หลี่ฮุ่ยหรานถามขึ้นด้วยความสงสัย: “หมอเทวดาจาง คุณกับหลินเฟิงรู้จักกันตั้งนานแล้วเหรอคะ?”“แน่นอนครับ วิชาแพทย์ของสหายน้อยหลินฝีมือเลิศล้ำที่สุด ผมก็เลื่อมใสเป็นอย่างมาก” จางเต๋อหลินพูดด้วยรอยยิ้มหลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำพูดนี้กลับมีสีหน้างุนงงดวงตาคู่หนึ่งมองไปทางหลินเฟิงด้วยความสงสัย…วิชาแพทย์ของเขาฝีมือเลิศล้ำที่สุด? ถึงกับทำให้จางเต๋หลินรู้สึกเลื่อมใส?เธออยู่ด้วยกันกับเขาสามปีทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้?“หมอเทวดาจางไม่ได้กำลังล้อเล่นใช่ไหมคะ?”จางเต๋อหลินลูบเคราเบา ๆ แล้วยิ้มพูด: “หึหึ ผมไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรอกครับ”“ครั้งที่แล้วคุณปู่ตระกูลหม่าป่วยหนัก ก็เป็นสหายน้อยหลินที่ช่วยออกหน้ารักษา”“อะไรนะคะ?” หลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงอย่างมากในหัวสมองนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทันทีตัวเองไปส่งยาให้คุณปู่ตระกูลหม่า เกือบจะทำให้เขาเสียชีวิต หม่าเยี่ยนยังจับเธอเอาไว้ด้วยแต่ไม่นานนักก็ปล่อยเธอกลับไปหรือว่าในนี้คนที่ช่วยเธอไว้ก็คือหลินเฟิงเหรอ?เห็นท่าทางจริงจังของจางเต๋อหลิน เหมือนกับว่าไม่ได้พูดล้อเล่นกับเธอมิน่าล่ะตอนนั้นจางเต๋อหลินถามเธอว่าทำไมถึงหย่
หลินเฟิงพูดด้วยความประหลาดใจ: “คุณไม่พักอีกสักหน่อยเหรอ?”“ไม่จำเป็นแล้ว ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร” หลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้า และเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยถังหว่านเหลือบตามองเธอแล้วพูดขึ้น: “ฉันไปส่งคุณหลี่หน่อย”หลินเฟิงได้ยิน ก็รีบจับข้อมือของถังหว่านเอาไว้ให้พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้ถังหว่านยิ้มอย่างอ่อนโยนให้หลินเฟิงและพูดขึ้น: “วางใจเถอะ ฉันแค่ไปส่งคุณหลี่จริง ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านเดินขนาบกันอยู่ตรงทางเดินของสำนักไป๋เกาถังหว่านเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน: “คุณหลี่ฉันได้ยินว่าวันนี้หลินเฟิงเป็นเพราะช่วยเหลือคุณ ถึงได้ทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายใหญ่โตแบบนี้”หลี่ฮุ่ยหรานก็พยักหน้าอย่างไม่หลีกเลี่ยง: “ใช่ค่ะ เป็นแบบนั้นนั่นแหละค่ะ“ถังหว่านพูดต่อ: “คุณหลี่ ทุกคนต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันหวังว่าคุณจะสามารถเข้าใจได้ว่า เรื่องบางเรื่องควรจะรับผิดชอบเอง ไม่ใช่มัวแต่ให้คนอื่นตามเก็บกวาดให้ตลอดไป”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็ไม่พอใจเล็กน้อยในเมื่อเรื่องในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอจริง ๆ คนที่ซ่งเฉียนเฉิงต้องการจัดการก็คือหลินเฟิงหลี่ฮุ่ยหรานถือว่าเป็นผู้
ถังหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “รอไปก่อน แน่นอนว่าต้องวางตลาดพร้อมกับตระกูลเซี่ยง”“พร้อมกันกับตระกูลเซี่ยง?”หลินเฟิงแปลกใจเล็กน้อย“ถูกต้อง ฉันอยากจะให้ตระกูลเซี่ยงเสียหน้า เหยียบย่ำพวกเขาลงกับพื้น” ถังหว่านมีความมั่นใจอย่างมากพูดให้ถูกต้องยิ่งกว่าก็คือเธอมีความมั่นใจต่อยาประสานพลังอย่างเต็มที่ถังหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเตรียมตัวอย่างดี”“เรื่องอะไร?” หลินเฟิงถามขึ้นด้วยความสนใจ“เรื่องพรีเซ็นเตอร์”“คุณวางแผนจะเลือกใคร?”ในตอนนี้ถังหว่านนั่งลงข้างกายหลินเฟิงแล้วหัวเราะคิกคักขึ้นมา: “ครั้งที่แล้วคุณช่วยดาราที่ชื่ออิ่นนั่วเจียไว้ไม่ใช่เหรอ?”“ฉันวางแผนอยากจะเชิญเธอออกหน้า ในเมื่ออิ่นนั่วเจียก็ถือว่าเป็นดาราที่โด่งดังมาก”หลินเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย มีกระแสการโฆษณาของดาราพรีเซ็นเตอร์ ก็จะดีมากขึ้นจริง ๆ“งั้นทำไมคุณไม่ไปติดต่อเธอ?”ถังหว่านพูดขึ้น: “ฉันคิดจะให้คุณออกหน้า อย่างไรคุณก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อเธอไม่ใช่เหรอ? เรื่องเล็กแค่นี้เธอต้องช่วยเหลือแน่นอน”“อีกอย่างฉันยุ่งมาก เรื่องเล็กแค่นี้จะให้ฉันออกหน้าเองเหรอ
เธอโค้งตัวให้กับหลินเฟิงและจางเจียหนิง: “ทั้งสองท่าน ฉันชื่อหวังลี่ลี่ เป็นพนักงานขายของที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านอยากดูรถรุ่นไหนคะ?”เธอมาทำงานที่นี่หนึ่งเดือนแล้วจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เปิดบิลเลย ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป สิ้นเดือนตัวเองก็จะถูกไล่ออกแล้วคิดไม่ถึงว่าพนักงานขายดีเด่นจะเป็นฝ่ายยกลูกค้าให้เธอถึงแม้ทั้งสองคนจะดูอายุน้อยไปหน่อย แต่มีลูกค้าก็ดีกว่าไม่มีประตูโชว์รูมถูกคนผลักออก ในตอนนี้เองก็มีชายวัยกลางคนผมบางคนหนึ่งเดินเข้ามาหวงเสี่ยวมั่นเข้าไปต้อนรับทันที: “พี่หลิว พี่มาสักที ครั้งที่แล้วรถสองสามรุ่นที่ฉันแนะนำให้ พี่พิจารณาเป็นอย่างไรบ้าง?”ชายวัยกลางคนโอบเอวบางของหวงเสี่ยวมั่นเอาไว้แถมยังตบไปที่บั้นท้ายของเธอ จากนั้นก็ยิ้มพูดขึ้น: “วันนี้ฉันมาก็มาซื้อรถไม่ใช่เหรอ แต่เธอต้องแนะนำให้ฉันดี ๆ หน่อยล่ะ”“แน่นอนอยู่แล้ว อีกเดี๋ยวพี่หลิวสามารถลองขับก่อนได้ รู้สึกว่าดีแล้วค่อยซื้อ” หวงเสี่ยวมั่นปิดปากเล็ก ๆ แล้วหัวเราะทั้งสองคนพูดคุยกันสนุกสนานหลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย วุ่นวายอยู่นานไม่ใช่ว่าเธอไม่เป็นมิตร เพียงแค่ขี้เกียจจะสนใจพวกเขาสองคนก็เท่านั้น“ตาต่ำซะจริง
ผ่านไปครู่หนึ่ง หวังลี่ลี่ก็ถือสัญญาสองชุดเดินเข้ามาหลินเฟิงเซ็นสัญญาสองชุดทันที และรูดบัตรจ่ายเงินเมื่อทำเอกสารเสร็จ หวังลี่ลี่ก็มอบกุญแจให้และพูดขึ้น: “คุณหลิน รถคันนี้คุณจะขับไปเอง หรือว่าให้ทางเราเอาไปส่งที่บ้านคะ?”“ผมขับไปเอง”“ได้ค่ะ คุณหลิน งั้นเราไปถอยรถกันเถอะค่ะ” หวังลี่ลี่พูดขึ้นหลินเฟิงพยักหน้าและพาจางเจียหนิงกับหวังลี่ลี่ไปที่ลานจอดรถด้วยกันเพิ่งไปถึงลานจอดรถ ก็มีรถเบนซ์คลาส E จอดอยู่ที่ด้านข้างพวกเขาชายวัยกลางคนคนนั้นกับหวงเสี่ยวม่านลงมาจากรถหลินเฟิงเหลือบมองพวกเขาทั้งสองคนเห็นเสื้อเชิ้ตของหวงเสี่ยวม่านไม่เรียบร้อย มีความยุ่งเหยินเล็กน้อยหวงเสี่ยวม่านกอดแขนของชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้น: “พี่หลิว รถคนนี้ไม่เลวใช่ไหม เราไปเซ็นสัญญากันเถอะค่ะ”ชายวัยกลางคนกลับลังเลอยู่นาน และพูดขึ้นอย่างสองจิตสองใจ: “อืม รถคันนี้ไม่เลว แต่ไม่ค่อยเหมาะสมกับที่ฉันคาดหมายไว้ในใจสักเท่าไหร่”“ฉันดูรถคันอื่นอีกหน่อย...”หวงเสี่ยวม่านได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้น: “พี่หลิวพี่ยังจะดูอะไรอีก? ถ้าไม่ชอบรถเบนซ์ พวกเรายังมีรถมายบัค...”ชายวัยกลางคนกลอกตา รถมายบัคก็มองข้ามไปได้เลย“วันนี้ฉ
“อ๋อ...ที่แท้ก็คุณหลินเองเหรอคะ”อิ่นนั่วเจียที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์นึกได้ทันทีจึงพูดขึ้น: “คุณหลินวันนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงโทรหาฉันคะ? มีเรื่องอะไรไหมคะ?”หลินเฟิงเกาหัวแล้วพูดขึ้น: “คือแบบนี้ครับ ผมอยากเชิญให้คุณอิ่นเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์ยาตัวหนึ่งของบริษัทของผม ราคาคุยกันง่ายครับ”“ผลิตภัณฑ์ยา?” อิ่นนั่วเจียชะงักงันถ้าหากเป็นสินค้าอื่น อิ่นนั่วเจียอาจจะรับปากทันทีแต่สิ่งนี้ทำไม่ได้ ของสิ่งนี้ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้น ตัวเองก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย“เอาแบบนี้นะคะ คืนนี้ฉันมีคอนเสิร์ต รอเสร็จสิ้นแล้วพวกเราคุยกันต่อหน้า”อิ่นนั่วเจียครุ่นคิดซ้ำ ๆ จึงตัดสินใจดูก่อนว่ายาที่อยู่ในมือหลินเฟิงคืออะไรถ้าหากไม่มีปัญหา เป็นของดีเธอก็สามารถเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้อยู่แล้ว“ได้ครับ” หลินเฟิงสอบถามที่อยู่ แล้ววางสายไปเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียยินยอมพบตัวเองก็พอแล้วมูลค่าของยาปรับประสานพลังนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงเลยสำหรับงานคอนเสิร์ต หลินเฟิงก็ไม่เคยได้ดูสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ว่างอยู่เฉย ๆและกว่าจะได้พบกับอิ่นนั่วเจียก็ต้องรอให้คอนเสิร์ตของเธอเสร็จสิ้นเสียก่อนตัวเองไม่สู้เข้าไปรอในงานหลินเฟิง
หลินเสวี่ยฮุ่ยยิ้มอย่างเก้กัง: “พอใช้ได้มั้ง”แม้แต่เธอก็ไม่รู้รายละเอียดว่าหลินเฟิงทำอะไรแต่เธอมั่นใจได้ว่า หลินเฟิงน่าจะเป็นบุคคลใหญ่โตคนหนึ่งผู้หญิงที่ไว้ผมลอน ที่นั่งอยู่ด้านข้างผู้หญิงหมวกแก๊ปพูดเยาะหยัน: “เปิดบริษัทสุดยอดตรงไหนกัน คุณชายหลี่ว์ตระกูลก็เปิดบริษัท”“ใช่ไหมคะคุณชายหลี่ว์?”หลี่ว์เจิ้งหยางที่นั่งอยู่ด้านข้างหลินเฟิงก็พูดด้วยใบหน้าถ่อมตัว: “เห้อ นั่นเป็นความดีความชอบของคุณพ่อคุณแม่ ไม่นับเป็นส่วนของผม”สาวผมลอนกลับพูดด้วยใบหน้าประจบประแจง: “คุณชายหลี่ว์เป็นลูกคนเดียว ของพ่อแม่ก็คือของคุณไม่ใช่เหรอ”หลี่ว์เจิ้งหยางก็สะกิดหลินเฟิงอีกครั้งแล้วพูดขึ้น: “สหาย เราสองคนแลกที่นั่งกัน”หลินเฟิงถึงนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองจะเปลี่ยนที่นั่งกับเขา อย่างไรซะพวกเขาสามสี่คนก็เป็นเพื่อนนักเรียนกัน เขานั่งตรงไหนก็ไม่มีปัญหายังไม่รอให้เขาลุกขึ้น หลินเสวี่ยฮุ่ยกลับจับแขนของเขาเอาไว้“หลินเฟิง คุณนั่งตรงนี้แหละ”เธอหันหน้ามองไปทางหลี่ว์เจิ้งหยางแล้วพูดขึ้น: “คุณชายหลี่ว์ ฉันกับหลินเฟิงไม่ได้เจอกันนานแล้ว อยากจะพูดคุยถึงความหลังกันหน่อยพอดี คุณนั่งตรงนั้นเถอะค่ะ”“เอ่อ...นี่ ก็ได้
หลินเฟิงพยักหน้า “แน่นอน ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าผมมาเพื่อพูดคุยธุรกิจกับอิ่นนั่วเจีย”“การขอลายเซ็นจากเธอสักสองสามแผ่น น่าจะไม่ใช่ปัญหา”“แบบนั้นก็ดีเลยค่ะ” ผู้หญิงที่สวมหมวกแก๊ปพูดด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นขณะพูดหลินเฟิงก็พาคนสองสามคนไปที่ด้านหลังเวทีคอนเสิร์ตและได้บอกชื่อจริงของตัวเองออกไปโดยตรงการเดินทางที่ราบรื่นไม่มีติดขัด ไม่นานนักก็มาถึงด้านหลังเวทีและได้เห็นอิ่นนั่วเจียกำลังเช็ดเครื่องสำอางออกอยู่“โอ้แม่เจ้า ไม่คิดเลยว่าอิ่นนั่วเจียหน้าสดจะสวยขนาดนี้””จุ๊ จุ๊…สมกับที่เป็นดาราดังจริง ๆ! แม้แต่หน้าสดก็ไม่อาจต้านทานได้ขนาดนี้”นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอสองสามคนได้ใกล้ชิดดารา“คุณหลิน คุณมาแล้ว” เมื่ออิ่นนั่วเจียมองเห็นหลินเฟิง ก็ยกกระโปรงยาวแล้วเดินมาหาช้า ๆและเป็นฝ่ายที่เข้ามาจับมือของหลินเฟิงก่อนเมื่อเห็นคนสองสามคนที่ยืนข้าง ๆ หลินเฟิงก็ถามด้วยความสงสัยว่า “คนพวกนี้คือ?”“อ่อ”หลินเฟิงมองหลินเสวี่ยฮุ่ยแล้วพูดขึ้น ”นี่คือน้องสาวของผมกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอ พวกเขาชอบคุณอิ่นมาก อยากได้ลายเซ็นจากคุณ”“ผมก็เลยพาพวกเขาเข้ามาที่นี่”คุณอิ่นยิ้มอย่างมีเสน่ห์เล็กน้อย:
“เพียงแค่วางยาคุณหลงซิ่ว เพื่อดูว่าคุณมีพละกำลังพอที่จะเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”หลินเฟิงมองไปที่หลงซิ่วที่สวมสูทสีชมพู แต่งเนื้อแต่งตัวเกินความพอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจริงใจอย่างยิ่ง"แก......"“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณทรมาน วางใจได้ ผมไม่มีทางไม่สนใจคุณ”ขณะพูดหลินเฟิงดีดนิ้วชายสองคนในชุดสูทก้าวออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หามหลงซิ่วขึ้นและพาเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สองคนเหล่านี้คือคนของเผิงกวงฉี่ส่วนเผิงกวงฉี่ก่อนหน้านี้ เขาได้นำลูกน้องสี่หรือห้าคนของเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สอง ที่มีโซฟาสีชมพูขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพตั้งนานแล้วภายในห้องมีชายเปลือยกาย 2 คนล้มลงในแอ่งเลือดเมื่อถานหงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้มอาฆาตบนใบหน้า เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อ และกลายเป็นร่องรอยของความกลัวและความตื่นตระหนก“ถานหง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เธอก็ได้พบกับที่พึ่งใหม่แล้วเหรอ?”เผิงกวงฉี่นั่งสูบบุหรี่ซิการ์อยู่บนโซฟา และมองไปที่ถานหงอย่างไม่ใส่ใจ"ฉัน......"ถานหงรู้สึกสับสนในเวลานี้ เผิงกวงฉี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หรือว่า...หัวใจของถานหงรู้ส
ชีพจรมังกร...จะเป็นจื่อเสวียนรึเปล่านะ? -อิ่นนั่วเจียตกใจอย่างมาก และไม่ทราบว่าจื่อเสวียนกลายมาเป็นชีพจรมังกรที่หลงซิ่วพูดถึงได้อย่างไรดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรอย่างมากและครั้งนี้หลงซิ่วช่วยเหลือถานหง ในที่สุดก็รู้เป้าหมายชัดเจนแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรในมือของหลินเฟิง!หลังจากคิดเรื่องนี้ออก ใบหน้าของอิ่นนั่วเจียก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากความคิดอันลึกซึ้งในทางกลับกัน จวงฉุนกลับถามหลงซิ่วด้วยสีหน้าสับสน:“คุณหลงซิ่ว ชีพจรมังกรคืออะไร?”“ชีพจรมังกรนั้นคือ…”หลงซิ่วไม่ต้องการตอบคำถามของจวงฉุน แต่เห็นว่าอินนั่วเจียยังคงจมอยู่กับความคิดเขาอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า:"มีการกล่าวกันว่าชีพจรมังกรเป็นที่มาของโชคลาภของประเทศมังกร"“หากรวบรวมชีพจรมังกรครบทั้งแปดเส้นได้ ก็จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรตัวจริงได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว ชีพจรมังกรเหล่านี้เป็นของตระกูลหลงของเรามาโดยตลอด”“เพราะเหตุนี้สถานที่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นประเทศมังกร”“แล้วนามสกุลของเราคือหลง (หลง แปลว่า มังกร) เข้าใจแล้วยัง?”“เราแค่อยากนำสิ่งที่เดิมเป็น
ดังนั้นการร่วมมือกับถานหง เพื่อจัดการกับอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงจึงเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลงซิ่วคือเพื่อสำรวจหรือแม้กระทั่งเอาชีพจรมังกรที่อยู่รอบตัวหลินเฟิงออกไป!มีเพียงแค่เอาชีพจรมังกรมาอยู่ในมือ หลงหยวนก็สามารถใช้พละกำลังของเขา จัดการกับหลินเฟิงอย่างกล้าหาญได้และเรื่องของชีพจรมังกรมีเพียงหลงซิ่วและสวีโจวซึ่งเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบู๊ของตระกูลหลงที่เขาส่งออกไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ส่วนที่เหลือก็ไม่ชัดเจนนักแต่ในเวลานี้หลงซิ่วไม่รู้ว่าสวีโจวและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิญญาณที่ตายแล้วในมือของหลินเฟิง ด้วยความพยายามผลักดันของจวงฉุน ไม่มีใครหนีไปได้สักคนเหลือเพียงจวงฉุนเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงได้กลายมาเป็นคนทรยศหากหลงซิ่วรู้เรื่องนี้เกรงว่าเขาจะตบจวงฉุนคนไร้ประโยชน์คนนี้จนตายไปซะเลยแทนที่จะชื่นชมเขาเพราะเขาพาอิ่นนั่วเจียมาอยู่เคียงข้างเขา"เอาล่ะ"หลงซิ่วยืนขึ้นและโบกมือให้อิ่นนั่วเจียอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ผมได้เตรียมคนและอุปกรณ์ไว้แล้ว อยู่ในห้องส่วนตัวใต้ดินชั้นสอง ถานหง คุณไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”“รอผมถามคำถามอิ่
“ฉันคือลูกน้องของเธอ? คุณหลงซิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันจำได้ว่าไม่มีข้อกำหนดนั้นในสัญญาของเราหรอกมั้ง?”อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้วและมองไปที่หลงซิ่วหลงซิ่วสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรยังคงเป็นถานหงที่ตอบคำถามของอิ่นนั่วเจียด้วยเสียงหัวเราะ“อิ่นนั่วเจีย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหลงจะเต็มใจยอมรับเธอ เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในชื่อเสียงและความสามารถของเธอจริงๆ”ถานหงส่ายหน้าอย่างดูถูกและกล่าวว่า:“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลหลงจะยอมรับเธอได้ยังไง?”“อ่อใช่ ไม่ว่าฉันหรือตระกูลหลง ก็ไม่ได้โกหกเธอ เพราะฉันคือผู้รับผิดชอบบริษัทบันเทิงของตระกูลหลงที่เธอเข้าร่วมมาโดยตลอด”“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อิ่นนั่วเจีย เธอต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม?”“ฉันให้เธอถ่ายหนังอะไร เธอก็ต้องไปถ่าย”"เดี๋ยวนะ"อิ่นนั่วเจียยื่นมือออกไปและขมวดคิ้ว:“ถานหง เธอพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งใจจะจัดการกับฉันขนาดนั้น?”“ถึงขั้นยอมทุ่มเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเพื่อดึงตัวฉันมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊”เมื่อได้ยินคำพูดของอิ่นนั
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ