“เถ้าแก่ ข้าจะจ่ายเงินให้ท่านครึ่งหนึ่งของราคาสินค้าทั้งหมด ท่านออกใบลงนามรับรองการจ่ายเงินให้ข้า ส่วนวันที่จะมารับข้าจะแจ้งท่านอีกที"
เถ้าแก่มองสำรวจที่อาภรณ์ของคุณหนูตรงหน้า นางไม่พกถุงหอม ไม่มีเครื่องประดับสักชิ้น เมื่อแน่ใจแล้วว่านางไม่มีถุงมิติ จึงเอ่ยปากแนะนำ
"คุณหนูขอรับ ข้าขอแนะนำท่านสักเรื่อง หากคุณหนูจะขนของพวกนี้ไปไกลจากเมืองนี้ ข้าแนะนำให้คุณหนูเช่าถุงมิติจากหอเซียงซิน ที่นั่นมีให้เช่าของวิเศษหลายอย่าง แม้ถุงมิติราคาสูงหน่อย แต่มันสามารถใส่สิ่งของได้เยอะ ปลอดภัยจากโจร หรือความเสียหายของการเดินทางขอรับ”
“ดูจากของที่คุณหนูซื้อแล้ว ต้องใช้เกวียนขนหลายคัน เสี่ยงต่อการเสียหายและถูกปล้นกลางทาง อีกอย่าง เมื่อครบกำหนดวันสัญญาเช่าถุงมิติ เราไม่ต้องเสียเวลาไปคืน ถุงมิติทุกใบจะลงเวทไว้ มันจะกลับคืนสู่หอเซียงซินโดยที่ผู้เช่าไม่ต้องนำไปคืนเลยขอรับ"
เถ้าแก่ตัดสินใจแนะนำวิธีนี้ไป เพราะดูจากการที่นางซื้อของแล้วนางมีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่าถุงมิติแน่นอน และคุณหนูหลายๆคนไม่ทราบว่ามีวิธีนี้
"หืม... ถุงมิติ งั้นหรอ ข้ารอดแล้ว"
หลินหลินพยักหน้ายกยิ้มบาง
"เถ้าแก่ อีกครึ่งชั่วยามข้าจะมารับสินค้า ไม่ทราบว่าร้านของท่านปิดยามใด"
"ไม่เป็นไรขอรับ ข้ารอได้ขอรับ...."
ทำไมเขาจะรอไม่ได้ล่ะ เงินทั้งนั้น ต่อให้นางบอกจะมาดึกดื่นเขาก็จะรอ... เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ใครไม่รอก็โง่แล้ว
หลินหลินรีบเดินออกไปสำรวจร้านค้าอื่น ๆ พบร้านเป้าหมายอยู่ 3-4 ร้านแต่พวกเขากำลังจะปิดร้านแล้ว พรุ่งนี้นางจะมาเหมาให้หมด
หลินหลินหันหลังกลับไปร้านขายแจกันก่อนเวลานัดหมาย เถ้าแก่ให้ลูกน้องมาตรวจสอบความเรียบร้อยของสินค้า 2 คน คนหนึ่งเป็นชายชรา อีกคนเป็นเด็กชายอายุไม่น่าจะเกิน 13 หนาว พวกเขาทำงานกันอย่างขะมักเขม้น
"เถ้าแก่ ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ"
ครั้งนี้นางพกถุงหอมมาด้วย มันดูแปลกตากว่าถุงหอมทั่วไป เพราะนางสั่งซื้อจากระบบ เนื้อผ้า เส้นด้าย ลวดลายล้วนแตกต่างจากถุงหอมทั่วไป
เถ้าแก่คิดว่านี่คงเป็นถุงมิติ จึงมองด้วยสายตาชื่นชม หารู้ไม่ นี่คือถุงหอมธรรมดาที่ขายอยู่ในระบบจำนวนมาก
ระหว่างรอให้คนงานร้านเถ้าแก่ตรวจของที่จะส่งมอบ นางก็เดินไปชำระเงินที่เหลือกับเถ้าแก่
เขาอยากจะได้ลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างนางเป็นลูกค้าประจำเหลือเกิน แต่ดูก็รู้ว่านางคงเดินทางแค่ผ่านมาเพียงเท่านั้น
"เถ้าแก่ ท่านเคยไปเมืองทางเหนือไหมเจ้าคะ สภาพอากาศ ความเป็นอยู่เป็นอย่างไรเจ้าคะ"
"อืม... เมืองทางเหนือหรือขอรับ.... ที่ข้ารู้ จะมีอากาศหนาวเย็นตลอดปีขอรับ หน้าหนาวหิมะตกหนักมาก ชาวบ้านใช้ชีวิตลำบากยากเข็ญ ทุกปีคนตายจำนวนมากพ่อค้าทำการค้าลำบาก ค่าเดินทางแพง เพราะไม่มีใครอยากไปเสี่ยงกับโจรป่าและสภาพอากาศแบบนั้น แต่ตอนนี้ความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากขอรับ”
“ ตั้งแต่ฝ่าบาทแต่งตั้งชินอ๋องให้ไปปกครองเมืองเหนือ ก็มีผู้คนเล่าขานกันต่อ ๆ มาว่า การค้าเริ่มเปิด เนื่องจากชินอ๋องตั้งค่ายทหารที่นอกเมือง ผู้คนจึงกล้าออกมาขายของกันมากขึ้น ขโมยก็ลดลง ไม่มีใครกล้าเป็นขโมยเพราะ...ท่านอ๋องกำหนดบทลงโทษหนักมาก ชาวบ้านหลายคนเลยสมัครไปเป็นทหารแทน เพราะมีอาหารและมีตำลึงให้ขอรับ"
"อืม... เป็นความคิดที่ชาญฉลาดนะเจ้าคะ เพราะอาณาเขตใกล้กับแคว้นอื่นด้วย ถ้าตั้งค่ายทหารปักหลักไว้ตรงนั้น ศัตรูก็กลัวเกรง การจัดการอะไรก็ง่ายกว่าตั้งค่ายทหารในเมืองอื่น ท่านอ๋องแคว้นเราทรงปรีชาสามารถยิ่งนักเจ้าคะ"
“ฮ่าๆๆๆ ใช่แล้ว เขาว่ากันว่าท่านรูปงามมาก เก่งกาจหาใครเทียบไม่ได้เลยนะขอรับ แต่... น่าเสียดาย...ที่เป็นพวก เอ่อ...ท่านเป็นพวกตัดแขนเสื้อตัวเองน่ะขอรับ (ชายรักชาย) "
เถ้าแก่ป้องปากพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบ
หลินหลินทำหน้าตกใจเล็กน้อยและพยักหน้ารับรู้
"แล้วเมืองทางใต้น่าอยู่ไหมเจ้าคะ"
เถ้าแก่ยิ้มกว้าง
"ข้าเดินทางมาจากตอนใต้ขอรับ บ้านข้าอยู่ที่นั่น ที่นั่นอากาศดี การค้าคึกคัก ผู้คนจริงใจ ที่สำคัญอาหารจากทะเลนั้นยอดเยี่ยมมากขอรับ หากคุณหนูได้ไปที่นั่น คุณหนูจะไม่อยากไปเมืองอื่น ๆ เลยขอรับ"
เถ้าแก่ยืดอกพูดด้วยความภูมิใจ
"ฮ่า ๆ ไว้ข้าจะต้องไปให้ได้เลยเจ้าค่ะ"
"เถ้าแก่ขอรับ ของตรวจเสร็จหมดแล้วขอรับ"
เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้น
เถ้าแก่ผายมือเชิญหลินหลินให้ไปตรวจสอบสินค้า หลินหลินเดินดูเสร็จก็เก็บของทุกอย่างเข้ามิติทีละใบ เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วหลินหลินจึงขอตัว แต่ก่อนออกจากร้านนางก็ตัดสินใจส่งตำลึงให้ชายชรา 1 ตำลึงและเด็กน้อย 13 หนาว อีก 1 ตำลึง
ทั้งสองไม่กล้ารับ นางจึงยิ้มให้พวกเขาและกล่าวว่า...
"พบหน้าถือว่าเป็นวาสนาต่อกันรับไปเถอะเจ้าคะ ข้าไม่ได้เดือนร้อนอะไร"
หลินหลินจะบอกได้อย่างไรว่านางสงสาร ดวงตาตรวจสอบขึ้นสถานะให้นางเห็นย่อมต้องอยากให้นางช่วยพวกเขา
ทั้งสองดีใจเป็นอย่างมาก 1 ตำลึงนี้พวกเขาและครอบครัวสามารถอยู่ได้อีกหลายวัน
"ขอบคุณขอรับคุณหนู หากมีอะไรให้ข้ารับใช้ พวกเรารับจ้างอยู่ตรงหัวมุมถนนนะขอรับ ให้คนมาตามได้ขอรับ"
อ่อ... ที่แท้เถ้าแก่จ้างพวกเขาชั่วคราวเท่านั้น หลินหลินยิ้มและบอกว่าพรุ่งนี้นางจะมาจ้างพวกเขาแน่นอน
นางมุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยมและตรงขึ้นไปยังห้องพักเลย นางอยากจะเข้ามิติแทบแย่แล้ว
แอ๊ด ปัง หลินหลินรีบปิดประตูห้องพัก ตั้งจิตเข้ามิติ
ระบบ: "ท่านผู้ถูกเลือกหลินหลิน โปรดตรวจสอบช่องประมูลเพื่อยืนยันการรับเงิน"
เมื่อระบบแจ้งเตือน หลินหลินไม่รอช้า เข้ายืนยันรับเงินทันที
"กรี๊ด..... แจกัน 13 ใบขายไปในราคา 331 เหรียญทอง"
แค่ไม่นานนางทำกำไรได้ถึง 300 เหรียญทอง
"เอาล่ะ พรุ่งนี้แม่จะซื้อให้หมดตัวเลย"
หลินหลินมองดูเหรียญทองที่มีในระบบ ตอนนี้นางมี 2,531 เหรียญทอง 5 เพชร และ 400,000 ตำลึง ในระบบไม่สามารถเอาตำลึงไปแลกเหรียญทองได้ ช่องใครช่องมัน
เพาะแบบนี้นางถึงดีใจที่หาช่องทางเพิ่มเหรียญทองขึ้นมาได้ เพราะกว่าจะได้มา 2,000 เหรียญทอง นางต้องขายเครื่องประดับของนางเข้าประมูลถึง 10 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน ขาดทุนแล้วขาดทุนแล้ว..!!
แต่พอนางเปลี่ยนมาขายของในยุคนี้ กำไรกลับมากมายมหาศาล ชีวิตนี้ไม่ลำบากแล้วหลินหลินเอ้ย....
หลินหลินดูของในโกดังที่เก็บเข้าขายออกอัตโนมัติ ก็เห็นระบบมีคอกเลี้ยงม้ามาใหม่ จึงจัดการซื้อไป 2 คอก และเอาม้าลงยังคอกให้เรียบร้อย ก่อนเข้าไปนอนพักผ่อนที่เรือนไม้ในมิติ
วันนี้นางอยากลองแช่น้ำตกข้างหลังเรือน ตั้งแต่มีมา นางยังไม่เคยไปสัมผัสเลยสักครั้ง มัวแต่นั่งหาเงิน งก ๆ พอเห็นเงินน้อยแล้วใจมันโหวงเหวงบอกไม่ถูก
คิดได้ดังนั้นจึงหยิบชุดคลุมอาบน้ำเดินออกทางประตูหลัง เส้นทางหลังเรือนนี้ระบบตกแต่งเป็นแผ่นหินยาวขนาดใหญ่ ถูกวางสลับกับหินขนาดเล็ก คล้ายขั้นบันไดตลอดทางเดิน
จนไปถึงส่วนของน้ำตกซึ่งมันดูสวยถูกใจนางมากๆ หลินหลินยื่นมือไปสัมผัสกับธารน้ำตก ตรงส่วนที่นางยืนอยู่นี้คือตรงกลาง หากจะไปที่น้ำตกต้องเดินไปอีกสักพัก
ตรงนี้แหละน้ำไม่แรง นางอยากแช่ตัวสบาย ๆ ในน้ำ ไม่รอช้าหลินหลินปลดชุดทุกอย่างออกจนเหลือเพียงร่างกายเปลือย นางไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาเห็น ก็นี่มันมิติของนาง....
เท้าเปลือยเปล่าก้าวลงไปอย่างช้า ๆ น้ำเย็นดีจัง หลินหลินก้าวเดินลงไปเรื่อย ๆ น้ำตรงนี้ลึกแค่ระดับเอวของนางเท่านั้น
เมื่อเดินถึงโขดหินตรงกลางแล้ว หลินหลินก็เอนตัวนอนหลับตาทำสมาธิปล่อยจิตให้ว่างตามความเคยชิน ความเย็นสายหนึ่งปะทะเข้ามาที่ร่างกายของนาง สักพักนางจับได้ถึงความร้อนสายหนึ่งสัมผัสตัวนาง น้ำอุ่นโอบล้อมรอบตัวของนางช้า ๆ
ยังไม่ทันที่หลินหลินจะได้คิดวิเคราะห์อะไร คิ้วเรียวต้องขมวดกันแน่น เมื่อนางรู้สึกถึงความร้อนลวกที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับถูกโยนลงไปในบ่อลาวา ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง ราวกับมีเปลวเพลิงนับพันกำลังเผาไหม้ผิวหนังของนาง
อึก! เจ็บ
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนแทบลืมหายใจ หลินหลินพยายามจะลืมตาขึ้นดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เปลือกตาหนักอึ้งราวกับถูกปิดผนึกด้วยตะกั่ว
ความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนี้บีบรัดทุกอณูของร่างกาย ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนไร้สีเลือด ความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีก
นางร้อน นางร้อนราวกับร่างกายกำลังจะหลอมละลาย ความรู้สึก... ถึงความเจ็บปวดเหมือนเข็มที่ทิ่มตำลงมาพร้อมกันนับพัน นับหมื่นเล่มทิ่มแทงลงมา
"กรี๊ด......."
สองมือกำเข้าหากันแน่น จนเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ เลือดสีแดงสดไหลออกมา แต่กลับไม่ทำให้นางได้รู้สึกดีขึ้นหรือบรรเทาความเจ็บปวดตามร่างกายเลยแม้แต่น้อย
"กรี๊ดดดด"
ร่างบางร้องออกมาสุดเสียง ดิ้นรนทุรนทุราย กระเสือกกระสนอยากจะหนีจากตรงนี้ ความเจ็บปวดที่มีมันยิ่งกว่าการกรีดมีดลงผิวหนังของนางเสียอีก มันเหมือนกับร่างกายกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วประกอบขึ้นใหม่ด้วยไฟบรรลัยกัลป์
น้ำตาไหลนองหน้าความเจ็บปวดรวดร้าว ความร้อนที่เหมือนถูกต้มถูกกรีดผิวหนังทั้งเป็น ก็ค่อย ๆ คลายลง และจางหายไป ทิ้งไว้เพียงความอ่อนล้าที่ถาโถมเข้ามา หลินหลินลืมตาขึ้นช้า ๆ ร่างกายสั่นเทา
ความเจ็บปวดที่นางได้รับ เหมือนนางกำลังจะตาย...นางไม่เข้าใจ แต่พอมองไปที่ร่างกายตนเองก็ต้องตกใจ
"นี่...นี่มัน!!!"