“คุณสามารถโทรศัพท์ไปยืนยันกับตระกูลซือหม่าในตอนนี้ดูได้ ถามเขาว่ารู้จักคนที่ชื่อหลินเฟิงไหม”ได้ยินน้ำเสียงที่สงบนิ่งของหลินเฟิงแบบนี้ ในใจของท่านเฮยอวู่ก็เกิดความระแวงขึ้นมาเขาท่านเฮยอวู่อยู่ที่ตระกูลซือหม่าอย่างมากก็มีแค่บาทเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร เป็นไปได้อย่างไรที่จะล่วงเกินบริวารโจวบริวารโจวเป็นบริวารใหญ่ที่มีสิทธิ์มีเสียงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูล เป็นคนระดับสูงที่ตระกูลซือหม่าให้ความสำคัญอย่างมากถ้าหากล่วงเกินเพื่อนของบริวารโจว ต่อให้เขามีหลายชีวิตก็ไม่พอให้ตายด้วยซ้ำคิดถึงตรงนี้ ท่านเฮยอวู่ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋า เหลือบมองหลินเฟิงด้วยความระแวง“ถ้าหากให้ฉันรู้ว่านายกล้าหลอกฉัน งั้นนายต้องตายแน่นอน!”พูดประโยคข่มขู่นี้เสร็จ ท่านเฮยอวู่ก็กดโทรศัพท์โทรไปหาตระกูลซือหม่า“ใช่ใช่ใช่ ผมคือเฮยอวู่ ช่วยผมติดต่อบริวารโจวหน่อยครับ ไม่ใช่ ผมมีธุระต้องการติดต่อเขา เพื่อนของบริวารโจว...”รออยู่ครู่หนึ่ง ถึงขั้นที่อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ท่านเฮยอวู่ถึงได้วางสายโทรศัพท์ท่านเฮยอวู่ที่วางสาย นิ่งอึ้งครู่หนึ่ง ท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อยสุดท้าย เขาหันหน้าม
“ทางผ่านแวะไปโรงพยาบาลสักหน่อยเถอะ”หลินเฟิงขับรถ เหลือบมองอวี๋จื่อเสวียนที่อยู่เบาะหลัง“เอ้ยเอ้ยเอ้ย อาจารย์หลิน คุณมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซือหม่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้สนใจบาดแผลบนตัวของเธอ กลับถามนู่นถามนี่ต่อหลินเฟิงด้วยความอยากรู้ ต่อให้หลี่ฮุ่ยหรานไม่ให้เธอขยับเขยื้อนซี้ซั้ว เธอก็อยู่นิ่งไม่ได้“ก็แค่มีคนในตระกูลซือหม่าเป็นคนไข้ของฉันก็เท่านั้นเอง”คำตอบของหลินเฟิงทำให้อวี๋จื่อเสวียนผิวปากออกมา“ว้าว เจ๋งมากเลย อาจารย์หลิน ไม่สู้ต่อไปฉันอย่าเรียนศิลปะการต่อสู้กับคุณเลย เปลี่ยนไปเรียนวิชาแพทย์เถอะ!”ได้ยินคำพูดแบบนี้ของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงพูดตอบโต้กลับโดยไม่ไว้หน้าแม้แต่นิด:“ไม่สู้เธอตั้งใจเรียนให้ดีก่อน เรียนวิชาแพทย์ต้องมีความรู้เฉพาะทางที่ค่อนข้างแน่นหนา เธอไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง จะเรียนเข้าใจได้ยังไง?”“หึ ก็แค่คุณไม่อยากสอนฉันก็เท่านั้นแหละ”อวี๋จื่อเสวียนกอดอกด้วยความคับแค้นใจ“ได้ งั้นฉันสอนเธอ ท่องจำสมุนไพรยาหนึ่งหมื่นชนิดก่อน จากนั้นเภสัชศาสตร์ของสมุนไพรยาแต่ละชนิด ปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน อีกทั้งผลลัพธ์ของการรวมกัน”หลินเฟิงเพียงแค่พู
“เรื่องเล็กน้อย...ไม่ต้องเป็นกังวล”หลินเฟิงไม่ได้เลือกบอกหลี่ฮุ่ยหราน เขากลัวว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะเป็นกังวล ในเมื่ออาอวี๋ปฏิบัติต่อหลี่ฮุ่ยหรานอย่างดี“อือ”เห็นหลินเฟิงไม่ยอมพูด หลี่ฮุ่ยหรานก็ไม่ได้บังคับหลินเฟิง แต่ทำเพียงแค่พยักหน้าพูดว่า:“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็กลับไปที่ชุมชนกลางเมืองก่อน ต้องรักษาความปลอดภัยด้วยนะ”“ผมรู้แล้วครับ คุณไปเถอะ”เมื่อส่งหลี่ฮุ่ยหรานกลับไป หลินเฟิงถึงได้ควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง จากนั้นกำหมัดแน่นเดินทางไปห้องผ่าตัดบาดแผลที่อาอวี๋ได้รับนั้นรุนแรงอย่างมากถึงขั้นที่รุนแรงจนหลินเฟิงเห็นในแวบแรกก็ยังจำอาอวี๋ไม่ได้นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคนอื่นกระทืบมาอย่างดุเดือด อีกทั้งไม่ใช่การกระทืบที่ดุเดือดทั่วไป อาจจะถูกทรมานอย่างรุนแรงด้วยซ้ำ“อาอวี๋...”หลินเฟิงเกิดความรู้สึกทุกข์ใจจากความละอาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาให้อาอวี๋ช่วยไปส่งยาให้เขา เช่นนั้นอาอวี๋ไม่มีทางพบเจอกับเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอนสำหรับเรื่องที่ใครเป็นคนทำร้ายอาอวี๋จนสภาพเป็นแบบนี้ ลึกๆ ในใจของหลินเฟิงพอจะคาดเดาได้แล้ว“ซือหม่าเหวิน...”สายตาของเขาเผยความดุร้ายรุนแรงออกมา ความโมโหในใจป
“โครม!”ในตอนนี้เอง หลินเฟิงได้มาถึงหน้าห้องผ่าตัดแล้ว เขาถีบประตูของห้องผ่าตัดจนเปิดออก“หือ? คุณเป็นใคร? คุณจะทำอะไร?!”ภายในห้องผ่าตัด หมอเจ็ดแปดคนพากันลุกขึ้นยืน มองไปทางหลินเฟิงด้วยความตกตะลึง“หมอ พวกคุณมีความมั่นใจมากแค่ไหนที่จะรักษาผู้ป่วยคนนี้ให้หาย?”หลินเฟิงเข้ามาข้างใน ไม่ได้พูดอย่างอื่น แต่ยืนอยู่ที่เดิม มองหมอผ่าตัดหลักที่อยู่ใกล้ๆ เตียงผ่าตัดด้วยความเย็นชา“นี่...”หมอผ่าตัดนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง มีความลังเลเล็กน้อยผู้ชายที่อยู่บนเตียงผ่าตัดคนนี้ถึงแม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ยังไม่ถึงกับชีวิตของเขาดูท่าคนที่ทำให้เขาบาดเจ็บ ลงมือได้อย่างพิถีพิถันมากเขารู้ว่าต่อยตีอย่างไรสามารถทำให้คนเกิดความเจ็บปวดมากที่สุด แต่ไม่ส่งผลต่อชีวิตของเขาพูดอีกอย่างคือ ผู้ชายที่อยู่บนเตียงผ่าตัด ถูกทรมานจนมีสภาพแบบนี้ เขาก็ยังไม่ได้มีอันตรายต่อชีวิตอะไรแต่พูดกลับมาอีก เขาอยากกลับไปมีสภาพเหมือนกับก่อนหน้านี้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็ได้แต่ฝันผ่านการทรมานแบบนี้ ร่างกายของเขาเกิดโรคข้างเคียงที่ร้ายแรงขึ้นแล้ว หนึ่งในอันดับแรก ก็คือกระดูกหน้าแข้งถูกคนตีจนแตกละเอียดโดยตรง ชีวิตต่อจากนี้ไปเกรงว่าต้องน
ถึงแม้เสื้อผ้าบนตัวของพวกเขาจะเป็นชุดรปภ. แต่คำพูดคำจาไม่สุภาพ เห็นได้ชัดว่าเป็นอันธพาลที่รับสมัครมาจากที่ไหนก็ไม่รู้“ฉันให้เวลาพวกนายห้าวินาที”หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปทางรปภ. สิบกว่าคนที่พุ่งเข้ามา จึงพูดอย่างนิ่งเฉยว่า: “ภายในห้านาที ไสหัวออกไปซะให้หมด ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ฉันไม่เกรงใจพวกนาย”“แม่ง อวดดีจังเลยนะ!”พูดกันไม่รู้เรื่อง รปภ. ที่นำหน้ามายกกระบองไฟฟ้าขึ้นโดยตรง โผเข้าไปทางหลินเฟิง“หึ”เวลาค่อนข้างกระชั้นชิดอาอวี๋ที่อยู่ข้างหลังยังนอนส่งเสียงร้องครวญครางอยู่บนเตียงผ่าตัด ต้องรับการรักษาอย่างด่วน หลินเฟิงไม่ว่างมาเสียเวลากับพวกอันธพาลเหล่านี้หลินเฟิงพุ่งเข้าไปโดยตรง สันมือฟาดลงไป จึงทำให้รปภ. ที่พุ่งเข้ามาอยู่ตรงด้านหน้าสุดกลิ้งล้มลงบนพื้น และกลอกตามองบน“เปรี้ยะเปรี้ยะเปรี้ยะ...”หลินเฟิงแย่งกระบองไฟฟ้าที่อยู่ในมือของเขามา กดลงบนร่างกายของคนที่สอง รปภ. คนที่สองนี้ถูกช็อตจนตัวกระตุก ควันดำลอยออกมาโดยตรง“ไสหัวไป!”หลินเฟิงตวาดเสียงต่ำ เตะรปภ. คนนี้ออกไป ทันใดนั้นเขาก็ชนเข้ากับรปภ. ที่เรียงแถวกันอยู่เมื่อเห็นว่ารปภ. เหล่านี้ยังจะเข้ามาอีก หลินเฟิงก็ไม
“สุดท้ายทำได้แค่พึ่งพาการแพทย์แผนตะวันตก เอาเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออก และเย็บแผล…”“การแพทย์แผนโบราณประเทศมังกร หึ เป็นแค่เรื่องหลอกลวงเท่านั้นเอง”คำพูดของหมอโจวได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยจากหมอคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเห็นได้ชัด“ไม่พูดเรื่องอื่นแล้ว พวกเรารอดูกันก่อนเถอะ”หัวหน้าเจี่ยงขมวดคิ้ว “พวกเรารอดูสิ ไอ้หมอนั่นจะทำอะไรกันแน่”“หึ เดาว่าเป็นศัตรูละมั้ง สภาพขนาดนั้นแล้วยังจะมาแก้แค้น น่าสงสารจริงๆ”หมอโจวส่ายหน้าและเดาะลิ้นภายในห้องผ่าตัดหลินเฟิงนำเข็มเงินออกมา วางไว้ที่ด้านข้างเตียงผ่าตัดของอาอวี๋วินาทีนี้เขาอยู่ใกล้อาอวี๋ถึงขนาดนี้ ถึงได้เห็นอย่างแท้จริงแล้วว่าอาอวี๋ได้รับบาดเจ็บรุนแรงขนาดไหนกันไม่เพียงใบหน้าถูกตีจนน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้ ทำให้คนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้กระดูกซี่โครงก็หักจนแทบทั้งหมด แขน ขา แทบจะไม่มีส่วนไหนที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่เอ็นร้อยหวายก็ถูกคนแยกออกจากกันนี่มันน่าอนาถเกินไปแล้วหลินเฟิงถึงขั้นที่ทนดูต่อไปไม่ได้อีก อยากจะมุ่งหน้าไปที่ตระกูลซือหม่า เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับอาอวี๋แต่เขาทำแบบนี้ไม่ได้อย่างน้อยก่อนหน้าที
เขากับบริวารโจวอยู่ในตระกูลซือหม่า ในเวลาปกตินั้นไม่ถูกกันเท่าไหร่เพียงแค่ตำแหน่งของบริวารโจวสูงกว่าเขา ดังนั้นเขาถึงได้อยุ่ต่ำกว่าบริวารโจวเล็กน้อย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวบริวารโจววันนี้หลินเฟิงกลับกล้ามาก่อเรื่องที่โรงพยาบาลของตระกูลซือหม่า นี่เป็นการหักหน้าตระกูลซือหม่าอย่างชัดเจนถ้าหากตอนนี้เขาฆ่าหลินเฟิง คิดว่าบริวารโจวคนนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้คิดถึงตรงนี้ บริวารเหลียงก็ก้าวเดินเข้ามา และพูดกับภายในห้องผ่าตัดว่า:“หลินเฟิง ผมจำกัดเวลาให้คุณภายในหาวินาที เปิดประตูให้ผมซะดีๆ จากนั้นก้มกราบยอมรับผิดต่อตระกูลซือหม่าของผมซะ!”“ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมจะเด็ดชีวิตต่ำๆ ของคุณในฐานะตัวแทนตระกูลซือหม่าเป็นแน่!”“หึ...”หลินเฟิงได้ยินแล้วแต่เขาเพียงแค่เหลือบตามองบริวารเหลียงด้วยความเหยียดหยาม และทำการรักษาของตัวเองต่อไปในที่สุดอาอวี๋ก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาในตอนที่เขาเห็นหลินเฟิงแวบแรก ความกระวนกระวายในดวงตาถึงได้หายไป และเผยความรู้สึกผิดที่มากมายออกมา“ขอโทษด้วยครับ คุณ...คุณหลิน เรื่องที่คุณไหว้วานผม ผม...ผมทำไม่สำเร็จ...”“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”“ใครเป็นคนกระทื
“อ๊ะ?”อาอวี๋คิดไม่ถึงว่าบอดี้การ์ดเฝ้าประตูของตระกูลซือหม่าจะกำเริบเสิบสานถึงขนาดนี้เขาเพียงแค่นำยามาส่งเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ให้เขาคิดชื่อของศูนย์การแพทย์ศูนย์การแพทย์ที่เขารู้จักก็มีจำนวนมาก แต่การปฏิบัติตัวจะต้องมีท่าทางที่ซื่อสัตย์ เขายังคงยิ้มอย่างสุภาพ:“ยานี้เป็นยาที่คุณหลินจ่ายให้กับบริวารโจว ถ้าหากคุณไม่เชื่อ สามารถไปหาบริวารโจวเพื่อยืนยันดูได้ ผมจะกล้าโกหกได้ยังไง?”น่าเสียดายคนบางคนเมื่อเห็นอีกฝ่ายให้เกียรติตัวเองก็ไม่สนใจพวกเขาไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความใจเย็นและคุณสมบัติเนื้อแท้ รู้จักแต่รังแกผู้อ่อนแอ“เอ๊ะไอ้แก่คนนี้ ในหัวของนายมีขนลาอุดอยู่รึไง? เมื่อครู่ฉันพูดไว้แล้ว ฉันที่มีบทบาทเล็กๆ แบบนี้ไม่คู่ควรที่จะติดต่อบริวารโจว”“ถ้าหากนายตั้งใจมาสร้างความวุ่นวาย ฉันไปติดต่อบริวารโจว งั้นฉันไม่ตายเลยเหรอ?”“รีบไสหัวไปซะ ถ้าหากนายมาส่งยาให้บริวารโจวจริงๆ งั้นก็ติดต่อบริวารโจว ให้เขาออกคำสั่งแจ้งให้นายเข้าไป ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวไป!”หลังจากพูดประโยคสุดท้ายออกมา บอดี้การ์ดคนนี้ก็ลุกขึ้น ผลักอาอวี๋ล้มลงบนพื้น“คุณ...”อาอวี๋ถูกท่าทาง
“เพียงแค่วางยาคุณหลงซิ่ว เพื่อดูว่าคุณมีพละกำลังพอที่จะเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”หลินเฟิงมองไปที่หลงซิ่วที่สวมสูทสีชมพู แต่งเนื้อแต่งตัวเกินความพอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจริงใจอย่างยิ่ง"แก......"“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณทรมาน วางใจได้ ผมไม่มีทางไม่สนใจคุณ”ขณะพูดหลินเฟิงดีดนิ้วชายสองคนในชุดสูทก้าวออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หามหลงซิ่วขึ้นและพาเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สองคนเหล่านี้คือคนของเผิงกวงฉี่ส่วนเผิงกวงฉี่ก่อนหน้านี้ เขาได้นำลูกน้องสี่หรือห้าคนของเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สอง ที่มีโซฟาสีชมพูขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพตั้งนานแล้วภายในห้องมีชายเปลือยกาย 2 คนล้มลงในแอ่งเลือดเมื่อถานหงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้มอาฆาตบนใบหน้า เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อ และกลายเป็นร่องรอยของความกลัวและความตื่นตระหนก“ถานหง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เธอก็ได้พบกับที่พึ่งใหม่แล้วเหรอ?”เผิงกวงฉี่นั่งสูบบุหรี่ซิการ์อยู่บนโซฟา และมองไปที่ถานหงอย่างไม่ใส่ใจ"ฉัน......"ถานหงรู้สึกสับสนในเวลานี้ เผิงกวงฉี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หรือว่า...หัวใจของถานหงรู้ส
ชีพจรมังกร...จะเป็นจื่อเสวียนรึเปล่านะ? -อิ่นนั่วเจียตกใจอย่างมาก และไม่ทราบว่าจื่อเสวียนกลายมาเป็นชีพจรมังกรที่หลงซิ่วพูดถึงได้อย่างไรดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรอย่างมากและครั้งนี้หลงซิ่วช่วยเหลือถานหง ในที่สุดก็รู้เป้าหมายชัดเจนแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรในมือของหลินเฟิง!หลังจากคิดเรื่องนี้ออก ใบหน้าของอิ่นนั่วเจียก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากความคิดอันลึกซึ้งในทางกลับกัน จวงฉุนกลับถามหลงซิ่วด้วยสีหน้าสับสน:“คุณหลงซิ่ว ชีพจรมังกรคืออะไร?”“ชีพจรมังกรนั้นคือ…”หลงซิ่วไม่ต้องการตอบคำถามของจวงฉุน แต่เห็นว่าอินนั่วเจียยังคงจมอยู่กับความคิดเขาอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า:"มีการกล่าวกันว่าชีพจรมังกรเป็นที่มาของโชคลาภของประเทศมังกร"“หากรวบรวมชีพจรมังกรครบทั้งแปดเส้นได้ ก็จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรตัวจริงได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว ชีพจรมังกรเหล่านี้เป็นของตระกูลหลงของเรามาโดยตลอด”“เพราะเหตุนี้สถานที่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นประเทศมังกร”“แล้วนามสกุลของเราคือหลง (หลง แปลว่า มังกร) เข้าใจแล้วยัง?”“เราแค่อยากนำสิ่งที่เดิมเป็น
ดังนั้นการร่วมมือกับถานหง เพื่อจัดการกับอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงจึงเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลงซิ่วคือเพื่อสำรวจหรือแม้กระทั่งเอาชีพจรมังกรที่อยู่รอบตัวหลินเฟิงออกไป!มีเพียงแค่เอาชีพจรมังกรมาอยู่ในมือ หลงหยวนก็สามารถใช้พละกำลังของเขา จัดการกับหลินเฟิงอย่างกล้าหาญได้และเรื่องของชีพจรมังกรมีเพียงหลงซิ่วและสวีโจวซึ่งเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบู๊ของตระกูลหลงที่เขาส่งออกไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ส่วนที่เหลือก็ไม่ชัดเจนนักแต่ในเวลานี้หลงซิ่วไม่รู้ว่าสวีโจวและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิญญาณที่ตายแล้วในมือของหลินเฟิง ด้วยความพยายามผลักดันของจวงฉุน ไม่มีใครหนีไปได้สักคนเหลือเพียงจวงฉุนเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงได้กลายมาเป็นคนทรยศหากหลงซิ่วรู้เรื่องนี้เกรงว่าเขาจะตบจวงฉุนคนไร้ประโยชน์คนนี้จนตายไปซะเลยแทนที่จะชื่นชมเขาเพราะเขาพาอิ่นนั่วเจียมาอยู่เคียงข้างเขา"เอาล่ะ"หลงซิ่วยืนขึ้นและโบกมือให้อิ่นนั่วเจียอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ผมได้เตรียมคนและอุปกรณ์ไว้แล้ว อยู่ในห้องส่วนตัวใต้ดินชั้นสอง ถานหง คุณไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”“รอผมถามคำถามอิ่
“ฉันคือลูกน้องของเธอ? คุณหลงซิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันจำได้ว่าไม่มีข้อกำหนดนั้นในสัญญาของเราหรอกมั้ง?”อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้วและมองไปที่หลงซิ่วหลงซิ่วสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรยังคงเป็นถานหงที่ตอบคำถามของอิ่นนั่วเจียด้วยเสียงหัวเราะ“อิ่นนั่วเจีย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหลงจะเต็มใจยอมรับเธอ เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในชื่อเสียงและความสามารถของเธอจริงๆ”ถานหงส่ายหน้าอย่างดูถูกและกล่าวว่า:“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลหลงจะยอมรับเธอได้ยังไง?”“อ่อใช่ ไม่ว่าฉันหรือตระกูลหลง ก็ไม่ได้โกหกเธอ เพราะฉันคือผู้รับผิดชอบบริษัทบันเทิงของตระกูลหลงที่เธอเข้าร่วมมาโดยตลอด”“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อิ่นนั่วเจีย เธอต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม?”“ฉันให้เธอถ่ายหนังอะไร เธอก็ต้องไปถ่าย”"เดี๋ยวนะ"อิ่นนั่วเจียยื่นมือออกไปและขมวดคิ้ว:“ถานหง เธอพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งใจจะจัดการกับฉันขนาดนั้น?”“ถึงขั้นยอมทุ่มเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเพื่อดึงตัวฉันมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊”เมื่อได้ยินคำพูดของอิ่นนั
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ