที่เธอจะได้ถามอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมเสียงผู้หญิง แต่ที่น่าแปลกก็คือเสียงไขแม่กุญแจประหนึ่งว่าห้องนี้ถูกล็อกไว้จากด้านนอก
โจวสือซานหันขวับ ดวงตาคมกริบฉายแววระแวดระวัง เสี่ยวหนานกำลังจะลุก แต่ประตูไม้บานนั้นก็ถูกผลักเปิดออก หญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้ามากเล่ห์ก้าวเข้ามาดวงตาเบิกกว้าง ตามมาด้วยเด็กสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดปีที่ยืนข้างหลัง
เสียงผู้คนด้านนอกเริ่มซุบซิบ ตามด้วยเสียงฝีเท้าของชาวบ้านที่เดินมามุง
"โอ๊ยยยตายแล้ว ผู้หญิงคนนี้ช่างหน้าด้านนัก! ไม่มียางอายจริง ๆ หล่อนกล้าทำให้เสียเกียรติบ้านหานได้ยังไงเสี่ยวหนาน!"
"พี่เสี่ยวหนาน! พี่ทำแบบนี้กับพี่ชายของฉันได้ยังไง น่าสงสารพี่หานเจาจริง ๆ ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าไม่รู้จะเสียใจมากแค่ไหน?"
หานเหลียน(แม่ของหานเจา)และหานเวย(น้องสาวของหานเจา)จงใจส่งเสียงดังให้คนที่เดินผ่านไปมาได้รู้กันอย่างทั่วถึง ไม่นานเสียงครหาก็ไหลทะลักเข้ามาพร้อมสายตานับสิบคู่
"พวกเราไม่ได้..."
เสี่ยวหนานจะอธิบายแต่พูดไม่ออก แม้ในยุคเธอเรื่องเพศจะเสรีกว่า แต่สำหรับปี 1983 นี้... แค่ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ก็เพียงพอให้คนทั้งโลกมองว่าเธอ 'ผิด'
"เธอกล้าทรยศหานเจาได้ยังไง ช่างเป็นผู้หญิงงามเมืองเสียจริง เธอมีคู่หมั้นแล้วนะเสี่ยวหนาน โธ่..หานเจาลูกแม่ ลูกช่างน่าสงสารจริง ๆ"
หานเจา? คู่หมั้น? นี่มันคือชื่อตัวละครในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านได้แค่ครึ่งเล่มไม่ใช่เหรอ? นิยายเจ้ากรรม ดันมีชื่อตัวประกอบหน้าโง่เหมือนเธอซะนี่ แต่ตอนนี้กลับสาหัสกว่าเพราะเธอหลุดเข้ามาอยู่ในร่างของ..ตัวประกอบที่ชื่อ ซูเสี่ยวหนาน
"ฉัน...ฉันไม่ใช่เสี่ยวหนานคนนั้น..."
เธอพึมพำกับตัวเอง อาการปวดหัวทำให้สายตาของเธอพร่าเบลอ เธอยกมือแตะขมับ ระหว่างนั้นก็มีความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามา
ชีวิตเดิมของเธอเป็นเจ้าของร้านอาหารฝีมือฉกาจผู้มากความสามารถ ต้องพบกับจุดจบอันน่าเศร้าเมื่อหัวใจวายกะทันหันจากการทำงานหนักและพักผ่อนน้อย ทว่า... ชะตาชีวิตของเธอหาได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ซูเสี่ยวหนานพบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาอยู่ในร่างของหญิงสาวในหมู่บ้านชาวประมงเมืองเยี่ยนเทียน ปีคริสต์ศักราช 1983!
"เจ้าข้าเอ๊ย! รีบมาดูเร็วเข้า ผู้หญิงคนนี้ทำผิดต่อพี่ชายของฉัน วันนี้พวกเราต้องไล่หล่อนออกจากบ้าน เพื่อรักษาชื่อเสียงดีงามของบ้านหานเราเอาไว้"
หานเวยเริ่มส่งเสียงอีกครั้ง หลังจากเฝ้าดูว่าเสี่ยวหนานเงียบไปครู่ใหญ่เหมือนกำลังคิดไตร่ตรองอะไรอยู่
"เสี่ยวหนานเป็นภรรยาของผมแล้ว ผมจะรับผิดชอบเธอเอง?"
โจวสือซานขยับเข้ามา ยืนกำบังเสี่ยวหนานเอาไว้ เสียงคนรอบข้างเงียบลงชั่วขณะ ก่อนเสียงอื้ออึงจะเริ่มดังอีกครั้ง เสี่ยวหนานเงยหน้ามองเขา โจวสือซานมองตอบด้วยแววตาจริงจัง เขาไม่ได้อยากพูดโกหก
สือซานรู้ว่า...หากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ นางจะถูกตราหน้าไปตลอดชีวิต คำพูดของคนโหดร้ายและทำลายชีวิตได้ในพริบตา
เสี่ยวหนานกลืนน้ำลายลงคอ กำมือแน่น ถ้าเป็นแบบนี้... ถ้ากลับไปไม่ได้... ถ้าทุกอย่างคือโชคชะตา... เธอจะไม่ยอมแพ้ เธอจะเป็นเสี่ยวหนานคนใหม่ที่ไม่มีใครเหยียบย่ำได้อีก!
"ตกลง! ฉันจะแต่งงานกับพี่"
"หญิงชั่วช้าสำส่อน พูดออกมาได้อย่างไม่ละอายใจ ทุกคนมาดูให้เต็มตา เสี่ยวหนานคนนี้พาผู้ชายเข้ามานอนในบ้านหานแล้วยังมีหน้ามาตอบตกลงแต่งงานกันอย่างไม่ละอายใจอีก"
เสียงของนางหานแผดดังไม่แผ่ว ทำให้เสียงซุบซิบของชาวบ้านดังขึ้นเป็นระลอกคลื่นประหนึ่งแม่น้ำเชี่ยวกราก บ้างส่ายหน้า บ้างกระซิบต่อกัน เสี่ยวหนานยืนตรงกลางลานบ้านท่ามกลางสายตานับสิบ เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มขมุกขมัว ราวกับฟ้ากำลังเงี่ยหูฟังคำร้องเรียนของเธอ
เธอไม่ใช่หญิงสาวขี้อายจากยุคนี้อีกต่อไป แต่เป็นหญิงสาวจากปี 2025 ที่เคยเจ็บ เคยพังพินาศมาจนชินชา เธอกลับมาแล้ว พร้อมบัญชีแค้น และโอกาสครั้งที่สอง!
"ทุกอย่างเป็นแผนของสองแม่ลูกบ้านหาน!"
เสียงของเสี่ยวหนานดังกังวานจนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องนิ่งชะงัก
นางหานกับหานเวยที่ยืนเคียงกันถึงกับนัยน์ตาเบิกโพลง ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษขาว หานเวยตัวสั่นน้อย ๆ ก่อนจะรีบทุรนทุรายลงนั่งบนพื้น ชักดิ้นชักงอ ปากกรีดร้องน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร
"โอ๊ยยยยย! แม่จ๋า...เขาใส่ร้ายเรา ฮือ ๆ เขาใส่ร้าย!"
นางหานไม่รอช้า รีบทิ้งตัวลงข้างลูกสาว แสร้งเป็นผู้หญิงเจ้าน้ำตา
"ทุกคนฟังนะ! หล่อนใส่ร้ายยายแก่อย่างฉัน! โธ่เอ๊ยสวรรค์ เหตุใดจึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้!"
เสียงหวีดร้องของแม่ลูกดึงดูดความสนใจของชาวบ้านได้ทันที ใครบางคนตะโกนขึ้นมาว่า
"ใครก็ได้! ไปตามลุงหวัง! ไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านที!"
ภายในเวลาไม่กี่นาที ชาวบ้านก็หลั่งไหลกันมาจนลานบ้านแน่นขนัด
"เมื่อคืนนางหานเอาน้ำหวานมาให้ฉันดื่ม..แล้วบอกให้ฉันเข้าไปในบ้านมีของจะแบ่งให้ ฉันก็แปลกใจเหมือนกันเพราะปกติแล้วก็มีแต่ฉันที่เป็นคนหาของมากให้บ้านนี้ ด้วยความดีใจฉันก็ไม่ได้คิดอะไร"
เมื่อเห็นคนมาเยอะแล้วเสี่ยวหนานจึงใช้เสียงที่หนักแน่นและมั่นคง พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
"ผมก็เหมือนกัน..เดิมทีผมกลับมาจากในเมือง หานเวยบอกให้ผมช่วยยกของ พอมาถึงบ้าน น้าหานเหลียนก็เอาน้ำหวานมาให้ดื่ม แล้วให้ยกของเข้าไปในห้อง จากนั้น...ประตูก็ถูกล็อกจากข้างนอก"
เสียงของโจวสือซานดังขึ้น เขาบอกเล่าทุกอย่างตามที่ได้พบเจอ ถึงเมื่อคืนเขาต้องทรมานแทบตายแต่ก็ไม่ได้แตะต้องเสี่ยวหนาน แต่ก็ไม่อาจไม่ปกป้องเธอได้
"ล็อก?"
ชาวบ้านพากันหันมามองเสี่ยวหนาน เธอก้าวไปที่ประตู ยกมือชี้ไปยังลูกกุญแจที่ยังคล้องอยู่กับห่วงเหล็ก
"นี่ไง! ลูกกุญแจล็อกจากด้านนอก ถ้าไม่ได้ล็อกไว้พวกเราจะไปทำอะไรอยู่ในนั้น ต่อให้ฉันคิดจะนอกใจหานเจาจริง ๆ ใครมันจะโง่มาทำอะไรกันในบ้านของคู่หมั้น หรือถ้าเป็นพวกคุณจะทำแบบนั้นรึยังไง?"
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้น ชาวบ้านสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเงยหน้ามองกัน ก่อนจะยกมือขึ้น
"ตอนพวกเรามาถึง นางหานบอกให้มาดูของใหม่ที่ลูกชายส่งมา ก็เห็นว่าหานเวยกำลังยืนลุกลี้ลุกลนไขกุญแจอยู่จริง ๆ ด้วย"
"ใช่ ๆ ประตูต้องถูกล็อกจากด้านนอกแน่ ๆ"
แววตาของชาวบ้านเปลี่ยนไป หันไปมองนางหานกับหานเวยด้วยแววสงสัย
"อย่าไปเชื่อ! อย่าไปเชื่อผู้หญิงสำส่อนคนนี้นะ สองคนนี้ต้องใส่ร้ายฉันแน่ ๆ" นางหานเริ่มลนลานโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องใส่ร้าย...แต่เป็นแผนของสามแม่ลูกบ้านหาน!"
เสี่ยวหนานเอ่ยด้วยเสียงที่แฝงความขมขื่น แววตาแน่นิ่งแต่แฝงประกายอาฆาต
"แกพูดจาเหลวไหล! พวกเราจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร!" หานเวยกรีดร้อง
"เพื่อจะได้ถอนหมั้นกับฉันไง" คำพูดและแววตาของเสี่ยวหนานคมกริบจนสองแม่ลูกบ้านหานใจกระตุก
"กะ..แกพูดมั่ว ตัวเองทำตัวไม่ดียังจะมาโทษพี่ชายฉันอีก ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม!" หานเวยพยายามปั้นหน้าพูดอย่างเย่อหยิ่ง
"เพราะหานเจาสอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว และกำลังจะได้แต่งงานกับลูกสาวอาจารย์ของเขา ฉันรู้ทุกอย่าง ฉันอ่านมาแล้ว!"
ประโยคนั้นทำให้แม่ลูกบ้านหานหน้าซีดเผือด หานเวยสั่นไปทั้งตัว นางหานก็หายใจหอบเหมือนจะเป็นลม
"แกพูดบ้าอะไรของแก! ใส่ร้ายกันชัดๆ!"
ทันใดนั้น ฟ้าร้องครืนขึ้นมาอย่างน่าขนลุก เมฆดำลอยต่ำปกคลุมเหนือหัว ราวกับเทวดากำลังมองลงมาจากฟากฟ้า เสี่ยวหนานก้าวไปกลางลานบ้านอีกครั้ง แหงนหน้ามองฟ้าแล้วยกมือขึ้นอย่างแน่วแน่
"หากคำพูดของฉันเป็นเท็จ ขอให้ฟ้าผ่าลงมาที่ฉัน! แต่หากทุกอย่างเป็นความจริง ขอให้สายฟ้าลงโทษคนชั่วอย่างเหมาะสม!...อีกทั้ง...หากหานเจานอกใจฉันจริง ขอให้เขาไม่ตายดี และอย่าให้มีลูกหลานสืบสกุล!"
ทันใดนั้น ฟ้าก็สงบนิ่ง... ทุกคนกลั้นหายใจเงียบงัน นางหานกัดฟันแน่น แต่ยังคงแหงนหน้าพูดต่อ
"หล่อนมันบ้า! หล่อนใส่ร้ายลูกฉัน! หานเจาเป็นเด็กดี!"
เปรี้ยง!
เสียงฟาดดังลั่น ฟ้าผ่าลงตรงต้นไม้กลางลานบ้านที่ห่างจากสองแม่ลูกเพียงหนึ่งก้าว เปลือกไม้แตกกระจาย เสียงกรีดร้องดังระงม หานเวยกับนางหานทรุดลงกับพื้น ใบหน้าขาวซีดเหมือนจะสิ้นสติ
"ฟ้า...ฟ้าผ่า...จริง ๆ ด้วย"
"เสี่ยวหนานพูดจริงเรอะเนี่ย..."
เสียงซุบซิบของชาวบ้านเปลี่ยนจากข้อสงสัยกลายเป็นความเชื่อ
"ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม? ฟ้ายืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน และเปิดโปงความชั่วร้ายของบ้านหาน"
เสี่ยวหนานหันมองทุกคน สร้างความแปลกใจให้โจวสือซานไม่น้อย เดิมทีเขาคิดว่าเธอเป็นคนหัวอ่อนไม่สู้คน แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ดูดุดันไม่ยอมใคร เธอเป็นคนยังไงกันแน่?
"ฉันไม่คิดเลยว่าบ้านหานจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้" ชาวบ้านเริ่มกระซิบกระซาบกันไปมา
"ใช่แล้ว หลอกใช้เสี่ยวหนานมาหลายปี แล้วสุดท้ายก็วางแผนใส่ร้ายเธอ"
"หล่อน...หล่อนรู้ได้ยังไงกัน" นางหานครางออกมา น้ำตาไหลพราก สะอื้นไห้แบบไร้คำแก้ตัว
"ฉันขอให้ทุกคนเป็นพยาน หานเจาใจคด ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันกับบ้านหานตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง!"
เสี่ยวหนานประกาศออกมาต่อหน้าทุกคน ชาวบ้านพากันพยักหน้า เสียงตกลงดังระงมไปทั่ว
"ได้ พวกเราจะเป็นพยานให้เธอเองเสี่ยวหนาน"
"ใช่ ๆ พวกเราก็จะเป็นพยานให้"
"แต่ของของฉันที่ขนมา ฉันก็จะเอากลับทั้งหมด ทุกคนช่วยเป็นพยานด้วย ฉันไม่ได้เอาของของบ้านหานไปแม้แต่ชิ้นเดียว"
เสี่ยวหนานตะโกน พลางเดินเข้าไปในบ้าน หอบของของตัวเองที่ขนมาจากบ้านซู ทั้งรถเข็น กะละมังใบใหญ่ เครื่องครัว โต๊ะ เก้าอี้ เสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งที่เก็บไว้กินเป็นเดือน เธอขนคืนทั้งหมด
"ของพวกนั้นเป็นของบ้านฉัน! หล่อนเอาไปไม่ได้!"
เสี่ยวหนานได้ยินแบบนั้นก็หันขวับ ใบหน้าของเธอยิ้มเย็นจนคนมองขนลุกซู่
"ฉันขนมาให้ต่างหาก! เคยมีใครเห็นแม่ลูกบ้านหานออกไปทำงานหาเงินไหม? ยังมี 600 หยวนที่ฉันไปขอจากแม่กลับมาให้หานเจาใช้ ฉันก็ยังไม่ได้คิดบัญชี ถ้ายังสร้างเรื่องอีกฉันจะฟ้องเอาคืนให้หมดทุกเหมาเลย แล้วก็จะไปร้องเรียนที่มหาวิทยาลัยเรื่องพฤติกรรมของหานเจา ดูสิว่าอนาคตของนักศึกษาอย่างเขาจะพังพินาศลงยังไง!"
นางหานถึงกับนิ่งไปทันที ปากสั่นแต่ไม่อาจโต้เถียงได้ ชาวบ้านต่างพากันส่ายหน้า บางคนถึงกับถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความรังเกียจ
"เห็นแก่ตัวจริง ๆ ใช้ลูกสาวคนอื่นมาเลี้ยงลูกชายตัวเองตั้งหลายปี พอสอบติดได้ดีก็ถีบหัวส่ง!"
"ชั่วช้าสิ้นดี! ยังหน้าไม่อายมาใส่ร้ายเขาอีก หน้าหนาอะไรปานนั้น"
"เสี่ยวหนานเป็นคนดี ขยันขันแข็ง สมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้"
ท่ามกลางการพูดคุยอื้ออึงของชาวบ้าน เสี่ยวหนานไม่สนใจอะไรนอกจากขนของของเธอขึ้นรถเข็น โดยมีโจวสือซานคอยช่วยและเคียงข้างเธออยู่ไม่ห่าง กระทั่งทั้งคู่เดินออกจากบ้านหานด้วยรอยยิ้ม ท่ามกลางเสียงโอดครวญของนางหานและลูกสาวที่เสียดายข้าวของที่ถูกยึดคืนไป
Comments