คเชนทร์ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรในตัวของพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีเหมือนกับคนอื่นๆ ในบ้าน เพราะหากใช้สมองตรองดูสักนิด ก็จะเข้าใจว่าพรรณรีไม่ผิด น้าสาวของอีกฝ่ายต่างหากที่เห็นแก่ตัว พอรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้หลานสาวของตัวเองมีชีวิตที่สุขสบายด้วยการจับพี่ชายของเขาทำผัว ซึ่งเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากไอ้พี่ชายตัวดีของเขาป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว!
เพราะอย่างนั้นถ้าหากจะให้โทษว่าเป็นความผิดของใคร ก็ต้องโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง!
“หน้าเหมือนตาคีไม่มีผิด…”
คุณปองกูลอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยต่อคำพูดของภรรยา กระทั่งเมื่อวินาทีที่หลานลืมตาขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ ใจคนเป็นปู่และย่านั้น ก็แทบละลายในความน่ารักน่าชังของอีกฝ่าย
“คุณพ่อบอกพวกฉันว่าเธอต้องการหย่า แล้วยัยหนูนี่ล่ะจะทำยังไงกับแกดี” เป็นเสียงของคุณสินินาถที่เอ่ยถามขึ้นหลังจากช้อนอุ้มหลานติดมือมาที่โซฟาด้วย กลิ่นหอมๆ จากแป้งเด็กที่โชยมาตามลมให้ได้สัมผัสนั้น บ่งบอกให้รู้ว่าแม้จะอายุน้อย แต่ลูกสะใภ้ก็เหมือนว่าจะทำหน้าที่แม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ไหนจะเรื่องที่อีกฝ่ายรองรับทุกๆ อารมณ์ของบุตรชายของนางได้นั่นอีก หากเป็นคนอื่นแล้วโดนกระทำเช่นนั้นมาเป็นระยะเวลายาวนาน นางเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีใครทนเหมือนอย่างที่คนตรงหน้าทนรึเปล่า แต่แค่เพียงความอดทนที่มี มันก็ไม่ได้เป็นตัวแปรว่าอีกฝ่ายจะเป็นที่ยอมรับของทุกคนในบ้าน
ซึ่งหากถามนาง ลองถ้าเด็กนั่นไม่ทำเรื่องแบบนั้นกับลูกชายคนโตของนาง บางทีนางอาจก็คงนึกเอ็นดูได้ไม่ยากเย็นเลย!
ปากนิด จมูกหน่อย แถมงานบ้านงานเรือนก็ไร้ที่ติ ว่าอะไรไปก็เอาแต่ก้มหน้ารับฟังเงียบๆ ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากเถียงกันสักคำ นี่มันคุณสมบัติลูกสะใภ้ในฝันของใครหลายๆ คนชัดๆ เลย
“หนูขอแค่ทะเบียนหย่ากับลูกค่ะ ส่วนอย่างอื่นหนู…ไม่ต้องการ” ในเมื่อเธอเดินเข้ามาในชีวิตของคชาแต่ตัว เธอก็หวังว่าตัวเองจะไปจากเขาแต่ตัวเช่นกัน ซึ่งคงไม่มีเวลาไหนที่จะเหมาะสมได้เท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ที่เธอจะคืนอิสรภาพให้แก่เขา
คนที่ต้องทุกข์ทรมาน กับชีวิตคู่ที่เขาไม่ได้ต้องการแต่แรก!
“แล้วถ้าฉันเสนอเงินให้เธอหนึ่งก้อน เพื่อแลกกับหลานแล้วก็ใบหย่าล่ะ เธอจะว่าไง!” เกิดกลายเป็นความตกใจขึ้นทันทีที่แม่สามีกล่าวจบ แน่นอนว่าไม่ได้แค่เธอเท่านั้นตกใจต่อคำพูดนั้นของท่าน แม้แต่คเชนทร์กับผู้เป็นพ่อเองต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คุณหญิง! / คุณแม่!”
“เธอยังเด็ก อายุก็เท่านี้จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตเป็นคนที่ดีพร้อมได้จริงๆ เหรอนารี สู้ยกแกให้พวกฉันจะไม่ดีกว่ารึไง”
หากตัดเรื่องปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อหวังจับลูกชายนางออกไปแล้วล่ะก็ เด็กนี่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย ติดก็แต่ว่าหล่อนมีแค่ตัว จะเอาปัญญาที่ไหนเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตได้กันเชียว ยิ่งเป็นเด็กที่เกิดจากลูกชายของนางยิ่งแล้วใหญ่ นางคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอมให้หล่อนพาหลานนางไปลำบากแน่
พรรณรียังเด็กมากนักในความรู้สึกของนาง ซึ่งบางทีหากตรองดูให้ดีสักนิด เด็กนี่อาจจะเข้าใจได้ถึงความหวังดีที่นางมีให้
ซึ่งหากตกลงกันได้ทุกคนมีแต่จะได้ผลประโยชน์กันทั้งนั้น!
“หนู…อยู่โดยไม่มีลูกไม่ได้ค่ะ ถ้าต้องให้หนูกับลูกแยกจากกัน…หนูขอตายยังจะดีเสียกว่า” คำตอบที่ได้รับทำให้ทั้งสามตกใจ ด้วยไม่คิดว่าวัยเพียงเท่านี้ จะกล้าคิดเรื่องความตายแล้ว
“นี่เธอ!”
“เอาน่าคุณ เรื่องนี้ให้ตาคีกับหนูนาเขาตกลงกันเองดีกว่า เราคอยดูอยู่ห่างๆ เหมือนที่เคยทำเถอะ” แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่เดิมทีนางก็เป็นคนนอกอยู่แล้ว สินีนาถถึงได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องของหลานสาวแทน
หรือแม้แต่ตอนจะกลับ ก็ยังไม่วายหยิบเอากำไรข้อเท้าเพชรน้ำดีออกมาจากกระเป๋าก่อนจะค่อยๆ สวมมันให้กับหลาน ในส่วนของแววตานั้น เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูอย่างเปิดเผย
“เป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายๆ นะลูกนะ” ภาพนั้นทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ด้วยไม่คิดว่าท่านจะเมตตาลูกสาวเธอ
“คะ…คุณคะ!” กระทั่งเมื่อปลายนิ้วหนาค่อยๆ แทรกผ่านความคับแน่นที่ชุ่มช่ำ มายังจุดที่แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เคยล้วงล้ำลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เสียงหวานถึงได้ร้องครางขึ้นเบาๆ ให้กับความรู้สึกแปลกใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอมาก่อน “แค่นิ้วยังรัดขนาดนี้…เธอมันแม่มดชัดๆ” เขากล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะขยับปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะไปพร้อมๆ กับเสียงครวญครางที่ดังขึ้นตามติด ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะถึงที่หมาย ปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักก็ชักออก พร้อมๆ กับร่างเธอที่ลอยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบเสร็จสิคนสวย เรายังมีเวลาสนุกกันทั้งคืน” คชาไม่ปรารถนาให้แม่กวางน้อยเสร็จสมเร็วนัก เพราะเขาต้องการสอนให้เธอรู้ว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่เธอจะไม่มีมันลืมเลือน ชายหนุ่มเริ่มจากการออกคำสั่งให้เธอช่วยตัวเองให้ดู ซึ่งก็ถือว่าภาพที่ได้เห็นนั้นทำให้เขาแข็งไปทั้งตัว ไหนจะท่าทีอ่อนเดียงสาพวกนั้น ที่ยิ่งเห็น ก็ยิ่งปลุกความเป็นนักล่าในตัวให้ตื่นขึ้น “อ้าปากหน่อยเด็กดี…” แม้แต่การใช้ปากเขาก็ยังสอน ไม่สนด้วยว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเธอ!“อ่าส์ แบบนั้น ดูดแรงขึ้นหน่อยคนเก่ง” ความห
“ชอบคนที่มาด้วยมากกว่าค่ะ” นิสัยที่กล้าแสดงออกมากขึ้นของภรรยาทำให้คชารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นได้เข้าใกล้เธออีกก้าว ซึ่งมันเป็นก้าวที่สำคัญ เขาว่าชายหญิงต่างกันตรงการเก็บความรู้สึก ซึ่งผู้ชายโดยทั่วไปจะเป็นประเภทคิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้น ในขณะที่ผู้หญิง กลับเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้ในใจมากกว่าพูดมันออกมา “ฉันรักนานะ” “นาก็รักคุณคีค่ะ ขอบคุณนะคะที่ดูแลนากับลูกๆ เป็นอย่างดี นา…มีความสุขมากค่ะ” เพียงเท่านี้ที่เขาต้องการ เขาไม่หวังอะไร ไปมากกว่าการที่ได้เห็นเธอกับลูกๆ ทั้งสองมีความสุข “พี่ก็มีความสุขครับ” คำว่า ‘พี่’ ที่สามีมอบให้ทำให้พรรณรีถึงกับยิ้มกว้าง เธอโผเข้ากอดเขาเต็มรัก ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตาขึ้น “เข้าห้องกันไหมคะ นามีของขวัญจะให้พี่คี” จะด้วยเนื่องในโอกาสอะไรก็ช่างมันเถอะ ขอแค่เป็นของขวัญที่มาจากภรรยา เขาก็ชอบทั้งนั้น “ไหนครับของขวัญพี่” พรรณรีไม่ได้ตอบอะไรนอกจากขอร้องให้สามีหลับตาลง ใช้เวลาไม่นานเธอก็บอกให้เขาลืมตาขึ้น และภาพที่ได้เห็นหลังจากนั้น ก็
“แต่ฉันกลับชอบชีวิตของตัวเองแบบนี้มากกว่านะ…” ชีวิตที่มันทั้งแสนจะเรียบง่าย และมีความสุขได้โดยไม่ต้องพยายาม มันเหมือนกับว่าเขา รู้สึกเป็นตัวเองที่สุดเมื่อได้อยู่กับเธอ! “นาครับ…เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม” ครั้งนี้เขาจะไม่สัญญาอะไรกับเธอทั้งนั้น แต่จะทำให้เธอได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ว่าเขาสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้ และเขาจะทำทุกทางเพื่อให้เธอกับลูกๆ มีแต่ความสุข ด้วยความตั้งใจทั้งหมดที่เขามี คชาไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เขาสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้น และหากได้โอกาสสักครั้ง เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะทำมัน! “เขาว่ากันว่า…หนังสือเล่มเดิมตอนจบก็มักจะเหมือนเดิมทุกครั้ง นากลัวค่ะ กลัวว่าสุดท้ายแล้วจะต้องกลับไปเจ็บแบบเดิมอีก” ความรักที่เธอมีต่อเขายังคงเหมือนเดิมเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่มันเป็นใจของเธอเสียมากกว่าที่กลัวจนไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ใช่ว่าที่ผ่านมาเธอจะไม่เคยพยายามหยุดรักเขา แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเหมือนจะยิ่งรักเขามากขึ้นก็เท่านั้น “ลองดูก่อนได้ไหม ให้โอกาสฉันดูสักครั้ง…” หากนี่เป็นการเสี่ยงดวงครั้งสุดท้
“ดนุ…” น้ำเสียงที่ผู้เป็นนายใช้เรียกกันนั้นทำเอาคนถูกเรียกถึงกลับรู้สึกหวั่นใจแทนคนในห้องเสียเหลือเกินกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ แน่นอนว่าใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจ้านายของเขานั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่หนึ่ง ซึ่งคุณคเชนทร์อาจต้องรับศึกหนัก โทษฐานที่ปกปิดที่อยู่ของลูกเมียเจ้านายเขามาจนถึงวันนี้ “ครับนาย” “เรื่องของเด็กนั่น…ส่งข่าวให้แม่ฉันรู้ซะ!” คนได้ฟังตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เพราะคิดว่านายจะล่วงรู้ความลับของน้องชาย ที่พยายามมาตลอดหลายปีในการซ่อนใครอีกคนเอาไว้ ใครบางคนที่อาจจะต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ถ้าหากเพียงแต่แม่ของเขานั้น ได้รู้ว่าคเชนทร์กับหล่อนยังติดต่อกันอยู่ ภาพของคนที่เขาเฝ้าแต่คิดถึงมาตลอดหลายเดือนที่ตอนนี้กำลังยืนเฝ้าลูกสาวอยู่ที่ริมหาดทำให้คชาได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของภาพตรงหน้าสักแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วไอ้ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไปออกไปดื้อๆ นั่นอาจเป็นเพราะก่อนมาที่นี่เขาไม่ได้เตรียมคำพูดดีๆ เอาไว้เลย จึงไม่รู้ว่าควรต้องเริ่มจากตรงไหนมันถึงได้ทำให้พรรณรียอม
ภาพของลูกชายคนโตที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นปู่นั้นสร้างความสะเทือนแก่คนสามคนที่ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่น้อย แต่กระนั้นเพราะคำสั่งเด็ดขาดของประมุขของบ้านจึงไม่มีใครกล้าพอที่จะสอดมือเข้าไปยุ่ง เว้นก็แต่คุณสินีนาถผู้เป็นแม่เท่านั้น ที่รั้งความรู้สึกเป็นห่วงไม่ไหว ถึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหา “คี…” “แม่ครับ…นากับลูกไม่อยู่แล้ว เขาทิ้งผมไปแล้วครับแม่…” อกคนเป็นแม่หรือจะทนมองดูลูกสะอื้นไห้อย่างคนใจสลายได้ลงคอ รู้ตัวอีกทีนางก็คว้าตัวลูกชายเข้ามากอดเอาไว้เต็มรักพร้อมกับคำปลอบมากมายที่ดังขึ้น แต่ก็เหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะคชายังคงพร่ำขอโทษคนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพื่อฟังคำพูดเหล่านั้น. จากปากของลูกชายนางอีกแล้ว… เด็กคนนั้นแม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ ไม่สู้คน แต่ทว่าพอเอาเข้าจริงกลับใจแข็งกว่าที่นางและใครๆ หลายคนคิด พรรณรีไม่เพียงแต่ยอมคืนอิสรภาพให้กับคชาเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังคืนทุกๆ สิ่งให้ลูกชายนางจนหมดไม่เว้นแม้แต่แหวนแต่งงานก็ถูกทิ้งเอาไว้ ราวกับอีกฝ่ายนั้น ไม่ต้องการให้มีสิ่งไหนติดค้างใจกันอีกไม่ว่าชาตินี้ หรือช
“เชื่อคนอย่างเธอแล้วฉันได้อะไร! ครั้งก่อนทำลายความรักของพวกฉันมันยังไม่สาแก่ใจเธอใช่ไหมห๊ะ! ครั้งนี้เธอต้องการอะไร หรือต้องให้จีตายไปมันถึงจะสาแก่ใจเธอ! ตอบฉันมาสิ!” คำถามที่มาพร้อมแรงเขย่านั้น ทำให้เธอตกใจจนกลั้นน้ำไว้ไม่อยู่ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดี ไม่เคยเลยจริงๆ “มึงใจเย็นๆ ก่อนได้ไหมวะไอ้คี!” “จีเกือบตายเพราะผู้หญิงคนนี้ มึงยังมีหน้ามาบอกให้กูใจเย็นอีกรึไง”คำตวาดนั้นทำให้เธอเข้าใจทุกสิ่งโดยไม่ต้องถามอะไร “ถ้าในสายตาคุณนาเป็นคนสารเลวขนาดนั้น…เรามาหย่ากันเถอะค่ะ!” ทุกคนต่างพากันตกใจทันทีที่ประโยคนี้สิ้นสุดลง ทว่าสำหรับคชาแล้ว เขาไม่ได้ตกใจหรือแสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว “ก็เอาสิ! ฉันเองก็ขยะแขยงผู้หญิงอย่างเธอเต็มทนแล้วเหมือนกัน!” และในเมื่ออยากได้อิสระจากเขานักเขาก็จะมอบให้ พอเสียทีความไว้ใจที่เคยมี จากนี้เขาจะไม่ไว้ใจเธออีกแล้วตอนจดทะเบียนเงียบแค่ไหน ตอนหย่าจากการนั้นกลับเงียบยิ่งกว่า เพราะอดีตสามีจัดการทุกอย่างผ่านทนายทั้งหมด ราวกับว่าเขาต้องการจะทำให้เธอได้รู้ ว่า